คนไม่เชื่อกฎแห่งกรรม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 28 ธันวาคม 2005.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    สังคมไทยเป็นสังคมที่มีหลักธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธองค์เป็นที่ตั้งกรอบและเข็มทิศนำทาง เพื่อมิให้พากันหลงทางไปสู่หุบเหว โดยธรรมชาติของคนเราแล้ว ท่านเปรียบเหมือนสายน้ำ ที่มักจะไหลซอกซอนลดเลี้ยวไปสู่ที่ต่ำหากขาดหลักธรรมนำชีวิตอย่าว่าแต่สังคมเลย โลกทั้งโลกใบนี้ก็จะเดือนร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เพราะเหตุนี้เองพวกเราจึงต้องมี นักปราชญ์ มีมหาบุรุษอุบัติขึ้นมาในโลก เพื่อกู้ภัยอันแสนยากลำบากนี้ มนุษย์เราเป็นสัตว์โลกที่ฉลาดมาก หากไม่มี คุณธรรม จริยธรรม เข้ามานำทางแล้ว ก็จะมีฤทธิ์ร้ายแรงยิ่งกว่าลูกระเบิดปรมาณูเสียอีก
    ข้าพเจ้าขอนำเรื่องจริงมาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้กัน เพื่อเป็น คติธรรม นำทางชีวิตไปในทางที่ถูก จะได้ไม่หลงทางวกวนไปสู่หุบเหว อันเป็นเหตุนำ ความทุกข์ ความเดือดร้อนมาสู่ตนและคนอื่นดังต่อไปนี้
    เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ข้าพเจ้าได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณพ่อ ท่านได้เล่าให้ฟังเมื่อหลายปีมาแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า ในอดีตกาลที่ผ่านมา ย้อนหลังไปประมาณ 35 ปี มีกำนันคนหนึ่งชื่อ กำนันศักดิ์ชาย หรือเรียกสั้นๆ ว่ากำนันศักดิ์ (ชื่อสมมติ) มีภรรยาคนหนึ่งชื่อ บังอร (สมมติ) ทั้งสองผัวเมียได้แต่งงานกันมาหลายปีแล้ว แต่ไม่มีลูก จนกำนันศักดิ์เกษียณอายุราชการ
    กำนันศักดิ์เป็นคนร่ำรวยเนื่องจากได้รับมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่ มีที่ดินให้คนอื่นเช่าทำการเกษตรมากมาย เช่น ทำนา ทำไร่ และทำสวน ได้รับเงินค่าเช่าปีละมากๆ และมีเงินปล่อยกู้เก็บกิน สองผัวเมียมีอุปนิสัยใจคอต่างกัน กำนันศักดิ์เป็นคนมิจฉาทิฐิ ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อบาปบุญคุณโทษ แกถือว่าทุกสิ่ง ทุกอย่างถือตามประเพณีมาแต่โบราณ เช่น การบวชพระภิกษุ สามเณร การทำบุญใส่บาตร เข้าวัดฟังธรรม เป็นต้น ทั้งนี้แกจะถือว่าให้คนรักใคร่กลมเกลียวกันเท่านั้น นรกไม่มี สวรรค์ไม่มีทั้งนั้น
    กำนันศักดิ์คนนี้เป็นคนกล้า เข้าถึงได้ทุกสถานที่ ไม่เคยเกรงกลัวใครพูดจาเสียงดังฟังชัด พูดจริง ทำจริง ไม่เคยเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น จะทำอะไรในเมื่อตั้งใจแล้วไม่มีเปลี่ยน ต้องทำให้ได้สำเร็จดังความตั้งใจของตนเองเสมอ ส่วนภรรยาคือบังอรนั้นเป็นคนที่มีอุปนิสัยใจคอตรงกันข้ามกับสามี คือเป็นคนเชื่อกฎแห่งกรรม ใจบุญสุนทาน เข้าวัดฟังธรรม ถือศีลเสมอ ทั้งสองคนผัวเมียถึงจะมีอุดมคติไม่ตรงกัน แต่ก็อยู่ร่วมกันได้มาโดยตลอด เพราะผู้เป็นสามีไม่ถือสา ถึงภรรยาจะทำอะไรก็ตามใจ ไม่มีการห้ามปราม แต่ถ้ากำนันผู้เป็นสามีต้องการอะไรแล้วจะขัดขวางไม่ได้ เด็ดขาด ต้องเออออห่อหมก ตามใจแกเสมอเช่นกัน
    วันหนึ่งในเวลาเช้า ได้มีชายคนหนึ่งในหมู่บ้านเดียวกันซึ่งเป็นญาติพี่น้อง ได้นำเอา พระพุทธรูปทองคำ 2 องค์ มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือผู้ใหญ่ ยาวประมาณ 2 ข้อมือครึ่ง นำมาขายให้ พระพุทธรูปทองคำทั้งสององค์นั้นมีน้ำหนักประมาณ 3 บาทกว่า ๆ ในสมัยนั้นราคาคงไม่เกิน 6,000 บาท แต่ถ้าคิดราคาในสมัยนี้คงอยู่ในราว 20,000 กว่าบาท
    กำนันศักดิ์ได้ถามชายคนนั้นว่า พระพุทธรูป 2 องค์นี้ได้มาจากไหน ไม่ได้ลักขโมยมาใช่ไหม ชายคนนั้นบอกว่า ได้มาจากโพรงต้นโพธิ์ใหญ่ที่โค่นล้มข้างวัด ต้นโพธิ์ต้นนี้คงจะมีอายุประมาณอย่างน้อย 300 ปีขึ้นไป ด้วยความสงสัย จึงได้เอาเสียมขุดดูที่ดินในโพรงนั้น ได้พบไหใบหนึ่งเท่าไหกระเทียม เมื่อขุดได้แล้วนำขึ้นมาเปิดฝาออก ปรากฏว่ามีพระเครื่องชนิดต่างๆ 10 องค์ และมีพระพุทธรูปทองคำ 2 องค์ จึงนำมาขายให้กำนัน เมื่อตกลงราคากันได้แล้ว กำนันจึงได้จ่ายเงินเป็นค่า พระพุทธรูปไป 3,000 บาท
    บังอรผู้เป็นภรรยารู้สึกดีใจมาก ได้นำเอาพระพุทธรูปทองคำ 2 องค์นั้นไปไว้บนหิ้งหัวนอน ได้นำดอกไม้ไปบูชาและจุดธูปเทียนสักการบูชาทุกวัน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัว จะได้รับความผาสุกและเจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคต วันหนึ่ง กำนันศักดิ์ได้พูดกับภรรยาว่า การที่เรานำเอาพระพุทธรูปมาไว้บนหิ้งหัวนอนหลายวันแล้ว ไม่มีประโยชน์แต่ประการใด ไม่มีอะไรมาดลบันดาลให้ร่ำรวยและมีความสุข มีแต่ความทุกข์ เพราะห่วงว่าจะมีผู้คนมาลักขโมยเอาไป หรือมิฉะนั้นจะมีผู้ร้าย หัวขโมยมาปล้นชิงทำร้ายเราก็ได้ ให้เอาไปขายเสียดีกว่า เพราะจะได้นำเงินมาใช้หรือไม่ก็ให้คนยืมเอาดอกดีกว่า เอาไว้เฉยๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
    ส่วนภรรยา เมื่อได้ยินสามีพูดเช่นนั้น ก็วิงวอนร้องขออย่าได้เอาไปขาย เก็บเอาไว้สักการบูชาในบ้านเราเพื่อเป็น สิริมงคลต่อไป แต่ผู้เป็นสามีไม่ฟังคำวิงวอนของภรรยาใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงจะร้องไห้วิงวอนสักเท่าไรก็ไม่เป็นผล เพราะตั้งใจเอาไว้แล้ว เมื่อนำเอาพระพุทธรูปทองคำทั้งสององค์ไปขายที่ร้านขายทองในเมือง เจ้าของร้านทองกลับบอกว่า รับซื้อไม่ได้เพราะยังเป็นพระพุทธรูปอยู่ ขอให้นำไปแปรสภาพเป็นทองคำแท่งธรรมดาก่อนจึงจะรับซื้อได้ กำนันศักดิ์ได้นำพระพุทธรูปกลับบ้าน และนำไปให้ช่างทองคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนกัน แปรสภาพจากพระพุทธรูปเป็นทองแท่งธรรมดา ได้ให้ค่าแปรสภาพแก่ช่างทองคนนั้น 50 บาท หลังจากนั้นจึงนำทองแท่งไปขายที่ร้านขายทองได้ 5,000 บาท
    ต่อจากนั้นมาอีก 7 วัน ชายคนที่นำเอาพระพุทธรูปทองคำ 2 องค์มาขายให้กำนันศักดิ์ ได้ฝันว่า มีชายชราคนหนึ่ง ผมขาว หนวดเครายาวรุงรัง นุ่งผ้าโจงกระเบน ไม่สวมเสื้อ ได้เดินเข้ามาหา พร้อมกับชายหนุ่มอีก 3 คน ในมือถือขวานโบราณใหญ่ทั้ง 3 คน แล้วพูดขึ้นว่า มึงไม่เชื่อฟังกู กูบอกตั้งแต่วันที่ไปขุดเอาพระพุทธรูปจากโคนต้นโพธิ์แล้วว่า ให้เอาไปถวายวัด ในวันนั้น มึงก็ไม่เชื่อและไม่ทำตาม เอาเถอะมึงจะได้เห็นกันละคราวนี้ ว่าแล้วก็บอกให้ลูกน้องทั้งสามที่ถือขวานเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แล้วก็เงื้อขวานขึ้นพร้อมกับจะฟัน ชายคนนั้นกลัว ได้ร้องขึ้นดังๆ พ่อแม่ที่นอนอยู่ในห้องเดียวกันได้ยินก็ปลุกให้ตื่นขึ้น และถามได้ความว่า มีชายชรากับพวก 3 คนเข้ามาหา 3 คนนั้นมีขวานในมือ แล้วชายชราก็ขู่ว่า ทำไมจึงนำเอาพระพุทธรูป ทองคำไปขาย แล้วบอกให้ลูกน้องทั้ง 3คนเอาขวานฟัน พอเงื้อขวานขึ้น ผมก็ร้องครับ พ่อแม่บอกว่าให้ไหว้พระก่อนจึงนอน
    พอวันรุ่งขึ้นชายคนนั้นลงบันไดจะไปเข้าห้องน้ำ ได้พลัดตกบันไดไปสู่พื้นข้างล่าง คล้ายๆ มีคนมาผลักเขาให้ตกบันได ญาติพี่น้องได้ช่วยหามขึ้นบนบ้าน ในระยะเพียง 2 นาที ชายคนนั้นก็ได้อาเจียนเป็นเลือดสดๆ ออกมา แล้วก็ชักดิ้นไปมา ขาดใจตายในเช้าวันนั้น ข่าวชายตกบันไดบ้าน และได้อาเจียนเป็นเลือดตาย ได้แพร่สะพัดไปถึงภรรยากำนันศักดิ์ จึงได้มาดูสืบถามข่าวคราวความเป็นจริงทุกอย่าง พอทราบความจริงก็รู้สึกสลดใจ เกรงว่าสามีของตัวเองจะเป็นเช่นนั้น จึงนำมาเล่าให้สามีฟัง แต่ผู้เป็นสามีกลับบอกว่า เขาเป็นโรคกระเพราะอาหารและเป็นวัณโรคมานานแล้ว ร่างกายไม่สมบูรณ์ เวลามัน ลงบันไดก็ต้องมีพลาดเป็นธรรมดา ที่อาเจียนเป็นเลือดก็เพราะโรคเหล่านั้น อย่าไปเชื่อว่าผีปีศาจอะไรมากระทำ หยุดงมงายเสียที
    ภรรยาของกำนันศักดิ์รู้สึกเศร้าใจมากที่สามีของตัวเองไม่ยอมเชื่อฟัง กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายวัน จึงไปหาหลวงลุงที่วัด ปรึกษาท่านว่าควรทำอย่างไร ท่านก็บอกว่าชายคนนั้นตายเพราะกรรมชั่วตามสนอง พระพุทธรูปทองคำมีเจ้าที่อารักขาไว้ มันก็ตามมารังควานสิ ส่วนเรื่องที่ท่านกำนันศักดิ์ไม่เชื่อนั้น เอาล่ะ อาตมาจะลองช่วยดู กันไว้ดีกว่าแก้นะ ให้โยมนิมนต์พระอีก 3 รูป รวมกับอาตมาเป็น 4 รูป ไปทำพิธี สวดปริตรมงคล กันเสนียดจัญไร บางทีอาจพ้นภัยไปได้ ภรรยาของกำนันศักดิ์ได้ฟังดังนั้นก็รับคำ แล้วกลับไปจัดสถานที่สำหรับให้พระนั่งสวดปริตรมงคล
    พอถึงตอนเย็น ญาติพี่น้องได้มารวมกันที่บ้านกำนันศักดิ์ เพื่อฟังสวดปริตรมงคล เมื่อได้เวลาหลวงลุงกับพระอีก 3 รูปได้เข้ามาในบ้านและ เจริญพระพุทธมนต์ ทำน้ำมนต์ประพรมเคหสถานที่ให้ ก็เป็นอันเสร็จพิธีอีกขั้นหนึ่ง ต่อจากนั้นก็เอาด้ายสายสิญจน์ มาวนล้อมรอบบ้าน แล้วก็ให้พระ สวดชัยมงคลคาถา 3 จบ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ครั้นต่อมาอีก 1 เดือน เกิดอาเพทอะไรขึ้นมาก็ไม่ทราบ ในค่ำคืนวันหนึ่งของเดือนเมษายน ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ ประมาณ 2 ทุ่ม ได้เกิดลมกรรโชกแรงพัดเอาด้ายสายสิญจน์ที่ขึงล้อมรอบบ้านถึง 4 ชั้น ขาดสะบั้นลงไป พร้อมกับพัดเอากิ่งไม้ภายในบริเวณบ้านกำนันหักโครมลงไปกระทบหลังคาบ้าน
    กำนันและภรรยาได้วิ่งออกมานอกบ้าน เพื่อหลบภัยของแรงลม และดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะหาวิธีหลบภัยธรรมชาติในค่ำคืนนั้น ลมพัดอยู่ราว 20 นาที ก็อ่อนแรงลง พอแรงลมสลายไปก็เป็นเวลาประมาณ 3 ทุ่มแล้ว ทั้งสองคนเห็นว่าลมหยุดแล้ว ก็พากันเข้านอน ภรรยาได้ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนเพื่อกันภัย และจะได้นอนหลับ พอทั้งสองคนผัวเมีย เข้านอนไปราว 30 นาที กำนันศักดิ์ได้นอนหลับไปก่อน ส่วนภรรยายังนอนไม่หลับเพราะครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา จนเวลาล่วงเลยเข้าไปถึง 5 ทุ่ม ก็ได้มีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นอีก ภรรยาของกำนันศักดิ์ได้ยินเสียงคนพูดกันเบาๆ อยู่ ใต้ถุนบ้าน เสียงซุบซิบกันจนฟังไม่รู้เรื่องราว 3-4 คน
    หลังจากนั้น ก็ได้ยินเสียงผู้เป็นสามีละเมอร้องขึ้นว่า อย่านะอย่าทำอะไรข้า พร้อมเสียงตึงตังของเท้าที่ยันกระทบกับพื้นแล้วก็เงียบไป ภรรยาจึงปลุกผู้เป็นสามีให้ตื่นขึ้น แล้วถามว่าเป็นอะไรไป กำนันศักดิ์จึงเล่าว่า ข้าฝันว่ามีชาย 3 คน ร่างใหญ่ เนื้อตัวดำ ถือขวานเข้ามาหา จะเงื้อฟันข้า ข้าเลยร้องเพราะกลัว ชายคนหนึ่งที่เดินมาหลังเพื่อนได้บอกว่า หยุดก่อนเพื่อนอย่าเพิ่งฆ่ามัน สงสารมัน เพราะภรรยามันเป็นคนดี เอาไว้คราวหลังกันเถอะ แล้วก็พากันลงจากบ้านหนีไป
    พอรุ่งเช้าขึ้นมา กำนันศักดิ์รู้สึกไม่สบายปวดศีรษะ ตัวร้อน ภรรยาไปหายามาให้ทานก็ทุเลาลง แต่อาการก็ยังไม่ปกติ ภรรยาเห็นท่าไม่สู้ดีนัก เกรงว่าสามีจะไม่พ้นจากเวรกรรม จึงออกไปหาหลวงลุง เล่าความเป็นไปให้ฟัง หลวงลุงจึงบอกว่ายากแล้วคราวนี้ เดี๋ยวฉันเช้าเสร็จจะเข้าไปหา แล้วทำพิธีทางศาสนาอีก พอผู้เป็นภรรยากลับมาถึงบ้าน ก็เห็นผู้เป็นสามี นอนตายตัวแข็งอยู่กับที่นอน โดยมีอาการแปลกประหลาดคือ รอบๆ บริเวณที่นอน มีข้าวของกระจัดกระจาย และได้เห็นเลือดสดๆ เปรอะเปื้อนเต็มที่นอน เมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนั้น ก็ตกใจร้องไห้ รีบไปบอกชาวบ้านให้มาช่วยเก็บศพกำนันศักดิ์ ญาติพี่น้องได้รุมกันเข้ามาดู ทุกคนต่างมีความเห็นว่า ผีปู่โสมเฝ้าพระพุทธรูปมาล้างแค้น เหมือนกับชายผู้ที่เอาพระพุทธรูปทองคำมาขายให้ไม่มีผิด ส่วนหลวงลุงเข้ามาบ้านกำนันศักดิ์ ได้เจอเหตุการณ์เช่นนั้น ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ปลงอนิจจัง
    วันคืนล่วงมาอีก 10 วัน เพื่อนกำนันศักดิ์ที่แปรสภาพพระพุทธรูปให้เป็นทองแท่งธรรมดา ก็มีอันเป็นไป วันนั้นแกนั่งเล่นอยู่บนบ้านกับลูกสาว บังเอิญจู่ ๆ ก็ล้มลงชักดิ้นไปมาขาดใจตายลงในขณะนั้น เพื่อนบ้านญาติพี่น้องไปดูศพของนายช่างทอง ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันว่า ผีเจ้าที่อารักขาพระพุทธรูปตามารังควานเพื่อแก้แค้น เพราะได้กระทำบาปร่วมกันทั้ง 3 คน ถ้าเอาไปถวายวัดแต่แรกดังความฝันของชายคนนั้น ก็จะไม่เป็นอย่างที่เห็น
    นี่แหละคือคนที่ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม ใจบาปหยาบช้ากระทำชั่ว ไม่เกรงกลัวบาป กระทำแต่สิ่งที่ถูกใจตัวเอง ไม่คำนึงถึงความถูกต้องและไม่เชื่อฟังคนอื่นบ้าง จึงได้รับผลของความชั่วดังที่นำมาให้อ่านนี่แหละครับ


    พิมพ์ส่งมาให้เป็นธรรมวิทยาทาน โดย คุณ Lilly


    ที่มา : lekpluto.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...