ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีสร้างอุโบสถ ณ. วัดกลางศรีเชียงใหม่ จ.สกลนคร

ในห้อง 'กฐิน - ผ้าป่า - งานวัด' ตั้งกระทู้โดย sirakarn001, 11 กันยายน 2011.

  1. sirakarn001

    sirakarn001 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +74
    ขอเชิญร่วมบุญมหากุศลเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีสมทบทุนสร้างอุโบสถ 4 อารายธรรม รูปแบบ
    " สิมอีสาน" เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและเป็นพัทธสีมา ณ. วัดกลางศรีเชียงใหม่
    บ้านท่าวัดใต้ 9 ต.เหล่าปอแดง อ.เมือง จ.สกลนคร

    ประวัติความเป็นมาของวัดกลางศรีเชียงใหม่ ( อ้างอิงจากเอกสารด้านล่าง )

    หลักฐานจากศิลาจารึก ที่พบบริเวณวัดกลางศรีเชียงใหม่ สันนิษฐานว่าที่ตรงบริเวณนี้เป็นเมืองเก่าของพวกขอม และมีการสืบต่อมาจนถึงสมัยทวาราวดี ซึ่งมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ที่ยังเหลือซากปรักหักพังของอุโบสถเป็นโบราณสถานขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากรแล้ว วัดกลางศรีเชียงใหม่ ตามบันทึกซึ่งได้จากศิลาจารึกการสร้างวัดกลางศรีเชียงใหม่ อ่านโดยหอสมุดแห่งชาติท่าวาสุกรี ก่อสร้างวัด ในปีศักราช 998 ปีระวาย เดือน 4 ชึ้น 2 ค่ำ ฤกษ์ 23 ลู ( พ.ศ 2175 เดือน มีนาคม ชึ้น 2 ค่ำ ฤกษ์ลัคณา ) ซึ่งพระมหาธรรมิกราชาธิราชเจ้าตนชื่อว่าพระมหาพรหมเทโวโพธิสัตโต

    ตั้งวัดขึ้นในอาณาจักรวัดกลางศรีเชียงใหม่ หนองหารคามเขต บอกหลักเขตของวัด อุทิศผลบุญในการสร้างวัดให้แด่สมเด็จพระโพธิสารราชเจ้า เจ้าเมืองเชียงใหม่ หลักฐานที่ปรากฎ คือ เสมาหินสมัยทวาราวดีและศิลาจารึก ตลอดจนโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบ เช่น หม้อ ไห ถ้วย บาตร ดินเผา พระพุทธรูป ที่มีอายุ ราวพุทธศตวรรษ 16-18 ถือเป็นสิ่งมีค่าแห่งมรดกของชาติ เป็นหลัดฐานการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์สืบต่อไป

    ลำดับเจ้าอาวาส

    1. พระมหาธรรมิกราชา ( พรหมณ์เทโวโพธิสัตว์) เริ่มจากสถาปนาวัด ปี พ.ศ 2175
    2. หลวงพ่อสีใคร (ไม่ทราบฉายา และ ปี พ.ศ. ดำรงตำแหน่ง )
    3. พระอาจารย์ถาวร (ไม่ทราบฉายา และ ปี พ.ศ. ดำรงตำแหน่ง )
    4. พระอาจารย์ณรงศักดิ์ (ไม่ทราบฉายา และ ปี พ.ศ. ดำรงตำแหน่ง )
    5. หลวงพ่อติก ขันติโก (ดำรงตำแหน่ง ปี พ.ศ 2505 - ไม่ทราบ )
    6. หลวงพ่อมาย อายุวัฒโก (ดำรงตำแหน่ง ปี พ.ศ 2518- พ.ศ 2523 )
    7. พระครูวัชรธรรมสถิต ( เพชรบูรณ์ อธิปุญโญ ) ดำรงตำแหน่ง ปี พ.ศ 2526 - พ.ศ 2548
    8. พระอธิการไกรทอง พุทธญาโณ (ครูบา ไกรทอง ดำรงตำแหน่ง ปี พ.ศ 2548 - ปัจจุบัน )

    สถานที่ก่อสร้าง

    วัดกลางศรีเชียงใหม่ บ.ท่าวัดใต้ ต. เหล่าปอแดง อ.เมือง จ. สกลนคร ( ทัศนียภาพ ริมหนองหาร ด้านทิศตะวันออก )

    รูปแบบและสัดส่วนอุโบสถ

    ๑. รูปแบบประยุกต์ 4 อารยธรรม ขอม , ทวาราวดี , ล้านช้าง , อีสาน
    ๒. ฐานอุโบสถ กว้าง 13 เมตร ยาว 27 เมตร
    ๓. ความสูงจากฐานถึงยอด ประมาณ 37 เมตร

    จุดมุ่งหมายและประโยชย์ของการก่อสร้าง

    เพื่อใช้ประกอบสังฆกรรมของคณะสงฆ์และดำเนินกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาของพุทธบริษัทสาธุชนทั่วไป

    เพื่อทดแทนพัทธสีมาเดิม ( พัทธสีมาเดิมสภาพเป็นเนินดิน มีเสมาหินสมัยทวาราวดี แสดงเป็นเขตพุทธาวาส โบราณสถานและโบราณวัตถุอายุราวพุทธศตวรรษ 16-18 ปัจจุบันขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแผ่นดินโดยกรมศิลปากร )

    ระยะเวลาของการก่อสร้าง

    กำหนดการดำเนินงานก่อสร้างประมาณการ 10 ปี โดยเปิดรับบริจาคตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


    งบประมาณการก่อสร้าง

    ประมาณ 10 ล้านบาท

    การรับบริจาค

    ๑. บริจาคเป็นจตุปัจจัยตามที่รับเป็นเจ้าภาพ
    ๒. บริจาคตามกำลังศรัทธา
    ๓. บริจาคเป็น วัสดุ อุปกรณ์ก่อสร้าง

    รายการสำหรับการจองเพื่อเป็นเจ้าภาพ

    ๑. งานโครงสร้างฐานรากเสาเข็มคานดินคานรับปากพาน งบประมาณ 700,000 บาท ( เชิญร่วมสมทบตามกำลังศรัทธาตั้งแต่บัดนี้ )
    ๒. งานก่อเอวฐาน ( เอวขันรอบตัวโบสถ์ ) งบประมาณ 7,000,000 บาท ความยาว 100 เมตรๆละ 7,000 บาท ( เชิญร่วมสมทบตามกำลังศรัทธาตั้งแต่บัดนี้ )
    ๓. เสา 42 ต้นๆ ละ 30,000 บาท ( ประดับตกแต่งเรียบร้อย ) รวมงบประมาณ 1,260,000 บาท
    ๔. ผนังอุโบสถ หิน ทรายล้าง ( ก่อฉาบ 2 ด้าน นอก ใน ) 800 ตร.ม ๆ 500 บาท
    ๕. เทคานรับฝ้าเพดานพร้อมคาน ( 42 ตร.มๆ 3,000 บาท รวมงบประมาณ 1,500,000 บาท )
    ๖. โครงสร้างโครงหลังคาเป็นคาน ค.ส.ส ของอุโบสถทั้งหมด 1,000,000 บาท
    ๗. เหล็กตัว C 43.2 ระแนง 1x1 พร้อมติดตั้งเสร็จ 800,000 บาท
    ๘. กระเบื้องมุงหลังคา แบบสุโขทัย 33,333 แผ่นๆ ละ 15 บาท ตร.ม ละ 150 บาท
    ๙. ช่อฟ้าใบระกา พร้อมหน้าบันซุ้มข้างบน 4 ซุ้ม
    - ยอดกลาง 150,000 บาท
    - ยอดซ้าย 100,000 บาท
    - ยอดขวา 100,000 บาท
    ๑o. ช่อฟ้าช่อแรกนับจากตะวันตก
    - ช่อที่ ๑ 100,000 บาท จำนวน 5 ท่านๆ ละ 20,000 บาท
    - ช่อที่ ๒ 100,000 บาท จำนวน 5 ท่านๆ ละ 20,000 บาท
    - ช่อที่ ๓ 150,000 บาท จำนวน 8 ท่านๆ ละ 20,000 บาท
    ๑๑. ช่อฟ้าที่นับจากตะวันตก
    - ช่อที่ ๑ 100,000 บาท จำนวน 5 ท่านๆ ละ 20,000 บาท
    - ช่อที่ ๒ 100,000 บาท จำนวน 5 ท่านๆ ละ 20,000 บาท
    - ช่อที่ ๓ 150,000 บาท จำนวน 8 ท่านๆ ละ 20,000 บาท
    ๑๒. ช่อฟ้าซุ้มบนหลังคา 4 ซุ้ม ซ้าย 2 ช่อ และ ขวา 2 ช่อ
    - ช่อละ 50,000 X 4 = 200,000 บาท
    ๑๓. ใบระกา 24 ชุดๆ ละ 2,500 บาท จำนวน 24 ท่าน รวม 60,000 บาท
    ๑๔. สาหร่ายด้านข้าง 11 ตัวๆ ละ ด้านหน้าอุโบสถมี 28 ชุดๆละ 70,000 บาท
    ๑๕. คันทวย(แขนนาง) 28 ชุดๆละ 2500 บาท จำนวน 28 ท่าน = 70,000 บาท
    ๑๖. ซุ้มประตูใหญ่ 2 ซุ้มๆ ละ 50,000 บาท จำนวน 2 ท่าน = 100,000 บาท
    ๑๗. ซุ้มหน้าต่าง 10 1 ซุ้ม ราคา 25,000 บาท จำนวน 10 ซุ้ม รวม 250,000 บาท
    ๑๘. บานหน้าต่าง มี 20 แผ่น บูชาแผ่นละ 3,000 บาท จำนวน 20 แผ่น รวม 60,000 บาท
    ๑๙. บานประตู 4 แผ่น บูชาแผ่นละ 15,000 X 4 แผ่น = 60,000 บาท
    ๒o. งานพื้น 455 ต.ร.ม
    ๒๑. แท่นพระประธาน 1 แท่น 30,000 บาท
    ๒๒. นาคหัวบันได 4 ตัวๆ ละ 10,000 บาท จำนวน 4 ท่าน รวม 40,000 บาท
    ๒๓. บันได 2 ข้างๆ ละ 10,000 บาท จำนวน 2 ท่าน รวม 20,000 บาท
    ๒๔. อิฐก่อเอวขัน และข้างโบสถ์ 100,000 ก้อน บูชาก้อนละ 1 บาท รวม 100,000 บาท

    ติดต่อสอบถามบริจาคได้ที่

    พระอธิการไกรทอง พุทธญาโณ
    เจ้าอาวาสวัดกลางศรีเชียงใหม่ บ้านท่าวัดใต้ 9 ต.เหล่าปอแดง อ.เมือง จ.สกลนคร 47000
    โทร. 089-9448181, 085-1451977
    Email address :
    khaitong18@gmail.com

    ธนาคาร กรุงไทย สาขา สกลนคร
    ประเภท ออมทรัพย์
    ชื่อบัญชี : พระไกรทอง คำชมภู ( Pra Khaitong Chamchomphu )
    เลขที่บัญชี : 412-0178609
    swift code : KRTHTHBK


    หรือ ติดต่อ คุณ สุจินต์ สุเมธี ( ฝ่ายประสานงาน ) tel : 081-5460979,
    email address : sumatee123@gmail.com

    คุณ สิรกานต์ ศรีราษฎร์ ( ฝ่ายอุปถัมภ์ ทำ web on_line บอกบุญถวายวัด )
    Tel. 084-3602298 , email address : ssriras2@gmail.com

    หมายเหตุ :
    ๑. ไม่มีมหรสพในงาน ไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น นำเงินเข้าวัดหมดคะ
    ๒. ผู้บริจาค หากต้องการใบอนุโมทนาบัตร กรุณาติดต่อแจ้งเจ้าอาวาส พระอธิการไกรทอง พุทธญาโณ
    โทร. 089-9448181, 085-1451977 หรือ ผู้ประสานงาน คุณ สุจินต์ สุเมธี Tel. 081-5460979

    กำหนดการทอดกฐิน :

    วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2554
    - 09:00 น. บวชชีพราห์ม

    วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2554
    - 09:00 น. ตั้งองค์กฐิน
    - 19:00 น. สวดพระพุทธมนต์

    วันอาทิตย์ 6 พฤศจิกายน 2554
    - 09:00 น. ถวายองค์กฐิน
    - 11:00 น. ถวายเพลพระ และ รับประทานอาหารร่วมกัน


    [​IMG]


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD background=img/dot01.gif rowSpan=3 width=1></TD><TD height=1 background=img/dot02.gif></TD><TD background=img/dot01.gif rowSpan=3 width=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=15 width="100%"><TBODY><TR><TD class=FontHead2 vAlign=top>[​IMG]



    อานิสงส์การสร้างวิหารทาน



    --------------------------------------------------------------------------------​



    พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่าเมื่อจิตใจตั้งใจทำบุญเสร็จ ทำบุญแน่นอนแล้ว สมเด็จพระประทีปแก้วทรงยืนยันว่าวิมานคอยอยู่แล้ว คือเจ้าของยังไม่ตายแต่วิมานปรากฏอยู่ก่อน เรื่องราวมีอยู่ว่า

    ในสมัยที่องค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ เวลานั้นปรากฏว่า มีมาณพท่านหนึ่งคือ นันทิยมาณพ เป็นคนเคารพในพระพุทธศาสนาปกครองทรัพย์สินมากมาย คือเป็นเศรษฐี มีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระมหามุนี สร้างศาลา ๔ หน้า ถวายพระพุทธเจ้าคือถวายเป็นของสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
    หลังจากนั้นเวลาตอนกลางคืน อัครสาวกขององค์สมเด็จพระพิชิตมาร คือพระโมคคัลลาน์ พระองค์นี้มีความสำคัญมาก เรียกว่าวันนี้ทั้งหมดบรรดาพุทธบริษัท พูดเรื่องจริงทั้งหมดนะ ไม่มีนิทาน แล้วก็ไม่มีนิมิต
    นิทานก็ดี นิมิตก็ดี ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทอย่าถือว่าจริงเกินไป เอาเหตุเอาผลเป็นสำคัญ แต่ว่าในเรื่องนั้นๆ ให้ถือว่าธรรมะเป็นเรื่องสำคัญ ธรรมะน่ะจริงแน่​





    พระโมคคัลลาน์ท่องสวรรค์

    มาตอนนี้ปรากฏว่าพระโมคคัลลาน์ พระโมคคัลลาน์นี่ท่านเป็นพระพิเศษ แต่พระที่ท่องเที่ยวในสวรรค์ ในพรหมโลก ในนรก แดนเปรต แดนอสุรกาย มีเยอะ ไม่ใช่มีพระโมคคัลลาน์องค์เดียว
    แต่ว่าแต่ละท่าน ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างรู้ ไปเห็นแล้วรู้แล้ว เข้าใจแล้ว ก็มาแนะนำบรรดาท่านพุทธบริษัทด้วยความจริงใจว่า คนนั้นตายไปเกิดที่นั่น คนนี้ตายไปเกิดที่นี่ ใครเป็นญาติกานาติเกกันบ้าง เขาสั่งมาว่าอย่างไร ก็แนะนำตามนั้น เวลานั้นพระพุทธเจ้าทรงยืนยัน แต่พระโมคคัลลาน์นั้นไปแล้วไม่อยู่เปล่า ไปหามาทั่วพบทั่วแล้วก็กลับมาถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เหตุที่พบมานั้นเป็นจริงหรือไม่ องค์สมเด็จพระจอมไตรก็ทรงยืนยันรับรอง
    ทีนี้มาวันนั้น คืนวันนั้น ที่นันทิยมาณพท่านถวายศาลา ๔ หน้าเสร็จ กลางคืนพระโมคคัลลาน์ก็เจริญกรรมฐานปกติของพระอรหันต์
    พระอรหันต์นี่เวลาเจริญกรรมฐาน บรรดาท่านพุทธบริษัท จะไปดูเวลานั่งขัดสมาธินี่มันไม่ได้ ท่านไม่ถือการขัดสมาธิเป็นเรื่องสำคัญ นั่งขัดสมาธิมือซ้อนกันนี่นะ เพราะว่าเป็นพระที่จบแล้ว ท่านใช้อารมณ์ได้ทุกขณะ ขณะคุยกันนี่ท่านก็ใช้ได้
    อย่าลืมว่าอรหันต์ใช้ฌานสมาบัติ ความเป็นทิพย์ไม่จำกัดเวลาจะพูด จะคุย จะทำงานทำการ อยากจะรู้เมื่อไรก็รู้ได้ เห็นอะไรปุ๊บปั๊บมีความรู้สึก แต่ว่าพระอรหันต์เป็นพระเก็บ ไม่แสดงออก ไม่ชูงวง อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เธอทั้งหลาย จงอย่าชูงวง"
    นั่นหมายความว่า แสดงตนโอ้อวดว่าฉันเป็นพระอรหันต์บ้าง ฉันมีความรู้อย่างนั้นอย่างนี้บ้าง ฉันเป็นเปรียญชั้นนั้นชั้นนี้ ฉันเป็นพระครู ฉันเป็นเจ้าคุณ อะไรพวกนี้
    จริงๆ แล้วพระสมัยนี้ท่านก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีใครเขาชูงวงกัน แต่พวกชูงวงคงจะมีอยู่บ้าง เป็นของธรรมดาๆ สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าห้าม สิ่งนั้นก็ย่อมจะมี
    ท่านบอกว่า "เธอทั้งหลาย จงอย่าชูงวง"
    คือประกาศตนว่าฉันเป็นขั้นนั้น ฉันเป็นขั้นนี้ เพื่อความเลื่อมใสของบุคคล
    อีกประการหนึ่ง ท่านบอกว่า
    "จงทำตนเหมือนโมคคัลลาน์ โมคคัลลาน์ทำตนเหมือนแมลงภู่ เข้าไปเชยน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้ ได้กินน้ำหวานแล้วดอกไม้เขาไม่ช้ำฉันใด บรรดาพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายในพระพุทธศาสนา จงอย่าทำให้บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทชอกช้ำในความเป็นอยู่หรือจิตใจ"
    ก็รวมความว่า วันนั้นพระโมคคัลลาน์ขึ้นไปบนสวรรค์ก็ไปเจอวิมานที่ไปพบมาแล้วทุกๆวัน แต่ปรากฏว่า พอเลี้ยวเข้ามามุมหนึ่งของสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก ก็มีความแปลกใจว่าเห็นวิมานใหม่มันเกิดขึ้น วิมานนี้เป็นวิมาน ๔ มุข มียอดใหญ่ตระการตาสวยสดงดงามมาก แพรวพราวเป็นระยับ
    วิมานคอยอยู่แล้ว
    ท่านจึงหันไปถามเทพบุตรที่อยู่ใกล้ๆถามว่า "วิมานนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร...?"
    เทพบุตรองค์นั้นท่านก็ตอบว่า "วิมานนี้เป็นวิมานของ นันทิยมาณพ เมื่อกลางวันวานที่แล้วมาปรากฏว่านันทิยมาณพเขาถวายวิหารศาลา ๔ มุขในพระพุทธศาสนา มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน พอถวายเสร็จวิมานก็ปรากฏก่อน"
    อัครสาวกขององค์สมเด็จรพระชินวรถามว่า "เป็นอย่างนี้ทุกรายรึ...?"
    เทพบุตรองค์นั้นก็บอกว่า "เป็นอย่างนี้ทุกราย คนที่ทำบุญเสร็จมีวิมานทันทีทันใด"
    พอพูดมาถึงตอนนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็นึกถึงว่าคนที่ถวายสังฆทาน ความจริงถวายสังฆทานก็พร้อมด้วยวิหารทาน คือปัจจัยที่นำมาถวายก็เป็นสังฆทานด้วย เป็นวิหารทานด้วย จึงมีวิมานปรากฏก่อนทุกคน
    อัครสาวกขององค์สมเด้จพระชินวรก็มองดูไปที่วิมาน เห็นนางฟ้าเต็มไปหมด เป็นพันคน เวลานั้นบรรดานางฟ้าทั้งหลายก็ลงมาจากวิมาน มากราบอัครสาวกขององค์สมเด็จพระทศพลแล้วเธอทั้งหลายก็กล่าวว่า
    "ภันเต พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระเจ้าข้า พวกฉันเป็นนางฟ้ามาอยู่ที่วิมานนี้หวังจะบำรุงบำเรอเทพบุตร คือนันทิยมาณพให้ความสุข แต่เมื่อมาถึงแล้วก็ปรากฏว่าอยู่เปล่า ว่างๆใจเหวงหวาง เพราะไม่มีเทพบุตรที่จะบำรุงบำเรอ
    ฉะนั้น พระคุณเจ้ากลับลงไปเมืองมนุษย์ ได้โปรดบอกนันทิยมาณพด้วยว่า เวลานี้วิมานใหญ่โตสวยงามที่สุดปรากฏขึ้นแล้วในดาวดึงสเทวโลก เป็นที่อยู่ของท่าน และมีนางฟ้านับพันคอยบำรุงบำเรออยู่ ขอให้นันทิยมาณพละอัตภาพจากความเป็นคน คือรีบตายแล้วมาเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ดีกว่า"
    เธอเปรียบเทียบว่า "อยู่เมืองมนุษย์ก็เหมือนกับใช้ถาดดินเหนียว มาอยู่บนสวรรค์ก็เหมือนใช้ถาดทองคำ"
    พอเวลาเสร็จภาระกิจ พระโมคคัลลาน์ก็กลับ
    ตอนเช้า เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเทศน์จบ พระโมคคัลลาน์ก็ฟังด้วย ความจริงพระอรหันต์ก็ฟังเทศน์ อย่านึกว่าเป็นอรหันต์แล้วไม่ฟังนะ ทุกองค์ยังมีความเคารพในพระพุทธเจ้า มีความเคารพในพระธรรม และพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงเทศน์อาจจะมีแปลกๆ นิดๆ หน่อยๆ เป็นความรู้ใหม่ เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรทรงเทศน์จบ
    พระโมคคัลลาน์ก็ทูลถามว่า
    "คนที่ทำบุญแลวแต่ยังไม่ตาย ปรากฏว่าวิมานเกิดคอยแล้ว ความจริงเป็นประการใด พระพุทธเจ้าข้า"
    ที่พระโมคคัลลาน์ถามอย่างนี้ บรรดาท่านพระพุทธบริษัทไม่ใช่พระโมคคัลลาน์อวดดีพระโมคคัลลาน์อวดเด่น พระโมคคัลลาน์จะอวดใคร เป็นความดีที่พระโมคคัลลาน์ทำอย่างนั้นเพื่อเป็นการตัดอารมณ์ของตัวว่า การเห็นแบบนั้นเป็นอุปทานหรือเปล่า คำว่า อุปทาน เป็นการนึกขึ้นเอง
    แต่ก็ไม่แน่นัก คำว่าอุปทานอาตมาก็เคยเกิด เคยพบวันหนึ่งมีอารมณ์มัวไปนิดหนึ่ง ก็ปรากฏว่าอยากจะเฝ้าพระพุทธเจ้าขึ้นไปเห็นพระพุทธเจ้าสวยงามมาก เปล่งปลั่ง รัศมีปกติเหมือนทุกอย่าง กราบท่านแล้วก็ถามปัญหาบางอย่าง ปรากฏว่าคำตอบผิด อาตมาถามถึงเหตุที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า ระยะสั้นๆ
    คือถาม ๑ ชั่วโมง ต้องการผลใน ๑ ชั่วโมง ผลที่เกิดมาผิด ก็แปลกใจว่า ทุกครั้งที่เราฟังมาไม่เคยผิด
    วันต่อมาจึงเข้าไปเฝ้าองค์สมเด็จพระธรรมสามิสร ทำใหม่คราวนี้ทำใจให้สะอาดจริงๆ ไม่หุนหันพลันแล่น ไม่นึกถึงเรื่องราวที่คิดไว้ก่อน ก็พบองค์สมเด็จพระชินวร ถามท่าน
    ท่านก็บอกว่า "ดูซ้ายมือซิ"
    พอดูซ้ายมือ เห็นเป็นรูปพระพุทธเจ้า แต่มีเขี้ยว
    ท่านบอกว่า "มารเข้าขวางทางของเธอก่อนที่เธอจะมาเธอจงอย่าคิดอะไรก่อน จงทำเหมือนทุกครั้งที่แล้วมา เมื่อวานนี้เธอคิดอะไรเสียก่อนแล้วขึ้นมา อารมณ์นั้นยังค้างอยู่ เขาเรียกอุปทาน"
    เป็นอันว่าพระโมคคัลลาน์ท่านตัดอุปทานอย่างนี้
    เพื่อความมั่นใจ เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรทรงสดับแล้วองค์สมเด็จพระประทีปแก้วตรัสว่า "โมคคัลลาน์ เมื่อคืนนี้เธอไปเห็นมาเองแล้วใช่ไหม พระโมคคัลลาน์ก็มีความมั่นใจ
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท การทำบุญนั้น วิมานเขาคอยอยู่แล้ว ทุกคนให้มั่นใจในความดีของตน
    นิมิต
    อย่างมีครั้งหนึ่งตามที่กล่าวมาว่า ครั้งหนึ่งที่อาตมานิมิตคือไม่ใช่นิมิตหรอก จิตมันวูบวาบไป มันตายน่ะ
    พูดง่ายๆถ้าใครเขาเห็นเวลานั้นก็เป็นความตาย แต่มันใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงนัก จากเวลา ๓ ทุ่มเศษๆ ไปถึงตี ๒ กลับมา ตอนนั้นที่บอกว่าไปนั่งอยู่หน้ากำแพงด้านหนึ่งตามที่ผ่านมาแล้ว แล้วก็มองเข้าไปข้างใน ใสสะอาดสวยงามมาก แพรวพราวเป็นระยับ สว่างมาก
    แล้วท่านบอกว่า "มีวิมาน ๗ แสนหลังคอยพวกเธออยู่ภายใน เธอมีสิทธิ์ แต่ยังเข้าไม่ได้ คอยก่อน"
    อันนี้ก็เป็นนิมิตอันหนึ่ง ที่จะจริงก็ได้บรรดาท่านพุทธบริษัทตอนนี้เป็นนิมิตนะ ขอบรรดาท่านผู้รู้ใช้กำลังของท่านพิจารณาดูก็แล้วกัน
    แล้วต่อมาอีกวันหนึ่ง เข้าไปทบทวนใหม่ ถามว่า "วิมานชุดนั้นตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่...?"
    วันนั้นเข้าได้ เข้าแล้วอยู่ไม่ได้ วันที่ผ่านมาแล้วที่พูดเข้าไปจะอยู่เลย คือไปแล้วจะอยู่เลย ไม่กลับ ท่านเลยห้ามเขตแต่วันต่อมา ไม่เอาล่ะ จะไปแค่ดูเฉยๆ ท่านก็เลยบอกว่า
    "จากจุดนี้ที่เธอนั่ง หันหน้าไปทางด้านทิศเหนือ แล้วอยู่ทางซ้ายมือ วิมาน ๗ แสนวิมาน ตั้งเรียงรายเป็นระยับ"
    ก็มีคนถามว่า คล้ายบ้านจัดสรรใช่ไหม ก็บอกว่าใช่แต่บริเวณเขาไกลกว่ากันมาก เขากว้างมาก สวยสดงดงามเป็นระยับ
    ก็เดินเข้าไปดู ก็เกิดความเพลิดเพลินว่า วิมานนี้เป็นวิมานเฉาจริงๆไม่มีเจ้าของ ถ้าเป็นเมืองมนุษย์เราจะขายเลหลัง จะเลหลังคงจะได้หลายสตางค์ แต่ว่านี่เป็นนิพพาน ขายไม่ได้
    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เวลาเหลืออีกประมาณ ๑ นาทีเศษๆ ก็ขอบรรดาสาวกองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ เอาธรรมเป็นเครื่องประจำใจไปใช้ปฏิบัติสักนิดหนึ่งว่า ความดีเบื้องต้นของคนก็คือศีล ๕ ทุกคนจงระมัดระวัง
    ศีล ๕ คือ
    ๑. ไม่ฆ่าสัตว์
    ๒. ไม่ลักทรัพย์
    ๓. ไม่ประพฤติผิดในกาม
    ๔. ไม่พูดมุสาวาท
    ๕. ไม่ดื่มสุราและเมรัย
    ทั้ง ๕ ประการนี้ ถ้าทำได้บรรดาพุทธบริษัท จะเป็นมหาเสน่ห์อย่างมาก เพราะการไม่ฆ่าสัตว์ เป็นคนที่มีใจไม่โหดร้าย อย่างนี้มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส มีเมตตาปรานี ไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก เป็นเสน่ห์
    การไม่ลักไม่ขโมยเขา ทุกคนก็ไว้วางใจ มีเพื่อนมากมีคนต้องการคบหาสมาคม จะไปพักที่ไหน จะไปนอนที่ไหนก็ได้ ข้าวปลาอาหารไม่อด เพราะเขารัก นี่ก็เป็นเหตุความสุขใจ
    การไม่ละเมิดสามีภรรยาของบุคคลอื่น อันนี้เป็นเครื่องสบายใจอย่างหนึ่ง เป็นที่ไว้วางใจของคน ไม่ทำลายความรักกันก็เป็นเสน่ห์ให้เกิดความรัก
    การพูดตรงไปตรงมาเป็นสัจธรรม อันนี้มีความสำคัญมาก บรรดาท่านพุทธบริษัท รักษาให้ดี เป็นเสน่ห์มหาศาล
    ต่อมาข้อสุดท้าย ที่พวกเราไม่ดื่มสุราบานไม่ทำสติสัมปชัญญะให้เสื่อม จะเป็นของดีมาก
    ทุกอย่าง ๕ ประการนี้ ทำได้มีแต่ความสุข ไม่มีความทุกข์ ความทุกข์ใดๆที่มีอยู่แล้วในโลกที่ปรากฏมาก่อน ตามศีล ๕ ที่องค์สมเด็จพระชินวรตรัสไว้แล้วนั้น บรรดาท่านทั้งหลายเขาถือว่าเป็น สีลานุสสติกรรมฐาน เป็นกรรมฐานบทสำคัญทำให้ท่านทั้งหลายมีความสุขทั้งชาตินี้และชาติหน้า
    เวลาหมดแล้วบรรดาท่านพุทธบริษัท ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูลผล จงมีแก่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้อ่านทุกท่าน
    จากหนังสือ ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๙ หน้าที่ ๒๑-๓๐ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร)​






    อานิสงฆ์การสร้างโบสถ์



    การสร้างวัด ต้องอาศัยกำลังทรัพย์และกำลังคนมหาศาล เพราะต้องสร้างวัดให้เพียบพร้อมด้วยสถานที่ร่มรื่น มีอาคารโรงเรือนมากมาย โดยเฉพาะมีโรงอุโบสถ หรือโบสถ์ สถานที่ที่จะต้องใช้เพื่อการทำสังฆกรรมสำคัญๆหลายอย่าง อาทิ การให้การอุปสมบทแก่กุลบุตร การสวดทำอัพภานกรรม การสวดญัตติทุติยกรรมวาจา การสวดญัตติจตุตถกรรมวาจา ฯลฯ ของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา

    เนื่องจากโบสถ์ที่สร้างขึ้นทุกวันนี้ คณะสงฆ์สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้หลายอย่างคือ เป็นอาคารอเนกประสงค์ รวมทั้งใช้เป็นที่ประชุมที่แสดงธรรม ที่ฝึกอบรมสมาธิภาวนาที่สวดมนต์ ทำวัตรเช้าค่ำ และที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับต้อนรับพระอาคันตุกะ เป็นต้น เพราะฉะนั้น ผู้ที่สร้างโบสถ์ถวายพระสงฆ์จึงได้บุญกุศลมากมาย ทั้งชาตินี้และชาติหน้า กล่าวคือ
    ชาตินี้ ผู้มีศีลเป็นพื้นฐานที่ถวายโรงอุโบสถ ย่อมได้ความปลื้มปีติสุขอย่างสูง เมื่อได้ทราบว่าพระสงฆ์ได้ใช้โรงอุโบสถที่ตนสร้างถวายอย่างคุ้มค่า เกียรติคุณของผู้ถวายย่อมฟุ้งขจรไกล ผู้ถวายย่อมได้ สดับพระธรรมเทศนา เพิ่มพูน ศีล สมาธิ ปัญญา ทำให้จิตใจสะอาด สว่างสงบสุขได้มากขึ้น แม้จะสิ้นชีพก็ไม่หลงทำกาลกิริยา(ตาย) ย่อมมีอารมณ์ยึดมั่นในกุศลเป็นอาสันนกรรมสที่ดี ชาติหน้า ถ้าผู้ถวายโรงอุโบสถ ยังมีกิเลสอยู่ถึงแก่กรรมลง เขาย่อมได้ไปเกิดในกำเนิดที่ดีมีความสะดวกสบายที่เรียกว่าสุคติโลกสวรรค์ อันเพียบพร้อมด้วยสิ่งที่ประเสริฐ ที่พึงพอใจ อันเป็นฝ่ายโลกิยสมบัติและจะได้บรรลุคุณธรรมต่างๆ อาทิ ฌาน อภิญญา อริยมรรค อริยผล และกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานเป็นที่สุด ​






    รายละเอียดเพิ่มเติม : การผูกพันธสีมา และฝังลูกนิมิต



    เมื่อมีตัวอาคาร หรือโรงอุโบสถอันมีขนาดใหญ่พอสมควร มีเสนาสนะอื่นๆ ที่พระสงฆ์ใช้พักอาศัยอำนวยความสะดวกและใช้ประกอบศาสนกิจ ซึ่งปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของสงฆ์ และได้รับอนุญาตจากทางราชการบ้านเมืองแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายพระสงฆ์ที่จะต้องมีพิธีผูกพัทธสีมา อันรวมถึงการเตรียมลูกนิมิตไว้พร้อมสรรพซึ่งชาวบ้านมัก เรียกว่า งานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต ทั้งนี้ จำเป็นต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามพระวินัยพุทธบัญญัติก่อน พระสงฆ์จึงกระทำสังฆกรรมที่กำหนดไว้ในพระวินัยได้​





    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0001.jpg
      IMG_0001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.9 MB
      เปิดดู:
      263
    • IMG_0002.jpg
      IMG_0002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      204
    • IMG_0003.jpg
      IMG_0003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      195
    • IMG_0004.jpg
      IMG_0004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.9 MB
      เปิดดู:
      155
    • IMG_0005.jpg
      IMG_0005.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      131
    • IMG_0006.jpg
      IMG_0006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      158
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2011
  2. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    [​IMG]
    [​IMG]
    ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    กับทุกท่านที่ได้ร่วมกันทำบุญทอดกฐิน
    สร้างพระอุโบสถและสร้างบุญกุศลทุกอย่างด้วยครับ
    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2011
  3. sirakarn001

    sirakarn001 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +74
    มีข้อมูลเพิ่มเติมของวัดนะคะ เกรงว่าจะอ่าน file ที่แนบให้ดูไม่ชัด เพราะตัวเล็กมาก เลยนำมาพิมพ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นคะ ลองอ่านรายละเอียดอีกครั้งนะคะ ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาด้วยคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...