"ความตาย"..เรื่องใกล้ตัวที่คุณๆอาจมองข้าม คุณพร้อมหรือยังที่จะ...!!

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย karnjanikarn, 3 พฤษภาคม 2008.

  1. karnjanikarn

    karnjanikarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +129
    เรียนรู้เรื่อง "ความตาย"
    ที่มา : หนังสือวิถีบรรลุธรรมจากพระไตรปิฎกและตายแล้วไปไหน

    เมื่อคนเราใกล้สิ้นใจ อย่างที่ชาวบ้านเรียกว่าเข้าชั้นตรีทูต หมายถึง ภาวะที่จิตวิญญาณกำลังจะละจากร่างกาย
    ช่วงเวลานี้ ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลใกล้ชิดจะต้องรู้จักตั้งสติให้ดี เพราะจะต้องพบกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คนใกล้ตายแสดงออก
    ซึ่งบางกิริยาอาการ บางคำพูด ก็ยากที่จะเข้าใจ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยเรียนรู้เรื่องของความตาย ก็จะยิ่งงุนงงและทำอะไรไม่ถูก อาทิเช่น

    คนใกล้ตายบางคนจะคร่ำครวญว่า เจ็บปวดเหมือนเอ็นจะขาดเหมือนกระดูกจะแตก นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการสลายของ "ธาตุดิน"
    บางคนก็ร่ำร้องว่ารู้สึกชาไปทั่วทั้งร่างกาย นั่นเป็นเพราะเลือดกำลังจะแข็งตัวและหยุดไหลเวียน อันเนื่องมาจากการสลายของ "ธาตุน้ำ"
    บางคนก็ร้องขอผ้าห่ม เพราะรู้สึกหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ นี่เป็นอาการที่ "ธาตุไฟ" กำลังจะดับลง
    และเมื่อธาตลมจะหยุดทำงาน ในคนที่ไม่เคยฝึกฝนปฏิบัติสมาธิภาวนา มักหายใจติดขัดกระท่อนกระแท่น อึดอัด กระวนกระวาย
    บางคนเป็นอยู่นาน บางคนรู้สึกเพียงชั่วครู่แล้วจึงสิ้นใจ แต่สำหรับผู้ที่ฝึกฝนปฏิบัติสมาธิภาวนาหรือฝึกมรณสติเป็นประจำ
    ในวาระสุดท้ายจะมีสติดำรงมั่น ลมหายใจจะสม่ำเสมอราบเรียบและทอดยาว กระทั่งสิ้นใจไปอย่างสงบ
    ลักษณะอาการดังกล่าวมา แท้จริงแล้วเป็นขบวนการสลายหรือแยกตัวของธาติทั้ง๔ เพื่อกลับคืนสู่ความเป็นธรรมชาติเดิม




    "ควรปฏิบัติอย่างไรต่อคนใกล้ตาย"


    เมื่ออยู่เฝ้าคนใกล้ตาย หากเป็นผู้ที่เคยสร้างกรรมหนัก เช่น ฆ่าสัตว์ หรือทารุณสัตว์เป็นเกมกีฬา อาทิ ชนไก่ ชนวัว กัดปลา ฯลฯ
    เมื่อใกล้จะสิ้นใจ จะมีอาการกลัวรนราน เอะอะโวยวาย บางทีก็ทำร้ายตัวเอง เช่น เอาหัวโขกกำแพงจนเลือดอาบ งอหัวแม่มือโขกกันเองจนกระดูกแตก เป็นต้น
    คนเหล่านี้มักเห็นภาพสยดสยองไปต่าง ๆ นานา ท้งนี้ก็เนื่องด้วยภาพการกระทำอันโหดเหี้ยมอำมหิต ที่เคยทำในอดีตมันฝังติดแน่นตราตรึงอยู่ในจิต

    หากประสบเหตุการณ์ดังกล่าวมานี้ ญาติพี่น้องผู้ดูแลควรพูดชักจูงจิตใจให้นึกถึงคำพระ บทภาวนา
    จนกระทั่งอาการสงบลงแล้วจึงแนะให้เขาตั้งจิตขอขมากรรม ต่อผู้ที่ตนได้เคยล่วงเกินทำร้ายชีวิต

    สำหรับผู้ใกล้ตายที่ยามมีชีวิตอยู่เคยสร้างสมบุญกุศลมาในระดับหนึ่ง เมื่อใกล้จะสิ้นใจมักอยู่ในอาการสงบนิ่ง
    แต่กระนั้นก็ไม่ยอมจากไปง่าย ๆ ทั้งนี้เพราะจิตใจมีความห่วงใยอาลัยอาวรณ์อยู่กับเรื่องบางสิ่งบางอย่าง กับบุคคลหรือกับสถานที่ ไม่อาจตัดใจได้
    ในกรณีเช่นนี้ ญาติพี่น้องดูแลควรพูดข้างหูด้วยน้ำเสียงเบา ๆ โดยเน้นถึงผลงาน หรือสิ่งดี ๆ ที่เขาเคยสร้างมาในชีวิต
    พร้อมทั้งกล่าวแนะนำให้ปล่อยวาง อย่าได้มีห่วงกังวลต่อโลกเบื้องหลังอีกเลย เช่นนี้จะเป็นการช่วยให้วิญญาณละจากไปโดยสงบ

    สิ่งที่อยากจะย้ำเตือนอย่างยิ่งขณะอยู่เฝ้าคนใกล้ตายก็คือ ไม่ควรร้องไห้ฟูมฟาย หรือพูดพล่ามคร่ำครวญถึงแต่เรื่องที่ยังคั่งค้างจัดการไม่เสร็จ
    เพราะนั่นเท่ากับทำร้ายผู้ที่ใกล้ตายโดยตรง ผลก็คือ ทำให้จิตวิญญาณดื้อดึงต่อสังขาร เกิดอาลัยอาวรณ์ ไม่ยอมจากไปสู่ภพภูมิของตนง่าย ๆ
    การร้องไห้คร่ำครวญของคนรอบข้างจะทำให้จิตใจของเขาเศร้าหมองอันจะส่งผลให้ไปสู่ภพที่ไม่ดีเบื้องหน้า

    ถ้าไม่สามารถระงับความเศร้าโศกเสียใจ ทนกลั้นน้ำตาไม่ไหว ขอแนะนำว่าควรหลบเลี่ยงออกไปร้องไห้ข้างนอกจะดีกว่า




    ควรปฏิบัติอย่างไรต่อคนสิ้นใจแล้ว?


    คนที่ลมหายใจสิ้นสุดลง ไม่แน่ว่าเขาจะตาย เพราะคำว่า "ตาย" ในความหมายทางธรรม คือจิตวิญญาณออกจากร่างโดยสมบูรณ์
    ทว่าในบางคน แม้ลมหายใจจะหยุดแล้ว แต่จิตวิญญาณก็ยังไม่ละจากกายสังขารทันที

    ฉะนั้น จงอย่ารีบเคลื่อนย้ายร่าง หรือกระทำกิจกรรมใด ๆ เช่น อาบน้ำศพ เปลื่ยนเสื้อผ้าศพ เพราะจะเป็นการรบกวนการสลายของธาตุทั้ง ๔
    อันเป็นขั้นตอนที่จิตจะละจากกายสังขาร เหตุฉะนี้ญาติพี่น้อง หรือผู้มีหน้าที่เกี่ยงข้องกับผู้ตาย ควรรอสักพักใหญ่จึงค่อยนำไปดำเนินการตามประเพณี
    ในช่วงระยะ ๗ วัน หลังจากญาติพี่น้อง หรือคนในบ้านตายลง สมควรอย่างยิ่งที่คนใกล้ชิดจะต้องตั้งจิตอธิฐานสวดภาวนา พร้อมทั้ง
    สร้างบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของเขา และขณะที่สวดมนต์ให้คนตาย ทุกคนควรอยู่ในความสงบ อย่าผุดลุกผุดนั่งหรือเดินเข้าเดินออก

    โปรดจำไว้เสมอว่า จงอย่าฆ่าสัตว์มาจัดเลี้ยงในงานศพ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการเหนี่ยวรั้ง และเพิ่มโทษทุกข์ให้แก่ดวงวิญญาณของผู้ตาย
    และที่สำคัญ การจัดงานศพไม่ควรทำอย่างงมงาย หรือฟุ่มเฟือย ควรนำเงินไปทำกุศลที่เป็นสาธารณะประโยชน์ต่อคนหมู่มาก
    ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก และพิมพ์หนังสือธรรมะแจกดีกว่า เพราะดวงวิญญาณของผู้ตายจะได้รับอานิสสงฆ์โดยตรงและครบถ้วน




    เตรียมตัวตายอย่างมีสติ


    ในโลกทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่ดูแคลนความตาย มองเห็นเป็นเรื่องไกลตัว จึงไม่คิดจะเตรียมตัวเตรียมใจ หลายคนปล่อยชีวิตไปกับความไร้แก่นสารสาระ
    การเคารพตัวเองต่ำลง ไม่ใส่ใจรับผิดชอบดีชั่ว ต่างสบประมาทว่า "ตายเรื่องเล็ก"
    หารู้ไม่ว่า ไม่ใช่ทุกคนจะมีบุญวาสนาได้ "ตายดี" เท่านี้ เห็นส่วนใหญ่ก่อนตายล้วนทรมารทุกข์ยาก สร้างควาลำบากให้ผู้คนที่อยู่ข้างหลัง

    การตายที่น่าเวทนาที่สุด ก็คือ การตายด้วยอุปฆาตกรรม หรือตายด้วยกรรมที่เข้ามาริดรอนปลิดชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วน เป็นการตายที่กระทันหัน
    เช่น อุบัติเหตุตายทันที แผ่นดินไหว ตึกถล่มทับตาย เป็นต้น ในบางรายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองได้ตายแล้ว
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็ก ๆ พอรู้สึกตัวขึ้นมาในโลกหลังความตาย จิตใจของพวกเขาจะต่อต้าน บ้างก็โกรธแค้น ไม่ยอมรับว่าตัวเองตาย
    จิตวิญญาณของบุคคลเช่นว่านี้ จะติดอยู่กับอารมณ์ความเจ็บปวดอันเป็นความรู้สึกสุดท้าย ซึ่งมีพลังรุนแรงมากก่อนที่จะตาย
    วิญญาณจึงไม่ยอมไปไหน เราเรียกวิญญาณเหล่านี้ว่าวิญญาณหลงทาง เพราะจิตวิญญาณของพวกเขาจะติดอยู่กึ่ง


    ............................................

    ความต่อในเรื่องเดียวที่เกี่ยวเนื่องกัน : 7x7 เลขเด็ดสะกิด..ชีวิตหลังความตาย
    แนะนำ : โครงการ "เสียงแห่งธรรม" ห้อง "กฎแห่งกรรม" (โหลดไปฟังได้)
    แนะนำ : สมาชิกทดลองอ่าน และลิงค์ชื่อกระทู้

    สาธุ สาธุ สาธุ : กัลชณิกานติ์ ธีรสุชานันท์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2008
  2. siamesecat2005

    siamesecat2005 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    2,304
    ค่าพลัง:
    +292
    ขออนุโมทนา สาธุ ค่ะ น้องรัก

    ทุกวันนี้ พี่แคท พยายามคิดว่าเราจะตายวันนี้ หรือพรุ่งนี้ก็ไม่รู้ ต้องรีบสร้างความดีไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามตัดสิ่งที่เราคิดเอาเองว่านั่นก็ของเรา นี่ก็ของเรา ตัดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ พี่แคทพยายามท่อง
    พุทโธ ทุกครั้งที่นึกได้ พิจารณาสังขารไม่เที่ยง ร่างกายไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ทำได้บ้างไม่ได้บ้างค่ะ พยายามอยู่ค่ะ ขอขอบคุณมาก ๆๆ เลยค่ะกับข้อความดี ๆ มีประโยชน์กับพี่แคทมาก ๆๆ เลย พี่แคทจะฝึกมรณานุสสติ เวลาตายจะได้มีสติค่ะ ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2008
  3. mahaasia

    mahaasia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,130
    ค่าพลัง:
    +4,971
    เกิดมาก็ตายห่ากันทุกคน ไม่มีใครหนีพ้นอยู่ที่ว่าเราจะทำความดีมากน้อยแค่ไหน
     
  4. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    ยังไงก็สู้ๆ ตายมาหลายหน แล้วยังไงก็สู้ๆ ขนสเบียงไว้พร้อมแล้ว ตายไปคงไม่ลำบากหรอก แล้วถ้าเเป็นการครั้งสุดท้าย ก็จะสบายกันซะที ไปนิพพานกัน
     
  5. เกสรช์

    เกสรช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +1,401
    ขออนุโมทนา สาธุกับบทความดีดีคะ

    ดั่งสมเด็จองค์ปฐมได้ทรงตรัสไว้ว่า
    1.ระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก เพื่อไม่ให้ชีวิตประมาทอีกต่อไป
    2.ยอมรับนับถือและเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยความจริงใจ
    3.รักษาศีลให้บริสุทธ์ทุกเมื่อ
    4.ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา พรหมฯ ตายไปมุ่งสู่พระนิพพานเท่านั้น นิพพานัง สุขขัง
     
  6. mahaasia

    mahaasia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,130
    ค่าพลัง:
    +4,971
    ไปเห๊อะ ไปนิพพานเหอะ ไปเลย นิพพานแล้วไม่ต้องมาเกิดอีกนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...