(ขอปิดกระทู้)แจกฟรี! หนังสือปรากฏการณ์อันน่าพิศวงทางจิต โดย คุณหญิงดิฐการภักดี

(ขออนุญาติปิดกระทู้)

แจกฟรี! หนังสือปรากฏการณ์อันน่าพิศวงทางจิต โดย คุณหญิงดิฐการภักดี

<Oหนังสือประสบการณ์การเจริญวิปัสสนาซึ่งหนังสือเล่มนี้ ได้พิมพ์ออกมาเผยแพร่เป็นธรรมทานนานแล้ว เมื่อปี ๒๕๑๐ , ๒๕๒๓ และ ๒๕๓๓ โดยวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ เป็นเรื่องราวประสบการณ์ ของคุณหญิงสายหยุด ดิฐการภักดี (ปัจจุบันได้ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว) ซึ่งท่านได้เข้าฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พระพิมลธรรม) ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ และกลับมาปฏิบัติด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน จนเกิดผล มีการเปลี่ยนแปลงทั้งสภาวธรรมและเรื่องราวต่างๆ มากมาย

ในหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเหตุผลที่ได้เข้าปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เรื่องราวระหว่างปฏิบัติธรรม หลังปฏิบัติธรรมแล้ว และเรื่องราวของครูบาอาจารย์ทางโลกทิพย์ (อรูปพรหม) ที่ได้ส่งกระแสจิตมาสอนการเจริญวิปัสสนากรรมฐานแก่ท่าน ซึ่งเป็นประสบการณ์โดยตรงของคุณหญิงสายหยุด ดิฐการภักดี ที่ผู้อ่านจะได้รับความรู้เกี่ยวกับการเจริญวิปัสสนา ความรู้เกี่ยวกับโลกทิพย์ โดยเฉพาะภพภูมิของอรูปพรหมมากยิ่งขึ้น

ในหนังสือเล่มนี้ยังคงรายละเอียดเดิมไว้ทั้งหมด เพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหาประสบการพัฒนาจิตของผู้เขียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจหรือผู้ที่กำลังเจริญวิปัสสนาสติปัฏฐาน จะได้มีคามรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น

โดยหนังสือที่จัดพิมพ์ในครั้งนี้จะนำไปเผยแพร่และแจกเป็นธรรมทาน ณ สถานปฏิบัติธรรม , อาคารปริยัติธรรม , สำนักหอสมุดกลางของมหาวิทยาลัย
คณะเจ้าภาพ ผู้จัดพิมพ์ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแต่ผู้อ่าน จนเป็นพลวปัจจัยให้เกิดปัญญาญาณ เห็นแจ้งซึ่งความหลุดพ้น และเข้าถึงซึ่ง มรรค ผล นิพพาน

บุญกุศลอันใดที่พึงเกิดจากการจัดพิมพ์หนังสือเพื่อถวายเป็นธรรมทานใหครั้งนี้ คณะเจ้าภาพ ผู้จัดพิมพ์ทุกท่านขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาสืบไป


คณะผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา

(ขออนุญาติปิดกระทู้)<O</O
<O</O
</O

 

ทุกท่านที่ได้รับหนังสือแล้ว ขอให้อ่านอย่างตั้งใจ ตั้งแต่ต้นจนจบ จะเกิดประโยชน์มาก เพราะหลายคนที่เข้ามาปฏิบัติธรรมหรือสนใจธรรมะปฏิบัติไม่ใคร่จะเข้าใจว่า การปฏิบัติที่ได้ผลดี เพื่อมรรผล นิพพาน เพื่อความเป็นไปของการสิ้นอาสวะนั้น มิใช่ว่าจะหมายถึง การนั่งนิ่งสงบได้นาน หรือ นั่งโดยมีแต่ความสงบอย่างเดียว หรือ สามารถระลึกชาติได้ เห็นนิมิตรภาพต่างๆ หรือ มีอภิญญาถึงจะเรียกว่าปฏิบัติได้ดีเเละได้ผล

แต่การเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั้น เป็นการฝึกปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นจากการเวียนเวียน ตาย เกิดในวัฎฎะสงสาร โดยเราต้องกำหนดรู้เท่าทันสภาวะธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับกาย-ใจ กับรูป-นามของเราได้ทันต่างหาก คือ มันจะฟุ้งก็กำหนดรู้ได้ทัน มันจะเจ็บ จะปวด ก็กำหนดรู้ จะเห็นนิมิตเห็นภาพต่างๆ ก็กำหนดรู้ คือให้เราเห็นตั้งแต่มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป เช่น เมื่อขณะนั่งกำหนด พองหนอ-ยุบหนออยู่ มีเวทนาเกิดขึ้นมาเราก็กำหนดรู้ในใจว่า ปวดหนอๆ ขณะที่เรากำหนดรู้อาการปวดนั้น เราจะเห็นความเจ็บปวดที่มันก่อตัวขึ้นๆ แล้วค่อยๆมากเข้า มากเข้า จนมันดับสลายไป คือได้เห็นพระไตรลักษ์นั้นเอง คือการเจริญวิปัสสนานั้น ต้องเห็นพระไตรลักษณ์ คือเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

หากการฝึกปฏิบัติแบบใดมิได้เห็นถึงพระไตรลักษณ์ ไม่เห็นถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป ของรูปของนาม ( ขันธ์ ๕ ) ยึดหรือเพ่งเพืยงอารมณ์ใด อารมณ์หนึ่ง สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือสร้างภาพ นิมิตรต่างๆขึ้นมา หรือบังคับให้อยู่กับสิ่งๆเดียวนั้น มิได้จัดเป็นการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน แต่จัดเป็นเจริญสมถะกรรมฐาน ซึ่งมีด้วยกัน ๔๐ กอง เช่น เพ่งดิน เพ่งน้ำ เพ่งซากศพ เป็นต้น การเจริญสมถกรรมฐานนั้น มีผลทำให้จิตสงบ แนบแน่น ดิ่งลึกขึ้นไปเป็นลำดับๆ( ฌาน 1- ฌาน 4 และ อรูปฌาน 1- อรูปฌาน 4) แต่กิเลสมิได้ถูกละออกไปเป็นแต่เพียงกดข่มเอาไว้เท่านั้น

<O</O
การเจริญวิปัสสนาคือการเข้าไปเห็นแจ้ง ในสภาพธรรมที่มีอยู่จริง ที่ปรากฎตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ร้อยกี่พันปี เมื่อผู้ปฏิบัติได้เจริญสติ ตามดู ตามรู้ กาย เวทนา จิต ธรรม อยู่ตลอดอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง ก็จะพบ จะเห็นถึงสภาวะที่ปรากฎของ รูป- นามในขันธ์๕ นี้ ว่าเป็นแต่เพียงธาตุ ๔ บังคับมิได้ ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน เห็นความเกิดดับของรูป- นาม (ญาณที่ 4 คือ อุทยัพพยญาณ ) เห็นทุกข์ เห็นโทษ ของรูป - นาม ( ญาณที่ 7 คือ อาทีนวญาณ) เป็นต้น


คำว่า ญาณ ( ไม่ใช่ฌาน ) ญาณ หมายถึง ปัญญา ซึ่งมีทั้งหมด 16 ญาณ คือ การเห็นแจ้ง รูป- นาม กาย -ใจ ว่าเป็นพระไตรลักษณ์
<O</O
โดยเอาสติเป็นฐานกำหนดรู้ กาย <O</O
เอาสติเป็นฐานกำหนดรู้ เวทนา <O</O
เอาสติเป็นฐานกำหนดรู้ จิต<O</O
เอาสติเป็นฐานกำหนดรู้ ธรรม

<O</O
คือเอาสติคอยตามดู ตามรู้สภาพธรรมต่างๆที่มาปรากฎ ไม่ได้ร่วม เป็นแต่เพียงผู้ดู ผู้รู้ เท่าทันทุกสภาวะที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ว่ามันจะดี หรือไม่ดีก็ตาม เพราะหากว่าโยคี (ผู้ปฏิบัติ) สามารถกำหนดรู้สภาวะ อาการต่างๆที่มาปรากฎ ทางกาย-ทางใจ ทั้งดี และไม่ดี ได้ทัน เช่น อาการฟุ้ง อาการเจ็บ ภาพนิมิต แสง สีต่างๆ ถือว่าได้เจริญวิปัสสนาได้ดี และถูกต้องแล้ว


เมื่อผุ้ปฏิบัติได้เจริญสติอย่างต่อเนื่อง จนสามารถผ่านญาณต่างๆได้แล้วทั้ง 16 ญาณ ในรอบแรก เรียกว่า โสดาบัน รอบที่สอง เรียกว่า สกิทาคามี รอบที่สาม เรียกว่า อนาคามี รอบที่สี่ เรียกว่า อรหันต์


แนวทางการปฏิบัติ

<O</O
เบื้องต้นให้ผู้ปฏิบัติ เดินจงกรมก่อนนั่งสมาธิทุกครั้ง อย่างน้อย ๑๐ นาที


การเดินจงกรม เริ่มจากการกำหนด ยืนหนอๆ ๓ ครั้ง ขณะกำหนดว่า ยืนหนอ ยืนหนอ ยืนหนอ ( ในใจ ) ให้รู้สึกถึงอาการยืน จากนั้นกำหนดว่า อยากเดินหนอๆ ๓ ครั้ง อยากเดินหนอ อยากเดินหนอ อยากเดินหนอ แล้วจึงก้าวเท้าขวาไปพร้อมกับมีสติกำหนดรู้( ในใจ ) ว่ า ขวาย่างหนอ เมื่อก้าวเท้าซ้ายกำหนด ซ้ายอย่างหนอ (การ กำหนดเดินระยะที่ ๑ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ) หรือ ยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ ( การกำหนดเดินระยะที่ ๓ ) ตามอาการของเท้าที่กำลังยก กำลังย่าง กำลังเหยียบ เมื่อเดินไปสุดทางก็กำหนดยืนหนอๆ ๓ ครั้ง เมื่อจะกลับตัวก็กำหนดอยากกลับหนอๆ ๓ ครั้ง อยากกลับหนอ อยากกลับหนอ อยากกลับหนอ จากนั้น ให้กำหนดในใจว่า กลับหนอ กลับหนอ กลับหนอ พร้อมกับยกเท้ากลับ แล้วก็ทำแบบเดิม คือ กำหนดยืนหนอๆ ๓ ครั้ง อยากเดินหนอๆ ๓ ครั้งแล้วจึงเดิน ทำอย่างนี้อย่างน้อย ๑๐ นาทีก่อนนั่งสมาธิทุกครั้ง

<O</O
การเดินจงกรมก่อนนั่งสมาธินั้นมีความสำคัญสำหรับโยคี (หมายถึง ผู้ปฏิบัติธรรม ) มาก เพราะเป็นการปรับอินทรีย์ ทั้ง ๕ ( ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ) ให้สมดุลกัน คือในขณะที่เดิน วิริยะจะเกิด ๓ ส่วน และสมาธิจะเกิด ๑ ส่วน ในขณะนั่งสมาธิ วิริยะจะเกิด ๑ ส่วน และสมาธิจะเกิด ๓ ส่วน เพราะฉะนั้นหากขาดการเดินจงกรมโ ยคีมานั่งสมาธิทันทีโดยมิได้เดินก่อน จะทำให้เกิดถีนมิทธะ( ความง่วง,ความเกียจคร้าน ) ได้ง่าย จิดไม่ตื่นตัว ไม่มีความกระปรี้กระเปร่าในการกำหนดรู้สภาวะธรรม และ อาจจะทำให้สมาธิดิ่งลึกจนเกินไป( เป็นฌาน ) จนไม่สามารถพิจารณาให้เห็นความเกิด – ดับของ รูปนามได้ นี้คือประโยชน์ของการเดินจงกรม การเจริญวิปัสสนา อาศัยแค่อุปจารสมาธิ (สมาธิเฉียดฌาน ) และขณิกสมาธิ ( สมาธิที่พิจารณาเป็น ขณะ ขณะ ติดต่อต่อเนื่อง ) เท่านั้น


หลังจากเดินจงกรมแล้ว ให้โยคีนั่งสมาธิ กำหนดดูอาการเคลื่อนไหวของท้อง ( จัดเป็นอานาปานสติแบบหนึ่ง คือ การเคลื่อนไหวของธาตุลม เรียกว่า วาโยโผฐทัพรูป จัดเป็น กายานุปัสสนาสติปัฎฐาน) เมื่อท้องพองขึ้น ( ขณะหายใจเข้า ) กำหนดว่า พองหนอ เมื่อท้องยุบ ( ขณะหายใจออก ) กำหนดในใจว่า ยุบหนอ เมื่อเกิดความคิดขึ้นมาขณะที่นั้งกำหนดท้องพอง ท้องยุบ ก็ให้เปลี่ยนไปกำหนดตามดู ตามรู้ อาการความคิดนั้นว่า คิดหนอ คิดหนอ คิดหนอ หรือเมื่อเห็นแสงสีต่างๆ ก็กำหนด เห็นหนอ เห็นหนอ เห็นหนอ เมื่อมีเวทนาความเจ็บปวดเกิดขึ้น ก็กำหนด ปวดหนอ ปวดหนอ ปวดหนอ จนอาการหรือสภาวะธรรมต่างๆดับไป เราจึงค่อยมากำหนดดูอากการพอง- ยุบเหมือนเดิม คือเราจะกำหนดแต่สภาวะธรรมที่เป็นปรมัตถ์ ไม่เลยไปเป็นชื่อ เป็นบุคคล เป็นบัญญัติ ให้จบแค่เพียงสภาะอาการต่างๆที่มาปรากฏ กับ กาย - ใจเท่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นการกำหนดรู้เจริญตามแนวสติปัฏฐาน ๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม นั่นเอง

การเดินจงกรม ๑๐ นาที ต่อด้วยการนั่งสมาธิ ๑๐ นาที จัดเป็น ๑ ชุด
หากผู้ปฏิบัติมีเวลามากจะปฏิบัติวันละ ๒ – ๓ ชุดหรือมากนั้นก็ได้ แต่หากมีเวลาน้อยก็ควรปฏิบัติอย่างน้อยวันละ ๑ ชุด
เหตุที่แนะนำให้ปฏิบัติเป็นชุดๆ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติได้มีกำลังสติและกำลังมสมาธิกำหนดรู้เท่าทันสภาวธรรมต่างๆที่มาปรากฏได้ง่าย ต่อเมื่อโยคีผู้ปฏิบัติมีกำลังสติและกำลังสมาธิเพิ่มมากขึ้น (มีอินทรีย์แก่กล้า) ก็สามารถเพิ่มเวลาการเดินจงกรมต่อด้วยการนั่งสมาธิ เป็น ๑๐ – ๑๕ – ๒๐ – ๓๐ นาทีตามความเหมาะสม

<O</O
หากผู้ปฏิบัติได้เพียรกำหนดรู้และเจริญสติอย่างต่อเนื่อง หากไม่สามารถเข้าถึงมรรคผล นิพพาน ในชาตินี้ ก็จะเป็นพลวปัจจัย เป็นบาทให้เข้าถึงกระแสพระนิพพานในชาติต่อๆไปได้


สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าหวังว่า ท่านผู้อ่านทุกท่านเมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว จะมีปัญญาเห็นแจ้งยิ่งๆขึ้นไป (อาตาปี) มีความเพียรเผากิเลส (สัมปชาโน) และ มีกำลังใจในการเจริญสติกำหนดรู้ต่อไปอย่างมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ ( สติมา ) และได้เห็นคุณค่าของพระศาสนาจนมีความตั้งใจปฏิบัติ เพื่อมรรคผล นิพพาน ทุกท่าน เทอญ


ขอขอบคุณท่านเจ้าภาพพิมพ์หนังสือทุกๆท่านที่ทำให้การพิมพ์หนังสือครั้งนี้ประสบความสำเร็จ

นาคเสน 55<O</O

 

ขออนุโมทนาค่ะ

หนังสือปรากฏการณ์อันน่าพิศวงทางจิต โดย คุณหญิงดิฐการภักดี จะไป

ขอหนังสือได้ที่ไหนค่ะ สนใจอยากได้มาอ่านเพราะที่โพสว่าหนังสือที่จัดพิมพ์ในครั้งนี้จะนำไปเผยแพร่และแจกเป็นธรรมทาน ณ สถานปฏิบัติธรรม , อาคารปริยัติธรรม , สำนักหอสมุดกลางของมหาวิทยาลัย นั้นไม่ทราบว่าที่ไหนมีบ้างค่ะ
ช่วยบอกรายละเอียดมากกว่านี้ได้ไหมค่ะ เพราะสนใจจริงๆค่ะ

 

อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
ขอรับ 1 ชุด ครับ


อภิชัย อุดมพงศ์ไพบูลย์
33 ซอย 9 ถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ 1
อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
90110

ขอบพระคุณครับ

 

อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
ขอรับ 1 ชุด ครับ


อภิชัย อุดมพงศ์ไพบูลย์
33 ซอย 9 ถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ 1
อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
90110

ขอบพระคุณครับ

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ และขอรับ1ชุด
กรุณาส่ง สุภัค ตันติวงศ์สถาพร
99/7 หมู่6 ถนนเลียบคลองสี่ฝั่งตะตัวตก ตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120

 

-ขออนุโมทนาขอรับ1เล่มค่ะ
นางสาว จิญาภา วัฒนแพทย์

1004/278หมู่บ้านสะพานลอยฟ้าวิลล่า พระราม-3ที่25
ถนนพระราม3 ยานนาวา กทม10120

 

อนุโมทนาบุญ ขอรับ1เล่มครับ
คุณสุธรรม ยอดฉิม
12/22 หมู่.1 ต.ไผ่ลิง
อ.อยุธยา จ.อยุธยา 13000

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ ขอรับ 1 เล่มครับ นายสัญชาติ เชียงการ ศาลจังหวัดนครพนมแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ถ.อภิบาลบัญชา อ.เมือง จ.นครพนม 48000./

 

ขอรับ 1 เล่มครับ
นายพิทยาธร แก้มกระโทก
269 หมู่ 1 ถนนมิตรภาพ (กม.237) ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30280

อนุโมทนา...สาธุ

 

ขอรับ 1 เล่มครับ
เสกสรร แจ้งสว่าง
15/1 ม.2
ต.โคกกะเทียม อ.เมือง จ.ลพบุรี 15160

 

ขอ 1 เล่ม ครับ

ชาติ ศรีโอฬารกุล
74/6 ถนนควนขนุน
อ.เมือง
จ.ตรัง
92000

 

พงศ์ภรณ์ เอื้อสินพูน 821/79คลองจั่น บางกะปิ กทม 10240

 

ขออนุโมทนารับ 1 เล่มครับ

อภิชัย เพิ่มธรรมสิน
8/214 ม.6 ถ. พระรามที่ 2
แขวงบางมด เขตจอมทอง
กทม. 10150

ขอบคุณครับ

 

อนุโมทนา
ขอรับค่ะ
ธิดารัตน์
88/847 ม.สิวารัตน์ 3
ถ.พุทธมณฑลสาย 5 ต.อ้อมน้อย
อ.กระทุ่มแบน
จ.สมุทรสาคร
74130

 

ขอรับ 1 เล่มครับ
ขออนุโมทนาและขอบคุณมากครับ

ธำรงวิทย์ ชัยจรูญพร
ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทย์
ม.สงขลานครินทร์ ถนน กาญจนวนิชย์
หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110

 

ขอรับ 1 เล่มครับ
อาทิตย์ เบ็ญจวรรณ
บริษัท ไทยชิกิโบ จำกัด
311 หมู่ 1 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 20230
อนุโมทนา สาธุ

 

อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ขอรับไว้เป็นคู่มือศึกษา 1 ชุดครับ

นายมนต์ชัย ศรีเกษม
บ้านรมยานนท์ 497 (ห้อง 2/2)
ถ.พัฒนาการ ซ.พัฒนาการ 39
แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง
กรุงเทพฯ 10250

ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ...

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยคะ
ขอรับ 1 เล่มคะ
นิภาพรรณ ป้อมประภา
825/437 ม.ประชาสุขซิตี้ ซ.18 ถ.ประชาอุทิศ58/1
แขวง/เขต ทุ่งครุ กทม.10140

 

ขอรับ 1 เล่มครับ
อัฏฐวัฒณ์ จันทร์รัชชกูล
8 จรัญสนิทวงศ์ 86
บางอ้อ บางพลัด
กทม. 10700
ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ...<!-- google_ad_section_end -->