ความสำคัญของหัวใจพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 13 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    [​IMG]

    ในวาระดิถีวันมาฆบูชาเวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้ง เราชาวพุทธพึงมาปฏิบัติบูชา เพื่อให้เกิดประโยชน์ตนประโยชน์ท่านอย่างสูงสุดเป็นพุทธบูชา น้อมนำผลการปฏิบัติให้เกิดมีขึ้นในตน

    เมื่อกล่าวถึงการปฏิบัติบูชาแล้ว มักมีความเข้าใจไปในหลายทิศทาง โดยขาดการพิจารณาอย่างรอบคอบ รอบด้าน นำมาตรวจสอบ สอบสวน เทียบเคียงกับพระพุทธพจน์ที่ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

    ด้วยพระพุทธพจน์ได้มีการถ่ายทอดสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน การที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานนั้น ย่อมต้องมีส่วนผสมปนเปเกิดขึ้นจนยากแก่การแยกแยะระหว่างสาระดั้งเดิม กับส่วนที่เพิ่มเติมเสริมแต่งขึ้นเข้ามาใหม่ในภายหลังตามมติของตน

    ตำรา(ปิฎก)ที่มีอยู่ ย่อมมิใช่สาระหลัก แต่ก็มีความสำคัญยิ่งเช่นกัน มีไว้เพื่อตรวจสอบ สอบสวน เทียบเคียง เอาไว้เรียนกันเท่านั้น ส่วนที่จะนำมาเป็นผลปฏิบัติบูชาให้เกิดประโยชน์ในตนได้อย่างแท้จริงนั้น ย่อมต้องพิจารณาจากโอวาทปาฏิโมกข์ ที่ทรงแสดงในวันมาฆะบูชา หรือที่เรียกว่า หัวใจพระพุทธศาสนา มีดังนี้คือ ๑. ละชั่ว ๒.ทำดี ๓.ชำระจิตใจของตน(ไม่ใช่ของผู้อื่น)ให้บริสุทธิ์หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย

    เมื่อเห็นข้อธรรมที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้วในโอวาทปาฏิโมกข์นั้น ย่อมต้องนำมาพิจารณาเพื่อน้อมนำไปสู่การปฏิบัติธรรมให้เกิดขึ้น มีขึ้นในตนให้ได้ ต้องพิจารณาให้เข้าถึงเหตุแห่งการกระทำทั้งหลายที่จะทำให้เกิดการละชั่ว ทำดีให้ปรากฏขึ้นแก่ตน เมื่อพิจารณามองหาเหตุแห่งธรรม ย่อมเห็นเหตุแห่งธรรมนั้น เนื่องเพราะความคิดที่เรียกว่าสังขารปรุงแต่งให้เป็นไปในทางที่ดี หรือทางที่ชั่ว นั่นเอง

    พระพุทธองค์ได้ทรงวางหลักการละเหตุแห่งธรรมนั้นไว้ ในอริยมรรคมีองค์ ๘ (ทางอันเอก) ในข้อที่ ๖ คือ สัมมาวายามะ ซึ่งอยู่ในองค์แห่งสมาธิ มีองค์ประกอบดังนี้คือ
    ละอกุศลกรรมที่เกิดขึ้น(ที่จิต)ให้หมดไป
    ละอกุศลกรรมที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น(ที่จิต)
    สร้างกุศลกรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น(ที่จิต)
    กุศลกรรมที่เกิดขึ้น(ที่จิต)แล้ว ให้เจริญยิ่งขึ้นไป
    (ตรงกับหัวใจพระพุทธศาสนา ข้อ ๑ และข้อ ๒)

    แต่ก็ยังมีความเข้าใจไปในหลายทิศทาง สำหรับพวกที่ติดสบายๆ ง่ายๆ และลัดสั้นอยู่มากมายว่า เพียงแค่รู้จักคิดหรือคิดให้เป็นก็เห็นได้ หรือที่นิยมเรียกว่า พิจารณาวิปัสสนา(นึก) ปัญญา คือคิดจนรู้เห็นตามความเป็นจริงได้เช่นกัน (เป็นความเชื่อ) ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว การคิดได้ ไม่ใช่ว่าจะละได้ มีอยู่ว่าที่คิดได้ แต่ก็ยังตกเป็นทาสแห่งความคิดนั้นมากมายนับไม่ถ้วน

    เมื่อกล่าวถึงเรื่องความคิดหรือรู้จักคิดแล้ว มักมองไปว่าคนที่มีการศึกษาสูงๆ มีชาติตระกูล มีปริญญาหลายใบ มีฐานะดี ย่อมต้องรู้จักคิดหรือคิดเป็น "ใช่" ต้องบอกว่าเค้ารู้จักคิดหรือคิดเป็นจริงๆ ในสิ่งที่เค้าได้เรียนรู้ หรือได้ทำการงานมาจนมีฐานะ ไม่ใช่รู้จักคิดในการเลิกละกิเลส ตัณหาความทะยานอยากที่มีในตน

    ในทางพระพุทธศาสนานั้น การมีปัญญาเลิกละกิเลส หรือคิดเป็นนั้น คือ ต้องรู้จักวิธีปล่อยวางกิเลส ตัณหาความทะยานอยากในตนออกไปให้ได้ จึงจักได้ชื่อว่ารู้จักคิด หรือที่เรียกว่า คิดเป็น จึงเห็นแจ้งตามความเป็นจริงได้

    การที่จะรู้เห็นแจ้งตามความเป็นจริงได้นั้น ต้องทำความรู้จักหัวใจพระพุทธศ่าสนาในข้อ ๓ ที่ว่าด้วยเรื่อง การชำระจิตใจของตนให้บริสุทธิ์หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย

    เป็นธรรมดามาก การที่จะชำระสิ่งสกปรกโสมมให้หมดไปได้นั้น ต้องลงมือทำชำระชะล้างอย่างจริงจังเท่านั้น จึงจะเป็นไปได้ และสิ่งที่จะชำระจนสะอาดบริสุทธิ์ได้นั้น สภาพเดิมของสิ่งนั้น ต้องมีความสะอาดเป็นทุนเดิมอยู่ก่อน แต่ได้มาถูกสิ่งสปรกโสมม มาทับถมให้เกิดขึ้นในภายหลัง เราจึงจะสามารถชำระชะล้างสิ่งนั้นให้สะอาดบริสุทธิ์ได้ ถ้าสิ่งนั้นมีสกปรกโสมมเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนหน้าแล้ว เราไม่อาจสามารถทำ(ชำระ)ให้บริสุทธิ์หมดจดได้เลย

    เมื่อพูดถึงหัวใจพระพุทธศาสนาข้อที่ ๓ ต้องมาพิจารณาถึงทางอันเอกเพื่อความบริสุทธิ์หมดจดของสัตว์ทั้งหลาย หรืออริยมรรคมีองค์ ๘ ในข้อ ๗ และข้อ ๘ ที่ว่าด้วย สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ (สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ทำให้จิตรวมลงเป็นสมาธิ) ซึ่งก็เทียบเคียงลงกันได้กับ สติปัฏฐาน ๔ ที่ว่าด้วย กาย เวทนา จิต ธรรม ในบรรพะแรกที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวถึงอานาปานสติ ที่ทำให้เกิดสัมมาสมาธินั่นเอง คือต้องภาวนาให้เป็น จึงจะรู้เห็นตามความเป็นจริงได้ และสามารถนำมาใช้ได้จริง

    (หลวงปู่สิม พุทธจาโร แสดงพระธรรมเทศนาไว้เนืองๆในหลายที่หลายแห่งว่า "การภาวนาเป็นอุบายในการแก้กิเลส ตัณหา ทำให้เกิดปัญญา เมื่อภาวนาให้จิตผู้รู้รวมลงเป็นหนึ่ง ณ.ภายใน ภาวนาคือยาหม้อใหญ่ในการแก้กิเลส ตัณหาที่มีในตน")

    ส่วนการพิจารณาวิปัสสนา(นึก)ปัญญา ที่ชอบอ้างถึงกันนั้น ที่เรียกว่ารู้จักคิด จนความคิดนั้นตกผลึก นำมาใช้ประโยชน์ตามความเป็นจริงไม่ได้ เพราะสติปัฏฐาน ๔ นั้น ไม่อาจจะบริบูรณ์ขึ้นมาได้เลยจากการรู้จักคิด หรือความรู้สึกนึกคิดนั้นเลย

    การที่จะทำให้เกิดวิปัสสนาปัญญาที่แท้จริงได้นั้น ต้องหยุดคิดให้เป็น(ภาวนา)เท่านั้น เมื่อภาวนาเป็น ระลึกรู้จนชำนาญ สติปัฏฐานบริบูรณ์ ย่อมนำผลปฏิบัติมาใช้ได้จริง มีพระพุทธพจน์รับรองไว้อย่างชัดเจนว่า

    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย(ไม่มียกเว้น) อานาปานสติ เมื่อพวกเธอ(ทุกคน)กระทำให้มาก เจริญให้มาก ย่อมยังให้สติปัฏฐาน ๔ นั้น บริบูรณ์"

    สุดท้ายนี้ ขอฝากข้อคิดเห็นว่า อย่าปล่อยให้ความมักง่าย สบายๆ และลัดสั้น มาทำให้การปฏิบัติบูชาที่ควรมีควรเป็นนั้น ต้องเนิ่นช้าออกไป เพียงเพราะมีความเชื่อแบบตามๆกันมาเท่านั้น โดยขาดพิจารณาโดยรอบคอบ

    ในเมื่อมีพระพุทธพจน์ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้ว ในหลายที่หลายแห่งได้ทรงตรัสรับรองไว้ว่า "วิปัสสนาปัญญา การรู้เห็นตามความเป็นจริงได้นั้น ต้องเกิดจากการภาวนามยปัญญาเท่านั้น"

    เจริญในธรรมที่สมควรแก่ธรรมทุกๆท่าน
    ธรรมภูต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ในเมื่อมีพระพุทธพจน์ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้ว ในหลายที่หลายแห่งได้ทรงตรัสรับรองไว้ว่า "วิปัสสนาปัญญา การรู้เห็นตามความเป็นจริงได้นั้น ต้องเกิดจากการภาวนามยปัญญาเท่านั้น
    ............................................
    การรู้เห็นตามจริง หมายถึง รู้และเข้าใจเหตุปัจจัยที่ทำให้มี ให้เกิด ให้เป็น ในสิ่งที่เห็น และเหตุปัจจัยของการตั้งอยุ่ และเหตุปัจจัยของการดับไป ด้วย นี่ถึงเรียกว่า รู้เห็นตามความเป็นจริง

    เช่นเห่็นผี ก็รุ้ว่า ผีเกิดมาจากเหตุปัจจัยอะไร ตั้งอยู่เพราะอะไร จะดับไปเพราะอะไร
    หรือ เห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็น เทวดา เห็นเทพ เห็นพรหม ก็เช่นกัน

    ถ้าได้แต่เห็นคือรู้ไม่จริง คือ หลงอยู่

    เพราะพระพุทธเจ้าท่าน รู้ว่า ธรรมใดใด เกิดแต่เหตุใด ตั้งอยู่เพราะเหตุใด ดับไปเพราะเหตุใด นั่นเอง
     
  3. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ในทางพระพุทธศาสนานั้น การมีปัญญาเลิกละกิเลส หรือคิดเป็นนั้น คือ ต้องรู้จักวิธีปล่อยวางกิเลส ตัณหาความทะยานอยากในตนออกไปให้ได้ จึงจักได้ชื่อว่ารู้จักคิด หรือที่เรียกว่า คิดเป็น จึงเห็นแจ้งตามความเป็นจริงได้

    การที่จะรู้เห็นแจ้งตามความเป็นจริงได้นั้น ต้องทำความรู้จักหัวใจพระพุทธศ่าสนาในข้อ ๓ ที่ว่าด้วยเรื่อง การชำระจิตใจของตนให้บริสุทธิ์หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย
    .....................

    จะเห็นได้ว่า การปล่อยวางนั้น ไม่ไช่การ กระทำแบบ ชำระ สะสาง กำจัด หรือทำความสะอาด โดยเจตนาใดใดทั้งนั้น

    การปล่อยวางได้ เพราะ รู้เหตุปัจจัยในการเกิดขึ้น การมีอยู่ การดับไป ของสิ่งนั้น เหมือนกับ ที่เรา รู้ความจริงของมายากล ว่า เขาทำกันยังไง นั่นเอง


    การหมดสิ้นความสงสัย ต่อสิ่งนั้นแล้ว คือ การปล่อยวางได้ นั่นเอง
     
  4. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    กิเลส ตัณหา ความทะยานอยาก มันเป็นตัวอย่างไรกันหรือขอรับ แล้วมันอยู่ที่ไหนหรือขอรับ คุณนำมันออกไปปล่อยวางได้อย่างไรหรือขอรับ กฎไตรลักษณ์ มันก็แค่ ลักษณะธรรมดาของสรรพสิ่ง หรือเป็นธรรมดาของมนุษย์ ไม่เห็นจะแปลกอะไรเลย
    อยากจะรู้เหมือนกันว่า กิเลสตัณหา ความทะยานอยากนั้น มันปล่อยวางอย่างไร
    ข้าพเจ้าไม่เคยปล่อยวางเลยแม้แต่น้อย มีแต่ ขจัดอาสวะ ให้ออกจากร่างกายเท่านั้น มันศาสนาไหนกันนะ ที่ไม่รู้จักหลักความจริง ของ กิเลสตัณหาความทะยานอยาก ว่าเป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน มีรูปร่างอย่างไร
     
  5. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ผมว่านะ ความโกรธ คุณคงเคยรู้ สัมผัส นั่นคือ สิ่งที่เราไม่พอใจ
    ความโลภ คุณก็น่าจะเคยรู้ สัมผัส มันคือ ความอยากที่อยากเกินพอดี

    ทีนี คุณว่าคุณรู้จัก ตัวอาสวะ จริงหรือ อันนี้ผมก็รู้

    มีอยู่ตัวหนึ่ง ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ แต่ผม รู้มาแล้ว เห็นมาแล้ว นั่นคือ ตัวหลง

    คุณคงไม่เคยเห็น ตัวหลง
     
  6. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ผมเคยเห็น ตัวใจ ตัวจิตอวิชชา ตัวหลง ผมเคยเห็นมาหมดแล้วนะ

    โดยเฉพาะ ที่หลายคนเรียกมันว่าตัวรู้นั่นแหล่ะ แท้จริงมันคือ ตัวอวิชชา

    ว่าแต่ ตัวอาสวะ ที่คุณว่า คุณเห็นและกำจัดได้น่ะ เอาตัวมันมาดูหน่อยสิ
     
  7. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    รอคำตอบวันนี้ ตอนนี้นะ ไม่ไช่ จะไปค้นแล้ว มาตอบวันหลัง น่าเบื่อจริง
     
  8. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ตัวอัตตา คืออะไร
    ตัวอนัตตาคืออะไร

    นี่คุณก็มั่วมาอีก มันไม่มีตัวที่ว่าหรอก มันมีแต่ สภาวะ ที่รู้และเข้าใจ ถ้าไม่ยึดมั่น อ่ะนะ
    แต่ถ้ายังหลง ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่ มันก็มี ทั้ง สองตัว ดังที่คุณเข้าใจนั่นแหล่ะ
     
  9. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    รอนานแล้ว นะ เมื่อไหร่ จะตอบ
    มั่วแต่นั่งแต่งเรื่องอยู่ได้
     
  10. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    และ ไตรลักษณ์ มันไม่ไช่แค่กฏ แต่มันคือ คุณลักษณะของสรรพสิ่ง ของอนันตจักรวาล เป็นแก้นแท้ของความจริง

    ดังนั้น ไม่รู้จริง อย่ามั่วนิ่มดิ พลศักดิ์

    แก่นแท้ ของความจริง คือ ความไม่จริง และแก่นแท้ของความไม่จริง คือ ความจริง

    พูดแค่นี้ พลศักดิ์ ก็ งงเป็น ไก่ตาแตกแล้ว

    อัตตาคือ อนัตตา อนัตตาคือ อัตตา นี่ งง มั้ย

    ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน อย่า งง จน นอนไม่หลับล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2014
  11. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ผมว่านะ ความโกรธ คุณคงเคยรู้ สัมผัส นั่นคือ สิ่งที่เราไม่พอใจ
    ความโลภ คุณก็น่าจะเคยรู้ สัมผัส มันคือ ความอยากที่อยากเกินพอดี

    ทีนี คุณว่าคุณรู้จัก ตัวอาสวะ จริงหรือ อันนี้ผมก็รู้

    มีอยู่ตัวหนึ่ง ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ แต่ผม รู้มาแล้ว เห็นมาแล้ว นั่นคือ ตัวหลง

    คุณคงไม่เคยเห็น ตัวหลง



    นั่นนะหรือที่คุณโอ่หรือโอ้อวดว่าตัวคุณมีเหตุผล เหตุผลที่คุณกล่าวมา ก็คือ อวิชชา คือความไม่รู้ แต่คุณกลับมีเล่ห์เหลี่ยม ย้อนถามข้าพเจ้าว่า อาสวะ เป็นตัวอย่างไร แท้จริงแล้วคุณก็ไม่รู้ หรือจะกล่าวอีกรูปแบบหนึ่ง ก็รู้แบบครูพักลักจำ เท่านั้น

    ไม่เป็นไร ข้าพเจ้าจะโปรดฯคนอย่างคุณ และผุ้ที่ไม่รู้ อีกหลายๆท่าน เอาไว้ว่า

    "อาสวะ" ก็คือ "ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก การระลึกนึกถึง" นั่นแหละ หรือจะเรียกว่า "ความโลภ ความโกรธ ความหลง" ก็ได้ หรือจะเรียกเป็นอย่างอื่น ตามศัพท์ภาษาที่เขาบัญญัติขึ้นมาก็ถูกเหมือนกันทั้งนั้น
    "อาสวะ" เป็นเพียง คลื่นไฟฟ้า ที่อยู่ภายในร่างกาย และคลื่นไฟฟ้าเหล่านั้น ยังมีปัจจัยหรือส่วนประกอบอื่นๆ ผสมผสานอยู่ด้วย เช่น สารเคมี ภายในร่างกาย และ อื่นๆอีกหลายประการ

    ดังนั้น รูปร่างของ "อาสวะ" จึงอยู่ในรูปของ แสงสี แตกต่างกันไป ตามแต่สภาพ "ความคิด อารมณ์ ความรุ้สึก การระลึกนึกถึง" ในขณะนั้น เช่น ถ้ามีอารมณ์ขุ่นมัว หรือมีโทสะเกิดขึ้น แต่ขจัดอาสวะ ก็จะเห็นเป็นสีหม่น หรือสีดำ

    อธิบายต่ออีกนิดว่า "ตราบใดที่คุณยังอยู่บนโลกมนษย์ ตราบใดที่คุณยังปฏิสัมพันธ์ กับสิ่งแวดล้อมต่างๆ คุณย่อมเกิด ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก การระลึกนึกถึง" จะมากหรือน้อย ก็ตามแต่การได้รับการขัดเกลา หรือรู้จักควบคุม ระงับ สิ่งที่กล่าวไปไว้ได้ แต่การระงับหรือควบคุมเอาไว้ ก็คือ การ เก็บกด ต้องสำรอกออกไปโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง เช่น ทำอะไรที่ตัวเองชอบ ร้องเพลง ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น

    ที่สำคัญ ถ้าคุณยังสงสัยว่า "อาสวะ"เป็นตัวอย่างไร มีรูปลักษณะอย่างไร คุณก็มาพิสูจน์ได้ที่ตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่ จังหวัดเชียงราย อ.เมือง ต.สันทราย ข้่าพเจ้าคิดว่า มีคนรู้จักข้าพเจ้าเยอะ เพราะข้าพเจ้ามีอุปนิสัยไม่เหมือนกับพวกเขา มาซิ ถ้าคุณมีบุญบารมีหรือทำบุญเอาไว้มาก คุณก็อาจจะเห็น"เทวดา"ตัวจริง ของจริง เลยก็เป็นได้นะขอรับ และก็อย่าทำตัวเป็นบุคคลปัญญาอ่อน ต้องให้ข้าพเจ้าออกค่ารถให้จึงจะมาได้ ถ้าอยากเห็นว่า "อาสวะเป็นอย่างไรก็มาเองขอรับ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2014
  12. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ผมไม่ได้สงสัยอะไร ผมรู้หมดแหล่ะ อธิบายได้หมด อาสวะก็รู้หมดแล้ว และ ที่ผมรู้ ด้วยก็คือ ชำระยังไง ด้วย คุณรู้วิธีชำระอาสวะมั้ยล่ะ หรือแค่โม้
     
  13. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ผมไม่มีคำว่า กด ระงับ หรือควบคุม มีแต่รู้ทัน รู้ว่าอะไร ควรแค่ไหน ไม่ควรแค่ไหน เท่านั้น

    งั้นเรา มา แสดง วิธีชำระ อาสวะ กันดีมั้ย ว่า คุณชำระอาสวะยังไง

    ถ้าพลศักด์ ไม่รู้ วิธี ชำระอาสวะ ก็ ยอมรับมาเลยว่า ทำไม่เป็น

    ส่วนผม ผมทำเป็น ชำระให้คนอื่นเป็น ด้วย พลศักดิ์เคยมั้ยล่ะ

    หรือ ไม่เคยรู้เรื่อง พวกนี้เลย บ้าแต่ 18กายทิพย์นั่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2014
  14. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ไอ้เรื่อง ขั้วบวก ขั้วลบ นี่ผมก็รู้ นิพพาน คือ ทำให้ไม่มีขั้ว ทำให้เป็นกลาง ไม่ไหลไปตาม กระแสแม่เหล็กของโลกของ จักรวาล นั่นเอง คือ หมดอยาก นั่นเอง

    ทำไมผมจะไม่รู้ ว่าแต่พลศักดิ์ รุ้วิธีทำลาย ขั้วบวกขั้วลบ แล้ว เป็นกลาง ได้มั้ยล่ะ ส่วนผม รู้ เฟ้ย

    พลศักดิ์ พูดเหมือน ไอสไตล์เลยนะ (นักวิทยาศาสตร์) แต่ ไม่รู้ นิพพาน อิ อิ เหมือนพระพุทธเจ้า น่ะ

    ดันรู้แต่ กายซ้อน กายทิพย์ กับ เทพนั่นเทพนี่ ผมรู้มากกว่านี้ ผมยังไม่เอา มาโม้เลย

    เฮ้อ พวก ขี้โม้
     
  15. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    เพ้อเจ้อ คุณไม่ได้รู้เรื่องอะไร เลยแม้แต่น้อย คุณแถถูไถ ไหลไป ทำตัวเป็นพวกสัตว์ที่มีเมือกลื่น ทำไมข้าพเจ้าจะต้องสอนให้คุณ่รู้จักขจัดอาสวะ
    ข้าพเจ้าสอนได้อยู่แล้ว และจะสอนตามหลักพุทธศาสนาก็ได้ หรือจะสอนแบบอื่นๆก็ได้อยู่แล้ว
    คุณอ้างว่าคุณรู้ ใครบอกคุณว่า มีขั้วลบ ขั้วบวก พล่ามเพ้อเจ้อ ไม่รู้แล้วยัง แถทำเป็นอวดรู้ อวดฉลาด ขออภัยนะขอรับ เขียนตรงๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม
    คุณอยากรู้ว่า ขจัดอาสวะได้อย่างไร ก็พิจารณาฝึกฝนเอาเองเถอะ ระดับคุณยังอ่อนหัด พล่ามเพ้อเจ้อไปถึง นักวิทยาศาสตร์โน่น ไร้สาระ
    เอาให้ตรงจุด ที่คุณถาม ในเมื่อคุณอยากรู้ว่า"อาสวะ"เป็นตัวอย่างไร ก็มาดูได้ ว่า "อาสวะ"เป็นอย่างไร จบนะไม่ต้องพล่ามแบบแถ ถูไถ ไหลไปทำตัวเป็นพวกสัตว์มีมีเมือกลื่น ขออโหสีด้วยนะขอรับถ้าคุณอ่านแล้ว คิดว่า ข้าพเจ้าด่าคุณ
     
  16. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ผมกำลัง ล่อหลอกให้ นายพลศักดิ์ ยื่นคอมาขึ้นเขียงอยู่ คนอื่นเงียบๆ เอาไว้นะครับ

    อย่ากระโตกกระตากไป เดี๋ยว หมูจะไม่เข้ามาให้เชือดครับ
     
  17. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ผมเห็นแต่ตัวหลง น่ะ ในตอนนี้ นั่นคือ ตัวนายพลศักดิ์นั่นแหล่ะ ไม่หลงอย่างเดียว มันบ้าด้วย และ ไม่ยอมรับว่าตนเองไม่รุ้ด้วย มัน จะคอยแถ ไปเรื่อยแบบ มีสไตล์ แต่ไร้เหตุผล สิ้นดี นั่นเพราะ นายพลศักดิ์ไม่เคยเข้าใจเหตุผลความจริงอะไรเลย มีแต่ เพ้อเจ้อ พร่ามไปวันวัน เห่าที่นั่นที เห่าทีโน่นที แต่พอมีคนเข้ามาถามหาให้แสดงเหตุผล ก็ แถ มุดรู ทุกที
     
  18. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    "อาสวะ" ก็คือ "ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก การระลึกนึกถึง" นั่นแหละ หรือจะเรียกว่า "ความโลภ ความโกรธ ความหลง" ก็ได้ หรือจะเรียกเป็นอย่างอื่น ตามศัพท์ภาษาที่เขาบัญญัติขึ้นมาก็ถูกเหมือนกันทั้งนั้น
    "อาสวะ" เป็นเพียง คลื่นไฟฟ้า ที่อยู่ภายในร่างกาย และคลื่นไฟฟ้าเหล่านั้น ยังมีปัจจัยหรือส่วนประกอบอื่นๆ ผสมผสานอยู่ด้วย เช่น สารเคมี ภายในร่างกาย และ อื่นๆอีกหลายประการ
    ..........................
    แล้วข้างบนเนี่ย ฟายหลังเขาตัวไหนพูดมาล่ะ ว่า เป็นคลื่นไฟฟ้า และเด็กประถมเขาก็รู้ ว่า คลื่นไฟฟ้า มันมีขั้วบวกขั้วลบ พลศักดิ์ พูดออกมาเอง แล้ว มันยังไม่รู้เรื่องที่มันเอามาพูดเลย เห่ยซะไม่มี อยู่บนเขามีหญ้าให้กินเปล่าหรอก หรือเลียแต่น้ำค้างอ่ะ เลยไม่รู้ว่า พลังงานไฟฟ้า มีขั้วบวก ขั้วลบ ง่าวจั๊ด อีกคน[/COLOR]

    ตายแล้วไปเกิดใหม่ น่าจะ ฉลาดขึ้นนะ ผมว่า
     
  19. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณ"วงกลมจุด" คุณอ่านด้านบน แล้วก็ไม่ต้องทำเป็นแกล้วว่าจะหลอกล่อ เจ้าพลศักดิ์ เพราะเจ้านั่น ไม่ได้มีพิษมีภัยกับใคร พบข้าพเจ้าเวบฯไหน ยังเข้ามาทักทาย แต่ก็อย่างว่า ความคิด ความเข้าใจของคนของมนุษย์ มันย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว คุณจะหลอกล่อเขาไปทำไมกัน เจ้าพลศักดิ์ ก็ใช่ว่าจะมีความรู้จริงรู้แจ้งอะไรดอกนะ ถามอะไร ก็ตอบไม่ได้ ชอบทำซ้ำ ย้ำคำเดิม กลิ้งไปไม่ได้ ติดอยู่ที่ ตัว "อวิชชา"คือความไม่รู้ เหมือนคุณนั่นแหละขอรับ
     
  20. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ฮันแน่ะ มันยอกย้อน มาว่า ติด ที่ตัวอวิชชา เหมือนกัน กล้าสรุปเน๊าะ

    ผมก็บอกแล้วว่า ผมชำระ ตัวอวิชชา เรียบร้อยแล้ว ยัง มาแกล้ง รวบยอดว่า ผม ติดเหมือนคุณติด คิดได้เน๊าะ พ่อคนฉลาด ตกลงจะยอมรับแล้วว่า ตนเองยัง ชำระ จิตอวิชชา ไม่ได้ ก็ พูดมาตรงๆ อย่าเอาผม ไปรวมด้วย เพราะ ผม ชำระตัวอวิชชามาแล้ว ก็บอกอยู่นี่ไง

    ได้ยินมั้ย ท่าน เทพ ราหูขาว ผมชำระตัวอวิชชามาแล้ว เลิกบ้าเหมือนที่คุณบ้าแล้ว เลิกหลงเหมือนที่คุณกำลังหลง นี่แล้ว อิอิ :boo:
     

แชร์หน้านี้

Loading...