ครัวไทยสู่ครัวโลก (แคบ ๆ ของเรา)

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 28 พฤศจิกายน 2005.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย สิริอัญญา</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 พฤศจิกายน 2548 16:21 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ในบรรดารัฐมนตรีร่วมรัฐบาลปัจจุบันนี้ก็เห็นมีท่านรองนายกสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อยู่อีกตำแหน่งหนึ่งที่พอเข้าท่าเข้าทางและตั้งหน้าตั้งตาทำการงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

    ความจริงท่านรองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นั้นเคยแสดงฝีไม้ลายมือในการบริหารเศรษฐกิจการเงินการคลังของประเทศให้เป็นผลดีเป็นที่ประจักษ์ชัดมาแล้วในยุครัฐบาลทักษิณ 1 ซึ่งมีผลต่อการกอบกู้เศรษฐกิจที่วิกฤตดิ่งลงเหวให้ฟื้นคืนเป็นปกติได้อีกครั้งหนึ่ง

    แต่ใครร่วมอยู่ในรัฐบาลนี้ก็ดูเหมือนว่าจะมีเวรมีกรรมเพราะใครแสดงฝีไม้ลายมือเป็นที่ประจักษ์ก็มักจะมีอันเป็นต้องสับเปลี่ยนเวียนผันตำแหน่งกัน ราวกับว่าไม่ต้องการให้มีมือสองที่ครองน้ำใจคนและเป็นที่เชื่อถือศรัทธาว่าสามารถสืบทอดภารกิจของท่านนายกทักษิณได้ฉะนั้น

    ท่านรองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็จมปลักอยู่ในวังวนนี้ 5 ปีมานี้ก็ถูกโยกไปโยกมาจับวางตรงนั้นทีตรงนี้ที จนมาถึงวันนี้ก็มาคุมกระทรวงพาณิชย์ ที่ทำหน้าที่ค้า ๆ ขาย ๆ และดูแลราคาสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็นหลัก รวมทั้งภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในฐานะรองนายกรัฐมนตรี

    ท่านรองนายกฯสมคิดได้เสนอความคิดความเห็นและผลักดันเรื่องราวและนโยบายด้านต่าง ๆ มากหลาย ในจำนวนนี้ก็มีเรื่องของโครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ และโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกด้วย

    ทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะเกี่ยวข้องกับผู้คนเป็นจำนวนมาก และหากทำได้สำเร็จจริงแท้ก็จะก่อเกิดประโยชน์มหาศาลให้กับบ้านเมืองของเรา

    แต่ในวันนี้เอาเฉพาะเรื่องครัวไทยสู่ครัวโลกเสียก่อน ส่วนเรื่อง 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ จะได้ว่ากล่าวในโอกาสต่อไป

    ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความชื่นชมยินดีว่าปัญญาทัศน์ในการผลักดันเรื่องครัวไทยสู่ครัวโลกนี้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของประเทศไทย สอดคล้องกับขีดความสามารถพื้นฐานของประเทศไทย และเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง

    เพราะว่าในบรรดาอาหารของโลกนั้นเป็นที่ยอมรับนับถือกันว่าอาหารไทยเป็น 1 ใน 5 ของอาหารโลกคือนอกจากอาหารอิตาลี อาหารฝรั่งเศส อาหารจีน และอาหารญี่ปุ่นแล้ว อาหารไทยนี่แหละเป็นที่นิยมชมชอบในลำดับที่ 5 ของโลก

    มีความแปลกประหลาดอยู่ประการหนึ่งก็คืออาหารอิตาลี อาหารฝรั่งเศส อาหารจีน และอาหารญี่ปุ่นนั้นล้วนมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน มีการเผยแพร่ออกสู่ชาวโลกคู่ขนานกับความเป็นมหาอำนาจและการเมือง ตลอดจนอำนาจทางเศรษฐกิจ

    มีการพัฒนาปรับปรุงด้านอาหารอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย โดยอาศัยกลไกอำนาจรัฐ โดยอาศัยการให้ความสำคัญทางการศึกษาด้านอาหาร มีการศึกษาค้นคว้าพัฒนาทั้งการปรุงรส การจัดมาตรฐานของอาหาร การพัฒนาถ้วยโถโอชาม สถานที่ตกแต่ง กระทั่งแสง เสียง และอากาศในห้องอาหาร

    จนอาจกล่าวได้ว่าอาหารของโลกทั้ง 4 ชาตินี้ล้วนพัฒนาไปด้วยความรู้ ความก้าวหน้า และปัจจัยหนุนอย่างมหาศาลจากทุก ๆ ด้านเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน จึงมีชื่อเสียงลือเลื่องว่าเป็น 4 ในยอดอาหารของโลก

    จะมีก็แต่อาหารไทยของเราเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับนับถือลือเลื่องไปในโลกนี้โดยฝีไม้ลายมือของชาวบ้านอย่างเราท่านเป็นพื้น ไม่เคยได้รับการส่งเสริมสนับสนุนใด ๆ จากรัฐ

    เพราะการแพร่หลายขยายตัวไปของอาหารไทยนั้นเกิดขึ้นจากภาวะสงคราม คือจากเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ครั้งหนึ่ง จากเมื่อครั้งสงครามเวียดนามครั้งหนึ่ง และจากการอพยพของคนไทยไปทำมาหากินในต่างประเทศอีกทางหนึ่ง ไม่ได้เกิดขึ้นจากนโยบาย หรือมาตรการ หรือการสนับสนุนใด ๆ จากรัฐที่มัวแต่ลุ่มหลง งงงวยไม่ยอมลืมหูลืมตาไปกับการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

    ในยุคสงคราม บรรดาทหารต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยแล้วได้ทดลองลิ้มชิม รสอาหารไทยด้วยใจสมัครบ้าง ด้วยเหตุที่มีความสัมพันธ์กับหญิงไทยในรูปแบบต่าง ๆ บ้าง แล้วพากันติดอกติดใจ นอกจากนั้นก็มีการสมสู่สมรสระหว่างทหารต่างชาติกับหญิงไทยแล้วอพยพกันไปอยู่ในบ้านเมืองของเขา

    คนไทยไปถึงไหนก็ไปทำอาหารไทยถึงนั่น อาหารไทยจึงแพร่หลายไปในต่างประเทศ นี่ทางหนึ่ง

    นอกจากนั้นคนไทยไปทำงาน ไปศึกษา ในต่างประเทศต่อเนื่องไม่ขาดสาย จนหลายบ้านหลายเมืองมีชุมชนคนไทยเกิดขึ้น อาหารไทยจึงแพร่หลายเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง

    เพราะเหตุที่ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแหล่งหนึ่งของเอเชีย นักท่องเที่ยวเมื่อเข้ามาแล้วก็ได้ลองลิ้มชิมรสอาหารไทยก็พากันติดอกติดใจ

    นั่นแสดงให้เห็นว่าอาหารไทยมีรสชาติและคุณภาพตามธรรมชาติที่อยู่ในวิสัยที่จะแข่งขันและเป็นวิสัยที่จะเป็นอาหารยอดนิยมอย่างหนึ่งของโลกได้

    นี่ถึงขนาดเป็นไปตามยถาบุญ ยถากรรม ก็ยังติดอันดับ 1 ใน 5 ยอดอาหารโลกแล้ว ลองนึกดูเอาเองเถิดว่าเมื่อใดที่รัฐส่งเสริมสนับสนุนอย่างเต็มที่ มีหรือที่อาหารไทยไม่รุ่งเรืองเฟื่องฟูต่อประชาคมโลก

    ดังนั้นการที่ท่านรองนายกฯสมคิดมีปัญญาทัศน์คิดอ่านนโยบายและกำหนดโครงการเรื่องนี้จึงมีแต่จะเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงต่อบ้านเมืองของเรา และจะเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจรากหญ้าของบ้านเมืองเรา

    กระนั้นโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันแค่การโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือการผลักดันรณรงค์แต่เพียงอย่างเดียว หากควรต้องคิดอ่านการทั้งปวงให้ครบถ้วนทั้งระบบครบเป็นวงจร

    มิฉะนั้นก็จะกลายเป็นการจุดพลุขึ้นฟ้าแล้วลาลับดับหายไปในความมืด เพราะเหตุนี้เพื่อหนุนช่วยท่านรองนายกฯสมคิดอีกทางหนึ่ง จึงขอเสนอบางเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกันเพื่อทำให้นโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกปรากฏผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์

    เรื่องแรก ได้แก่เรื่องคุณภาพและมาตรฐานอาหารไทยที่ยังเป็นไปตามความถนัดของพ่อครัวแม่ครัวแต่ละคน หามาตรฐานที่เชื่อถือไม่ได้ ยกตัวอย่างเอาแค่เรื่องต้มยำกุ้งเรื่องเดียว หากชิมจากฝีมือพ่อครัวแม่ครัว 10 คนก็จะเป็น 10 แบบ 10 อย่างต่าง ๆ กัน

    หากจะจัดมาตรฐานและคุณภาพให้เป็นแบบมาตรฐานไม่เกิน 3 แบบ 3 มาตรฐานก็จะทำให้อาหารไทยมีมาตรฐานเป็นที่เชื่อถือได้ทั่วโลก

    เรื่องที่สอง ได้แก่การพัฒนาอาหารเพราะอาหารนั้นไม่คงที่ ไม่นิ่งอยู่กับที่ เนื่องจากความนิยมในรสชาติอาหารและเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอาหารย่อมพัฒนาไปตามวิสัยโลก ดูตัวอย่างอาหารญี่ปุ่นนั่นเป็นไร ความจริงญี่ปุ่นมีอาหารดั้งเดิมไม่กี่อย่าง แต่เขามีสถาบันค้นคว้าพัฒนาอาหารที่สามารถค้นคว้าและจัดเมนูอาหารใหม่ ๆ เพิ่มเติมขึ้นได้เป็นจำนวนนับร้อยนับพันอย่าง

    แล้วอาหารไทยเรามีกี่อย่าง กี่รายการกันแน่? โลกพัฒนาก้าวหน้ามาถึงศตวรรษที่ 21 แล้ว อาหารไทยได้พัฒนาก้าวหน้าเพิ่มเมนูขึ้นได้สักกี่อย่าง หรือยังเป็นอยู่แค่ต้มยำกุ้ง เขียวหวานไก่ ผัดใบกะเพราอยู่นั่นเอง

    รัฐจึงควรต้องส่งเสริมให้มีสถาบันพัฒนาค้นคว้าอาหารไทยที่ทำกันอย่างจริงจัง ให้มีการเพิ่มเมนูอาหารตามยุคตามสมัย ตามความนิยม ทำนองเดียวกับที่ครูเอื้อ สุนทรสนาน ได้รังสรรค์เพลงไทยสากลบนพื้นฐานของเพลงไทยเดิมเพื่อให้อาหารไทยมีหลากหลายรองรับความต้องการของคนทั่วโลกได้

    เรื่องที่สาม ได้แก่มาตรฐานของร้านอาหารไทย ซึ่งควรมีมาตรฐานที่บ่งบอกเอกลักษณ์ สัญลักษณ์ของไทย ทำนองเดียวกับร้านอาหารอิตาลี ฝรั่งเศส จีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะของจีนและญี่ปุ่นนั้นโดดเด่นมาก ตั้งแต่มองเห็นหน้าร้าน จนกระทั่งเข้าไปนั่งในร้านก็จะรู้ได้เลยว่านั่นเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น

    รัฐจึงควรต้องออกแบบมาตรฐานของร้านอาหารไทยให้เป็นมาตรฐานหลาย ๆ รูปแบบหน่อย แต่ต้องให้รู้ว่าเป็นอาหารไทย รู้สึกถึงความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน

    เรื่องที่สี่ ได้แก่ถ้วยโถโอชาม เครื่องมือเครื่องใช้ในร้านอาหารไทยก็ควรจะมีรูปแบบเอกลักษณ์ที่เป็นไทย เพราะคนไทยทุกวันนี้ทำถ้วยโถโอชามและเครื่องตกแต่งได้ดีไม่แพ้ชาติไหนในโลก

    จีนและญี่ปุ่นเขาลงทุนเรื่องนี้มาก จนถ้วยโถโอชามของจีนและญี่ปุ่นลุกลามออกไปทั่วโลกดุจน้ำเหนือไหลบ่ายามหน้าน้ำฉะนั้น

    เรื่องที่ห้า ได้แก่เครื่องปรุงและอุปกรณ์อาหารไทย ซึ่งต้องพึ่งพาอาศัยจากการผลิตในประเทศไทยเนื่องจากประเทศไทยอยู่ในเส้นศูนย์สูตร จึงมีเครื่องปรุงเฉพาะมาก ไม่สามารถหาได้จากแหล่งอื่นและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาหารไทยมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง

    หากประเทศไทยไม่สามารถตอบสนองเครื่องปรุงและอุปกรณ์การปรุงอาหารไทยได้ ครัวไทยก็ไร้ความหมาย เพราะรสชาติอาหารจะผิดแผกเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เป็นอาหารไทยในที่สุด

    รัฐจึงควรมีองค์กรในการส่งเสริม ในการรวบรวม จำหน่าย ในการจัดทำหีบห่อเพื่อส่งเครื่องปรุงและอุปกรณ์การปรุงอาหารไทยไปทั่วโลกให้สอดคล้องรองรับกันด้วย จะเป็นการสร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ภาคเกษตรไทยที่เป็นรูปธรรมเป็นล่ำเป็นสันได้อีกทางหนึ่ง

    เรื่องที่หก รัฐบาลควรจะมีครัวไทยในการรับแขกเมือง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขายหน้าแขกบ้านแขกเมืองเป็นเนืองนิตย์ เพราะไม่มีสถานที่รับแขกเมืองและไม่มีครัวไทยในการรับแขกเมืองเป็นการเฉพาะ

    ภัตตาคารไหนอาหารเข้าท่าหน่อย สถานที่ก็ไม่ค่อยได้เรื่อง ภัตตาคารไหนสถานที่โอ่อ่า อาหารสิกลับไม่ได้ความ ทั้งสถานที่ต้อนรับเจรจาความเมืองก็ยังไม่มีเป็นที่เป็นทาง มีแต่ทำเนียบรัฐบาลซึ่งแออัดคับคั่งราวกับการจราจรบนท้องถนนไปแล้ว

    ความจริงเรื่องนี้คนโบราณเขาเคยคิดเคยทำ นั่นคือการสร้างโรงแรมเอราวัณเพื่อการนี้ แต่เวลานี้เปลี่ยนไปเป็นกิจการโรงแรมทั่วไปเสียแล้ว

    ไหน ๆ ใครต่อใครก็ไปเมืองจีนเป็นประจำ ย่อมรู้ย่อมเห็นมาตรการในการรับแขกเมืองของเขาดีอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร ก็ควรจะนำมาปรับใช้ในบ้านเมืองของเราด้วย

    ก็ขอฝากให้รัฐบาลโดยเฉพาะท่านรองนายกสมคิดได้พินิจพิจารณา แล้วฝากปวงประชาที่เกี่ยวข้องในการเตรียมการให้สอดคล้องรองรับกับนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกต่อไป
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์
     

แชร์หน้านี้

Loading...