คนปฏิบัติธรรม มีโอกาสที่จะเพี้ยนไหมครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย To Find The Thuth, 9 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. To Find The Thuth

    To Find The Thuth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +416
    คนที่ชอบทำบุญ รักษาศีล เจริญ ภาวนา วิปัสสนากรรมฐาน

    มีโอกาสที่จะฝึกเข้มข้น จนเขา เพี้ยน หรือเป็นบ้า พูดอยู่คนเดียวไหมครับ

    หรือว่าเป็นสภาวะธรรมอย่างหนึ่ง

    (ตอนนี้ผมยังไม่ลงรายละเอียดนะครับ แต่ว่า ขอถามดูก่อน)
     
  2. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    ถ้าทำตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอน ไม่มีโอกาสเพี้ยน อันที่เพี้ยนส่วนมากหัวล้านนอกครู
     
  3. To Find The Thuth

    To Find The Thuth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +416
    อื้มครับ

    ตอนนี้ผมเป็นห่วงพี่คนหนึ่งอยู่ แต่ก่อนก็ปกติ พึ่งจะมีเหตุเกิดนะครับ

    อาการคือ พูดคนเดียวเกี่ยวกับเรื่องธรรมะนี้ละมั้ง(ที่ได้ยินเหมือนกับพูดอยู่กับใคร เหมือนจะเป็นท่านที่มีบารมีด้วยนะครับ) แล้วก็ขยับตัวตลอด ถามอะไรก็ไม่พูดด้วย

    มันเป็นสภาวะธรรม หรือเปล่าครับ ตอนนี้ชีพราหม ญาติธรรม เป็นห่วงกันทั้งวัดเลย


    ปล. พี่คนนี้เป็นคนมีครูนะครับ
     
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    อาการหลงหรือยึดมั่นในสิ่งที่ไม่จริงเช่นนิมิตร..จนแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับนิมิตร ทำให้วิปริตได้ด้วยอาการต่างๆ ... ถ้ามีครู"ดี" หมายถึง"ครูที่มีสัมมาทิฏฐิ" ก็ควรนำเขาไปหาครูให้ช่วยแก้ไข..ถ้าแก้ไม่ได้ก็ต้องพาไปหาจิตแพทย์เพื่อช่วยเหลือต่อไปครับ..
     
  5. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    เป็นไปได้ ๒ สถานครับ
    ๑.เป็นเพราะกรรมของเขาเอง ถ้าเพราะกรรมนี้ไม่ต้องปฏิบัติก็เป็นอยู่แล้ว หากยิ่งไปปฏิบัติก็อาจส่งผลให้เป็นได้ง่ายขึ้น อย่างนี้แก้ไม่ได้
    ๒.เป็นเพราะการปฏิบัติที่ผิดทาง แม้นว่าการปฏิบัติที่ปฏิบัติกันนั้นอาจไม่ได้ส่งผลโดยตรงก็ตาม แต่บางทีผู้ปฏิบัติเองประเภทชอบนอกครู รู้มาก คิดหาวิธีปฏิเอาเองเสริมกับการปฏิบัติในขณะนั้นแล้วส่งผลร้ายขึ้น และครูก็ไม่รู้ทางแก้ด้วย หากเป็นอย่างนี้พอแก้ให้ทุเลาได้
    ผมแนะการแก้ไขเบื้องต้นให้อาจช่วยทุเลาอาการได้ดังนี้
    ให้ทำการนวดโดยหมอนวดที่เขาเรียนมานะ นวดให้ทั่วทั้งร่างกาย ให้ทำวันละครั้ง ประมาณ ๓-๗ วัน อาการจะทุเลาลง
    ตรงนี้เป็นผลของการปฏิบัติขของเขาเอง ไปขัดเส้นเลือดเส้นลมจนทำให้เพี้ยน ลองดูก็ไม่เสียหลายครับ
     
  6. To Find The Thuth

    To Find The Thuth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +416
    ครับ ยังไงก็ขอบคุณมากเลยครับ

    ผมรู้สึกเป็นห่วงเขามาก เห็นเขาเป็นคนที่ชอบการปฏิบัติ และก็ค่อนข้างที่จะปฏิบัติอย่างเข้มข้นด้วย


    ผมก็พยายามอุเบกขาไว้ หากช่วยไม่ได้ก็คงเป็นเพราะกรรมของเขาเอง เพราะผล ย่อมเกิดจากเหตุ ยังไงก็ขอขอบคุณมากเลยครับ
     
  7. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    สภาวะธรรมของการปฏิบัติ ในลักษณะของการพูดคนเดียว ไม่มีนะครับ
    ไม่มีครูบาอาจารย์สายไหนนับว่านั่นเป็นสภาวะธรรมของการฝึกที่ถูกต้อง

    ส่วนอาการที่เป็นนั้น...

    เรื่องของภพภูมินั้น มีอยู่จริง
    เรื่องของนิมิตที่ไปรับรู้นั้น บางทีก็จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง

    สำคัญที่สติ
    สติ ที่ระลึกรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ กาละ เทศะ บุคคล เป็นอย่างไร

    ผู้มีสติอยู่เสมอ จะแยกแยะได้ ว่าอะไร จริง ไม่จริง เรื่องใดควรพูด ควรแสดงตัวอย่างไร
    ต่อให้สัมผัสภพภูมิได้จริง ผู้ปฏิบัติที่ไม่หลง ก็จะเฉยๆ จะแยกออกว่า อันไหนส่วนของการติดต่อภพภูมิ อันไหนส่วนของการติดต่อกับมนุษย์ การอยู่ทางโลกแบบปกติ จะไม่เอามาปนกันครับผม

    อาการนี้ น่าเป็นห่วงมาก ต้องรีบให้พระอาจารย์ควบคุมด่วนครับ
     
  8. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    กรณีอย่างนี้อาจมีสาเหตุมาจาก ยุคนี้เข้าเขต "เทพพรหม" ลงมาเพื่อรักษา
    พระศาสนาให้ครบ5,000ปี ในช่วงนี้จะสังเกตว่าทำไมคนถึงเห็นผีได้มากกว่า
    ยุคก่อน (10ปีที่แล้ว) ถึงขนาดมาจัดรายการทีวีได้ ถ้าเป็นสมัยก่อนแค่ตั้งกล้อง
    ผีก็ไม่มาให้เห็นแล้ว เป็นต้น

    ปัญหามันจะเกิดกับนักปฏิบัติที่มีคลื่นสมองไปตรงกับ "บางสิ่ง" คราวนี้มันก็ขึ้น
    กับนักปฏิบัติแล้วว่าจะเองยังไง ระหว่าง "พระรัตนตรัย" กับ "บางสิ่ง"
    ถ้านักปฏิบัติท่านนั้นมี "ความพึงพอใจ" ไปยอมรับนับถือ หรือ มี "บุพกรรม"
    กับ"บางสิ่ง"นั้น บอกตรงๆ เลย ว่า ใครก็ไปแก้ไขอะไรให้ไม่ได้

    เอางี้ พวกนักปฏิบัติที่ยังไม่เจออะไร ก็อยากให้ใช้ "อธิษฐานบารมี" ป้องกัน
    ไว้ก่อนเลย หรือ ถ้าโดนเข้าแล้ว ก็ ไม่ต้องไปยอมรับนับถือ มันก็จะจบ
    หรือถ้าไม่จบ มันก็จะไม่ลุกลามเสียหายทางธรรมมากไปกว่านี้ค่ะ
     
  9. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    ถ้าหากปฎิบัติ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไม่มีเพี้ยนคะ ที่เพี้ยนมักจะเก่งกว่าครูอาจารย์ และติดยึดในนิมิตร สิ่งที่เห็นในนิมิตร ก็เพี้ยนได้คะ สิ่งที่เห็นเราเห็นจริงแต่มันไม่ใชของจริง และการเริ่มต้นปฏิบัติต้องมีครูอาจารย์สอนคะ มีการสอบอารมณ์ มีการแก้ไข ช่วยเหลือแนะนำในสิ่งต่างๆที่ผู้ปฏิบัติ สงสัยคะ เป็นสภาวธรรมบ้าง เป็นปิติบ้างคะสาธุคะบุญรักษาคะ
     
  10. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,614
    เห็นด้วยกับท่านค่ะ ถ้าจิตมีสติระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาในการปฏิบัติก็จะระลึกรู้และมีสติกับสมาธิ หากยึดติดกับนิมิตคือสิ่งที่เห็นทำให้มุ่งหวังในสิ่งที่เห็นจึงเกิดเป็นสภาวธรรมและเกิดการยึดมั่น ถือมั่น

    จิตที่รู้สึกตัว .. ไม่ว่าสภาวธรรมใดเกิดขึ้น

    ไม่ยึดมั่น จึงไม่หวั่นไหว ย่อมถึงจุดหมาย

    คือ ความเป็นอิสระจากความทุกข์

    พบความสุขที่แท้จริงได้ฉันนั้น
     
  11. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154
    มารทั้ง๕ ในผู้ปฏิบัติบางคนอาจเจอถึง๔มาร

    ๑.กิเลสมาร

    ๒.ขันธ์มาร

    ๓.อภิสังขารมาร

    ๔.เทวบุตรมาร

    ข้อ๑-๓ (ครูอาจารย์บอก)เขาเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม

    อยู่ใครเขาจะมายอมเราง่ายๆ

    ข้อ๔ เขาก็มีหน้าที่ของเขา หาคูอาจารย์ผู้รู้ท่านช่วย

    ช้าหรือเร็วแล้วแต่บุพเพและกรรม ปฏิบัติต่อไปเถอะ

    จะถึงฝั่งก็ต้องฝ่าคลื่นลม และบางครั้งอาจเป็นมรสุมบ้าง

    แต่อย่างไรธรรย่อมรักษา ผู้ประพฤติธรรไม่ให้ตกไปสู่ที่ชั่วฉันใดก็ฉันนั้น.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2013
  12. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    หากเป็นคนที่ปฎิบัติธรรมแล้ว
    ทำอะไรในสิ่งที่โลกเขาไม่ทำมากกว่าครับ
    คนที่อยู่บนโลกนี้เขาถึงเรียกและพยายามเอาไปให้ความหมายว่าเพี้ยน
    เพราะคิดไม่เหมือนที่โลกเขาเป็น
    ทำไม่เหมือนที่โลกเขาเห็น
    เพราะความยุติธรรมของโลก
    กับยุติบนธรรมนั้นไม่เหมือนกัน

    สิ่งเดียวที่ควรรักษาไว้คือสติ
    และสม สัมมา
    อย่าลืมสมดุลย์ขอรับ
    หากเรายังอยากมี อยากสังคมกับโลกนี้อยู่
    หากเราไม่สนโลกยืนบนแข้งบนขาตัวเองได้
    ทำในสิ่งที่ถูกต้องและมีสัมมาอย่างที่กระผมกล่าว
    จะเป็นหนทางที่ควรหรือไม่อย่างไร

    ขอท่านเจริญในธัมยิ่งแล้วขอรับ
     
  13. To Find The Thuth

    To Find The Thuth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +416
    สาธุกับทุกคนนะครับ

    ตอนนี้โอเคแล้วครับ ยังไงก็ขอบคุณมากเลยครับ
     
  14. ดินหอม

    ดินหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +188
    คนที่ฝึกกรรมฐานหลายคนกลายเป็นโรคซึมเซา บ้า เสียสติ กู่ไม่กลับมากมาย

    ไม่ใช่เพราะวิชชาของครูบาอาจารย์ แต่เป็นเพราะผู้ปฏิบัติตั้งเป้าหมายผิดเจตจำนงค์

    การฝึกกรรฐานคือการฝึกจิต ฝึกสติให้เป็นมหาสติ รู้ตัวตนตลอดเวลา

    เมื่อสติมั่นคงกล้าแข็ง ก็จะมองเห็นความจริง ที่แอบซ่อนอยู่หลังภาพลวงตาทั้งมวล

    เมื่อแยกความจริงกับความเท็จออก แยกขาวแยกดำออก ก็จะรู้ว่ากำลังถูกหลอกให้หลง

    เมื่อรู้ว่าถูกหลอก ก็ต้องถอนออก คืนทุกสิ่งแก่โลกนี้ ตัดเยื้อขาดใย จบสิ้นกันที่ไม่มีเกิด..

    นี่คือจุดหมายปลายทางแท้จริงของการฝึกสมาธิกรรมฐาน ของพระพุทธเจ้าเข้าสู่นิพพาน.

    ส่วนพวกที่ฝึกแล้วบ้าสติแตก เพราะสำคัญผิด

    คิดจะไปเอาอาการข้างเคียงของสมาธิ ในการเห็น มาใช้เป็นเครื่องหากิน

    พบอะไรผ่านอะไรเป็นหยุดทักหยุดชม ยื้อยุดกับภาพลวงตาลวงใจของโลก

    จิตสมาธิก็ถูกชักนำออกไป ไม่มีสติคุมร่าง จิตกับสติแตกแยกออกจากกัน

    ที่เขาเรียก กสินแตก ยากจะเรียกกลับคืน เพราะฉนั้น เอาแค่พอสบายใจ

    เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่มุ่งหวังสิ่งใด เพียงหยุดจิตหยุดกายเข้าสู่สภาวะดับโดยมีสติคุม

    เมื่อสติรู้เปิดรู้ดับ สิ่งรู้อื่นๆจะตามมาเอง ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • owl.jpg
      owl.jpg
      ขนาดไฟล์:
      193.7 KB
      เปิดดู:
      56

แชร์หน้านี้

Loading...