ขอแสงสว่างนำทางชีวิตคะ

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย ทุกข์ที่ใจ, 27 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ทุกข์ที่ใจ

    ทุกข์ที่ใจ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +4
    สวัสดคะตอนนี้ทุกข์มาก แฟนที่รักกันมาสี่ปี ทิ้งไปเหลือหนี้สินและภาระค่าเช่าตึกที่เปิดธุรกิจร่วมกันมา ตอนรักก็ช่วยกันทำ ถึงเงินลงทุนเกือบ90%จะเป็นของเตราก็ตาม ตอนนี้ทุกข์หนักทั้งๆที่จะแต่งกันปลายปีนี้ยังตัดใจไม่ได้ ทั้งๆที่สิ่งที่เค้าทำมันหนักหนาเกินกว่าจุะให้อภัย แต่ใจยังรัก ยังทุกข์ ยังลำบากทำงานหาเงินใช้หจี้คนเดียว ร้านที่เปิดด้วยกันตั้งใจให้เป็นเรือนหอ ก็ต้อุงะขายเซ้งไป เพราะจ่ายไม่ไหว ตอนนี้ทำได้แค่สวดมนต์ ไหว้พระทำบุญ นั่งสมา แผ่เมตตาส่วนกุศลให้เค้าและครอบตัว ผู้หญิงคนใหม่ของเขา คิดว่าคงเป็นวิบากกรรมของเรา ขอผู้ใจบุญชี้แนวทางด้วยคะ ทุกวันนี้ยังร้องไห้ เสียใจและทรมาณกับสิ่งที่เกิดขั้นคะ
     
  2. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เอาเหอะ ถ้าอยากร้องไห้ ก็ร้องเสียให้พอนะครับ จะได้ระบายความอัดอั้นตันใจ ที่คุณสวดมนต์ ไหว้พระทำบุญ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้เค้านะ ทำดีอยู่แล้ว ขออนุโมทนาด้วยนะครับ

    ถ้าจะอธิบายในแง่ทางพระทางธรรม ก็ต้องถือว่าเค้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของคุณ ขึ้นชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวรแล้ว สักวันหนึ่งเราก็ต้องชดใช้เค้า ไม่วันนี้ก็วันหน้า ถือเสียว่า เราชดใช้เค้าแล้ว ก็ขอให้ชดใช้ให้หมด สิ้นเวรสิ้นกรรมกันนับแต่บัดนี้

    ขอให้อยู่กับพระ อยู่กับลมหายใจนะครับ ทำใจให้เบา ทำใจให้สบาย คนที่สามารถทำใจให้เบาทั้งๆที่ได้รับทุกขเวทนาอยู่ได้นั้น นับว่าเป็นคนเหนือคน มีผู้สอนผมว่า ถ้าเราเจอปัญหา แล้วเราเอาแต่ทุกข์กับปัญหา เอาแต่วิตกกังวล ก็เหมือนกับเราปิดประตูใจของเราเอง จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิใดๆมาช่วยเราก็หาได้ไม่ เพราะเราปิดประตูบ้านเราเสียแล้ว

    เพราะฉะนั้น ท่านสอนผมว่า ให้ทำใจให้เบา ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคุณทำได้ เวลาคุณไปปฏิบัติธรรมอย่างจริงๆจังๆนั้น โอกาสที่คุณจะค้นพบความสุขที่แท้จริงนั้น ไม่ยาก เพราะการปฏิบัติธรรมนั้น ก็เพื่อให้ใจมันเบา ใจมันสบาย ถ้าเราฝึกซ้อมตั้งแต่ตอนนี้ ก็จะเป็นการดี ถือเสียว่านี่เป็นบททดสอบครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเรา

    และไม่ว่าสุขหรือทุกข์ มันผ่านมา ก็ต้องผ่านไป วางลงเสีย แล้วคุณก็จะเกิดปัญญาในที่สุด
     
  3. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    พระภัททากุณฑลเกสาเถรี เป็นธิดาของเศรษฐี ในกรุงราชคฤห์ บิดามารดาตั้งชื่อให้ว่า

    “ภัททา”
    • ลูกปุโรหิตเกิดฤกษ์โจร
      ในวันที่นางเกิดนั้น ได้มีบุตรของปุโรหิตในกรุงราชคฤห์เกิดในวันเดียวกันนี้ด้วย ขณะที่เขาคลอดจากครรภ์มารดา ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ คือ บรรดาอาวุธทั้งหลายในบ้านของปุโรหิตเองและในบ้านคนอื่น ๆ ตลอดจนถึงในพระราชนิเวศน์ต่าง ๆ ก็เกิดแสงประกายรุ่งโรจน์ไปทั่วพระนครตลอดคืนยันรุ่งปุโรหิตทราบในบุพนิมิตดีว่า บุตรของตนเกิดฤกษ์โจร เมื่อเขาโตขึ้นจะต้องเบียดเบียนทำความเดือดร้อนฉิบหายแก่ชาวเมือง จึงเข้าเฝ้าพระราชาแต่เช้าตรู่กราบทูลความให้ทรงทราบโดยตลอดแล้วทูลเสนอแนะว่า ขอพระองค์โปรดรับสั่งให้ประหารชีวิตเขาเสีย เพื่อมิให้เป็นภัยแก่ชายเมืองในอนาคต แต่พระราชาตรัสว่า เมื่อเขาไม่ได้เบียดเบียนเราก็ไม่เป็นไร อย่าไปฆ่าเขาเลย ปุโรหิตจึงเลี้ยงดูบุตรต่อไป โดยได้ตั้งชื่อให้ว่า “สัตตุกะ”
      สัตตุกะเมื่อโตขึ้นอยู่ในวัยเด็ก นายสัตตุกะก็ได้ ตัดช่องย่องเบาลักขโมยทรัพย์และสิ่ง
      ของมีค่าน้อยบ้างมากบ้างตามแต่จะได้มาเป็นเครื่องเลี้ยงชีพจนได้ชื่อว่าไม่มีบ้างหลังใดที่ไม่ถูกย่องเบาลักขโมยเลย ความเดือดร้อนของชาวเมืองทราบไปถึงพระราชา จึงรับสั่งให้หน้าที่ติดตามจับกุมโจรชั่วนั้นให้ได้ พวกเจ้าหน้าที่ทั้งหลายจึงออกติดตามสืบพบหาจนจับตัวได้แล้วนำมาถวายพระราชาเพื่อทรงวินิจฉัยตัดสินโทษ
      พระราชา รับสั่งให้โบยโจรพร้อมทั้งนำตัวตระเวนออกไปตามถนน ให้ทั่วทั้งพระนคร
      ก่อนแล้วจึงนำออกไปประหารที่เหวสำหรับทิ้งโจร
    • ดอกฟ้าในมือโจร
      ขณะนั้น นางภัททา ธิดาเศรษฐีมีอายุย่างเข้าวัย ๑๖ ปี มีรูปร่างสวยงาม บิดามารดาจึงระวังรักษาให้อยู่บนปราสาทชั้นที่ ๗ ให้หญิงรับใช้หนึ่งคนคอยดูแลรับใช้ของนาง ก็เป็นธรรมดาของหญิงสาวในวัยนี้ ย่อมมีความฝักใฝ่ในชายหนุ่ม ดังนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่นำโจรหนุ่มตระเวนมาทางบ้านของนาง พอนางเปิดหน้าต่างมองลงไปเห็นโจรเท่านั้นก็เกิดจิตปฏิพัทธ์รักใคร่ในตัวโจรทันทีคิดว่า “ชาตินี้ถ้าไม่ได้โจรหนุ่มมาเป็นคู่ครองก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่” และรู้ว่าพวกเจ้าหน้าที่กำลังนำโจรไปประหาร ความรู้สึกของนางเหมือนกับกำลังสูญเสียสามีสุดที่รัก ความทุกข์เศร้าโศกเสียใจสุดจะห้ามก็ตามมา ฝ่ายสาวใช้ เห็นเช่นนั้นจึงรีบแจ้งให้เศรษฐีผู้เป็นบิดามาดาทราบโดยด่วน บิดามารดาของนางพอมาถึง ก็ได้ไต่ถามทราบจากปากของธิดาว่า “ถ้าไม่ได้โจร
      หนุ่มคนนั้นมาเป็นคู่ ก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่อีกต่อไป” แล้วก็นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียนนอนนั้น
      มารดาจึงพูดอ้อนวอนว่า:
      “ภัททา ลูกแม่ อย่าทำอย่างนี้เลย อีกไม่นานเจ้าก็จะได้สามีที่มีทรัพย์สมบัติและชาติสกุลเสมอกัน”
      “คุณแม่ค่ะ ดิฉันไม่ต้องการชายอื่น ถ้าไม่ได้ชายคนนี้จะขอตายดีกว่า”
      บิดามารดาทั้งสอง ช่วยกันพูดอ้อนวอนอยู่เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่เป็นผลด้วยคามรักและห่วงใยในลูกสาว จึงติดสินบนเจ้าหน้าที่ด้วยทรัพย์จำนวนหนึ่งพันกหาปณะ ขอไถ่ชีวิตโจรหนุ่มคนนั้นโดยให้นำมาส่งที่บ้าน ฝ่ายเจ้าหน้าที่ราชบุรุษทั้งหลาย รับทรัพย์ไปแล้วทำเป็นถ่วงเวลารอจนมืดค่ำ จากนั้นได้นำโจรหนุ่มคนนั้นมามอบให้แก่เศรษฐีแล้ว นำนักโทษอีกคนหนึ่งไปประหารชีวิตแทนแล้วกราบทูลพระราชว่าฆ่าโจรสัตตุกะเรียบร้อยแล้วเศรษฐีรับตัวโจรหนุ่มสัตตุกะไว้แล้ว ให้อาบน้ำชำระร่างกายและมอบเสื้อผ้าชั้นดีสวมใส่พร้อมทั้งอาภรณ์เครื่องประดับชั้นดีต่าง ๆ นำไปยังปราสาทของลูกสาว ทำพิธีส่งตัวให้เป็นคู่ผัวเมียกันแล้ว บิดามารดาทั้งสองก็กลับไปยังที่พักของตน
    • สันดานโจรไม่เจือจาง
      โจรสัตตุกะมีความสุขอยู่ในบ้านของเศรษฐีซึ่งมีให้พรั่งพร้อมทุกอย่างได้ทั้งภรรยาที่
      แสนสวย ทรัพย์สินเงินทองก็มีให้ใช้อย่างสุขสบายไม่ขัดสน การงานก็มีคนรับให้ทำให้ ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวยใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็อยู่ได้ไม่นานเพราะนิสัยสันดานโจรอดที่จะทำชั่วไม่ได้ เขาคิดวางแผนฆ่าภรรยาเพื่อจะนำเอาเครื่องประดับอันมีค่านั้นไปขายแล้วนำเงินมาหาความสุขด้วยการดื่มสุรา แล้วเขาก็เริ่มดำเนินการตามแผน ด้วยการแสดงกิริยาให้ภรรยาพอใจแล้วกล่าวว่า:-
      “น้องหญิง การที่พี่รอดชีวิตจากการถูกประหารอย่างหนึ่ง และการที่ได้มาแต่งงานอยู่
      กับน้องหญิงอีกอย่างหนึ่ง ก็ด้วยอานุภาพของเทวดาที่สิงสถิต ณ ภูเขาทิ้งโจร เพราะพี่ได้บนบานบวงสรวงกับท่านเข้าไว้ ขณะนี้ก็สำเร็จสมประสงค์ทั้ง ๒ ประการแล้ว พี่เห็นว่าควรจะทำการแก้บนถวายเครื่องพลีกรรมแก่เทวดานั้น ขอให้น้องหญิงจงจัดเครื่องพลีกรรมสังเวยให้พร้อมแล้ว ประดับอาภรณ์ให้สวยงามไปร่วมทำพิธีพลีกรรมที่ภูเขาทิ้งโจรนี้กับพี่เถิด”
      นางภัททา ด้วยความรักสามีสุดหัวใจ จึงเห็นชอบเชื่อตามคำสามีทุกประการ โดยให้
      ทาสชายหญิงจัดเครื่องพลีกรรมเรียบร้อยแล้ว ขึ้นนั่งรถคันเดียวกันกับสามีไปยังเหวที่ทิ้งโจร เมื่อมาถึงเชิงเขา โจรสัตตุกะบอกกับภรรยาว่า “ให้เหล่าบริวารที่ติดตามมานั้นกลับไปก่อน เราสองคนเท่านั้นที่จะขึ้นไปทำพลีกรรม” เมื่อบริวารแยกทางกลับไปแล้วก็ช่วยกันถือเครื่องสักการะสังเวยขึ้นไปบนยอดเขา นางภัททารู้สึกมีความสุข ความอิ่มใจที่ได้ช่วยกิจของสามี และได้โอกาสมาทัศนาโลกภายนอก แต่พอถึงยอดเขา โจรสัตตุกะก็พูดกับนางด้วยเสียงอันแข็งกร้าวเด็ดขาดว่า:-
      “ภัททา เจ้าจงเปลื้องผ้าห่มออกแล้วถอดเครื่องประดับทั้งหมดมัดห่อรวมกันไว้เดี๋ยวนี้”
      นางภัททา ได้ฟังคำและเห็นกิริยาของสามีเปลี่ยนไปเช่นนั้นก็ตกใจ ทำอะไรไม่ถูก
      ละล่ำละลักถามสามีว่า:-
      “นายจ๋า ดิฉันทำอะไรผิดหรือ ?”
      “นางหญิงโง่ ความจริงเราจะควักตับกับหัวใจของเจ้าถวายแก่เทวดาที่นี่แล้วยึดเอา
      เครื่องอาภรณ์ของเจ้าทั้งหมดไปใช้จ่ายหาความสุข”
      “นายจ๋า ก็ทั้งตัวดิฉันกับเครื่องประดับทั้งหมดนี้ก็เป็นของท่านอยู่แล้วทำไมท่านจะต้องฆ่าฉัน เพื่อยึดเครื่องประดับด้วยอีกเล่า”
    • ปัญญามิได้มีไว้เพื่อต้มแกงกิน
      แม้นางจะอ้อนวอนชี้แจงอย่างไร เข้าโจรโง่ใจร้ายก็ไม่ยอมรับฟัง ตั้งหน้าแต่จะฆ่านางเอาเครื่องประดับอย่างเดียว นางตกอยู่ในสถานการณ์จนตรอกมองเห็นความตายอยู่แค่เอื้อม จึงรวบรวมสติไว้แล้วคิดว่า ขึ้นชื่อว่าปัญญาที่ติดกับตัวมาตั้งแต่เกิดนั้น มิได้มีไว้เพื่อต้มแกงกิน แต่มีไว้เพื่อพิจารณาหาหนทางดำเนินชีวิตและแก้ปัญหาชีวิต เราควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาชีวิตรอด เมื่อคิดดังนี้แล้ว จึงกล่าวกับสามีโจรชั่วว่า:-
      “เอาละนายจ๋า วันท่านท่านถูกราชบุรุษเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจับกุมพาตระเวนประจานไปทั่วเมืองก่อนนำมาประหารที่ภูเขาทิ้งโจรนี้ ดิฉันได้อ้อนวอนบิดามารดาให้สละทรัพย์เป็นอันมากไถ่ชีวิตท่านแล้วนำมาแต่งงานกับดิฉัน และดิฉันก็มีความรักต่อท่านอย่างสุดหัวใจ วันนี้ท่านมีความประสงค์จะฆ่าดิฉันให้ได้ เพื่อต้องการเครื่องประดับ แต่ก็ไม่เป็นไร ก่อนที่ดิฉันจะตายขอให้ดิฉันได้แสดงความรักต่อท่านเป็นครั้งสุดท้ายสักหน่อยเถิด เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดท่าน ขอให้ท่านจงยืนตรงนั้นแล้วดิฉันจะขอสวมกอดท่านทั้ง ๔ ทิศหลังจากนั้นท่านก็จงประหารดิฉันเถิด”
    • โจรชั่วสิ้นชีพ
      โจรชั่วสัตตุกะเห็นกิริยาอาการและฟังคำพูดของนางดูเป็นปกติสมจริงจึงอนุญาตให้นางกระทำตามที่ขอแล้วไปยืนตรงที่นางบอกบนยอดเขา ขณะนั้น นางภัททาผู้เป็นภรรยาได้ทำการประทักษิณเดินเวียนขวารอบสามี ๓ รอบ แล้วไหว้ทั้ง ๔ ทิศ พร้อมกับกล่าวว่า “นายจ๋า นี่เป็นการเห็นท่านเป็นครั้งสุดท้าย นับต่อแต่นี้การที่ดิฉันจะได้เห็นท่าน และท่านจะได้เห็นดิฉันก็คงไม่มีอีกแล้ว” เมื่อกล่าวจบนางก็สวมกอดข้างหน้าแล้วก็เปลี่ยนมากอดข้างหลัง ขณะที่โจรชั่วเผลอตัวอยู่นั้น นางได้ผลักโจรตกลงไปในเหว ร่างของโจรชั่วแหลกเหลวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จบชีวิตอันชั่วร้ายของเขาที่เหวทิ้งโจรนั้น นางภัททา หลังจากผลักโจรชั่วผู้สามีตกลงไปในเหวแล้ว คิดว่า “ถ้าเรากลับบ้านไป บิดามารดาก็จะถามว่า สามีเจ้าหายไปไหน ถ้าเราบอกความจริงว่าเราฆ่าเขาตายแล้ว ก็จะพากันประณามติเตียนว่า นางเด็กดือ เจ้าอ้อนวอนพ่อแม่ให้เสียทรัพย์เพื่อไถ่ชีวิตโจรเอามาทำผัว แต่พอได้เขามาแล้วกลับฆ่าเขาตาย เจ้าทำอย่างนี้ได้อย่างไร แม้เราจะบอกว่าเขาต้องการฆ่าดิฉันเพื่อต้องการเครื่องประดับท่านทั้งสองก็จักไม่เชื่อเรา เมื่อเป็นเช่นนี้ เราไม่ควรกลับบ้าน ควรจะไปบวชในสำนักใดสำนักหนึ่งดีกว่า”

    ภายหลัง นางออกบวชบำเพ็ญสมณธรรมจนกระทั่งบรรลุเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กุมภาพันธ์ 2012
  4. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เกือบลืมบอกไป ขอเพิ่มเติมว่าการที่คุณจะทำใจให้เบานั้น ก็อย่าไปคิดถึงสิ่งที่ไม่สบายใจซิ เพราะยิ่งคิด คุณยิ่งตื้อ เพราะฉะนั้น อย่าเอาใจไปจดจ่อกับมัน มันผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ก็ปล่อยให้ผ่านไป

    เวลาคนที่จะคิดฆ่าตัวตายนะ เค้าก็คิดถึงหมกมุ่นแต่เรื่องที่ผิดหวังเสียใจ คิดๆๆๆๆ อยู่อย่างนั้น แบบย้ำคิดนะ สุดท้ายไม่มีทางออก แพ้ปัญหา นั่นก็คือการฆ่าตัวตาย

    ขอให้คิดว่า คนที่ทุกข์กว่าคุณในโลกนี้ยังมี เค้าก็ยังสามารถผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาไปได้ เคยได้ยินข่าวน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่จะไปเรียนที่สิงคโปร์มั้ยครับ เผอิญน้องเค้าหล่นลงไปในรางรถไฟ แล้วโดนรถไฟทับขาขาดสองข้าง แต่น้องเค้ากำลังใจเข้มแข็งมาก ยิ้มรับกับปัญหา สู้ชีวิตอย่างไม่สะทกสะท้าน เพราะฉะนั้น แม้ปัญหาของคุณอาจจะหนักในสายตาของคุณ แต่ถ้าเทียบกับน้องคนนั้น ก็ยังถือว่าเบากว่ามาก

    อย่าลืมนะครับ อย่าเอาใจไปจดจ่อกับความทุกข์ ยิ่งคิด ยิ่งช้ำ วางลงเสีย คิดเสียว่า มันผ่านมา สักวันมันก็ต้องผ่านไป.....
     
  5. ทุกข์ที่ใจ

    ทุกข์ที่ใจ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบคุณทุกท่านสำหรับความเมตตาในธรรม ฉันเองผ่านการเศร้าโศกอย่างหนักมาแล้ว กว่าจะตั้งสติได้ ส่วนนึงเพราะเข้ามาอ่านบทความธรรมะในเวบนี้ ความผิดหวังในรักช่างรุนแรงยิ่งนัก เสียใจเป็นทวีคูณมาทราบว่าแฟนมีผู้หญิงคนอื่นทั้งๆที่อยู่กินกับเรา ครอบครัวเขาจากที่บอกว่ารักเราเหมือนลูกสาว ก็กลายเป็นทิ้งขว้างและรู้มาตลอดเรื่องผู้หญิงอีกคน ฉันเพิ่งเข้าใจคำว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เปลี่ยนแปลงได้เสมอ อย่างที่ท่านแนะนำเสียใจกับอดีตไปก็เท่านั้น แก้ไขอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่ก้มหน้าทำงานใช้หนี้ไป หนี้ส่วนหนี้ยังไงก็ต้องใช้เขา ส่วนเรื่องใจคงต้องอาศัยเวลา อ่านเรื่องที่กล่าวถึงโจรและภัททาก็นึกสะท้อนถึงตัวเองคะ ตอนเจอกะเค้าก็เจอกันในที่อโคจร ทั้งๆที่ฉันเที่ยวนับครั้งไม่เกินสามครั้งในชีวิต เพิ่งเรียนจบเป็นนักเรียนทุนหลวง เกียรตินิยม ติดยศเป็นผู้หมวด ขณะที่เขาตกงาน และไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงกันเลย ไม่ว่าพื้นฐานการเลี้ยงดู การงาน การทำบุญ แต่ด้วยความรักก็ให้ทุกอย่างสร้างอนาคตร่วมกัน แต่โจรก็เป็นโจรวันยังค่ำ พอมีเงิน มีงาน ซึ่งมาจากเงินและเหงื่อของเราก็ทิ้งไป เหลือแต่หนี้สินไว้ให้เรา เข้าใจแล้วว่าคนเราพอมีเงินสามารถเปลี่ยนจิตใจคนได้จริงๆคะ ขอให้ผ่านวิบากกรรมนี้ได้โดยเร็ว สาธุ...
     
  6. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    ยังมีคนอีกหลายคนก็ยังอยู่กับคุณ เช่น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อ แม่ พี่น้อง หลาน ๆ และเพื่อนบ้านที่ดียังมีอยู่เยอะ
    เพียงเขาคนเดียวเท่านั้น คนเดียวเท่านั้น อย่างเดียวที่ขาดไป ก็คงไม่ตายหรอก
    เราโตแล้วจึงได้มาเจอกันหรอกครับ โปรดใช้สติที่มีอยู่นั้น
    ค่อย ๆคิดพิจรณาถึงความเป็นจริง ว่า เราโตมาเพราะใคร เขามาหาเลี้ยงเราหรือ
    ทำไมจะต้องแคร์มากมายขนาดนั้น ไร้สาระ ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา
    คิดดูให้ดี ๆ ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้ ไม่ตายหรอก สู้ ๆ ๆ ๆ อย่าอ่อนแอ

    ต้องตั้งสติเอาไว้
    ดีแล้วที่เข้าหาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    เข้าไปไหว้พระพุทธรูป แล้วแหงนมองพระพักตร์ของพระองค์นาน ๆ ที่สุดเท่าที่จะนานได้
    แล้วก็พิจารณาว่าเราเป็นชาวพุทธ ต้องเตือนตัวเองว่าต้องฉลาดเหมือนพระพุทธองค์
    แม้ไม่ฉลาด 100 % ก็ให้ได้ 1-2-3-4-5-10 % ก็ยังดี
    อย่าทำให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ลดค่าลงเพราะเราเลย
    อย่าให้พระองค์ทรงสอนเราแล้วเหนื่อยเปล่าเลย
    ต้องมีสติ เริ่มเป็นคนฉลาดเหมือนพระพุทธองค์ และพระสงฆ์ที่พร่ำสอนมาตลอดนั้น นะครับ

    ยกเว้นพระนิพพาน
    ทุกอย่างเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กุมภาพันธ์ 2012
  7. songshake

    songshake Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +70
    ทุกข์แปลว่า สิ่งที่ทนได้ยาก การพลัดพรากจากสิ่งที่ตัวเองรักก็เป็นทุกข์ เป็นสิ่งที่คนเราต้องเจอกันทุกๆคน อย่าคิดว่า ทำไมต้องเป็นเรา คนอื่นเขา ก็เจอเหมือนกับเรานั้นแหละ ขอให้ผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยดีนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...