ครั้งหนึ่งในชีวิตบนดินแดนนรก-สวรรค์ ของ...วารุณี สวัสดิภักดิ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 13 พฤศจิกายน 2009.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    วันก่อน "คม ชัด ลึก" ได้นำเสนอเรื่องราวของทั้งชีวิตของ วารุณี สวัสดิภักดิ์ เมื่อครั้งเคยเป็นคนที่ไม่เชื่อต่อสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ โดยเฉพาะเรื่องการมองเห็นภพภูมิ หรือตาทิพย์ หูทิพย์ อยู่มาวันหนึ่งวิบากกรรมตามทันทำให้ตนเองสูญเสียการได้ยิน ความรู้สึกขณะนั้นสูญสิ้นไม่มีอะไรให้หวังอีกต่อไป จิตใจฟุ้งซ่านไม่มีที่ยึดเหนี่ยว คิดมากอยากจะฆ่าตัวตาย และสิ่งนี้ได้ทำแล้วโชคดีที่สามี (ถวัลย์ เก็งวินิจ) ตามไปทันทำให้รอดตาย ต่อมาสามีได้พาเข้าวัดไปพบกับพระครูญาณวิศิษฎ์ (หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก) เจ้าอาวาสวัดธรรมสถิต อ.เมือง จ.ระยอง ในขณะนั้น

    จากตรงนี้ถือเป็น จุดเริ่มต้นที่ทำให้วารุณีรู้ เรื่องราวเกี่ยวกับกรรมชาติที่แล้ว รวมทั้งเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถึงแม้จะเป็นการสัมผัสเห็นด้วยจิตและสมาธิของตนเอง เพื่อไม่อยากให้ทุกคนประมาทกับบาปบุญ ดังนั้น จงรีบเร่งเพียรภาวนา ไม่เช่นนั้นทุกอย่างในชีวิตอาจสายเกินไป สภาวะจิตทำให้เราเดินสายกลางที่อาจเป็นเรื่องจริงและไม่จริง และย้ำว่าพระจะคุ้มครองผู้ที่ปฏิบัติธรรมเสมอ

    แม้ว่าเธอจะได้ช่วย เหลือคนให้พ้นทุกข์แล้ว วารุณีก็ไม่เคยใช้สิ่งเหล่านี้แสวงหาประโยชน์ใดๆ เพียงมีคำสอนให้กับตัวเองว่า ไอ้บ้า ไอ้บอ ไอ้ยก ไอ้ยอ ไอ้ปอ ไอ้ปั้น อย่าเอามันมาเป็นเพื่อน เพราะไอ้พวกนี้จะทำให้เราเผลอลืมตัว และลำดับต่อจากนี้เป็นความรู้สึกของผู้ที่ได้สัมผัสกรรมด้วยจิตกับวารุณี

    นาง ศรีนวล จันทพัฒน์ กล่าวว่า เวลาผ่านมาประมาณ ๒๐ ปีแล้ว ในเดือนตุลาคม ๒๕๔๔ ได้ไปร่วมงานทำบุญทอดกฐินสามัคคีที่ จ.ระยอง ไปกับเพื่อนหลายคน และได้ไปพักที่กุฏิของเพื่อนคนหนึ่งที่ปลูกไว้เพื่อใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม เวลาไปวัด ระหว่างนั้นเองวารุณีได้บอกว่า มีวิญญาณดวงหนึ่งมาปรากฏให้เห็นเป็นผู้ชาย ต้องการจะสื่อสารผ่านฝากกับดิฉัน พร้อมระบุลักษณะของวิญญาณให้ฟัง

    เมื่อ รับฟังว่าเป็นพ่อจริง บวกกับให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น วารุณีได้ถามว่า พ่อเป็นข้าราชการใส่ชุดสีกากี มีเหรียญเงินรูปเสด็จพ่อ ร.๕ เหรียญใหญ่ ที่มีไว้สำหรับติดหน้าอก เห็นพ่ออยู่ในที่มืดมากได้รับความลำบากมาก วารุณีบอกว่านอกจากแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลแล้ว ต้องไปหาวิธีทางศาสนาเอาเอง เพื่อให้วิญญาณของพ่อได้รับบุญที่ทำอันนี้

    วันหนึ่งได้ไปเลี้ยง อาหารเพลพระที่วัดพิเรนทร์ ย่านวรจักร โดยได้เล่าเรื่องที่ประสบให้กับหลวงพ่อ (พระคำนวณ) ได้ฟัง ท่านได้แนะนำให้ให้ถวาย******บพระธรรม และหนังสือพระธรรม ที่ใช่ในการสวดพระอภิธรรมครบชุด คือ กระถางธูป เชิงเทียน แจกันดอกไม้ ตาลปัตร อาสนะ พร้อมอุทิศไปให้กับพ่อที่ชื่อ นายสด จันทพัฒน์

    "วัน ต่อมาก็ได้ให้คุณวารุณีช่วยติดต่อพ่อในภพภูมิที่เจอใหม่อีกครั้งว่า แล้วมาคราวนี้คุณวารุณีบอกว่าวิญญาณดวงนั้นได้พ้นจากความทุกข์ในความมืดแล้ว ลอยขึ้นไปและมีแสงสว่างนวลรอบๆ ตัว ดวงหน้ายิ้มแย้ม นั่นแสดงว่าได้เปลี่ยนภพภูมิดีขึ้นกว่าเก่าแล้ว"

    เช่นเดียวกับความ รู้สึกของนางราชาวดี เล่าว่า มีอยู่มาวันหนึ่งได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนและหลานสาวลูกของพี่ชายคน หนึ่ง พวกเราได้ถ่ายรูปร่วมกัน เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วได้เอารูปถ่ายที่ได้ไปเที่ยวมา เอาไปให้เธอดูตามประสาเพื่อนฝูง พอวารุณีดูรูปแล้วก็เอามือชี้ไปที่หลานสาว แล้วถามว่า คนนี้เป็นใคร เพราะผู้หญิงคนนี้มีเงาดำคาดอยู่ที่หน้า แต่รูปจริงๆ แล้วไม่มีเงาดำคาด

    เธอเองได้บอกให้ไปเตือนหลานสาว ระวังตัวไว้ เวลาผ่านไปประมาณ ๖ เดือนให้หลัง หลานสาวคนนี้ก็ตายด้วยโรคมะเร็งฉับพลันแบบไม่รู้ตัวมาก่อนว่าเขาเป็นโรค มะเร็งตับ ๑ ปีต่อมา พี่สาวคนโตของตัวเองก็เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ และได้ถามวารุณีว่า สัมผัสกับผู้ตายได้บ้างไหม คำตอบที่ได้ก็คือ

    " เห็นพี่สาวของตัวเองร้องไห้เป็นห่วงกังวลเรื่องเงินสิบล้านบาท รู้สึกงงมากเพราะไม่รู้มาก่อนว่าพี่สาวมีหนี้สินอะไรบ้าง ลูกทุกคนของเขาก็ตกใจมาก ไม่มีใครรู้เรื่องมาก่อน เธอสื่อผ่านมาเพื่อให้น้องช่วยเหลือและใช้หนี้ที่เป็นอยู่กับธนาคารด้วย"

    ขณะ ที่ น.ส.เบญจวรรณ ศิริสุขสมบูรณ์ อาชีพค้าขาย กล่าวต่อว่า ครั้งแรกที่มาพบวารุณีกับเพื่อน ก็ไม่ค่อยมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งเร้นลับเรื่องราวของกรรมอะไรมากนัก ความรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที เมื่อคุณวารุณีทักขึ้นว่ามีผู้หญิงนุ่งขาวยืนอยู่ด้านหลัง ก็ได้บอกไปคงเป็นอาจารย์ที่สวดมนต์อยู่บ้าน แต่ทำไมคุณวารุณีถึงรู้ แม้แต่เรื่องหนี้สินธนาคารทำไมเธอถึงล่วงรู้ ขนาดรู้กระทั่งว่าย่าถูกโกงที่ดินตั้ง ๕๐๐ ไร่

    "พี่เขาก็พาไปไหว้ ทำบุญ แล้วพี่เขาก็ถามขึ้นมาว่ามีคนหนึ่งหน้าแป้นๆ กลมๆ ขาวๆ ตาสวยๆ พี่ก็ถามว่าใคร แล้วพี่ก็บอกไปว่าผู้หญิงคนนั้นคือป้าของพี่เอง โดยป้าคนนี้ได้มาขอบคุณที่เราได้ไปทำบุญให้ที่วัดพระแก้ว มันเป็นเรื่องแปลกอย่างมาก ที่พี่ยังไม่เคยได้คุยกับพี่เขามาก่อนเลย แล้วความคิดของพี่ก็เปลี่ยนไปเมื่อได้เจอกับตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ"

    นอก จากนี้ พระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ) เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี กล่าวเสริมว่า ศาสนาพุทธยังเป็นศาสนาแห่งมนุษยนิยม มีความมั่นใจในศักยภาพของมนุษย์ที่จะช่วยตัวเองให้พ้นทุกข์ และมีความสุขที่แท้จริงได้ด้วยการกระทำของตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยอำนาจภายนอก ตัว ดังเห็นได้จากคำสอนเรื่องกฎแห่งกรรม หรือกรรมนิยาม ที่ให้กรรมของคนแต่ละคนเป็นสิ่งกำหนดชะตากรรมของผู้กระทำ ในทำนอง

    หว่าน พืชไว้อย่างไรย่อมได้รับผลอย่างนั้น ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ความสุขและความทุกข์ของมนุษย์ขึ้นอยู่กับการกระทำของมนุษย์เอง ศาสนาพุทธเรียกการกระทำที่เป็นบ่อเกิดของความสุขและความทุกข์ว่า กรรม การใช้เจตนาเป็นฐานสำคัญของการกระทำที่เป็นกรรม มีผลให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งทางสายกลาง ไม่สุดโต่งเกินความจริง

    อย่าง ไรก็ตาม ผู้อ่านที่สนใจสามารถติดตามเรื่องราวในหนังสือ มิติซ้อนมิติ ของ วารุณี สวัสดิภักดิ์ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักพิมพ์ช่อแก้ว ๑๒๗/๒๘ หมู่ ๘ ซอยติวานนท์ ๒๗ ถนนติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี โทร.๐-๒๕๘๘-๒๓๘๕, ๐-๒๙๕๐-๐๐๔๔ กด ๐

    0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง 0
    0 ภาพ นัทพล ทิพย์วาทีอมร 0

    ที่มาจากหนังสือพิมพ์ : [​IMG]
     
  2. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    อาจารย์จะไปปฏิบัติธรรมที่อินเดียวันที่1-22ธ.ค.2552ครับไม่อยู่ ใครจะกราบพบท่านสนทนาธรรมกับท่านได้ตั้งแต่วันนี้และหลังจากท่านกลับจากอินเดียครับ
     
  3. shesun

    shesun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +1,327
    ไม่เคยรู้จักท่าน อ่านแล้วน่าสนใจ และน่าสนทนาด้วย คงมีความรู้หลายอย่างที่จะศึกษาจากท่านได้ ปกติอาจารย์อยู่ที่ไหน ติดต่อได้อย่างไร ต้อนรับแขกทั่วไปหรือไม่ และสะดวกช่วงใด ขอบคุณค่ะ
     
  4. siranyapat

    siranyapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +382
    ขอทราบด้วยคนค่ะเพราะห่วงเรื่องคุณพ่อที่เสียไปแล้วเช่นกัน
    อยากทราบว่าที่เราสวดมนต์ถือศิลทุกวันท่านจะเป็นอยู่สบายหรือไม่ อนุโมทนาสาธุกับการทำบุญช่วยคนของอาจารยื
     
  5. สร้อยทอง

    สร้อยทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +221
    อยากจะรู้จักท่านเหมือนกันค่ะ มีปัญหาหลายอย่างจะถาม ท่านอยู่ที่ไหนหรือค่ะ
     
  6. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    อยากพบอาจารย์ลองโทรไปที่0896614774 คุณเปิ้ลเป็นศิษย์ใกล้ชิดท่านครับท่านปลีกวิเวกสร้างสถานปฏิบัติธรรมอยู่ที่ไทรน้อยครับ ลองสนทนาธรรมกับท่านดูครับ อย่าไปถาม ถ้าท่านเห็นอะไรจะบอกเอง ท่านไม่ชอบดูดวงไร้สาระครับ
     
  7. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เลยตลาดน้ำไทรน้อย วัดไทรใหญ่ ไปหน่อยประมาณ2กม.ครับ สถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต
     
  8. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    รายการ84000ไปขอถ่ายทำท่านปฏิเสธไป เพราะท่านไม่ได้หากินท่านต้องการบรรลุธรรมและถ้าผู้ใดมีกุศลร่วมกันมาก็จะได้พบปะสนทนาธรรมกัน
     
  9. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, Thonburi]มิติซ้อนมิติ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, Thonburi] ผม เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเรื่องลึกลับและลี้ลับ เมื่อสามสิบปีก่อน ผมสะสมหนังสือประเภทมนุษย์ต่างดาว ไสยศาสตร์ และ เรื่องอำนาจเหนือธรรมชาติ เอาไว้มากมายเป็นร้อย ๆ เล่ม มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หนังสือบางเล่มก็เขียนอย่างดีมีหลักฐานน่าเชื่อถือมาก แต่บางเล่มก็เขียนแบบเดาสุ่ม ตอนนั้นผมนำเรื่องเหล่านั้นมาเขียนเผยแพร่ไปหลายตอน แต่เขียนไปเขียนมาก็รู้สึกว่าเนื้อหาที่เขียนไม่ได้ให้ความรู้อะไรแก่ผู้ อ่าน อีกทั้งเรื่องที่เขียนนั้นผมก็ไม่ได้ประสบมาด้วยตัวเอง อย่างเช่นเรื่อง UFO ผมก็ไม่เคยเห็น แม้จะพยายามเลือกที่นั่งในเครื่องบินให้ใกล้หน้าต่าง แล้วคอยมองดูท้องฟ้าเสมอ ๆ ก็ไม่เคยพบเห็นจานบินสักลำ ในที่สุดผมก็เลิกเขียน แต่ยังอ่านอยู่[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, Thonburi] เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมไปพบหนังสือเรื่อง มิติซ้อนมิติ ของคุณวารุณี สวัสดิภักดิ์ เข้า จึงซื้อมาอ่านแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องนำมาแนะนำให้อ่านกัน[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, Thonburi] คุณวารุณีเป็นชาวพุทธ์ซึ่งเดิมไม่ค่อยจะสนใจทำบุญทำทานมากนักจนกระทั่งวันหนึ่งเกิดปัญหาหูดับฟังอะไรไม่ได้ยิน สามีของคุณวารุณีจึงพาเธอไปเข้าวัดและหัดนั่งสมาธิกับท่านพ่อซึ่งเป็นพระภิกษุที่มีศีลาจาวัตรงดงาม เมื่อหัดนั่งสมาธิได้แล้วคุณวารุณีก็ได้ประจักษ์ว่าตนเองสามารถติดต่อและเห็นอีกภพภูมิหนึ่งได้ สามารถรู้ปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งเกิดความสังหรณ์ใจล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นได้ นั่นรวมไปถึงกรณีที่คุณวารุณีเห็นว่าท่านพ่อจะมรณภาพหลังจากสร้างพระอุโบสถเสร็จ ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, Thonburi] ข้อเขียนของคุณวารุณีในเล่มนี้ผู้อ่านหลายคนอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล แต่ผมเองกลับเห็นว่าเป็นความกล้าหาญของคุณวารุณีที่นำเรื่องเหล่านี้มาบอกเล่าให้เรารับทราบกัน ผมเองเชื่อในเรื่องการตายแล้วเกิด (รวมทั้งตายแล้วสูญ) เชื่อในเรื่องภพภูมิต่าง ๆ และเชื่อว่าคนที่มีความสามารถในการมองทะลุภพภูมิอย่างคุณวารุณีนั้นมีอยู่จริง เพียงแต่การบอกให้คนอื่นทราบนั้นอาจจะถูกคนที่ไม่เชื่อหัวเราะเยาะเอาได้[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, Thonburi] ความ เชื่อในเรื่องเหล่านี้มีมาคู่กับคนไทยนานหลายร้อยปีมาแล้ว แต่ความเชื่อนั้นจะต้องเชื่อให้ถูกต้องตามหลักการของพุทธศาสนา ยกตัวอย่างเช่น การเชื่อเรื่องกรรม ก็ต้องเข้าใจให้ถูกว่า กรรมมีส่วนกำหนดให้เรามาเกิดและดำรงอยู่ในสภาพปัจจุบันก็จริงอยู่ อย่างไรก็ตามการกระทำของเราตั้งแต่เด็กจนเป็นผู้ใหญ่ก็เป็นกรรมเหมือนกัน และ การกระทำนั้นก็มีส่วนกำหนดให้เราเป็นสิ่งที่เราเป็นอยู่ในขณะนี้ด้วยไม่ใช่ กรรมในอดีตชาติอย่างเดียว ดังนั้นเราจะต้องคิดดี พูดดี ทำดี เพื่อให้เกิดเป็นการกระทำที่ดี ซึ่งก็จะทำให้เป็นกรรมใหม่ที่จะส่งผลต่อ ๆ ไปในทางที่ดีแก่ตัวเรา[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, Thonburi] ยกตัวอย่างเช่น บางคนเกิดมาสมองดีมีความจำดีเรียนอะไรก็รู้ตามได้รวดเร็ว นั่นอาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งของกรรมในอดีตชาติ แต่ถ้ามาในชาตินี้ไม่ได้พยายามขวนขวายเรียน ไม่ได้ตั้งใจเรียน ก็จะไม่สามารถทำคะแนนได้ดีจนกระทั่งเป็นดุษฎีบัณฑิตได้ อีกนัยหนึ่งก็คือ กรรมในอดีตอย่างเดียวไม่สามารถทำให้คนเป็นด็อกเตอร์ได้ ต้องอาศัยการศึกษาอย่างจริงจังและคร่ำเคร่งด้วย แต่ก็อีกนั่นแหละ แม้จะมีกรรมในอดีตชาติที่ส่งเสริมผลักดันให้ได้เรียน แม้จะศึกษาอย่างคร่ำเคร่งมากมายซึ่งเป็นกรรมที่เกื้อหนุนส่งเสริมมากมาย แต่ก็อาจจะไม่สามารถได้ปริญญาเอกได้ เพราะมีกรรมอื่นในอดีตมาขัดขวาง และบางคนอาจจะมีอุปฆาตกรรมจากอดีตมาตัดรอนพรากชีวิตไปโดยไม่ทันจะจบด้วยซ้ำ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, Thonburi] ย้อนกลับมาที่หนังสือเรื่องมิติซ้อนมิติอีกครั้ง หนังสือนี้ความจริงมีสองส่วน ส่วนที่คุณวารุณีเขียนเองส่วนหนึ่ง และ ส่วนที่ทางสำนักพิมพ์ได้ขอให้ผู้ที่คุณวารุณีเคยช่วยเหลือได้ส่งเป็นเรื่องเข้ามาร่วมตีพิมพ์ด้วย ผมจะไม่วิจารณ์เนื้อหาที่คุณวารุณีและผู้อื่นเขียนในที่นี่ แต่อยากจะเชิญชวนให้ลองหาซื้อมาอ่านกันเองก็แล้วกัน
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, Thonburi]ข้อมูลจาก
    [/FONT]
    IT Idea for Spiritization by Dr.Kanchit Malaivongs[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, Thonburi]
    [/FONT]
     
  10. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    <table id="post2596560" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_2596560" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);">ปัญหา โลกแตกอย่างหนึ่ง ซึ่งมีข้อถกเถียงที่ไม่มีวันสิ้นสุด คือ "นรก สวรรค์ ชาติที่แล้ว ชาติหน้า มีจริงหรือไม่" แต่ก็มีเหตุผลหนึ่งที่ดีที่สุดคือ "นรก สวรรค์ ชาติที่แล้ว และชาติหน้า เป็นกลอุบายอย่างหนึ่งที่ให้คนทำความดี ละเว้นจากความชั่ว เพื่อสังคมมนุษย์จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข"

    แต่ สำหรับ นางวารุณี สวัสดิภักดิ์ ผู้เขียนหนังสือ มิติซ้อนมิติ เชื่อว่า นรกและสวรรค์มีจริง โดยให้เหตุผลของการเขียนหนังสือในครั้งนี้ว่า

    " ถึงแม้จะเป็นการสัมผัสเห็นด้วยจิตและสมาธิของตนเองก็ตาม การเขียนหนังสือ มิติซ้อนมิติ เรื่องจริงเล่าสู่กันฟัง เพื่อไม่ให้ทุกคนประมาทกับบาปบุญ ดังนั้นจงรีบเร่งเพียรภาวนา ไม่เช่นนั้นทุกอย่างในชีวิตอาจสายเกินไป"

    นาง วารุณี เล่าว่า โดยปกตินิสัยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่เชื่ออะไรยากต่อสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ โดยเฉพาะเรื่องการมองเห็นภพภูมิ หรือตาทิพย์ หูทิพย์ นอกจากจะไม่เชื่อแล้ว ยังต่อต้าน และบ่อยครั้งที่หลีกเลี่ยงจะไม่เข้าอย่างเด็ดขาด

    อยู่ มาวันหนึ่ง วิบากกรรมตามทัน ทำให้ตนสูญเสียการได้ยิน ความรู้สึกขณะนั้นสูญสิ้นไม่มีอะไรให้หวังอีกต่อไป จิตใจฟุ้งซ่านไม่มีที่ยึดเหนี่ยว คิดมากอยากจะฆ่าตัวตาย

    ถือ ว่าโชคดีที่สามี (ถวัลย์ เก็งวินิจ) ตามไปทันเวลา บนสะพานกรุงธนฯ แถวบางพลัด ก่อนที่จะกระโดดแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ดูโลกมาจนถึงทุกวันนี้

    ต่อมาสามีได้พาเข้าวัดไปพบกับ พระครูญาณวิศิษฎ์ (หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก) เจ้าอาวาสวัดธรรมสถิต อ.เมือง จ.ระยอง ในขณะนั้น

    สาเหตุ ที่สามีพาเข้าไปกราบหลวงพ่อเฟื่อง ก็เพราะเขาเห็นว่า ภรรยาดูเศร้าซึม จนตัวเขาเองหมดปัญญาที่จะปลอบโยน วันนั้นหลวงพ่อเฟื่องได้ไปถึงวัดพร้อมกับสามีและเพื่อนรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง สามีพาเข้าไปในห้องโถงกว้างพอประมาณ ที่หลวงพ่อเฟื่องได้ใช้เป็นที่รับแขกสอนการนั่งสมาธิภาวนา และมีห้องพักสำหรับจำวัดอยู่ในตัว มีลูกศิษย์มานั่งสมาธิภาวนากันหลายคน สามีได้บอกกับหลวงพ่อเฟื่องว่า ภรรยาหูดับ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แต่วันนี้ยอมลดทิฐิมาวัดได้แล้ว

    นาง วารุณี เล่าต่อว่า ก่อนหูจะดับไม่ได้ยินเสียอะไรเลยนั้น มีปัญหาครอบครัวกัน ทะเลาะกับสามีมาตลอด เพราะสามีชอบไปวัดที่ต่างจังหวัดทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อไปช่วยท่านพ่อสร้างเจดีย์ สร้างโบสถ์ สร้างองค์พระบนเขา โดยตนเองไม่ชอบ และมีความเห็นว่าที่สามีทำมันมากเกินไป ทำให้เกือบเกิดการหย่าร้างกัน เป็นเหตุทำให้ต่อต้านสามี ทำให้ชื่อเสียงของนางวารุณีจึงเป็นที่รู้จักของลูกศิษย์คนอื่นๆ ในวัดที่รู้จักสามีเป็นไปในทางลบ มองว่าร้ายกาจ และตัวเองก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง

    อย่าง ไรก็ตาม หลังจากมาหัดนั่งสมาธิ ทำให้เกิดจุดหักเหจากที่เคยต่อต้านสามีก็เลิกต่อต้าน และเริ่มค้นหาความอัศจรรย์ของจิต ทุกวันนี้เวลาล่วงเลยมานานกว่า ๒๐ ปี ก็ไม่เคยลืมเหตุการณ์เกี่ยวกับพลังจิตที่ได้พบในครั้งแรก ทำให้ปัจจุบันนี้เข้าใจแล้วว่า เรื่องการนั่งสมาธิให้ผลแบบไหน

    " เรื่องของพลังจิตเป็นอย่างไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ธรรมปัญญาสมาธิแตกต่างจากนิมิตพลังจิตแบบไหน ทุกวันนี้กล้าพูดได้ว่า ธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งใหญ่ไม่มีอะไรเปรียบเทียบ และจะไม่ขอกลับไปเป็นคนหยาบมืดบอด เปรียบเหมือนบัวในตมเหมือนก่อนหน้านั้นอีกต่อไป" นางวารุณี กล่าวพร้อมกับเล่าต่ออีกว่า

    ต่อมาหลวงพ่อ เฟื่องได้สร้างเจดีย์บนยอดเขาเสร็จแล้ว ท่านจึงดำริจะสร้างโบสถ์ด้านล่างของเจดีย์ถือเป็นช่วงที่เข้าวัดเป็นประจำ วันหนึ่งวารุณีได้ไปกราบหลวงพ่อเฟื่องเหมือนเคย ประมาณ ๕ ทุ่มจึงได้สะกิดสามีให้กลับ หลวงพ่อเฟื่องคงสังเกตเห็นจึงเรียกสามีให้เข้าไปใกล้ แล้วก็พูดเบาๆ ว่า อย่าเพิ่งกลับ หลังจากนั้นหลวงพ่อเฟื่องให้นั่งสมาธิต่อหน้า

    ใน การนั่งสมาธิครั้งนี้นั้น นางวารุณี บอกว่า จิตใจสงบได้ง่าย ภาวนาพุท-โธ จับลมแบบอานาปานสติตามที่ท่านพ่อสอน เวลาผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงก็เกิดภาพนิมิต เหตุการณ์ที่มองเห็นช่างเหมือนกับดูหนัง เห็นตนเองยืนอยู่ที่ทุ่งหญ้าเขียวขจี กว้างใหญ่สุดลูกตา อากาศขณะนั้นเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาว มองเห็นต้นโพธิ์ใหญ่ใบเขียวสด ที่โคนต้นโพธิ์เห็นพระสงฆ์รัศมีเปล่งปลั่ง ผิวพรรณเหลืองอร่าม ห่มจีวรเหลืองสุกใส ศีรษะมองไกลๆ เขียวเหมือนพระเพิ่งปลงผมใหม่ๆ มีแสงนวลเย็นตาเป็นรัศมีรูปวงกลม รอบองค์ท่านมีพระสงฆ์มีรัศมีเปล่งปลั่งใกล้เคียงกันนั่งล้อมเป็นวงกลม

    ขณะ ที่มองเห็นนั้น ความรู้อิ่มเอิบอย่างบอกไม่ถูก จิตใจพลังสดชื่นจนไม่สามารถอธิบายได้ ใกล้เคียงกับอาการของจิตที่เกิดขึ้นในขณะนั้นกำลังมองภาพเบื้องหน้าเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงบอกว่า นั่นคือภาพของ พระอริยบุคคล ที่กำลังเทศนาสนทนาธรรม เมื่อหันไปที่เสียงบอก ก็เห็นพระสงฆ์รูปหนึ่ง ในความรู้สึกเวลานั้นคิดว่าเป็นหลวงพ่อเฟื่องแต่ใบหน้าไม่เหมือนกัน จึงนั่งลงยกมือไหว้ และพระสงฆ์รูปนั้นได้พูดตอบมาว่า "ลุกขึ้นเถอะ จะพาไปเที่ยวดูคนที่ทำผิดศีลธรรมที่ถูกลงโทษจะได้สะดุ้งกลัวต่อบาป"

    ทัน ใดนั้นจึงลุกขึ้นยืน พระองค์นั้นยืนอยู่ข้างหน้า แผ่นดินที่ยืนอยู่ลอยได้เหมือนลิฟต์ ผ่านสถานที่ต่างๆ ไปเรื่อยๆ แล้วก็มาหยุดตรงหน้าประตูไม้ใหญ่โตสูงเทียมภูเขา มีคนเฝ้าไม่ใส่เสื้อ นุ่งผ้าโจงกระเบนสีแดง ตัวใหญ่โตเกือบเท่าประตู เห็นเพียงแค่ขามองไม่เห็นใบหน้า เมื่อเขามองเห็นพระสงฆ์องค์นั้น เขาย่อตัวลงมาพร้อมนั่งพนมมือคุกเข่าไหว้พระสงฆ์ พูดเสียงก้องกังวานว่า

    "นมัสการพระคุณเจ้า ลงมาถึงภพภูมิคนบาป ประสงค์สิ่งใดหรือ ?"

    พระ สงฆ์รูปนั้นก็ตอบกลับไปว่า "พาเขามาดูคนที่ทำบาปผิดศีลธรรมเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ ตายไปแล้วได้รับโทษอย่างไร" คนที่เฝ้าประตูพนมมือพร้อมกับพูดว่า "ชมได้แต่อย่านาน" พระสงฆ์พยักหน้าแบบรับรู้ ประตูจึงเปิดออกได้เองโดยที่ไม่เห็นมีใครมาเปิด

    นาง วารุณี เล่าต่อว่า ทันทีที่ประตูเปิดออกให้เห็นกระทะใบใหญ่เกือบเท่าภูเขา หรืออาจใหญ่ประมาณหินก้อนมหึมา ๓ หรือ ๔ ก้อน ที่ใช้เป็นขารองรับกระทะช่างใหญ่โตมาก เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงร้อนแรงจนความรู้สึกเหมือนกับร่างของตนเองแทบละลาย พระสงฆ์องค์นั้นยืนสงบนิ่ง ชั่วอึดใจความร้อนเริ่มคลายลงจนเป็นปกติเหมือนไม่ได้อยู่ใกล้ไฟ ทำให้มองเห็นภาพเบื้องหน้าได้ชัดเจน

    กระทะ ใบใหญ่นั้นมีน้ำมันที่กำลังเดือดพล่าน ภายในกระทะนั้นเต็มไปด้วยมนุษย์ ต่างพากันร้องโหยหวนตะเกียกตะกายจะออกจากกระทะใบนั้น แต่ก็ออกไม่ได้ บางคนตักน้ำเดือดๆ ใส่ปากตนเอง เสียงร้องที่โหยหวนของคนที่อยู่ในนั้น เห็นแล้วน่าสยองขวัญมาก ความรู้สึกตอนนั้นไม่รู้สึกกลัวใดๆ จึงได้ถามชายร่างใหญ่นั้นว่า คนที่ถูกต้มในกระทะเขาทำผิดอะไร ถึงได้ถูกต้มและตักน้ำร้อนกรอกปากตนเอง

    เขา ก็ตอบกลับมาว่า "คนพวกนี้เมื่อมีชีวิตอยู่ชอบกินเหล้า ชอบคอรัปชั่น ชอบนินทา ชอบให้ร้ายคนอื่น ชอบโกหก ชอบยุให้เขาทะเลาะกัน ชอบพาคนอื่นให้เดินผิดทางธรรม ปากอย่างใจอย่าง เมื่อตายแล้วต้องรับโทษแบบนี้"

    เรื่องราว ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งที่นางวารุณีเขียนไว้ในหนังสือ มิติซ้อนมิติ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักพิมพ์ช่อแก้ว ๑๒๗/๒๘ หมู่ ๘ ซอยติวานนท์ ๒๗ ถ.ติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี โทร.๐-๒๕๘๘-๒๓๘๕, ๐-๒๙๕๐-๐๐๔๔ กด ๐

    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->กรุณาอย่าด่า ประนามถ้าขัดจริตท่านบางคน! ไม่ใช่คนดีนักหนา แต่เบื่อหน่ายการทำเลวจ๊ะเข้าใจไหม?<!-- google_ad_section_end -->
    </td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px 1px;"> [​IMG] [​IMG] <script type="text/javascript"> vbrep_register("2596560")</script> [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 0px 1px 1px 0px;" align="right"> [​IMG] [​IMG]</td></tr></tbody></table>
     
  11. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ทำอย่างไรจะแก้กรรมที่ทำมา...<o:p></o:p>
    เรียนรู้ในหนังสือ‘คนเห็นกรรม’<o:p></o:p>
    เปิดตัวไปแล้วอย่างธรรมล้นใจ สำหรับ หนังสือคนเห็นกรรม โดยสำนักพิมพ์ เอ็นเค กรุ๊ป พับลิชชิ่ง ด้วยงานเรียบง่ายแต่เนื้อหาน่าติดตาม ทำให้แฟนคลับนักเขียน แขกรับเชิญ และผู้ที่สนใจแก้กรรมแน่นขนัด จนลานกิจกรรมหน้าร้านซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ พารากอนแทบแตก <o:p></o:p>
    ด้วยกิจกรรมคนเห็นกรรม...ชวนทำดี เปิดตัวหนังสือ ‘คนเห็นกรรม’ โดย... สุทธิคุณ กองทอง ที่มาเปิดเผยเรื่องราวของกฏแห่งกรรมทั้งดีและร้ายให้ได้รู้เท่าทัน <o:p></o:p>
    โดยมี กฤษณะ ไชยรัตน์ เป็นพิธีกร พร้อมด้วยแขกรับเชิญที่เชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรม กองทัพธรรม สนทนาธรรมกับหลวงพ่อ สำราญ ถามาโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางโพธิ์ใน และภิกษุณีอัมพิกา อัคคชินญาณ เจ้าอาวาสวัดโฝวกวงซัน <o:p></o:p>
    สัมผัสความเชื่อในกฎแห่งกรรมของคนดัง อาทิ ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช, พล.ต.ดร.ขัตติยะ สวัสดิผล และ ส.ว.รสนา โตตระกูล, ม.ร.ว แม้นนฤมาศ ยุคล, สุรบถ หลีกภัย และขัตติยา สวัสดิผล ต่างก็เปิดใจใฝ่ธรรมะออกมาอย่างชัดเจน<o:p></o:p>
    นอกจากนี้ยังมี ส.ส.รังสิมา รอดรัศมี, ส.ส.องอาจ คล้ามไพบูลย์, ภักดิพร สุจริตกุล, ลีน่า จังจรรยา, วัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี, มาริสา ชิว, สุชาติ ชวางกูร, เอิร์ธ สายสว่าง ฯลฯ ร่วมแสดงความยินดีอีกด้วย<o:p></o:p>
    สำหรับหนังสือ “คนเห็นกรรม” เล่มนี้ ได้รวบรวมเรื่องราวของผู้เห็นกรรม 4 ท่าน ที่ผู้เขียนได้สัมผัสมาแล้วด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็น "หมอนิด-กิจจา ทวีกุลกิจ" ผู้สามารถมองเห็นกรรมจากการตรวจดวงวิญญาณและตั้งดิถีธาตุ <o:p></o:p>
    "ซัน-สุรพัฒณ์ ศิริรัตนสิทธิ์" ผู้ที่มีความสามารถเห็นเคราะห์กรรมของคนอื่นได้อย่างเหลือเชื่อ <o:p></o:p>
    "วารุณี สวัสดิ์ภักดิ์" จาก ที่ชีวิตไม่เคยเชื่อในเรื่องเหล่านี้ ขนาดสามีไปทำบุญที่วัดเธอยังด่าทอไม่มีดี แต่สุดท้ายเธอหันมาปฏิบัติธรรมจนเป็นอีกคนที่รู้กรรมทั้งในอดีตชาติและ ปัจจุบันชาติ <o:p></o:p>
    ตลอดจน "พัชรินทร์ บูรีจิตตินันท์" ผู้ ที่ไม่เคยเชื่อในเรื่องของกรรม และคิดว่าตายแล้วต้องสูญ แต่ความคิดเหล่านั้นเปลี่ยนไป เมื่อเธอตายแล้วฟื้น เพราะได้ท่องดินแดนด่านนรกสวรรค์ เรื่องราวของพวกเขาทั้งสี่จะช่วยเตือนสติคุณได้เป็นอย่างดีในความไม่ประมาท เชื่อในบาปบุญคุณโทษ โดยเฉพาะ "กรรม" ที่เป็นตัวกำหนดบทบาทชีวิตของคุณในขณะนี้ <o:p></o:p>
    กรรม กำหนดชะตากรรม... ทำอย่างไรจะแก้กรรมที่ทำมา ร่วมไขคำตอบของปัญหาของปัญหากันได้ใน “คนเห็นกรรม” หนึ่งผลงานคุณภาพของ สำนักพิมพ์ เอ็นเค กรุ๊ป พับลิชชิ่ง หาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
     
  12. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    <table td="" style="border-bottom: 0px solid rgb(247, 140, 159);" width="100%" border="0" cellpadding="8" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top" bgcolor="#fde3e8"><td width="50%" bgcolor="#fff3e8">Subject : กรรมของคนทำแท้ง และคนแนะนำให้ทำแท้ง
    From : เอ </td> <td width="50%" bgcolor="#fff3e8">Date : 15 August 2009 Report Delete
    View :
    715 </td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="53">
    [​IMG]
    </td> <td width="52">
    [​IMG]
    </td> <td width="70" align="left">
    [​IMG]
    </td> <td width="55">
    [​IMG]
    </td> <td> </td> </tr> </tbody></table> พอดีเอได้อ่านกระทู้เพื่อนคนหนึ่ง เลยอยากนำเรื่องนี้มาเป็นอุธาหรณ์ค่ะ

    เรื่องนี้เกิดจากคุณแม่เอเอง ได้ไปเจอกับคุณป้าต้อย หรือคุณวารุณี สวัสดิภักดิ์ (ผู้เขียนมิติซ้อนมิติ และหนึ่งในผู้ลงหนังสือคนเห็นกรรม) คุณป้าซึ่งไม่เคยได้รู้จักคุณแม่เอมาก่อน ได้ถามคุณแม่เอว่า เคยทำแท้งมาหรือเปล่า

    คุณแม่ก็ปฏิเสธไปว่า ไม่เคย

    คุณป้าก็ซักไปเรื่อยๆว่าไม่เคยจริงหรือเปล่า คุณแม่เอก็ปฏิเสธเช่นเดิม คุณป้าเลยถามใหม่ว่า แล้วเคยแนะนำให้ใครทำแท้งไหม...

    คุณแม่จึงระลึกได้ว่า เมื่อก่อนสักสิบกว่าปีมาแล้ว ที่บ้านเอมีพี่เลี้ยงอยู่คนนึง หน้าตาสะสวย อายุราวๆ18ปี วันหนึ่งพี่เลี้ยงเข้ามาปรึกษาว่าท้องแค่เดือนเดียว ไม่รู้ใครเป็นพ่อเด็ก อยากเอาเด็กออก คุณแม่เอจึงถามว่าแน่ใจแล้วหรอ แล้วคุณแม่ก็คิดว่าเด็กเกิดมาคงลำบาก จึงแนะนำให้ซื้อเบนโลมากิน

    แนะนำไปแค่นั้นจริงๆ...

    พี่เลี้ยงเอจึงซื้อเบนโลมาหนึ่งขวด กินแล้วเด็กก็หลุดเป็นก้อนเลือดออกมา

    เพราะสิ่งที่ป้าเห็นคือ มีเด็กเกาะขาคุณแม่เอ เกาะอยู่แน่น เด็กคนนั้นเป็นเด็กผู้ชาย อายุสิบกว่าขวบแล้ว ก่อนหน้านั้นทุกคืนช่วงสี่ทุ่มคุณแม่เอจะปวดขาอยู่ข้างเดียว โดยไม่รู้สาเหตุ(ที่ปวดตอนสี่ทุ่มคาดว่าเป็นเวลาตายของเด็ก)

    เด็กคนนั้น กลายเป็นเจ้ากรรมนายเวรตามติดตัวคุณแม่ คอยเกาะที่ขาคุณแม่ตลอดเวลา คุณแม่จึงถามคุณป้าว่าทำอย่างไรจึงจะหาย คุณป้าบอกว่าถ้าเด็กมีอายุขัย80ปี แต่เราไปทำให้เขาตายเสียก่อน เขาก็จะไปเกิดไม่ได้ กลายเป็นเจ้ากรรมนายเวรตามติดตัวเรา จนกว่าเขาจะหมดอายุขัย

    คุณแม่เอจึงถามไปว่าถ้าทำบุญหรือถวายสังฆทานไปให้จะดีขึ้นไหม คุณป้าจึงบอกว่าถ้าเขาได้เกิดเขาก็สามารถทำบุญเองก็ได้ แต่นี่เค้าไม่มีสิทธิ์เกิด เค้าถึงได้แค้นแรง

    หากใครได้หลงทำไปแล้ว เอขอแนะนำให้ทำบุญจงหนัก แล้วเผื่อแผ่ผลบุญไปให้เขาเรื่อยๆ แม้อาจไม่ดีขึ้นมากนัก แต่อย่างน้อยก็อาจลดความอาฆาตแค้นจากหนักให้เป็นเบา ให้ผลกรรมบางเบาลงไปเรื่อยๆค่ะ

    ส่วนใครที่คิดจะทำแท้งนั้น เอขอให้ตรึกตรองให้ดีค่ะ เด็กเค้าไม่มีความผิดอะไร เค้าไม่ควรถูกตัดสินด้วยการทำลายชีวิตเค้าค่ะ

    ในกรณีถ้าผู้ชายที่เป็นพ่อเด็กทอดทิ้ง ขอให้คิดว่าผู้ชายคนนั้นอาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรา แล้วเขามาเอาคืนเราในชาตินี้ หากเค้าทิ้งเราไปแล้วขอให้เราคิดว่าเราสิ้นสุดกรรมเวรกันแค่นี้ อย่าไปรั้ง อย่าไปยื้อ อย่าดึงดันฝืนเค้าให้มาอยู่กับเรา ปล่อยให้เค้าไปจากเราดีกว่าค่ะ แล้วปรึกษาคุณพ่อคุณแม่เรา แม้ว่าท่านจะโกรธหรือเสียใจ แต่เอเชื่อแน่ว่าท่านจะต้องเข้าใจและอภัยให้เราค่ะ

    แล้วขอให้เลี้ยงลูกให้ดี ทดแทนส่วนของพ่อที่ขาดหาย และให้เค้าเติบโตอย่างมีความสุขดีกว่าค่ะ

    หากต้องการกำลังใจก็เข้ามาเติมกำลังใจจากเพื่อนๆที่นี่ได้ค่ะ เอมั่นใจว่าเพื่อนๆที่นี่ยินดีมอบกำลังใจให้กันจนล้นปรี่เลยล่ะค่ะ

    เอ (กานต์สิรี นิ่มราศีชโลธร)
     
  13. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
  14. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [​IMG]
    <input id="sn_ccIdCommentControl0" value="8F4572D1563869A6!211" type="hidden"> nantiya narkmunwrote:
    ดิฉัน เคยอ่านนิยายเรื่อง"ตำนานรักข้ามภพ" แต่งโดย วารุณี สวัสดิภักดิ์ เป็นนิยายที่เกิดจากการบอกเล่าของผู้ไม่ปรากฎกาย (โดยสื่อทางจิต) คิดว่าสิ่งแปลกประหลาดที่ผู้เขียนเขาประสบมา มันเป็นสิ่งเล้นลับในโลกนี้ ซึ่งมีอยู่มากมาย ซึ่งบางคนเขาก็สื่อกันได้ ส่วนเราอาจจะจูนกระแสจิตไปไม่ถึงเขา จึงรับรู้ไม่ได้เช่นเขาเท่านั้นเองค่ะ


    กำเนิดพญานาค - Windows Live
     
  15. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    สวนหนังสืออาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม เอาใจคนชอบอ่านพ็อกเกตบุ๊กแนวธรรมะ-ปรัชญา สรรหาหนังสือดีมีคุณภาพมาฝากกันเต็มอิ่ม

    เริ่มกันที่ 2 ผลงานเล่มใหม่จาก สนพ.ซันมูนทรี “พาท่องโลกทิพย์” เรื่องเล่าชีวิตแห่งการค้นหาความจริงในโลกต่างมิติของใครบางคน อ้างอิงคัมภีร์ทางพระพุทธ ศาสนา จากความรู้ในพระไตร ปิฎก หลักกรรมที่ไม่งมงาย พิสูจน์ได้ด้วยตัวคุณเอง!

    “ลมหายใจสุดท้าย” หนังสือที่จะทำให้คุณเข้าใจความตาย ปรับกรอบความคิด เข้าใจความหมายของการมีชีวิตอย่างมีสติ มีคุณค่า ดุจดังตัวอย่างของ ท่านมหางามพล ที่เล่าถึงประสบการณ์และแง่คิดในการเป็นผีเสื้อตัวสวยงามที่หนอนไม่มีทาง เข้าใจ ถ้าไม่ได้ปรับกรอบความคิดให้ถูกต้อง

    “ธนาคารความสุข สาขา 2” จากมุมมองของผู้ชายชื่อ aston 27 ถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันด้วยข้อคิดทางธรรมผ่านโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างน่าสนใจ ทั้งเนื้อหาสาระในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งมุมมองของความรัก เรื่องงาน เรื่องเรียน รวมไปถึงเรื่องปกติ นำเสนอโดย พรีมา พับลิชชิ่ง

    “ผ้าเหลืองเปื้อนยิ้ม เล่ม 3 ตอน โลกนี้มีแต่รอยยิ้ม” ผลงานของ “ท่านกิตติเมธี” อ่านเรื่องราวดี ๆ สะท้อนแง่คิดของ สามเณรน้อย สาม เณรปุ้ย พระอาจารย์แก้ว เพิ่มความฮาและความน่ารักด้วยหลวงตาที่แสนดุ และเจ้าแม็กเด็กวัด จัดพิมพ์โดย สนพ.ใยไหม

    2 เล่มหน้าปกโทนฟ้าสดใสจาก สนพ.บี ไบรท์ ในเครือสถาพรบุ๊คส์ “วางลงก็เป็นสุข” เพราะชีวิตของคนเรามีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง มีขึ้นมีลง การได้เรียนรู้วิธีเสพสุขกับสิ่งที่มีอยู่ อาจช่วยให้ชีวิตพบความสุข เนื้อหาอันลุ่มลึกของหนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณได้รู้ถึงวิธีการปล่อยวาง ลดด้านลบ เสริมด้านบวก สัมผัสความสุขที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม

    “ธรรมะจากดวงใจแม่” รวมงานเขียนของ พระศรีญาณโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก ที่ล้วนแล้วแต่มีคุณค่า ช่วยส่งเสริมมโนธรรมให้เกิดขึ้นในจิตใจ รู้จักการบริหารชีวิต เข้าใจวิถีทางโลก ที่สำคัญคือ รู้จักการหยุดทุกข์ และรู้จักการให้อภัย

    “ตั้งสติได้ ใจพ้นทุกข์ สติปัฏฐาน ๔” บ่งบอกวิธีการทำใจให้เข้าถึงความดับทุกข์ด้วยการใช้สติในการเจริญวิปัสสนา เพื่อให้เกิดความรอบรู้ มีปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม เมื่อจิตไม่ยึดติดอะไรในโลก ก็จะไม่เป็นทุกข์ สร้างสรรค์โดย สนพ.อมรินทร์ธรรมะ

    แม้การทำสมาธิจะอยู่ในใจมนุษย์ทุกคน แต่การทำใจให้สงบนิ่งกลับไม่ใช่เรื่องง่าย “สมาธิ กุญแจไขความสุข” อธิบายถึงแนวทางปฏิบัติสมาธิที่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้อ่าน ได้เข้าใจแนวทาง และเข้าถึงความสุขที่เต็มอิ่มอย่างแท้จริง

    2 เล่มล่าสุดจาก เอ็นเค กรุ๊ป พับลิชชิ่ง “คนเห็นกรรม” รวมเรื่องราวของผู้เห็นกรรมทั้ง 4 ท่าน ที่ผู้เขียนได้สัมผัสมาแล้วด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็น “หมอนิด-กิจจา ทวีกุลกิจ” ผู้สามารถมอง เห็นกรรมจากการตรวจดวงวิญญาณ และตั้งดิถีธาตุ “ซัน-สุรพัฒณ์ ศิริรัตนสิทธิ์” ผู้มีความสามารถเห็นเคราะห์กรรม ของคนอื่นได้อย่างเหลือเชื่อ “วารุณี สวัสดิ์ภักดิ์” จากที่ชีวิตไม่เคยเชื่อในเรื่องเหล่านี้ ต้องหันมาปฏิบัติธรรม และ “พัชรินทร์ บูรีจิตตินันท์” ผู้ที่ไม่เคยเชื่อในเรื่องกรรม เรื่องราวของพวกเขาทั้ง 4 จะช่วยเตือนสติคุณให้เชื่อในบาปบุญคุณโทษ โดยเฉพาะ “กรรม”

    ตามต่อด้วย “99 วิธีแก้กรรมด้วยตนเอง” โดยสุทธิคุณ กองทอง ร่วมค้นหาสัจธรรมที่คุณมิอาจหลีกหนี 99 วิธีทำความดี เพื่อลดบาปกรรม สิ่งนี้อาจช่วยทำให้ชีวิตคุณมีความสุขขึ้นมาบ้าง

    “รหัสแห่งความสุข” หนังสือที่จะนำพาคุณไปไขรหัสนำทางความคิด ให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงวิธีการแก้ปัญหาความทุกข์ต่าง ๆ ที่พบเจอในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นทุกข์จากเรื่องงาน ความรัก หรือครอบครัว

    “รู้ก่อนตายไม่เสีย ดายชาติเกิด” งานเขียนของ ท่าน ว.วชิรเมธี อธิบายแนวคิดอันลึกซึ้งเกี่ยวกับความตายเพื่อให้เข้าใจในระบบคำสอนของพระ พุทธเจ้าในบทเรียนเรื่อง “มรณา นุสติ” ซึ่งเป็นบทเรียนที่มีเอาไว้ให้พุทธศาสนิกชนเรียนรู้เรื่องความตาย และมีทัศนคติต่อความตายอย่างถูกต้อง

    เธอคนนี้ไม่ใช่หมอดู ไม่มีอาคม หรือญาณวิเศษ แต่หากคุณกำลังเผชิญวิบากกรรม เธอสามารถช่วยคุณได้ “กรรมบำบัด” ค้นพบเทคนิคขจัดพลังด้านลบ การปรับตัวปรับใจให้สามารถอยู่ได้อย่างสงบสุข รวมถึงการบำบัดด้วยวิธีวิทยาศาสตร์เพื่อจัดการกับพลังงานในร่างกาย สนพ.กรีน ปัญญาญาณ ร่วมชี้แนะทางสว่าง

    ปิดท้ายที่ผลงานใหม่ล่าสุดจาก สนพ.แม็บบุ๊ค “สมาธิเบื้องต้นสำหรับชาวบ้าน” โดยพระครูปลัดสุวัฒนธีรคุณ ภายในเล่มพบการสอนวิธีฝึกสมาธิด้วยตนเองที่บ้านด้วยภาษาง่าย ๆ พร้อมภาพประกอบสวยงาม เหมาะสำหรับ นักอ่านทุกเพศทุกวัย จำหน่ายในราคาย่อมเยา สนใจหาซื้อได้ที่แผงหนังสือใกล้บ้าน.

    แก้วกล้า
     
  16. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ใครที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับอาจารย์วารุณีเชิญโพสต์ได้นะครับ
     
  17. rukthai

    rukthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +341
    ผมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เพิ่งจะรู้ัจักท่านจากกระทู้นี้เช่นกัน แต่อ่านข้อมูลคร่าวๆแล้วน่าสนใจมากเลยครับ ใครพอจะมีข้อมูลเพิ่มเติมบ้างมั้ยครับ <IFRAME align=top marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://www.getiton.com/go/g1176199-ppc" frameBorder=0 width=1 height=1></IFRAME>
    <IFRAME align=top marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://thai.th.nu/link/allweblink.html" frameBorder=0 width=1 height=1></IFRAME>
     
  18. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    นรก คือ อะไร
    ตายแล้วไปไหน... สถานที่ที่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ต้องเวียนว่ายตายเกิดมีอยู่ 31ภูมิ หากอยากจะทราบว่า ใครตายแล้วไปไหน หรือ อยากทราบว่า ตัวเราเองเมื่อตายแล้วจะต้องไปอยู่ที่ใด ก็มีวิธีสังเกตง่ายๆ คือ เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ เราชอบทำอย่างไร พอตายแล้วก็ต้องไปรับผลแห่งการกระทำของตนเองอย่างนั้น เรียกได้ว่า “ตายแล้ว ก็ไปสู่ที่ชอบ...ที่ชอบ” เช่น
    นรกขุมที่ 1 สัญชีวนรก

    [​IMG]

    เป็นสถานที่ สำหรับพวกที่ชอบฆ่าสัตว์ ชอบบี้มดตบยุงเป็นประจำ หรือฆ่ามนุษย์ด้วยกัน รวมทั้งฆ่าตัวตายด้วย ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่1 ชื่อว่า สัญชีวนรก ซึ่งเกิดขึ้นมาเพื่อรองรับผู้ที่ชอบการฆ่าโดยเฉพาะ
    นรกขุมที่ 2 กาฬสุตตนรก

    [​IMG]

    เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบลักขโมย ฉ้อโกง ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่2 ชื่อว่า กาฬสุตตนรก
    นรกขุมที่ 3 สังฆาฏนรก

    [​IMG]

    เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบประพฤติผิดในกาม ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่3 ชื่อว่า สังฆาฏนรก
    นรกขุมที่ 4 โรรุวนรก

    [​IMG]

    เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบพูดโกหก พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่4 ชื่อว่า โรรุวนรก
    นรกขุมที่ 5 มหาโรรุวนรก

    [​IMG]

    เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบดื่มสุรา หรือเสพสิ่งมึนเมา ยาเสพติด ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่ 5 ชื่อว่า มหาโรรุวนรก
    นรกขุมที่ 6 ตาปนนรก

    [​IMG]

    เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบเล่นการพนันทุกชนิด ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่6 ชื่อว่า ตาปนนรก
    นรกขุมที่ 7 มหาตาปนนรก

    [​IMG]

    เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบเที่ยวกลางคืน มัวเมาในอบายมุข ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่7 ชื่อว่า มหาตาปนนรก
    นรกขุมที่ 8 อเวจีนรก

    [​IMG]

    เป็นสถานที่ สำหรับพวกที่ทำอนันตริยกรรม เช่น ฆ่าบิดา มารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำสงฆ์ให้แตกกัน หรือทำพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่8 มีชื่อว่า อเวจีนรก (ถึงแม้จะทำแค่เพียงครั้งเดียว ไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ก็ถือเป็นกรรมที่หนักมาก ต้องตกอเวจีมหานรก ได้รับ ทัณฑ์ทรมานที่แสนสาหัส มีอายุยาวนานกว่านรกขุมอื่นๆ)

    ในทางตรงกันข้าม ถ้าชอบทำทาน รักษาศีล นั่งสมาธิเจริญภาวนา หรือชอบบำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุ 10ประการ ก็จะมีสวรรค์ 6ชั้น พรหม 16ชั้น อรูปพรหม 4ชั้น เป็นที่ไปเสวยผลบุญหลังจากละสังขารในโลกมนุษย์แล้ว
    สำหรับคนที่เป็นประเภทวัดก็เข้าเหล้าก็กิน บุญก็ทำบาปกรรมก็สร้าง อย่างนี้ก็ต้องไปประเมินผลกันตอนใกล้จะละโลกอีกที ช่วงนั้นเรียกว่า ศึกชิงภพ ขึ้น อยู่ว่า บุคคลผู้นั้นมีจิตเกาะเกี่ยวอยู่กับสิ่งที่เป็นบุญหรือเป็นบาป ถ้านึกถึงบุญได้ จิตผ่องใสในขณะสิ้นลมก็ได้ไปสู่สุคติภูมิก่อน (แล้วบาปกรรมที่ทำไว้จะตามมาส่งผลในภายหลัง) แต่ถ้าช่วงนั้นใจนึกถึงสิ่งที่ทำไม่ดีไว้ จิตใจเศร้าหมองในขณะสิ้นลมก็จะไปสู่ทุคติภูมิก่อน (แล้วผลบุญจะตามมาส่งผลในภายหลัง)
     
  19. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    สวรรค์ (สันสกฤต : สฺวรฺค स्वॅग ; อาหรับ: ญันนะหฺ, ฟิรเดาซฺ ; อังกฤษ heaven; ทั้งอาหรับและอังกฤษยืมมาจากภาษาเปอร์เซีย) หมายถึง ภพหนึ่งในคติของศาสนาต่าง ๆ เช่น อิสลาม คริสต์ พุทธและยูได อันเป็นสถานที่ตอบแทนคุณงามความดีของมนุษย์ที่ได้ทำไปเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้
    [แก้] สวรรค์ ในพระพุทธศาสนา

    สวรรค์ ในความเชื่อทางพระพุทธศาสนา แปลว่า ภูมิหรือดินแดนที่มีอารมณ์เลิศด้วยดี จำแนกออกได้เป็น 6 ชั้น คือ จตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี และ ปรนิมมิตวสวัตดี
    สวรรค์ คือ ภูมิอันเป็นที่อยู่ของเทวดา เป็นโลกที่อยู่อาศัยของกายละเอียดอันเป็นทิพย์ ที่มีรัศมีสว่างไสวรอบกายตลอดเวลา เหตุที่ทำให้มาเกิดเป็นเทวดาเพราะได้ สร้างบุญกุศลไว้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ เมื่ออุบัติขึ้นก็ตั้งอยู่ในวัยหนุ่มสาวทันที งดงามตลอดเวลา จนกว่าจะถึงเวลาจุติ ไม่มีความแก่บังเกิดขึ้นเหมือนในเมืองมนุษย์ วิมานปราสาท คือที่อยู่อาศัยของเทวดา ล้วนมีความวิจิตรงดงาม มีขนาดแตกต่างกัน มี ความเป็นอยู่สะดวกสบาย มีอาหารทิพย์บังเกิด ขึ้น มีบริวารคอยรับใช้ใกล้ชิด เสื้อผ้าเป็นทิพย์ วิจิตรงดงาม บังเกิดขึ้นให้สวมใส่ กิจกรรมแต่ละวันก็มีการเที่ยวเพลิดเพลินบันเทิงอยู่กับการชมสวน การสังสรรค์กันระหว่างทวยเทพทั้งหลาย ส่วนจะอุบัติขึ้น ณ สวรรค์ชั้นไหน เป็น เทวดาประเภทใด และอยู่ในฐานะอะไรนั้น ก็ ขึ้นอยู่กับบุญที่ตัวเองสั่งสมมาเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ ซึ่งได้มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 37 เรื่อง ทานสูตร สรุปย่อได้ดังนี้
    สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา มีจาก หลายสาเหตุ คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ทำบุญไม่ค่อยเป็น ไม่รู้หลักการทำบุญ และไม่ค่อยได้สั่งสม บุญ นานๆ ทำครั้งหนึ่ง เมื่อทำก็ทำน้อย หรือ ทำบุญเอาคุณ บุญที่ได้ก็ไม่บริสุทธิ์ ไม่สมบูรณ์ บาปในตัวก็มีอยู่ แต่ว่าบุญมากกว่า เมื่อละโลกใจนึกถึงบุญก่อนก็ไปสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่ ณ เชิงเขาสิเนรุ สวรรค์ชั้นนี้จะมีความหลากหลายมากที่สุด เพราะอยู่ใกล้ชิดกับพื้นมนุษย์มากกว่าสวรรค์ชั้นอื่นๆ และมีบางส่วนที่มีที่อยู่ซ้อนกับภูมิมนุษย์ ที่ได้ชื่อสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา เพราะมีเทพผู้เป็นใหญ่ครองสวรรค์ชั้นนี้อยู่ 4 ท่าน คือ ท้าวธตรฐ ปกครองเทวดา 3 พวก ได้แก่ คนธรรพ์ วิทยาธร(พิทยาธร)ท้าววิรุฬหก ปกครองพวก กุมภัณฑ์ ท้าววิรูปักษ์ ปกครองพวกนาค ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองพวกยักษ์
    สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ คือเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ทำบุญเพราะเห็นว่าเป็นสิ่งดีงาม เป็นสิ่งที่ควรทำ กระทำแล้วก็สั่งสมบุญ สั่งสมเทวธรรม มีหิริ โอตตัปปะด้วย เมื่อละโลกก็จะไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าตัดของเขาพระสิเนรุ ที่ชื่อว่า ดาวดึงส์ เพราะเป็นที่อยู่ของเทพผู้ปกครองภพถึง 33 องค์ โดยมี สมเด็จอมรินทราธิราช หรือพระอินทร์ เป็นประธาน และที่สำคัญมีพระธาตุจุฬามณี ซึ่งทุกวันพระเทวดาจะมาประชุมกันที่สุธรรมาเทวสภา เพื่อรับฟังโอวาทจากท้าวสักกะ
    สวรรค์ชั้นยามา เกิดบนสวรรค์ชั้นยามา คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ทำบุญเพราะอยากจะสืบทอดและรักษาประเพณีแห่งความดีงามนั้นไว้ ทำนองว่าวงศ์ตระกูลสร้างสมความดีมาอย่างไร ก็อยากจะรักษาประเพณีไว้ หรือผู้หลักผู้ใหญ่สอนอย่างไร บรรพบุรุษทำมาอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ทำกันไปตามธรรมเนียม เช่น เห็น ปู่ย่าสร้างโบสถ์ บำรุงวัด สร้างพระประธาน ก็ทำตามนั้นด้วย หรือพระภิกษุที่รักษาพระพุทธศาสนาเอา ไว้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ที่พระต้องมีหน้าที่รักษาพระพุทธศาสนา เมื่อละโลกแล้ว ส่วนใหญ่จะไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไป
    สวรรค์ชั้นดุสิต คือ เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ ทำบุญเพื่อปรารถนาสงเคราะห์โลก ปรารถนาให้ชาวโลกมีความสุข มีความคิดที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เพื่อตนเองอย่างเดียว แต่เพื่อสงเคราะห์โลก เพื่อนมนุษย์ และสรรพ-สัตว์ทั้งหลายด้วย เมื่อละโลกแล้วก็จะไปสวรรค์ ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงถัดจากสวรรค์ชั้นยามาขึ้นไป
    สวรรค์ชั้นนิมมานรดี คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เห็นผู้อื่นทำบุญแล้วได้รับ การยกย่อง ส่งเสริม จึงอยากจะทำบุญนั้นบ้าง อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง เมื่อละโลกแล้ว จะไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นดุสิตขึ้นไป
    สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ทำบุญด้วยความเลื่อมใส เคารพในทาน ทำแล้วมีความรู้สึกปลื้มใจ ในบุญที่ทำนั้น เมื่อละโลกแล้วจะบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ซึ่งตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นนิมมานรดีขึ้นไป
    [แก้] อ้างอิง


    • มก. อุโปสถสูตร เล่ม 34 หน้า 382
    <table style="border: 1px solid rgb(144, 160, 176); margin: 10px 0px 0px; background: rgb(252, 252, 252) none repeat scroll 0% 0%; width: 100%; -moz-background-clip: -moz-initial; -moz-background-origin: -moz-initial; -moz-background-inline-policy: -moz-initial; font-size: 90%; clear: both;" cellpadding="3" cellspacing="0"><tbody><tr><td valign="top" width="40" align="center">[​IMG]</td> <td style="color: rgb(105, 105, 105);" align="left">สวรรค์ เป็นบทความเกี่ยวกับ ความเชื่อ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
    <small>ข้อมูลเกี่ยวกับ สวรรค์ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ</small></td></tr></tbody></table>
     
  20. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ประสบการณ์จริง "ชีวิตหลังความตาย" จาก เรื่องจริงเล่าสู่กันฟัง


    ไดรับอนุญาตจากเพจวารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook







    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ท่านผู้อ่านจะเชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร สำหรับดิฉันเห็นว่าเป็นเรื่องแปลกที่ไม่เคยประสบมาก่อน จึงเขียนเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง
    ดิฉันรู้จักคุณวารุณีมาสิบกว่าปีแล้ว อายุแก่กว่าสิบกว่าปีด้วยเหมือนกัน เมื่อก่อนดิฉันรับราชการ ปัจจุบันนี้เกษียณราชการสองปีแล้ว หลังจากเกษียณแล้วก็ได้ใช้เวลาว่างไปทำบุญตามวัดต่างๆ เป็นประจำ บางครั้งก็จะไปกับคุณวารุณีพร้อมกลุ่มเพื่อน ดิฉันก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณวารุณี ว่าเธอมีความสามารถพิเศษบางอย่าง ที่สามารถสัมผัสกับวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้วได้ แต่ดิฉันไม่เคยเห็นหรืออยู่ในเหตุการณ์ที่เขาพูดกันเลย เวลาพวกเราอยู่ด้วยกันก็ไม่เคยเห็นเธอแสดงความสามารถพิเศษที่ว่าเลย เธอจะคุยกับดิฉันแบบปกติธรรมดาเหมือนคนทั่วไปเขาคุยกัน ดิฉันได้เห็นและสัมผัสกับคุณวารุณี ในเรื่องเกี่ยวกับการสื่อสัมผัสวิญญาณฝากข่าวด้วยตนเอง เมื่อไม่นานมานี้เอง
    เรื่องแรกก็เกี่ยวกับคุณแม่ของดิฉันที่เสียชีวิตไปนานแล้วหลายปี คุณวารุณีก็ไม่เคยรู้เห็นหรือรู้จักคุณแม่ของดิฉันมาก่อน คุณแม่ของดิฉันชื่อขำ ดิฉันเองเป็นคนรักและเคารพคุณแม่มาก จะคอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยท่านมาก และท่านก็อยู่กับดิฉันมาตลอดจนกระทั่งท่านเสียชีวิตจากไป ดิฉันก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านไม่ได้ขาดเรื่อยมาจนถึงเดี๋ยวนี้ คิดว่าท่านคงมีความสุขจากผลบุญที่ดิฉันและพี่น้องอุทิศไปให้ ดิฉันรู้ดีว่าคุณแม่เป็นห่วงดิฉันมาก
    วันหนึ่งดิฉันไปเยี่ยมเพื่อนที่บ้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านคุณวารุณีนัก เราคุยกันไม่นานก็ชวนกันเดินไปเยี่ยมคุณวารุณีที่บ้านของเธอ พอเห็นดิฉันมาเยี่ยมก็ดีใจ เมื่อเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้ว คุณวารุณีได้ร้องทักดิฉันว่า
    “พี่..พอพี่เดินเข้ามาที่บ้าน ก็มองเห็นวิญญาณดวงหนึ่งเป็นผู้หญิงแก่ๆ ขอให้ช่วยสื่อกับพี่ให้เขาด้วย”
    ดิฉันแปลกใจว่าคุณวารุณีเห็นใครกัน และเขาต้องการสื่อกับดิฉันทำไม จากนั้นคุณวารุณีหลับตาทำสมาธิไปอีกครั้ง พอลืมตาขึ้นได้พูดกับดิฉันว่า

    จากหนังสือมิติซ้อนมิติเล่ม1
     

แชร์หน้านี้

Loading...