คณะหลวงพ่อฤาษีฯพบเสือ ๔ องค็ ในป่าอ.ศรีประจันต์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย vichian, 4 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    8,164
    ค่าพลัง:
    +41,921
    [b-wai] คณะหลวงพ่อฤาษีฯพบเสือ ๔ องค์ ในป่าอ.ศรีประจันต์

    ...........เวลาประมาณสักตี ๒ เสียงดังโครมครามๆในธารน้ำไหลในถ้ำ ทุกองค์ตื่นจากที่นอน พอลุกจากที่นอนมาดูที่ธารน้ำไหล ปรากฏว่า มีเสือ ๔-๕ ตัวกำลังเล่นน้ำอยู่ ก็นึกในใจว่า เจ้าเสือนี่มันเข้ามาอย่างไร แล้วทำไมถึงมาเล่นน้ำที่นี่ มันจะเล่นแต่น้ำ หรือเล่นเราด้วยก็ยังไม่แน่ ก็มองไปมองมา ดูเสือ เสือก็ทำท่า ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ เล่นน้ำกันตามสบายๆ เลยทุกคนก็นั่งมองดู ก็คิดในใจว่า การเกิดของคน การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันเป็นของไม่ดีอย่างนี้ ถ้าเราพลาดจากความเป็นคนเป็นพรหมหรือเป็นเทวดาก็ยังดี ถ้าไปเกิดในอบายภูมิ ถึงแม้จะเป็นเสือ เป็นสัตว์ที่มีอำนาจมากก็มีความลำบากด้วยอาหาร เวลานี้มาเล่นน้ำกันในเวลาดึก แต่ความจริงมันไม่ใช่เวลาอาบน้ำ มันเวลานอน เป็นเวลาพักผ่อนเฉพาะคน แต่เป็นเวลากลางคืน เป็นเวลาหากินของเสือ แต่เสือนี่จะมีความสุขหรือความทุกข์

    เมื่อคิดไปแล้วก็เห็นว่า เสือมีความทุกข์เพราะว่าเสือมีความหิว การอาบน้ำแสดงว่า เสือมีความร้อน ความร้อนมันก็เป็นทุกข์ เมื่ออาบน้ำมีความเย็น ก็เป็นสุขชั่วคราว ถ้าขึ้นไปจากน้ำ ประเดี๋ยวก็อาจจะร้อนใหม่ แล้วก็ในที่สุด เสือนี่ก็ต้องแก่ แล้วก็ต้องตาย เช่นเดียวกับเรา เราก็มีสภาพเช่นเดียวกับเสือ ถ้าเวลานี้บังเอิญเสือเห็นเราเข้า เสือจะกินเรา เราก็ตามใจเสือ เราจะไม่ยอมดิ้นให้มันเจ็บ ให้มันเจ็บแค่เสือกัด ประเดี๋ยวมันก็ตาย เมื่อตายเราก็มีความสุข ที่ไปของเราก็คือ พรหม

    อาตมาคิดอย่างนั้นนะ แต่ว่ามาถาม ๒ องค์ทีหลัง ๒ องค์ท่านก็บอกว่า ที่ตายของท่านท่านตายแล้ว ที่ไปของท่านก็คือ นิพพาน มีอารมณ์ต่างกัน พระโพธิสัตว์ กับสาวก มีอารมณ์ไม่เหมือนกัน พระโพธิสัตว์ไม่ค่อยเข้าใจนิพพานนัก อาตมาไม่เข้าใจเลยเวลานั้น เรื่องนิพพานแล้วก็จิตหวังนิพพานไม่มีอยู่ ต้องการอย่างเดียวคือ เป็นพระพุทธเจ้า

    พอคิดอย่างนั้นเสร็จเสือก็ยังไม่เลิกเล่นน้ำ เราก็เลยนั่สมาธิตรงนั้นคิดในใจว่า ขออุทิศร่างกายให้เป็นอาหารเสือ เสือจะได้มีความสุข ตั้งใจจับสมาธิปั๊บ จิตหลุดออกจากกายไปโน่นไปป๋ออยู่ดาวดึงสเทวโลก โยมผู้หญิงก็ถามว่า คุณมาทำไม ก็เลยบอกว่าปล่อยร่างกายให้เสือมันกิน ท่านบอกเสือไม่กินหรอก เสือนี่กินคนไม่ได้ ถามทำไมล่ะโยม ก็เสือ ๔ ตัวนี่ ขอโทษท่านนะ ท่านก็ยกมือไหว้ว่า เสือ ๔ องค์ คือ

    เสือที่ ๑ คือ เสือหลวงพ่อปาน
    เสือที ๒ คือ เสือหลวงพ่อสุข
    เสือที่ ๓ คือ เสือหลวงพ่อจง
    เสือที่ ๔ คือ เสือหลวงพ่อจาด

    ทั้ง ๔ องค์นี่เป็นเพื่อนกัน มาพิสูจน์กำลังใจของคุณว่า มาที่ใหม่นี่คุณจะกลัวหรือไม่กลัว และว่าคุณจะทำอย่างไรในเมื่อเสือมาอยู่ใกล้ๆจะทำอย่างไร จะตกใจกลัววิ่งหนีแบบไหน เวลานี้คุณตั้งใจถูกแล้ว คุณจะกลับไปหรือยังล่ะ ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้น ฉันจะลากลับ โยมก็บอก กลับก็ดี ประเดี๋ยวครูบาอาจารย์จะได้แสดงตัว

    เมื่อกลับลงมาแล้ว ก็ปรากฏว่า หลวงพ่อปานแสดงตัวก่อน จากเสือในน้ำขึ้นมา พอขึ้นมาจากพื้นน้ำนั่งปั๊บ เป็นหลวงพ่อปานทันที แล้วก็ หลวงพ่อจงเป็นองค์ที่ ๒ หลวงพ่อจาดเป็นองค์ที่ ๓ หลวงพ่อสุขเป็นองค์ที่ ๔ แล้วก็บอกว่า เออ...ตัอสินใจอย่างนี้ดีนะ อย่าลืมว่าเทวดาท่านสงเคราะห์ จงทำความดีที่เทวดาชอบใจ ถ้าหากว่าเธอสงสัยว่า เทวดาชอบใจอะไรบ้าง ให้ไปถามโยมเธอที่สวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก ถามโยมผู้ชายก็ได้ ถามโยมผู้หญิงก็ได้ หลวงพ่อปานพูดจบ เสียงก้องมาจากข้างนอกว่า ตามคำแนะนำที่หลวงพ่อปานสอนน่ะถูกต้องทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องไปถามใครอีก ก็ไม่ทราบว่าเสียงใคร แล้วก็เงียบไป แล้วท่านก็บอกว่า ท่านขอกลับ หลวงพ่อมาเท่านี้ เตือนเท่านี้ จะกลับนะ จำไว้ว่า ถ้าเสือธรรมดาจะไม่มาเล่นน้ำในเวลกลางคืน เพราะว่าเวลาจะกินคน หรือกินสัตว์ เสือจะต้องโดดคาบ แล้วก็โดดต่อไป ในถ้ำนี้โดดไม่ได้ เสือไม่เข้ามา หรือคลานเข้ามาคาบออกไป เสือไม่ทำอย่างนั้น เวลาเสือจะกิน จะต้องโดดพับจับได้ แล้วโดดออก ที่นี่ถ้ำต่ำ โดดไม่ได้ แล้วท่านก็ลากลับ

    เมื่อท่านลากลับเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็กราบสถานที่ท่านนั่ง ก็จัดบริเวณที่ท่านนั่งไว้ เอาหินมาวางเรียงรายให้ล้อมรอบว่า ที่ตรงนี้เราจะไม่เหยียบ จะไม่เดินเหยียบลงไป เราจะไม่นั่ง ไม่นอนที่ตรงนั้น เพราะเป็นที่ครูบาอาจราย์ท่านนั่งสอนทั้ง ๔ องค์ หลังจากนั้นแล้ว ก็ต่างคนต่างตัดสินใจว่า เราจะนั่งตรงนี้ข้างๆนี้ เราฟังคำสอนจากหลวงพ่อปาน หลวงพ่อ ๔ องค์ท่านมาพร้อมกันในที่ใด เราจะนั่งตรงนั้นจนกว่าจะตลอดรุ่ง เมื่อตัดสินใจเสร็จต่างคนต่างเข้าสมาธิ ต่างคนต่างนั่งเข้าสมาธิจิตอารมณ์สงัด เวลานั้นไม่เที่ยวแล้ว สงัด ตัดสินใจจัดอารมณ์ดิ่งที่สุด จิตมีอารมณ์สว่างโพลงจนไม่รู้สึกภายนอก เขาเรียกว่าเข้าฌาน ๔ อารมณ์เป็น เอกัคคตา ดี ตัดสินใจว่า ถ้า ๖ โมงเช้าเมื่อไหร่ เราจะมีความรู้สึกตัว

    พอถึงเวลา ๖ โมงเช้า ก็รู้สึกตัวทันที ลืมตาขึ้นมาเห็นนาฬิกา ๖ โมงพอดี ก็หยิบบาตรขึ้นมาจะออกบิณฑบาตร[b-wai] จะไปแขวนต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่ง แต่ว่าพอโผล่ออกมาจากปากถ้ำก็เจอะเทวดา ๒ ท่านกับนางฟ้า ๒ ท่าน วันนี้ท่านแต่งตัวเป็นเทวดาเป็นนางฟ้าชัด สวยจริงๆ(อย่าลืมนะ คำว่า สวยเวลานั้นนึกไม่ได้ นึกแล้วอดข้าว) ก็นึกตามความเป็นจริงว่า เป็นเทวดาก็ดี เป็นนางฟ้าก็ดี ท่านไม่มีขันธ์ ๕ ท่านมีความสวยสดงดงาม สวยทั้งข้างนอก และสวยทั้งข้างใน อารมณ์ใจไม่เหมือนเรา ก็รับบาตรจากท่าน ท่านใส่บาตร และท่านใส่ดอกไม้คนละดอก แล้วท่านนั่งยกมือไหว้ ท่านก็ลาไป พวกเราก็กลับมากินข้าว มากินข้าวกินปลาเสร็จแปรงฟันดีแล้ว ก็นั่เจริญกรรมฐานไปนานแสนนานจนกว่าจะถึงตะวันเที่ยง จึงคลายกรรมฐานออกมาพักผ่อน นอนคุยกัน......





    จากหนังสือ หลวงพ่อธุดงค์
    โดย พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...