คลายปัญหาชีวิตด้วย “บุญฤทธิ์” และการ “อธิษฐาน"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย JitAsura, 17 พฤศจิกายน 2012.

  1. JitAsura

    JitAsura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +178
    [​IMG]

    “อธิษฐานบุญ” ไขปัญหาชีวิต

    --- คำว่า “บุญ” มาจากคำว่า “ปุญญะ” แปลว่า “ชำระ” บุญเกิดได้ 10 ประการ เรียกว่า “บุญกิริยาวัตถุ 10” ซึ่งผมได้เคยกล่าวไปแล้วใน FanPage "จิตอสุรา" แล้ว ดังนั้น หากใครสนใจลองกลับไปอ่านได้ใน Post เก่าๆ ใน FanPage "จิตอสุรา" กันนะครับ ในหัวข้อนี้ที่ผมจะเน้นคือ เรื่องของ “บุญฤทธิ์” หรือ “ฤทธิ์” ที่เกิดจากบุญกันนะครับ

    --- เหตุผลที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะ เราเป็น “ฆาราวาส” ที่ต้องทำมาหากิน มีภาระครอบครัวให้ต้องดูแล บางคนก็เรียนหนังสือจะสอบผ่านแหล่ไม่ผ่านแหล่ หรือบางคนก็มีความทุกข์มากมายเหลือคณานับ ผมจึงแนะนำให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน ได้นำ “ฤทธิ์” นี้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน จะได้ลดทุกข์ของท่านไปได้ไม่มากก็น้อย และเพื่อความเจริญรุ่งเรืองทั้งในทางโลกและทางธรรมกันนะครับ เพราะบางท่านอาจสงสัยว่า “เราก็ทำบุญมามากมาย ทำไมเรายังไม่ดีขึ้นเลย???” นั่นเป็นเพราะปัจจัยมีดังนี้

    1.“เนื้อนาบุญ” ---ต้องถามก่อนว่า ท่านทำบุญกับใครก่อน??? ในพุทธศาสนานั้น เรื่องของเนื้อนาบุญนั้นมีความสำคัญมาก ถึงมากที่สุด บางคนบอกว่า “เอาเงินเอาทองไปให้วัดหมด พระก็สบายอยู่แล้ว สู้เอาไปให้เด็กยากไร้จะดีกว่าไหม??? หรือเอาเงินไปให้กับคนที่เค้าไม่มีจะกินดีไหม??? ช่วยเหลือคนพิการ คนแก่ ดีกว่าไหม???” แต่ในความเป็นจริง พระพุทธองค์เคยอธิบายเรื่องนี้เอาไว้ว่า หากเราหว่านเมล็ดพันธุ์ที่ดี ลงไปในดินที่ดี ต้นกล้าของพืชก็จะเจริญงอกงาม แต่หากนำเมล็ดพันธุ์ที่ดี ไปหว่านในดินที่ไม่ดี ย่อมทำให้พืชนั้น ไม่งอกงาม หรืองอกไม่เต็มที่ นี่เองคือความหมายของคำว่า “เนื้อนาบุญ” ซึ่งผมจะไล่ลำดับอนิสงฆ์สูงสุดไปถึงต่ำสุดตามลำดับดังนี้ ทำบุญกับ พระพุทธเจ้า, พระปัจเจกพุทธเจ้า, พระอรหันต์, พระอนาคามี, พระสกิทาคามี, พระโสดาบัน, ผู้ทรงฌาน, ผู้ถือศีล 227,ผู้ถือศีล 10, ผู้ถือศีล 8, ผู้ถือศีล 5, มนุษย์ผู้ไม่มีศีล และสุดท้ายคือทำบุญกับสัตว์ต่างๆ อ้าว!!!ถ้าอย่างงี้เราก็ไม่ต้องไปช่วยเหลือคนยากไร้กันแล้วหรือ? ผมต้องขอบอกว่า อันนี้แล้วแต่กำลังของท่านนะครับ สำหรับผู้มีทรัพย์มากหรือกำลังมาก ก็สามารถทำได้ แต่ถ้ามีทรัพย์น้อยจำกัดจำเขียด แต่อยากได้บุญเยอะๆ ก็เลือกนิดหนึ่งจะเป็นการดีกว่า ถามว่าทำไมเป็นเช่นนั้น??? ก็ต้องตอบว่า หากเราทำบุญกับผู้มีจิตใจดี สิ่งที่เค้ารับจากเราไปย่อมเกิดประโยชน์ อย่างเช่น ถวายอาหารแด่พระสงฆ์ผู้มีศีลบริสุทธิ์ เมื่อท่านฉันอาหาร แล้วมีเรี่ยวแรงไปเทศน์ให้ผู้อื่นเป็นคนดี ก็เหมือนกับอาหารที่เราถวายสร้างคนดีๆเพิ่มขึ้นในสังคม แต่หากเราไปช่วยคนไม่ดี อย่างเช่น คุณเห็นโจรอยู่เดินอยู่ข้างทาง แล้วคุณไปรับโจรขึ้นรถ พอไปส่งโจรเสร็จ เค้าก็ปล้นคุณ อันนี้แหละครับ ที่พระพุทธเจ้าท่านถึงได้อธิบายเรื่องเนื้อนาบุญเอาไว้ แต่นอกเหนือจากผู้รับจะต้องดีแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือ “ผู้ให้” จิตของผู้ให้ ซึ่งก็สำคัญรองลงมา และขั้นตอนการให้มีองค์ประกอบดังนี้ “จิตก่อนให้ต้องตั้งใจให้ ขณะให้ต้องเต็มใจให้ หลังให้แล้วต้องสบายใจ” อันนี้จึงจะครบองค์ประกอบของบุญ

    2.“อธิษฐานบุญ” ข้อนี้แหละครับที่ผมตั้งใจจะเอาไว้เป็นหัวข้อหลักของเรื่อง เพราะมีบางท่านบอกไว้ว่า “ทำบุญแล้วอธิษฐานขอนั่นขอนี่เหมือนเอากิเลสไปทำบุญด้วย” หรือใครอาจจะบอกว่า “ทำบุญแล้วไม่ขออะไร จะได้บุญมากกว่า” ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้น อานิสงส์ผลบุญต่างๆ เมื่อเราทำแล้ว ย่อมส่งผลถึงเราอย่างแน่นอน เรื่องนี้พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนเรื่องอานิสงส์ของบุญต่างๆไว้มากมายว่า ทำบุญอะไรแล้วจะได้อะไร ไว้มากมายหลายประการ ดังนั้น หากท่านทำบุญแล้วย่อมหนีไม่พ้นอานิสงส์ที่จะกลับมาตอบแทนท่าน แต่ทำไมผลบุญนั้นไม่ส่งถึงซักที คำตอบคือคุณขาด “อธิษฐานบารมี” ลองคิดดูนะครับ ว่าถ้าคุณไปนั่งร้านอาหารตามสั่ง แล้วเค้ามาถามคุณว่า “รับอะไรดีครับ” คุณก็ตอบเค้าไปว่า “อะไรก็ได้” สุดท้ายแล้ว คุณก็ได้ทานอาหารมื้อนั้นเหมือนกัน แต่อาจจะได้สิ่งที่คุณไม่ได้อยากทานในตอนนั้นก็เป็นไปได้ บุญก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน หากทำแล้วไม่อธิษฐาน บุญนั้นอาจมาตอบแทนเป็นอย่างอื่นที่เราไม่ได้ต้องการในเวลานั้น หรือในเวลาอื่น หรือชาติหน้าไปเลยก็เป็นไปได้ ส่วนเรื่องของ “อธิษฐานบารมี “ นั้น แม้แต่พระพุทธเจ้าตอนเสวยพระชาติเป็น ”พระโพธิสัตว์” ท่านก็ใช้การอธิษฐานเช่นเดียวกัน เช่น ตอนทรงพระชาติเป็น “ พระเวสสันดร” เมื่อท่านยกอะไรให้ใครก็ตามเป็นทาน ท่านจะอธิษฐานทุกครั้งว่า “ขอให้บุญที่เราทำ ขอความสำเร็จซึ่ง สัมมาสัมโพธิญาณ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตข้างหน้า เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายได้พ้นจากความทุกข์ด้วยเทอญ” ตรงนี้เองเวลาเราทำบุญอะไรก็อธิษฐานเอาไว้เลยครับ ไม่เสียหลาย แต่!!! แต่!!! แต่!!! “ ต้องอธิฐานตั้งมั่นอยู่บนความดี” นะครับ บางคนทำบุญปุ๊บ อธิษฐานเลย “ขอให้ฉันถูกหวย!!!” อันนี้มันไม่ถูกหรอกครับ การอธิษฐานที่ถูกต้อง ต้องตั้งมั่นในความดี อย่างเช่น “ด้วยบุญนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความคล่องตัวในทรัพย์ เพื่อเป็นปัจจัยให้เกิดความคล่องตัว ในการมาปฏิบัติธรรมด้วยเทอญ” หรือ “ด้วยบุญนี้ ขอให้คนในครอบครัวของข้าพเจ้าเป็นคนดี เพื่อครอบครัวที่สงบและมีความสุข เป็นครอบครัวแห่งธรรมด้วยเทอญ” อะไรประมาณนี้นะครับ นี่แหละครับ “อธิษฐานโดยตั้งมั่นบนความดี”

    --- ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านลองนำวิธีการนี้ ไปใช้ดูนะครับ เพื่อที่จะได้คลี่คลายปัญหาหลายๆอย่างในชีวิตของคุณ ผมเข้าใจครับว่าสังคมทุกวันนี้มันอยู่กันอย่างลำบาก นักเรียน นักศึกษา ก็ต้องแข่งกัน คนทำงานก็ใช้หนี้กันอยู่ พ่อแม่ก็ต้องเลี้ยงดูลูก ไหนจะปัญหาทางเศรษฐกิจ ไหนจะปัญหาทางสังคม ไหนจะปัญหาโรคภัย วิธีการที่ผมบอกนี้อาจจะช่วยให้ทุกท่านผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ หากใครลองไปทำแล้วยังไม่สัมฤทธิ์ผล ผมขอบอกว่า เรื่องของบุญ บางทีมันก็มีคิวของมันเหมือนกัน เพราะกรรมไม่ดีที่เราทำไว้ก็ยังจะให้ผลอยู่ ผมแนะนำว่าให้ทำบุญซ้ำๆ และอธิษฐานเรื่องเดิมๆซ้ำๆ บ่อยๆครับ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ อย่าไปท้อ ทำไปจนกว่าบุญและคำอธิษฐานนั้นๆ จะมี “ฤทธิ์” อยู่เหนือวิบากกรรมวิบากมารทั้งปวง สุดท้ายขอให้ทุกคนจงประสบความสำเร็จในชีวิตดังที่หวังไว้กันนะครับ

    --- สำหรับผู้ที่ยังเชื่อว่า “ทำบุญแล้วอธิษฐานขอนั่นขอนี่เหมือนเอากิเลสไปทำบุญด้วย” ผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ผมไม่มีเจตนาทำลายความเชื่อของท่าน และผมก็ขอรับว่าท่านก็พูดไม่ผิดหรอกครับ แต่เราเป็นปุถุชนธรรมดาผู้หนาด้วยกิเลสอยู่ จะทำอะไรอยู่ที่ไหน เราก็มีกิเลสตามเป็นเงาอยู่แล้ว เพราะเรามิใช่ “พระอรหันต์” อีกทั้งเรายังเป็นฆาราวาส ที่มีภาระหลายๆประการในชีวิต ดังนั้นการทำบุญแล้วอธิษฐานก็ยังเป็นประโยชน์อยู่เช่นกัน

    --- จิตอสุรา ---

    ติดตามหัวข้อธรรมะบรรยายของ "จิตอสุรา" ได้ดังนี้
    การหยั่งรู้วาระจิตผู้อื่น (เจโตปริยญาณ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2013
  2. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ถ้ากระนั้นบุคคลที่ถือศีลบริสุทธิ์แต่อยู่อย่างแร้งแค้นเราก็ไม่ควรจะอนุเคราะห์หรือ อย่ากระนั้นเลยพระพุทธองค์ทรงให้เราทำด้วยจิตใจที่มุ่งเน้นในการอนุเคราะห์แก่เพื่อน มนุษย์ อมนุษย์ และสัตว์เดรัจฉานเป็นหลักจึงบรรหยัดการทำบุญขึ้นมา อีกอย่างหนึ่งอย่าลืมไปว่าทางที่เราคิดว่าเป็นทางได้มาซึ่งบุญใหญ่นั้นหากเราไปสนับสนุนพระสงฆ์ที่สอนผิด ๆเข้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา ก็จะกลับกลายเป็นว่า เป็นทางมาแห่งอกุศลใหญ่แทน คิดให้มากถึงการอนุเคราะห์ เพราะถ้าเราไปคิดถึงแต่เรื่อง บุญมากบุญน้อย เราก็กลับไปเข้าข่ายเห็นแก่ตัวนั่นเอง พอพูดมาถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงคำทำนาย 16 ประการขึ้นมา มีอยู่ข้อหนึ่งที่ว่า มีตุ่มน้ำตั้งอยู่เรียงรายเต็มไปหมด แต่ประชาชนกลับเอาน้ำมาเติมใส่ใบเดียวจนล้นแล้วล้นอีก เหมือนกับเรามุ่งเน้นคิดแต่ที่จะบำรุงสงฆ์อย่างเดียวเท่านั้น จนลืมนึกไปว่า ในพระพุทธศาสนามี พุทธบริษัท 4 มิได้มีเพียงสงฆ์เท่านั้น ที่สำคัญพระพุทธองค์ได้ตรัสบอกไว้แล้วว่า สังฆทาน นั้นเป็นเลิศแห่งทาน และคำว่าสังฆะนั้น หมายถึงหมู่คณะ ไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็น สงฆ์เพียงอย่างเดียว อะไรก็ได้ที่ทำแล้วเกิดประโยชน์แก่คนหมู่มาก แก่ชนหมู่มาก การกระทำนั้นแหละถือว่าเป็นทางมาแห่ง กุศลอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง สวัสดี
     
  3. JitAsura

    JitAsura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +178
    จากข้อความที่คุณเขียนแล้ว คิดว่าคุณยังอ่านรายละเอียดใน Post ไม่ถี่ถ้วนนะครับ

    แต่ถึงอย่างไรผมก็ขอตอบคำถามดังนี้

    เรื่องของการทำบุญนั้น หากคุณมีกำลังกายหรือกำลังทรัพย์มากพอ คุณก็สามารถทำให้ สัตว์หรือผู้คนต่างๆได้ครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ

    ในอดีตกาลมีเศรษฐีอยู่ท่านหนึ่งเปิดโรงทานให้ผู้ยากไร้เป็นหมื่นๆปี(สมัยนั้นคนอายุยืน) พอเสียชีวิตไป ก็เป็นเทวดา และก็มีคนธรรมดาคนหนึ่ง ใส่บาตรพระอรหันต์แค่ทัพพีเดียว ตายไปก็เป็นเทวดาเช่นกัน แต่เมื่อพระพุทธองค์ไปเทศน์ที่ดาวดึงส์เทวโลก พบว่า เทวดาที่ใส่บาตรพระอรหันต์ทัพพีเดียว กลับมีบารมีเหนือกว่า และมีบุญมากกว่า อันนี้คือความหมายของเนื้อนาบุญครับ

    ผมต้องขออภัยหาก ข้อความหรือ Post ที่เขียนมา ขัดใจท่าน ทำให้ท่านขุ่นข้องหมองใจ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

    ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้คนในสังคมมีความลำบากยากแค้นกัน บางคนที่มีทรัำพย์มาก ก็สามารถทำบุญกับ ผู้คนทั้วไปหรือสัตว์ทั้งหายได้ตามอัตภาพครับ ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะคนที่กำลังลำบากและหาทางออกในชีวิตเท่านั้นครับ

    อนุโมทนา

    --- จิตอสุรา ---
     
  4. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ไม่ได้เขียนขึ้นมาด้วยความโกรธหรือไม่เห็นด้วยแต่ประการใดครับ เพราะในสภาพการณ์ในปัจจุบันนี้หล่ะครับ ผมถึงอยากเน้นว่าเราควรจะอนุเคราะห์ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้มาก อย่ามุ่งเน้นไปในทางบุญมาก บุญน้อย เลย และการที่เราจะอนุเคราะห์ได้นั้น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใหญ่โตมากมายอะไรนัก ทำเท่าที่คุณมีกำลังจะทำได้ แล้วที่ผมได้โพสต์ไปนั้น ถ้าหากว่าทำให้คุณต้องขุ่นข้องหมองใจก็ขอกราบอโหสิกรรมไว้ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนกรรมไร ๆที่ท่านทำนั้นสำหรับผมไม่มีเลย แบ่งบันความคิดเห็น เห็นต่างแต่ไม่แตกแยก หลุดพ้นจากบุญและบาป คือ จิตที่อนุเคราะห์ หวังแต่ความสุข ความสวัสดีของสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยไม่คิดหวังสิ่งตอบแทน สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2012
  5. JitAsura

    JitAsura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +178
    ผมว่ากำลังในการทำบุญของแต่ละท่านไม่เท่ากันเท่านั้นเองครับ
    และก็คิดว่าชีวิตของแต่ละคนขาดๆเกินๆไม่เหมือนกันครับ
    ดังนั้นหากคุณคิดได้เช่นนี้แสดงว่าจิตใจท่านมีความประเสริฐมากๆอยู่แล้วครับ
    หากทำแล้วท่านไม่อธิษฐานอะไรเลย ก็เป็นทางของท่าน มิสามารถมีใครบังคับได้ครับ

    อนุโมทนาบุญครับ

    ---จิตอสุรา---
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...