ข้อคิดจาก The Day The Earth Stood Still

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย YUT_KOP, 20 ธันวาคม 2008.

  1. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    วันก่อนผมไปดูภาพยนต์มา เรื่อง The Day The Earth Stood Still

    พอดูจบเหมือนมีปิติอย่างมาก จากแนวคิดของเรื่องมาแบ่งปัน
    อาจจะทำให้ใครบ้างคนได้ เข้าใจหลักสัจะธรรม จากหนังต่างประเทศได้

    1 สิ่งมีชีวิตทุกสรรพสิ่ง ไม่มีความตายอย่างแท้จริง มันเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลง
    จากรูปแบบ หนึ่งกลายเป็๋นอีก รูปแบบหนึ่ง

    อันนี้ยังเป็น ธรรมขั้นพื้นฐาน ที่ทุกคนควรเข้าใจว่า การตาย ไม่ใช้เป็นจุดสิ้นสุด
    และก็ไม่ใช้ จุดเริ่มต้น เราๆท่านๆยังคงมีอยู่ตลอดกาล ไม่ว่า เรา หรือ ท่านจะตายสักกี่ชาติ ก็ยังคงมีอยู่ แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ตามกรรมที่สร้าง หาจุดสิ้นสุดไม่ได้มันยาวนาน

    จนจบลงที่ นิพพาน นั้นแหละ คือการเดินทางครั้งสุดท้าย

    เกิดและดับ อีกกี่พันชาติ ล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกกรรม

    แต่ด้วยหลัก ธรรมจักรากัลปวัตนสูตร

    สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมมีัการดับไปเป็นธรรมดา

    การดับครั้งสุดท้าย การสิ้นสุดครั้งสุดท้าย ไม่ใช้การตายแบบโลกทั่วไป

    แต่เป็นการตาย การตายของกิเลส นั้นแหละถึงจะเรียกว่า การดับ

    ดับเชื้อกิเลส ที่เป็นตัวก่อให้เกิด ขันธ์5 สุดท้ายทุกๆคน ทุกๆท่านการจะดับ

    ดับกิเลสได้ แต่ช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละคน สุดท้ายแล้ว ไปเหมือนกันหมด

    แต่ไม่พร้อมกัน

    2.จุดเปลี่ยนของชีวิตจะเกิดขึ้นเมื่อเราได้ยืนอยู่ที่ปลาย เหวนั้น

    นั้นแหละ คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ จุดเปลี่ยนที่จะืำทำให้เราได้ พบจุดดับอย่างแท้จริง จุดดับที่สนิด ไม่มีเชื้อไฟแห่ง กิเลสให้เกิด

    พระอรหันต์ หลายๆท่านก็ สำเร็จได้จาก จุดเปลี่ยนที่ ปลายเหว จุดที่จะสิ้นสุด จุดทีี่่จะยอมแพ้ และจุดที่จะดับสภาวะแห่งจิตที่ มีสติ สมาธิ ปัญญา จุดนั้น
    เป็นเพียง เสียววินาที วินาทีที่ดับทั้งหมด ดับแบบสิ้นสุดแท้จริง

    เช่นพระอานนท์ ที่สำเร็จอรหันต์ ขณะชั่วเวลาที่ จิตเริ่มดับ จิตกำลังจะดับ
    กำลังจะยอมแพ้ กำลังถอยลงแบบ มีสติๆที่ละขั้น จนเข้าใจในที่สุดแห่งการ ดับกิเลส ว่ามันก็แค่นี้แหละ ตัวเรามันจบลงวันนัี้้น ทำให้ท่านได้ เข้าสู้อรหันต์ ทันเวลา สังฆยนาพระไตรปิฏก ครั้งแรกพอดี
     
  2. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width=155>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=573><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขออนุโมทนาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 9011-10.jpg
      9011-10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.9 KB
      เปิดดู:
      91
  3. ukrin

    ukrin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +1,463
    ขออนุโมทนาครับ ทุกสรรพสิ่งไม่ได้มีอยู่จริง และมีการเปลี่ยนรูปอยู่ตลอดเวลา แต่การที่มีสายโยงยึดไว้อย่างต่อเนื่องสืบอยู่ ทำให้เราเข้าใจไปว่าคงมีอยู่จริง คล้ายดังยักษ์ใหญ่ในเรื่อง ที่เป็นยักษ์ใหญ่ได้เพราะการรวมตัวของแมลงที่ตัวเล็กๆ ละเอียด ละเอียด ละเอียด จนถึงขนาดว่าตาก็มองไม่เห็น เช่นนี้กระมัง ดังตึกใหญ่ๆในเมือง ที่จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีอยู่จริงครับ
     
  4. ธรรมทิพย์

    ธรรมทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +433
    สรรพสิ่งเคลื่อนคล้อยเลื่อนลอยลับ
    เกิดดับแล้วร่วงห่วงหา
    คืนวันผันผ่านนานมา
    ปรารถนาสิ่งใดใคร่ครวญ

    กงล้อสังสารเวียนหมุน
    เคยคุ้นพิไรไห้หวน
    รอวันดินกลบทบทวน
    กิเลสกวนเจ็บจิตอนิจจา
    ;aa14
     
  5. แมวแหมว

    แมวแหมว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +49
    ;aa24อนุโมทนา สาธุ
     
  6. โอซารัน

    โอซารัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +91
    สุดยอด

    เปนแนวคิด ปรัชญา มากครับ ผมชอบ
     
  7. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    สิ่งที่มีอยู่ใน โลกนี้ ล้วนเป็น สิ่งที่บัญญัติ มาเพื่อให้รู้ว่าสิ่งนั้น สิ่งนี้เรียกว่าอะไร

    สิ่งใด สิ่งหนึ่งมีอยู่จริง ตึกใหญ่มีจริง ต้นไม้มีจริง รถยนต์มีจริง แต่ทุกสิ่งที่มีจริง

    ที่เราเห็นนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ ไม่จริง สิ่งที่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่กิเลส สร้างมา

    สรุปคือ สิ่งที่เราเห็น เราเห็นจริงๆ สัมผัสจริง แต่สิ่งนั้น เป็นสิ่งที่ไม่จริง ไม่ใช้

    ของแท้
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แบบว่า ตึกที่สร้างเป็นตึกจริงๆ จับต้องได้
    แต่ความคิด ว่านี่คือตึก นั่นคือบ้าน เป็นความคิด ที่เราสมมุติมาเรียก ตึก บ้าน
    ส่วนที่เป็นความคิด นี้คือ สิ่งไม่มีอยู่จริง ใช้เรียกสิ่งของอีกที
    แต่จิตเราเอง ไปยึดว่าความคิดนั้นเป็นตัวตนจริงๆ เป็นตึกจริงๆ
    จิตเราก็เลย ยึดไว้แบบผิดๆ ว่าความคิดที่เราปรุง คือความจริง กลายเป็น
    คิด ซ้อน คิด แล้วยึดเอาความคิด เป็นตัวตน เป็นความจริง ของตัวเอง

    ถ้าเป็นสิ่งของ ก็แยกออกง่าย เห็นได้ชัด ว่าสิ่งไหน ของจริง สิ่งไหนเป็น คิด
    (เราใช้วิธี จับ สัมผัส รู้สึก เป็นความจริง ความคิดบรรยายภาพ เป็นสิ่งไม่จริง)

    แต่ถ้าเป็น ทิฏฐิ ที่เป็นความเห็น ที่เราเรายึดไว้เป็นตัวตน นี่ ก็มองยากขึ้นไปอีก
    เพราะไม่มีของจริง มาให้เทียบ มีแค่ เห็น กับไม่เห็น ว่าความเห็นเป็นตัวตน
    ถ้ามองออก ว่าความเห็นเป็นตัวตน ต่อไป ก็ เป็นเรื่องของ ยึด กับไม่ยึด
    ความเห็นตัวตน ทั้งหมดนี้ ต้องเห็นด้วยจิต รู้สึกด้วยจิต จึงจะเรียกว่า รู้ จริง

    (รู้สึกว่า งั้น นะ)

    โลกของความจริง ก็เป็นความจริง
    โลกของความคิดนึก เป็นสัญญา ความจำ มายา ไม่ใช่ความจริง

    อยู่ในโลกความจริง รู้ว่าจริง อยู่ในโลกความคิดนึก ก็ รู้ว่าไม่จริง
    ก็อยู่ด้วยความเห็น ที่เป็นจริง เมื่อเห็นความจริง มากๆ เนืองๆ
    จิตก็รู้ตัว ทำงานได้ถูกต้อง ตามความเป็นจริง ไม่ยึดมั่น ผิดๆ ถูกๆ

    เมื่อใดที่ จิต รู้ จริง และไม่จริง ก็จะ คลาย ความ ยึด ออก เอง

    คิดว่า งั้น นะ ลองทำแบบนี้อยู่ แต่เราก็ยัง ยึด อยู่ เห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง
    ตามกำลัง สติปัญญา ถ้าขาดสติ ก็ขาดปัญญา ก็ลืม คิดว่าเป็นจริง เป็นเรา
    เป็นตัวตน ของเรา อยู่ร่ำไป

    ปล. ถือว่าป็นการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น จากการปฏิบัติภาวนา ส่วนตัว นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2008
  9. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    สมมุติมีอยู่ ของไม่จริง มีอยู่ เต็มแดนโลกธาตุ
    เรามีหน้าที่ดึงสมมุติ มาใช้ประโยชน์ อย่างมี ศีล สมาธิ และ ปัญญา
    เพื่อให้เกิดวิมุติ คือการหลุดพ้น ตัวอย่างเช่น

    คำภาวนา พุธโธ คำภาวนา มีอยู่จริง แต่ตัวคำภาวนานั้นเป็นของไม่จริง
    เกิดขึ้น (เมื่อเริ่มท่อง)
    ตั้งอยู่ (เมื่อยังมีสติ และสมาธิ)
    ดับไป(เมื่อหยุดการเจริญภาวนา)

    เรายืมคำภาวนา พุธโธ มาใช้เพื่อเข้าสู่ สมถะกรรมฐาน เข้าสู่ อัปนาสมาธิ
    หลังจากนั้น คำภาวนา ไม่ใช่หายไป (ที่หายเพราะคำๆนั้นก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือ ช่วยยึดจิตเท่านั้น)
    กระแสจิต เข้าสู่วิปัสสนากรรมฐาน สู่ขบวนการคิด การไตร่ตรอง และการตัด

    ดังนั้น สมมุติอย่าง ขันธ์5 นั้นมีอยู่จริง แต่ ขันธ์5เป็นสิ่งที่ไม่จริง
    เมื่อดับขันธ์5ได้ อย่างสนิด นั้นแหละจึงจะเจอ ของจริง
     
  10. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    บรมสุข ^-^
     
  11. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ก็แปลกดีนะ หนังจากต่างประเทศที่บางคนเค้าก็มองว่าเจริญแต่วัตถุ แต่สามารถสร้างหนังที่ใส่ปรัชญาดีๆ เข้าไปได้
    หนังบ้านเราประเทศเรายังหาหนังอย่างนี้ยากเลย ทั้งๆ ที่รอบตัวก็มีปรัชญา ข้อคิด ดีๆ อยู่เต็มไปหมด ที่เก็บมาเป็นข้อมูลหรือเอามาคิดต่อได้

    ว่าแต่เขียนถึงหนังเรื่องนี้อย่างนี้ก็ทำให้ชักอยากไปดูแฮะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...