ขอสอบถามเรื่องมโนมยิทธิกับการจินตนาการไปเองของจิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปลายสุทธาวาส, 11 ตุลาคม 2007.

  1. ปลายสุทธาวาส

    ปลายสุทธาวาส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +128
    สวัสดีครับ ผมเพิ่งสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ ผมมีข้อสงสัยในเรื่องการฝึกมโนมยิทธิแบบครึ่งกำลังครับ คือว่า ผมเริ่มฝึกมาตั้งแต่ปี 47 กับพระอาจารย์รูปหนึ่งที่ท่านปฏิบัติกรรมฐานตามแบบหลวงพ่อพระราชพรมยาน ตอนฝึกครั้งแรกนั้นผมก็ได้ภาวนาตามที่ท่านบอก คือ ภาวนา นะมะพะธะ และให้นึกภาพสมเด็จองค์ปฐมให้ออกหรืออาจเป็นครูบาอาจารย์ท่านใดก็ได้ที่เรานับถือ ผมก็รู้สึกว่าจิตจับภาพองค์พระได้ แต่ไม่สามารถไปไหนตามที่ครูฝึกบอกได้ หลังจากนั้นผมก็ฝึกเองมาเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าจิตสามารถท่องไปไหนมาไหนได้ แต่สิ่งที่ผมข้องใจคือ ผมแยกไม่ออกว่า อย่างไหนเป็นมโนมยิทธิ อย่างไหนเป็นการจินตนาการไปเอง จึงอยากเรียนถามผู้รู้ช่วยกรุณาบอกด้วยนะครับว่า การฝึกมโนมยิทธิแบบครึ่งกำลังนั้น เราจะสามารถมองเห็นภาพได้เหมือนกับว่าเราลืมตาอยู่อีกโลกหนึ่ง หรือว่าเราจะสามารถมองเห็นได้ด้วยการเอาจิตสัมผัสกับภาพนรก สวรรค์ ช่วยตอบด้วยนะครับ คือ ผมเกิดความสับสนมากๆ
     
  2. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    หลวงพ่อบอกว่าอย่าสงสัย สงสัยเมื่อไหร่พังเมื่อนั้น แต่ทางที่ดีและปรอดภัยที่สุด ผมว่าคุณควรไปฟังคําสอนของหลวงพ่อใหม่ทั้งหมดก็จะดีสําหรับคุณนะครับ เพราะมโนมยิทธิที่ทําเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์คอยควบคุม อาจเป็นอันตรายใด้ เข้าไปที่ลิ้งข้างล่างนี้จะมีคําสอนหลวงพ่อครบหมดครับ ขอให้โชคดีครับ
    http://www.luangpor.com/
     
  3. ปลายสุทธาวาส

    ปลายสุทธาวาส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +128
    ขอบคุณมากเลยครับ ขออนุโมทนาในความมีน้ำใจช่วยชี้แนวทาง ขอให้บุญกุศลส่งให้คุณสำเร็จในสิ่งที่คุณปรารถนาครับ
     
  4. 12punna

    12punna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +3,198
    สวัสดี คุณเจ้าของกระทู้
    จริงๆๆการฝึก ว่าอันไหนจริง อันไหนไม่จริง ไม่ได้ประเด็น
    สำคัญเลยแม้นแต่น้อย ภาพจริงจะเกิดได้เมื่อ จิตเข้าสู้สายกลาง
    คือไม่ดีใจ ไม่เสียใจ ไม่ยินดี ไม่ทุกข์ ไม่สุข ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง
    เมื่อจิต เข้าสู่สภาวะ เป็นกลางแล้ว ภาพที่เห็น (จิตใต้สำนึกความรู้สึก)
    จะปรากฎออกมา ในความเป็นจริง แต่ถ้า จิตไม่ได้เดินทางสายกลาง คือ
    ตรงกันข้ามกับที่ ยกตัวอย่างมาทั้งหมด เช่น โลภ โกรธ เป็นต้น ภาพในความรู้สึกที่ เราคิดว่าเห็น มันก็เป็นของ ปลอมหมด เป็นความคิดในจิตส่วนตัว ปรุงแต่งว่า มันต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ยิ่งถ้าใคร เก็บเงินเข้าตัว แล้ว บอกมีพลัง
    สามารถดู นั้นดูนี้ได้ ไปคิดดูละกันนะครับ ถ้าไม่ใช้พระอรหันตร์
    ยังไงก็ไม่สามรถควบคุม ความโลภ โกรธ หลง ความอยากได้ อยากมี อยากรวย ได้หรอกครับ ใครเสียเงินไปดู ก็ถือว่า ซวย ไปละกัน หรือพูดง่ายๆๆ เสียเงินให้ คนที่ฉลาดกว่าเราได้

    แต่ถ้าคุณเจ้าของกระทู้ยังแบ่ง ความรู้สึกไม่ออกจริงๆๆ เวลาเห็นภาพอะไร
    หรือ รู้สึกอะไร ก็ ปล่อยวาง แล้วคอยดูว่า สิ่งที่เราเห็น ที่เรารู้สึก จะเกิดขึ้น
    จริงไหม ? ถ้าจริงๆ ก็ รักษาอารมณ์คือ ปลอยว่างไม่ยินดี ยินร้าย แต่ถ้าภาพที่เห็น ไม่เกิดตามที่ตนเองรู้ ก็ ปล่อยให้มันผ่านไป ไม่ต้องไปสนใจ

    ปัจจุบัน มีหลายคนเยอะมาก อ้างสรรพคุณ วิเศษตนเอง ต่างๆๆ หารายได้
    เข้าตนเองใน วิธีต่างๆๆ ไม่ว่าจะ ชวนเชื่อก็ดี จัดกิจกรรมต่างๆๆ ให้คนรูจัก
    ทำวิธีต่างๆๆ ให้คนคิดว่าเราวิเศษ แต่สุดท้าย ก็หลงเดินตามกันไป ในทาง
    ผิดทั้งนั้น

    ทุกวันนี้ เกิดเป็นชาวพุทธ มีคุณวิเศษ ของดีใน คือ การเชื่อในพระพุทธเจ้า
    คำสอนของพระพุทธองค์ และ พระสาวกของพระพุทธองค์ ของดีนี้อยู่ใน
    ใจของตนเองว่า จะยินดีไหม แต่สุดท้ายใครมี ปัญญา คิดได้ก็จะ เดินทาง
    สายเดียวไปกับพระพุทธเจ้า แต่ถ้า ปัญญาต่ำกว่า ใต้น้ำ ก็คงเดินลอยตาม
    ให้ คนจำพวกมิจฉาอาชีพ หลอกลวงเอาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง จัดกิจกรรมบังหน้าเท่านั้น
     
  5. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,094
    ก็ทำไปเรื่อยๆน่ะ ครับ ไม่เห็นมีอะไรเสียหรอกนะครับ

    จริงๆแล้ว โลกใบนี้ทั้งใบที่เราเห็นด้วยตาเนื้อ ก็ไม่ต่างกับสิ่งสมมุติ

    ไม่นานก็ดับไป สลายหายไป ไม่ต่างกับจิตนาการหรอกครับ

    สรรพสิ่ง มีอะไร จริงแท้บ้าง ล้วนแล้วแต่เป็น อนัตตา ครับ

    มโนมยิทธิ ใช้ทั้งกำลัง สมถะ และ วิปัสสนา ไปพร้อมๆกัน

    พยายามต่อไปนะครับ

    อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2007
  6. ปลายสุทธาวาส

    ปลายสุทธาวาส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +128
    การชี้แนะของคุณทำให้เกิดทางสว่างสำหรับผม ชัดเจนแจ่มแจ้งมากครับ โดยเฉพาะที่บอกว่า ให้ปล่อยวางอย่ายึดติดกับอะไรทั้งสิ้น ขออนุโมทนาครับ
     
  7. ปลายสุทธาวาส

    ปลายสุทธาวาส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +128
    ถูกที่สุดครับ สรรพสิ่งในโลกไม่มีอะไรจริงแท้ เดี๋ยวไม่นานก็สลาย ทุกอย่างที่เห็นล้วนเป็นอนัตตาจริงๆครับ ขออนุโมทนากับคุณด้วยเช่นกัน
     
  8. นาๆจิตตัง

    นาๆจิตตัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +412
    มโนมยิทธิ.......มีฤทธิ์ทางใจ
    การก้าวเดินตั้งแต่ต้น....เกิดมาก็ต้องหัดเดินล้มบ้าง ลุกบ้าง โตขึ้นเป็นหนุ่มเป็นสาว เดินบ้างวิ่งบ้าง
    ก็มีล้มๆลุกๆ บ้างอีกเหมือนกัน วัยกลางคนว่าระวังแล้ว ก็มีล้มๆลุกๆหรืออาจกระทบกระแทกกับ
    สิ่งรอบข้างก็ต้องระมัดระวังอีกเหมือนกัน เฒ่าชแร แก่ชรา บ้างมีสามขา (ไม้เท้า...แต่มีเหมือนกัน
    ไม้เท้ามีสามขา...สี่ขา) ล้มๆลุกๆก้มๆเงยๆ เหมือนกัน......มันไม่เที่ยงแท้ แน่นอน มีเสื่อมสลายไป
    ในที่สุด ก็ต้องต่อสู้ อดทน ฝึกฝนกันไป (ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน) กายในกายมันซ้อนกันอยู่
    (กายเนื้อมันอยู่ ที่เดิม) กายที่คุณว่ามานั้นก็ต้องแข็งแรง มีพละกำลัง ในการก่อร่างสร้างตัว สมาธิ
    สติ สัมปชัญญะฯ ก็ต้องแก่กล้าขึ้นตามลำดับ แต่เหตุที่ต้องทำให้กายในกาย
    (กายทิพย์,กายพรหม ฯลฯ) มีพละกำลัง วังชา สมาธิ สติ สัมปชัญญะ ก็ต้องฝึกฝนถึงระดับ
    ได้สัดส่วน พอเหมาะพอดี แห่งกายนั้นๆ เพื่อเหตุและผลที่เราต้องการ.....มโนมยิทธิ.....
    (ก็ต้องฝึกฝน อยู่กับหยุด นิ่ง......กรรมฐานที่เราใช้ ปล่อยวาง อย่าให้กิเลสต่างๆเช่น นิวรณ์ ฯ แทรก
    เข้ามา.....ได้อย่างนี้เป็นต้น) การระวังรักษาจิต (ให้ปลอดจากเหตุแห่งความเสื่อมนั้น) ก็ต้องฝึกฝน
    ระมัดระวัง ประคับประคองจิตให้ดี (อย่าอยากมีหรืออยากได้ อยากจะเป็น...มันเป็นกิเลสอีกเหมือนกัน)
    การฝึกเรื่องของ สติปัฏฐานสี่ มี กาย เวทนา จิต ธรรม ก็อาจช่วยคุณได้ ฝึกจนแก่กล้า
    กายที่ออกไปก็จะมีพลังแก่กล้าตาม มีสติ สัมปชัญญะ ตามรู้ ตามเห็น มีสมาธิจิตที่ดีในเหตุอันพึงประสงค์
    ในการพิจารณา....เพราะบางอย่างมันเป็นปัจจัตตัง ต้องรู้เอง เรียนเอง สังเกตุเอง ถามเอง ตอบเอง
    (ครูบา อาจารย์ท่านเพียงแต่ เป็นผู้ชี้นำ ทาง สั่งสอนให้เราก้าวเดิน เดินเป็น เดินได้หรือไม่ได้อยู่ที่เรา
    ....(ต้องปฏิบัติ)...เหมือนกัน ทีนี้ได้ครูบา อาจารย์ที่ดีก็เป็นเร็ว ถ้าปราถนาพุทธภูมิก็ต้องฝึกมากหน่อย)
    อันคนเรามีตัวจริง....ก็มีเงาฉันนั้น พอฝึกจิตละเอียดดีขึ้น ก็ตามรู้ตามเห็นได้ชัดเจนขึ้น ตามภูมิจิต
    ภูมิธรรมที่เราฝึกฝน เหมือนอยู่บนที่สูงมองลงมายังเบื้องต่ำฉะนั้นแล ก็ต้องใจเย็นๆไม่รีบไม่ร้อน
    สงบนิ่ง......เหมือนเรากินข้าวกินไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็อิ่มของมันเอง ( คิดเสียว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
    ของการฝึกฝน ก็เป็นอย่างนี้แทบทุกคน) ถ้าเคร่งเครียด หรือมึนงง (บางทีจิตล้า..ได้เหมือนกัน)
    ก็ต้องพักผ่อน ผ่อนคลายบ้าง (เดินสายกลาง มัชชิมาปฏิปทา) บ้าง บางทีการปล่อยวางบ่อยๆ
    บ่อยๆเข้าจนเคยชิน อะไรที่ว่ายากหรือไม่ได้ ก็อาจกลับได้ อีกเหมือนกัน อีกอย่าง....................
    การพิจารณาในเรื่องของการตัดขันธ์ห้า หรือเหตุแห่งทุกข์นั้นๆ เราได้พิจารณา....ดีแล้วหรือยัง
    การที่จะไปเห็นเขา.... เห็นใคร ตาเราได้ใส หรือมีฝ้าฟางหรือเปล่า ไกล ใกล้อย่างไร....ต้องใช้
    แว่นหรือกล้องส่องประกอบด้วยหรือไม่....... แต่......นี้ใช้ใจ (มีฤทธิ์ทางใจ) จิตใจเราใสได้ที่หรือไม่...
    ขนาดไหน...กิเลส อาสวะมาบดบังหรือไม่ อย่างไร ขัด เช็ด ถู..แต่ก็อีกเหมือนกัน..ออกไปทั้ง
    กายในเลย...ก็ต้องใช้อุปกรณ์เครื่องมือพิเศษ (ตามตำรับ ตำรา ที่ฝึกฝนมาในแนวทางของแต่ละคน)...
    ให้สมบูรณ์ เช็คตรวจสอบเครื่องไม้เครื่องมือให้ดี.....................................

    เขียนไปเขียนมา กลายเป็นนักวิชาเกินไปแล้ว........ก็ต้องใช้วิจารณญาณในคิด การอ่านก่อน
    ก็แล้วกัน.....จะเป็นการดีที่สุด (บางอย่างพิจารณาหรือพิสูตรยาก....ต้องลองฝึกฝนก่อนถึงจะดี)
     
  9. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    เป็นความลำบากสักหน่อยในตอนแรกที่ฝึกมโนฯครึ่งกำลังได้แล้ว จะดูว่า อันไหนจริงไม่จริง

    สิ่งที่จริง คือ สิ่งที่เกิดเองโดยไม่ได้นึกคิดมาก่อนครับ

    และอีกอย่าง..คือ สิ่งที่ดี จะจริงหรือไม่จริง มันเป็นสิ่งที่ควรทำ..เช่น เรากราบพระแบบนี้ จิตเราอธิษฐานไปแล้ว..เราจะกราบจริงหรือไม่ก็ชั่ง ก็ต้องกราบอยู่ดี เพราะเป็นสิ่งที่ดี ทิ้งความสงสัยได้เลยประเด็นนี้

    บางทีเราจะรู้เองเลยนะครับ ว่า กระแสความรู้สึกแบบนี้..เป็นขององค์ไหน..เราจะทราบเองครับ.. เป็น ปัจจัตตัง..เหมือนเรื่องส่วนตัว ไม่มีคนรู้กับเราหรอก อิอิ

    ทำกรรมฐานกองใดๆ เราต้องอาศัยบุญเก่าให้ส่งผลด้วยครับ ไม่งั้นความฉลาดอาจจะยังมาไม่ถึง บางทีเราจะผ่านเป็นจุดๆเนี่ย เราผ่านด้วยความคิดออกโดยบังเอิญทั้งนั้น..นี่เป็นเรื่องของวาระ

    เสริม..อีกเรื่องครับ
    ...ถ้าพบเห็นอะไรมากๆ ไม่รุ้ว่าอันไหนจริงหรือปลอม..บางทีก็ให้ปล่อยวางเฉยๆไว้ ไม่สนใจ..จะเป็นยังไงก็ว่ากันไป ..

    จะมีการฝึกไปยังบางจุดที่เรามั่นใจที่สุด ว่าไม่มีอุปาทานแน่ๆ.. เราก็ไปเฉพาะจุดนั้นบ่อยๆ เวลาที่เราไม่มั่นใจ ลังเลสงสัยขึ้นมา..

    สำหรับผม...การฝึกมโนฯ .. สิ่งที่จะเป็นอุปาทานได้ยาก คือการไปกราบพระ..ไม่ค่อยมีอุปาทาน อยู่กับพระบ่อยๆ .. แบบนี้ผมไปบ่อยๆครับ สงสัยตอนไหน ไปกราบพระเลย...แน่นอนหละ ไปดึงกำลังใจดีๆกลับมาก่อน



    พลังงานบุญ บารมีที่เราเพียรสะสมทุกวัน ด้วยการฝึกแบบนี้..เขาจะไปของเขาเองครับ อย่าหยุดแล้วกัน.. แต่ถ้าหยุด ให้หยุดด้วยอุเบกขาธรรม หรือ ความสงบครับ...

    พูดยาก..ต้องเรื่อยๆฮะ ทำความดีเรื่อยๆ ทำแบบไหน มันก็หน้าตาเดียวกัน จะไปต่อยอดกันเอง..ความดีสาขาไหน ก็คือความดีครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มกราคม 2008
  10. nanhor

    nanhor Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +51
    ผมคิดว่านึกถึงพระไม่มีไรผิดหรอกครับ ยังงัยก็ถูก พยายามหากำลังใจให้ปฏิบัติให้สำเร็จดีกว่าเพราะถ้าเอาแน่ๆต้องได้ฌาณ4ฝึกแบบเต็มกำลังแต่ความจริงเอาแค่อุปจารสมาธิก็พอ แต่ถ้าอยากพิสูจน์ก็ลองใช่ ดู ง่ายๆก็รู้ไหมว่าในกระเป๋าตังเพื่อนมึเงินเท่าไหร่ แบงค์อะไรบ้างถ้าใช่อย่างที่รู้ก็ถูก ก็ไม่ใช่ก็ผิดมันละเอียดนะ พยายามเข้า
     
  11. ขอมจำแลง

    ขอมจำแลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +1,275
    ของคุณรู้สึกว่าจะเป็น ทิพจักขุญาณนะ ยังไม่ค่อยยอมออกมาเดินเล่นข้างนอกเท่าไหร่ ...สังเกตุคราวใดออกมา มันจะมีความรู้สึกที่ร่างกายอยู่กี่เปอร์เซ็นต์ หากรู้บ้าง 20% ก็ออกไปได้ หากไม่รู้สึกถึงร่างกายเลยเป็นเต็มกำลัง
    อาจเป็นเพราะการทรงสมาธิไม่ดีพอ กำลังใจต้องขนาดตายก็ช่าง ไม่สนใจร่างกายเลย นี่ชัวแน่ออกสบาย อาจเต็มกำลังเอาง่ายๆเลย

    *** การเห็นเป็นภาพเหมือนนึกเอา เช่น บ้านคุณเป็นอย่างไร ลองนึก ภาพก็แบบนั้น มิใช่ตาเนื้อ และหากไม่เชื่อว่าจริงก็พิสูจน์ เช่น ออกไปดูเพื่อนที่นัดไว้ว่าใส่เสื้อสีอะไรกางเกงแบบไหน หรือ จะเข้าไปไหน เราออกไปดูก่อนว่าข้างในมีอะไร (แต่ต้องออกไปนะครับ ไม่ใช่อยู่กับกายแต่ใช้ทิพยจักขุญาณดูซึ่งกำลังต่ำกว่า...ไม่ใช่มโนยิทธิ) หากตรงก็จำไว้ว่าอารมณ์แบบนี้เป็นจริง จิตออกไปเห็นในคราวนั้นมีสภาพแบบไหนก็จำอารมณ์ ถามมาก หรือสงสัยมากไม่ไหวหรอก ต้องทำมากๆ...หากจะซ้อมดีๆ ก็ไปซอยสายลม แต่ควรรักษาศีลห้า กรรมบท10 อย่างสนิทใจ และภาวนา นะมะพะทะ ให้คล่องๆ แล้วทิ้งอารมณ์ แบบหยุดภาวนา ปล่อยสบายๆ เรานึกภาพเข้ามาแทนได้นานๆไหม หากจะไม่นิ่งก็ภาวนาเพิ่มทีหลัง (หากนิ่งก็ลองกำหนดใจเอื่อมมือจับองค์พระท่านจากข้างหน้าเข้ามาไว้ในศูนย์กลางกาย แล้วกำหนดไว้ให้ได้นานๆ จะภาวนาหรือไม่ก็ได้ แต่อย่าให้พระหายไป ) แต่ควรดูว่าไม่สนใจลมได้ไหม แบบตัดร่างกาย ไม่ไปรู้มันแบบตั้งใจ เพราะเวลาฝึกแบบครึ่งกำลัง ...การเผลอมารู้ลมหายใจ(อาจเพราะเครียด สมาธิไม่ทรงตัว)จะดึงจิตกลับมาครับ เตรียมไว้ก่อนก็จะดี ...ที่สำคัญทำเพื่อลด ละกิเลส อย่าใช้ผิดวิธี หรือเพื่อ ลาภ ยศ สรรเสริญ ...โมทนา ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2008
  12. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    ทุกคนล้วนเคยทำบาป

    หากย้อนไปดูว่า ทำไมถึงทำบาป..ส่วนใหญ่ก็เพราะเป็นกรรมเก่าด้วย ที่มาดึงกระแสให้เป็นยังงั้น...

    ....ไม่มีใครไม่เคยทำบาป และไม่มีใครไม่เคยทำดี....
     
  13. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    ถ้าอยากจะรู้ชัวๆ
    ต้องทำเต็มกำลังให้ได้ ครับ
    แล้วจะหายสงสัย ว่าสิ่งต่างๆ ที่เป็นทิพย์ มีอยู่จริง
    ไม่ใช่จินตนาการ หรือถูกชักจูงจิตใจ

    แต่ก่อนอื่นขออนุญาติ ลบข้อความที่วุ่นวายเพราะลุง... และที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ
     
  14. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,792
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    ครับ อย่าไปสงสัยหรือลังเลครับ เเรกๆผมก็เป็นเเบบนั้น เเต่มีอาจารย์มาเเนะนําครับ เจริญในธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...