ความวิบัติ 3 ประการ *พระพุทธองค์ทรงแสดงวิบัติ 3 ประการคือ ความวิบัติแห่งศีล วิบัติแห่งจิต และวิบัติแห่งทิฏฐิ ( ความเห็น ) <O วิบัติแห่งศีล คือ ผู้ที่ประพฤติกายทุจริต 3 คือ ฆ่า การแย่งชิงทรัพย์ที่เขาไม่ให้ การละเมิด การคบชู้ วจีทุจริต 4 คือ การพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดเบียดเบียน เพ้อเจ้อหยาบคาย วิบัติแห่งจิต คือ การมีความโลภ การคิดปองร้าย วิบัติแห่งทิฏฐิ คือ การเห็นผิดธรรมนองคลองธรรม เช่น ผลบุญผลบาปไม่มี <O *ที่มา: ตติยปัณณาสก์ หมวด 50 ที่ 3 คัดจาก พระไตรปิฎกฉบับประชาชน หน้า 516 <O วิบัติ 3 ประการนี้เป็นเหตุให้ไปสู่ อบาย ทุคติ วินิบาต นรก อบาย คือ ความเป็นอยู่ที่ปราศจากความเจริญ แบ่งออกเป็น 4 คือ นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรต และอสุรกาย ทุคติ คือ คติที่ไปในทางชั่ว วินิบาต คือ พวกที่ตกต่ำ ได้แก่ เปรตชั้นสูง คือ ได้รับความสุขสลับกับความทุกข์ นรก คือ ภพภูมิที่มีการลงโทษ ได้รับแต่ความทุกข์ทรมาน <O *** หลวงปู่จันทา ถาโว ได้เล่าถึงครั้งที่ได้สนทนากับนายนิริยบาลในนรก ท่านถามว่านรกนั้นเป็นสุขเป็นทุกข์ประการใด ก็ได้รับคำตอบว่า มีแต่ทุกข์ หาสุขไม่มี ที่ทุกข์ก็เพราะถูกต้มด้วยน้ำร้อน ถูกสังหารด้วยหอกด้ามกล้า พร้าด้ามคม หลวงปู่ท่านถามต่อไปว่าคนในเมืองไทยนี่คงจะตกนรกกันหมดทุกคนใช่มั้ย ก็ได้รับคำตอบว่า ผู้ที่มี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และศีลธรรมนั้นไม่ได้ลงไปนรก <O * ย่อความจากหนังสืออ่านก่อนตาย <O ผู้ที่ผิดประกอบกรรมผิดศีลติดตัวมาเกิดมากกว่า 60 % ก็จะได้รับผลของกรรม ดังนี้ ศีลข้อที่ 1 ฆ่าและเบียดเบียน เกิดมาถูกฆ่า ง่อยเปลี้ยเสียขา ศีลข้อที่ 2 ถูกจี้ ปล้น ไฟไหม้บ้าน ศีลข้อที่ 3 มีภรรยา มีสามี สามีหรือภรรยาก็มีชู้ หรือตกเป็นของผู้อื่น ศีลข้อที่ 4 ถูกโกหก หลอกลวง ศีลข้อที่ 5 ปัญญาอ่อน หรือ วิกลจริต เพราะศีลเป็นเครื่องชำระปัญญา ปัญญาชำระศีล ในที่ใดมีศีล ที่นั่นมีปัญญา ในที่ใดมีปัญญา ที่นั่นมีศีล ศีลกับปัญญากล่าวได้ว่าเป็นยอดในโลก พระพุทธเจ้า <O
สร้างประตูสู่สวรรค์ด้วยความสันโดษ ความสันโดษ คือ ความยินดีเมื่อมี เมื่อเป็น รู้จักรักษาอารมณ์ของตนเองให้เป็นปกติ ไม่ตื่นตูมเมื่อเป็น ไม่ตื่นเต้นเมื่อได้ ไม่ตกใจเมื่อผิดหวัง พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนข้อนี้ เพราะรู้สัจจะความเป็นจริงของโลกว่า... จุดเริ่มต้นที่ทำให้มนุษย์หวัง กับจุดสุดท้ายที่ทำให้มนุษย์สมหวัง มักห่างไกลกัน... ช่วงต้นกับช่วงท้าย จะมีช่วงกลางที่ยาวนาน เป็นช่วงกลางแห่งการทรมานเพราะการรอคอย สิ่งที่คาดหวังกับสิ่งที่ทำให้สมหวัง มักไม่ตอบรับกัน อย่าปรับวัตถุให้เข้ากับจิตใจ แต่จงปรับจิตใจให้เข้ากับวัตถุ ทำอย่างนี้ได้..จึงจะสามารถสร้างประตูสู่สวรรค์ได้... สร้างประตูสู่สวรรค์ด้วยความเมตตา ไม่มีน้ำแก้วใด ที่ดื่มแล้วให้ความสดชื่นยาวนาน...เท่ากับ..ความเมตตา ไม่มีอาหารจานใด ที่จะให้รสอร่อยและอิ่มยาวนาน...เท่ากับ..ความเมตตา ผ้าห่มร้อยผืน เบาะนอนร้อยเบาะ ยังไม่สามารถช่วยให้มนุษย์หลับอย่างเป็นสุขได้ เท่ากับการแผ่เมตตาก่อนนอน... คนเราจะพบกับสวรรค์ในใจได้ จะต้องไม่ถูกขึงด้วยความชัง จะต้องไม่ถูกขังด้วยความชอบ รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้า ความเมตตาที่เติมเต็มในจิตใจ จะช่วยสร้างประตู่สู่สวรรค์ได้... สร้างประตูสู่สวรรค์ด้วยปัญญา แสงสว่างแห่งพระอาทิตย์ แสงสว่างแห่งปัญญา แสงสว่างแห่งพระจันทร์ แสงสว่างแห่งไฟ หรือจะสู้ทางสู่สวรรค์ได้ดังแสงสว่างแห่งปัญญา กำลังแห่งปัญญาเป็นกำลังอันประเสริฐ ยอดเยี่ยมกว่ากำลังทั้งหลาย ผู้ใดมีกำลังปัญญาสนับสนุนในชีวิตแล้ว ย่อมได้รับความเจริญ ปัญญาเป็นเครื่องเพิ่มพูนเกียรติคุณและชื่อเสียงคนในโลกนี้ ถ้าประกอบด้วยปัญญาแล้ว แม้มีความทุกข์เกิดขึ้น ก็จะสามารถใช้ปัญญาหาทางดับทุกข์นั้น จนเกิดความสุข บรรดาความอิ่มทั้งหลาย จะเสมือนความอิ่มด้วยปัญญาอันประเสริฐนั้นไม่มี เพราะผู้อิ่มด้วยปัญญา ย่อมไม่เดือดร้อนจากความหลง อันเป็นทางนำไปสู่ประตูสวรรค์ ที่มา : นรก-สวรรค์..พระอาจารย์ <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com</st1ersonName>สุเทพสุเทโว