ขอถามคําถามมีสาระนิดหน่อย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 5 เมษายน 2012.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมอยากจะถามว่า ถ้าท่านที่ทรงฌานโลกีย์

    แล้วมีอภิญญากสินลม เหาะไปแล้วในระหว่างทาง เห็นหญิงสวยแล้วลอยบนอากาศตอนนั้นเห็นว่าสวยอยู่แล้ว แล้วเกิดชอบขึ้นมา จะตกลงมาไหม

    จริงๆผมคิดว่าโอกาศที่จะไปเจอหญิงนี่เป็นไปไม่ได้เพราะอภิญญามันแปปเดียวลัดนิ้วมือ อาจจะเร็วกว่าลัดนิ้วมือก็ได้ อาจจะเร็วกว่า การขยับขา ยึดแขนยึดขาก็ได้


    แล้วอีกคําถาม ถ้าตอนใช้ฤทธิอภิญญา นี่อารมณ์จะทรงฌาน4ตลอด หรือว่าแค่ทรงฌาน1 หรือก่อนฌาน ใกล้จะฌานแล้ว

    ที่ถามผมไม่ได้จะฝึกกสินหรืออย่างได้เคยอ่านข้อความจากคนในเวปนี้มา ไม่รู้ว่าเค้าพูดตลกหรือว่าจริง เค้าบอกว่า(ผมจําได้คร่าวๆนะ) มีฤษี บินไปเจอสาวแก้ผ้า เห็นแล้ว ตกจากฟ้าเลย (ตายรึเปล่าไม่รู้)
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จะไปยากอะไร

    พระท่านใช้คำว่า ได้มาโดยง่าย ได้มาโดยไม่ลำบาก โดยใช้สำนวนว่า
    หาก ปราถนาจะทำฌาณ ก็น้อมปราถนาแล้วจึงปรากฏ ง่ายดั่งคู้แขนเข้า
    เหยียดแขนออก

    แค่นี้มันก็บอกอยู่แล้วว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่ได ทรงเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องทรง
    เอาไว้ ไม่ต้องรักษา หากปราถนาจะให้ปรากฏ ก็ค่อยน้อมไปเมื่อไหร่ก็ได้

    เหมือน เธอมีเงินอยู่ในกระเป๋า จะเดินเข้าไปซื้อของหลายรายการ เธอต้อง
    มานั่งควักกระเป๋านับแบงค์ก่อนหรือเปล่า หรือ สามารถองอาจเดินเข้าไปใน
    ร้านแล้วชี้นันชี้นี้ แล้วบอก เช็คเด็มออลลลล์

    แต่ถ้าเป็นพวกไม่มั่นใจในตัวเองนะ โอยยยยยย มันจะเอาเงินมาหอบใส่มือ
    เดินถืออาดๆเข้าไป ทรงอารมณ์ไง คิดว่า การใช้สอยเงินเป็นการโชวเงิน
    ในมือว่าข้ามีเว้ยเห้ย

    ไอ้ตรงนี้นะ เธอระลึกดีๆ ตอนที่เธอระลึกรู้ลมหายใจเข้าออก เธอมีจิตใจ
    ที่กล้าแกร่ง หรือ หงอ งอมืองอเท้า

    แค่นี้ก็รู้แล้วว่า จิตเธอมีฌาณหรือไม่มีฌาณ !!

    ต้องทรงเอาไว้เพราะเห็นว่าเป็นของมาได้ยาก หรือเปล่า !?

    แล้วเห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หรือเปล่า ความเกิด และ ความเสื่อม มันมี
    ให้เห็นทุกลมหายใจนั่นแหละ ไม่ต้องไปเหาะแล้วพิสูจน์หรอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2012
  3. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมเห็นทุกลมหายใจ แต่ไม่ได้ใช้วิปัสสานา ว่ามันเกิดมันดับ รู้แค่ว่าหายใจเข้าหายใจออก บางครั้งก็สติก็ตามมันไม่ทันโดยเฉพาะตอนหายจะหายใจออกเพิ่งมารู้ตอนลมกระทบจมูก

    ผมไม่รู้ว่า ต้องตั้งฐาน3ฐานไหม ผมไม่่รู้ว่าพระพุทธเจ้าบอกไหม แต่พระพุทธเจ้าบอกแค่ว่าให้กําหนดรู้ลม หายใจเข้า ก็รู้ว่าเข้า ลมหายใจ ออกกํารู้ว่าลมหายใจออก
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    อย่าไปพูดถึงอภิญญาเลย อย่าไปคิดล่วงหน้า ทุกวันนี้เอาปฐมฌานให้ได้ก่อน ค่อยพูดกัน....
     
  5. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
     
  6. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ถ้าไม่รู้สึกอะไรก็ไม่ตก แต่ถ้ากำหนัดนี้ก็ล่วงแน่ครับ

    ได้ยินมาว่า ก่อนพระนางพิมพาจะปรินิพพานได้มาทูลลาพระพุทธเจ้าและได้ขอขมาโทษที่พระนางได้ล่วงเกินพระองค์ มีอยู่โทษหนึ่งที่พระนางขอขมาคือ

    "...ในชาติก่อนภพก่อน พระองค์เสวยพระชาติเป็นฤาษี ส่วนข้าพระบาทเป็นหญิงสาวชาวบ้าน นามว่านาคีกุมารี กาลวันหนึ่ง พระองค์ผู้มีญานแก่กล้าได้เหาะมาในเวหา มาพบข้าพระบาทกำลังหักฟืนและร้องรำเพลงตามประสา ฤาษีเกิดความรักในสาวแรกรุ่นดรุณี ญานที่เคยแก่กล้าก็เสื่อมถอยทันที ทำให้ตกลงมาตรงหน้านางนาคีกุมารีพอดี กำเริบรักที่มีต่อนางเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แล้วก็เอ่ยวาจาขอผูกพันจนได้เป็นสามีภรรยากันในชาตินั้น

    ข้าแต่พระองค์ โทษผิดแห่งพิมพาข้าพระบาทนี้ หากจักพึงมีในชาตินั้น โดยการทำลายพระองค์ผู้ทรงเป็นฤาษีให้เสื่อมถอยจากญานสมาบัติไซร้ ขอพระองค์ทรงพระกรุณางดเว้นโทษให้แก่ข้าพระบาทผู้จะเข้าสู่นิพพานในวันนี้เสียเถิดพระเจ้าข้า..."

    ส่วนการใช้ฤทธิ์อะไรนี้ ตามตำราบอกผู้ใช้ได้ต้องบรรลุจตุถญานขึ้นไปครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อานาปานสตินั้น เป็น กรรมฐานที่ครอบคลุมกรรมฐานอื่นทั้งหมด แต่ความ
    สามารถในการบำเพ็ญนั้น จะเป็นอะไรที่ กรรมฐานอื่น งง!! และ ไม่สามารถ
    คาดเดาเอาได้ ได้แต่ พูดจาปรักปรำกรรมฐานให้เสื่อมคุณอันใหญ่ เหตุเพราะ
    ไม่รู้เรื่อง และ ไม่สามารถเข้าถึง เขาเหล่านั้นจะปรามาสคนทำอานาปานสติว่า
    ไม่ได้ฌาณอะไรเลย เพราะเห็นยืน เดิน นั่ง นอน ไปวันๆ มองไม่ออกว่านั่งจุม
    ปุ๊กเพ่งไฟ เพ่งดิน เพ่งลูกแก้ว เพ่งพระ เอาตอนไหน

    .....

    สำหรับคนที่ฝึกอยู่ ก็ลองมาดูกันต่อ เพื่อความบันเทิงของนักกรรมฐาน

    เนื่องจาก อานาปานสติ เป็นกรรมฐนาที่ครอบคลุมได้ทุกกรรมฐาน ครอบคลุม
    หมดทั้ง40กอง ดังนั้น เวลามันผลิกออกไปสู่กรรมฐานอื่น ที่ไม่ใช่ อานาปาน
    สติแท้ๆ เพียว ที่ รู้เนื้อรู้ตัวตลอด ไม่มีนิมิตใดๆแทรก ( อานาปานสติเป็นอนิมิต
    สมาธิ - พระสารีบุตร) ตอนมันผลิกออก เราต้องทำความเข้าใจอย่างหนึ่ง
    ก่อนว่า ขณะนี้ กรรมฐานได้ปลิ้นออกไปเป็นกรรมฐานอื่น

    เช่น กำลังตามรู้ลมหายใจจนเจียนจะละการรู้ลม สามารถเห็น การเห็นลมเป็น
    โทษ เป็นทุกขสัจจอย่างหนึ่งที่ต้องละ เกิดการละลมแล้วไปรู้อยู่ที่ "จมูก"บ้าง
    หน้าผากบ้าง หว่างคิ้วบ้าง ที่กะบังลมหน้าท้องบ้าง ที่หัวใจบ้าง ที่คอหอยบ้าง
    เหล่านี้คือ ผลิกไปสู่ ปฐวีกสิณ หรือ กสิณดิน

    ถ้าเกาะ ไม่ได้ปลิ้นไปแค่ระลึกรู้ หรือ รู้สึก ก็จะเป็น วรรณกสิณ เช่น ไปเกาะหน้า
    ผาก เกาะจนแน่น จนแข็ง ก็จะเป็น กสิณสีขาว( กระดูกเป็น วรรณสีขาว)
    ถ้าไปเกาะหัวใจ ก็เป็นกสิณสีแดง เป็นต้น

    แต่ถ้า มันปลิ้นไปเห็นอาการ คลื่นกระทบฝั่ง การโยก การไหว การโอนเอน การ
    เกาะกุมเป็นกลุ่มๆก้อนๆ วิ่งไปวิ่งมา ก็จะไปเป็น อาโปกสิณ

    แต่ถ้า ปลิ้นไปเป็นอยู่ที่ ลมที่แผ่ทั่วร่างกาย ก็เป็นกสิณลม

    ถ้าไปรู้ที่ไออุ่น ร้อน เย็น สุข สบาย อึดอัดแบบโดนเหล็กแหลมจิ้มจี้เป็นจุดๆ
    หรือ แสบร้อนแผ่ซ่าน ก็จะเป็น กสิณไฟ

    ก็จะเห็นว่า อานาปานสติ หากปลิ้นออกจาก การรู้อาการลมเข้าออก ไปรู้
    วัตถุ(อารมณ์)อื่นๆ แทนการรู้ลมเข้าออก ก็จะผลิกไปสู่ รูปฌาณ โดยที่ผลิก
    ไปไม่นานก็จะกลับมารู้ลมหายใจเข้าออกต่อเนื่อง ไม่ผลิกไปอยู่ในเศษกอง
    กรรมฐานเหล่านั้น แต่จะอยู่ที อานาปานสติ เป็นวิหารธรรมส่วนใหญ่ หรือ
    จำนวนมาก ( พระพุทธองค์ตรัสเสมอว่า เรามี อานาปานสติเป็นวิหารธรรม
    ส่วนมาก )

    **************

    ทีนี้ สำหรับบางคน เมื่อตามรู้ อาการลมเข้า อาการลมออก แล้วเห็น จิตที่
    แฉลบไปเห็น รู้นี่ลมเข้า รู้นี่ลมออก แล้วเล็งเห็นได้ว่า นี่คือ "วิตก วิจาร" ตาม
    องค์ฌาณ ก็จะละ การู้นี่ลมเข้า นี่ลมออก เห็น ลมเข้าลมออกเป็นหนึ่งเดียวกัน
    ไม่ต่างกัน เรียกใหม่ว่า เหลือแต่ "รู้" เหลือแต่จิต ที่ส่งส่าย แส่ส่าย เดี๋ยว
    ไหลไปทางอยาตนะ เดี๋ยวไหลไปทางความคิด เดี๋ยวไหลไปทางนิมิต พอตาม
    เห็นเหลือแต่ "รู้" แบบนี้ ก็เรียกว่า รู้อยู่ที่จิต ก็จะเริ่มก้าวพ้น "รูปฌาณ"
    เรียกว่า ไป สะสมเหตุของการขึ้นสู่ อรูปฌาณ ต่อ ( อรูปฌาณ ไม่ใช่การ
    กำหนดเจตนาว่าจะเข้า แต่เกิด จากการสะสมผัสสะ เอาไว้ให้มากๆ )

    ถ้าขึ้นอรูปฌาณได้ ก็จะไม่ใช่แค่ เตวิชโช แต่จะก้าวไปเป็น อุภโตภาค

    *************

    กรณีอานาปานสติ ที่ใกล้เคียง สุขวิปัสสโก จะเป็นลักษณะ ใช้วิหารธรรม
    อานาปานสติแค่พอกระจุ๋มกระจิ๋ม แค่ระลึกก่อนลงมือทำงาน ทำการ แบบ
    โลกๆ คล้ายๆ ก่อนออกกำลังกาย ก็หายใจวอร์มอัพนิดหน่อย เอาแต่พอ
    สงบใจ มีกำลังใจ มีสุขใจ มีปิติ มีร่าเริงใจ แล้ว ฮึดสู้ ฮึดพิจารณาธรรมด้วย
    ไตรลักษณ์ ด้วยความศรัทธาในธรรมฤทธิ์แล้วน้อมไป แบบนี้ก็จะเป็น
    สุขวิปัสสโก

    ยกตัวอย่างเช่น หลวงพ่อสิงห์ทอง ที่หลวงตาบัวระบุว่าเป็นแบบ สุขวิปัสสกะ
    ท่านหายใจเข้าออก แล้ว ฮึดสู้ เวทนากล้านั่งสมาธิผ่านความเจ็บปวดจนกาย
    ขาดออกจากจิต ...จะเห็นนะว่า ฮึดสู้แบบอุกกฤษณนะ ไม่ใช่ ฮึดๆๆ จำบึดๆ
    แต่ปาก ต้องลงมือเอาจริงเอาจังให้ขาดสะบั้นไปเลย แต่ ถึงเพียงนี้ก็ยังเป็น
    แค่ สุขวิปัสสโก .................

    ก็ลองพิจารณาเอา ว่า เราฮึดแบบไหน เหยาะๆ แหยะๆ เช้ายกดัมเบล กลางวัน
    หลับตาเห็นภาพพระ ตกดึกโหลดบิท18+ ว่างๆแว็บมาเป็นแอ๊บมินเว็บ เรียกว่า
    เหยาะๆแหยะๆ ประกาศก้องเว็บว่า หากนิพพานคือสูญสิ้นตัณหา กูขอนับถือ
    ศาสดาอื่นดีกว่า หากจะสูญอะไรต่อมิอะไร ขอ กำขี้ดีกว่ากำตด แบบนี้
    ก็ไม่ใช่นะ ไม่ต้องไปพูดถึง ปฐมฌาณ ปถมแชน เหมือนกัน

    ************

    ยังมีการผลิกแพลงเยอะกว่านี้นะ หากทำกรรมฐานอานาปานสติได้ทุกลม
    หายใจเข้าออกแบบมีมรณะสติร่วมสัมปยุตด้วยเมื่อไหร่ จะค่อยๆวิจัย เห็น
    ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องฟังจากใคร และไม่ต้องไปกลัวใครมาค่อนแคะว่า
    "เองเก่งกว่าพระพุทธองค์เหรอ"

    เรารู้ของเราว่า อานาปานสติ ที่เราสมาทานนั้น คือ อนุสติในสิ่งใด เต็มหัวใจ

    คนที่ไม่รู้จักอานาปานสติ ย่อม ถามเราด้วยอาการแบบ คนโง่ ถามเรา
    ว่า "เองเก่งกว่าพระพุทธองค์เหรอ" เป็นเรื่องปรกติที่เขาจะพึงกล่าวได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2012
  8. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    จริงๆก็สงสัยครับในอานาปานสตินั้น สามารถพลิกไปทำกรรมฐานกองอื่นได้อย่างไร
    ในเมื่อตำรา การปฏิบัติกรรมฐานกองอื่นๆนั้นอาศัยนิมิต ขึ้นวิตกวิจาร
    หาก อานาปานสติจะลงที่สุญญตาสมาธิ อนิมิตสมาธิ อัปณิหิตสมาธิ
    หากแต่พอรู้ลม เป็นหนึ่ง ที่พอพลิกไปอื่น ตรงนี้ยังพอให้ระลึกได้ว่ายังปฏิบัติ ไม่ตกจากสมาธิ แต่ไปจับที่นิมิต ขึ้นวิตกวิจารอีกรอบ ทีนี้พึงสังเกตุว่า การเข้าเป็นหนึ่งนั้นไม่ง่าย
    มันจะเกิดเพียงชั่วแว๊บเท่านั้น ตรงส่วนนี้จะเห็น กระจ่างในกรรมฐานกองอื่นๆเพิ่มขึ้น
     
  9. boontiga

    boontiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    457
    ค่าพลัง:
    +2,357
    รื่องของฤาษีชี้ให้เห็นว่าถึงมีอภิญญาก็ยังมีกิเลสอยู่เพราะฉะนั้นความวิเศษที่ฤาษีมียังไม่ใช่ตัวดับกิเลสโดยสิ้นเชิงอีกอย่างมองให้เห็นว่ากิเลสทำให้ญานเสื่อม
    เรื่องของฌานยังอยู่ในขั้นสมาธิยังไม่สามารถทำอะไรได้ต่อจากฌานสี่จึงไปขั้น
    วิปัสนาญานในขั้นนี้จึงจะเล่นอะไรได้แต่นั่นแหละของเล่นนั้นไม่ใช่ตัวดับกิเลส
    พระท่านถึงสอนให้ดูธาตุในกายเห็นความเน่าเปื่อยผุพังไม่มีอะไรสวยงามเลยเพื่อละกิเลสเสีย
    คุณจขกทเป็นคนขี้สงสัย การทำสามาธิจะก้าวหน้าช้ากว่าคนอื่นสักหน่อย แต่ถ้าได้ปุ๊ปทุกคำถามที่คุณยังสงสัยจะไม่สงสัยเลย
     
  10. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    โมทนาสาธุ คะ

     
  11. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ไม่รู้..............
     
  12. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    แต่เหาะได้มันต้องได้ฌานสมาบัติขั้นต่ำนะ ไม่งั้นทำไม่ได้หรอก เหมือนฤาษีที่เหาะไปป่าหิมพานต์ ก้อาศัยฤทธิเหาะไป ไม่งั้นไปไม่ถึง

    อีกวิธีหนึ่ง ก้ต้องสำเร็จวิชาปรอท แล้วนำปรอทที่เสกสำเร็จแล้ว มาอมไว้ตรงกะพุ้งแก้ม ซึ่งก้ยากๆพอกัน เผลอจะยากกว่าทำให้ได้ฤทธิอภิญญาเสียอีก ตามตำนานที่ได้ยินมา ผุ้ที่ทำได้คือ "หลวงพ่อแก้มแดง" ความลึกลับของท่านคล้ายๆเหมือนหลวงปุ่โลกอุดร

    ร้สึกว่าฤาษีที่ตกลงมา ไม่ได้ตายนะ แค่ฌานเสื่อม+ขาแพลงเท้าเคล็ด อันเกิดจากราคะเกิด เหตุที่จิตไม่สงบเคยมีผุ้ร้กล่าวไว้ว่ามาจาก ราคะเกิด โทสะเกิด และปล่อยให้ความชั่วครอบงำจิต จิตจะเข้าสู่กระแสความดีไม่ได้เลย
     
  13. ไต้ซือฟาง

    ไต้ซือฟาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +3
    ประสกจะปฏิบัติ ก็เห็นควรปฏิบัติเพื่อละ ฤทธิเป็นผลพลอยได้ ซึ่งในยุคปัจุบัน ไม่ควรใส่ใจในฤทธิ์ แม้แต่น้อย เพราะ ฤทธิ์ ซื้อได้ แล้ว ไม่มีโยคีท่านใดที่นั่งทางใน จะ มองเห็นโลกได้ทั่ว เท่า google เสียแล้ว


    การปฏิบัติต้องมีเป้าหมายเพื่อวาง แต่ก็ดีอย่าง ที่เด็กเห็นฤทธิแล้วสนใจเป็น บันใดขั้นแรก แห่งการปฏิบัติ ...อามิตตาพุทธ
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    555555555555555555555555555555555555555555555+

    แบบนี้ ใครได้ อภิญญา

    บินได้ปุบ เหาะ ได้ปุบ บินไป เหาะไป เจอสาวอาบน้ำ แก้ผ้า ไม่ตกมาตายห่ากันไปหมดเลยแล้วหรอ


    คงมีข่าว ลงหน้า 1 เจอคนตกจากผ้าลงมาตายกันละมั้ง


    55555555555555+
     
  15. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    นั่นเป็นเรื่องราว ของพระผู้มีพระภาคเจ้าฯ ได้แสดงโทษของ กามฉันทนิวรณ์
    หากยังไม่เป็นสมุทเฉจประหาน เพียงแต่ข่มกิเลสกามไว้
    แม้ได้ฌานอภิญญา ก็ยังมีเสื่อมได้ แต่ก็เจริญได้

    พระผู้มีพระภาคเจ้าฯ จึงได้นำเอา "มุทุลักขณชาดก" มาแสดง แก่ภิกษุผู้กระสันรูปหนึ่ง
    ได้กล่าวถึงเรื่องราวในอดีตชาติ เมื่อครั้งยังเป็นพระฤาษีโพธิสัตว์ ที่มีอภิญญาเหาะเหินเดินอากาศได้
    แต่พอไปเห็นพระนางมุทุลักขณา ซึ่งเป็นพระเหษีของพระราชา เห็นผ้าผ่อนที่หลุดรุ่ย
    โดยไม่มีเจตนา ที่จะทำให้ผ้านั้นหลุด แต่ฤาษีที่กำลังเหาะอยู่นั้น
    พอได้เห็นรูปโฉมของนาง ฌานก็เสื่อมลง (ในอรรถกถาใช้คำว่า "เหมือนกาปีกหัก")

    พอพระราชากลับมา จากทรงงาน ได้เห็นฤาษีนอนซม
    จึงได้เข้าไปไถ่ถาม แล้วได้ทราบเรื่องราว ความเป็นมา

    พระราชา กับพระมเหษี ท่านก็ดีดี๊ มีเจตนาดี จึงออกอุบาย โดยตกลงกันอย่าได้มีอะไรกันกับฤาษี
    หมายเพื่อจะให้ฤาษีได้รู้ตัว จากการถูกครอบงำ ด้วยอำนาจของกิเลสกามนิวรณ์
    พระราชาจึงยกพระมเหษีให้ หลังจากนั้น พระนางมุทุลักขณา ก็ใช้งานใหญ่เลย
    อยากได้นั่นอยากได้นี่ ใช้ให้ทำนั่นทำนี่ พระฤาษีได้สติ ว่าตนนี้ถูกกิเลสหลอกใช้งาน
    นั่นเพราะพระนางมุทุลักขณา ได้ถามว่า "ท่านไม่รู้ตัว ว่าเป็นสมณะหรือเป็นพราหมณ์เลยหรือ เจ้าคะ?"
    พอได้ฝืนคืนสติกลับมา จึงยกพระนางมุทุลักขณา คืนพระราชาไป
    แล้วเจริญฌานอภิญญา ที่เสื่อมกลับคืนมา เหาะกลับไปยังป่าหิมพานต์

    เนี่ยะ พระผู้มีพระภาคเจ้าฯ ได้สาธกชาดกดังกล่าว ว่าด้วยโทษของกาม
    ต่อภิกษุผู้กระสันรูปหนี่ง ที่ไปบิณฑบาตร แล้วมีจิตปฏิพัทธ์เสน่หา กับผู้หญิงนางหนึ่ง.

    แล้วได้แสดงอริยสัจ พระภิกษุนั้นได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์เลย
    นี่แหละน้อ ความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด อย่างที่เค้าว่า พอมีครอบครัว ก็อยากมีลูก
    พอมีลูก ก็ต้องสร้างฐานะ มีบ้านมีรถ กู้ผ่อนดาวน์ บัตรเครดิตไม่มีที่เสียบ บรรจุลงกระเป๋า
    ข้าวของยุคนี้ก็แพ้งแพง สินสอดทองหมั้นก็แพง ไหนจะวางแผน ส่งลูกเข้าโรงเรียน
    จ่ายแป๊ะเจี๋ยะ ซื้อแท็บเลต แท็บเลตล่วงดังเผ๊ะ..!
    ดีก็ดีไป หากไปติดยา ติดเกมส์ ก็เป็นปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม
    ไหนจะวางแผน ให้เค้ามีครอบครัว มีสามีภรรยาที่ดี มีกิจการเป็นฝั่งเป็นฝา

    ก็จะอุทานอีกว่า อยากมีหลานสักคน ไว้แก้เหงา สุดท้ายตายพอดี
    เนี๋ยะวงจรชีวิต เชื่อว่าอย่างนี้ต้องมี ส่วนใหญ่แล้ว ก็จะเป็นแบบนี้

    ก็เห็นจะมีแต่ ผู้ที่มีครอบครัว แต่เขาใช้หลักธรรม
    มาดำเนินแก้ไข มีความเป็นปกติในสังคม ก็อยู่อย่างสบายๆ ชีวิตพอเพียง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2012
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    กรุณา อย่ามาแสดง ความคิดเห็นโง่ๆ อย่างมั่วซั่ว คุณ @sukjai

    พึงทราบว่า เวลาผมกล่าว ผมย่อมกล่าวไม่หมด ทั้งนี้ เพราะเอาไว้หลอก
    คนโง่ ที่มันเตรียมดัดแปลง คนที่โง่ ไม่ได้ภาวนามาตามความเป็นจริง
    เป็นเพียงนักคิด จะเผลอเห็นสิ่งที่ผมจงใจเว้น ไม่กล่าว ว่าเป็นสิ่งที่ตน
    จะแทรกความคิดเห็นได้ พอแทรกได้ ก็จะดูดี แต่ จริงๆแล้ว ผมจะเห็น
    ทันทีว่า ไม่ได้ปฏิบัติมา

    อย่าง อานาปานสติ ยกไปสู่การชำนาญทาง ฌาณ สมาบัติ ผมก็จงใจ
    เว้นการกล่าว 1ในล้านเท่านั้น จะรู้ว่ามีการเว้น แต่ ร้อยละร้อยจะคิด
    ว่าผมกำลังพูดการทำฌาณ

    ทั้งนี้ อานาปานสติ เป็นอนิมิตสมาธิ ดังนั้น มันไม่มีที่ตั้ง คุณจะมา
    มั่วๆ ยกนั่นยกนี่ว่าใช่ จะโง่ทันทีเลยนะ

    แล้ว ขี้ลอยน้ำ มันจะปรากฏทันที ดังนั้น อานาปานสติ ( อนิมิตสมาธิ
    สุญญาตสมาธิ อัปณิหิจสมาธิ ) นี้ ถ้าไม่ได้ลงมือปฏิบัติจริง พูดไม่ได้
    หรอก เพราะถ้าพูดได้ เขาจะพูดให้เห็นเป็น อุบายการเห็นได้เท่านั้น
    เพราะความที่มันเป็น อนิมิตสมาธิ

    ถ้ามาพูดแบบฟันธง เอะอะๆ แท้จริง เข้าถึงแท้จริง ก็ชัดเลย ขี้ลอยน้ำ
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นี่ๆ คุณอิ่มสบาย คุณสุขใจ แก้งส์อิอิ แงวแงว ก๊าบก๊าบ ไอ้นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็ไม่ใช่

    ผมจะกล่าวอะไรให้คุณ งงงวย อีกสักเรื่อง

    อานาปานสติ นั้นเป็นกรรมฐานของ มหาบุรุษ หรือง่ายๆว่า คนที่เป็น กษัตริย์
    นักปกครอง ที่ต้องดูแลประชาราษฏร์ สุขและทุกของคนเป็นแสน เป็นล้านๆ
    แบบร้อยพ่อพันแม่ และหลากศาสนาความคิดเนี่ยะ ท่านจะเจริญ อานาปานสติ เป็น
    หลักเหมือนกันหมด

    ดังนั้น "อานาปานสติ เป็นกรรมฐานที่ ทิฏฐิแทรกไม่ได้" เนี่ยะ มันเป็นปริศนาธรรมนะ

    ไม่ใช่การกล่าวบอก ตรงๆ ดังนั้น พวกที่ไม่รู้เรื่องก็จะพูดว่า อานาปานสติ ทำแล้ว
    ไม่เกิดความคิด เนี่ยะ โง่ตัวเบ้อเร้อเลยนะ

    เป็นไปไม่ได้หรอก นักปกครองเจริญอานาปานสติแล้วไม่มีความคิดความอ่าน

    ของมันตรงกันข้ามแบบ ฟ้ากับเหวเลยต่างหาก กล่าวคือ คนเจริญอานาปานสติ
    เนี่ยะ ช่างคิด ยิ่งกว่าคนธรรมดาๆจะเข้าใจได้ จะคาดเดาได้ใน...........ของ
    ผู้เจริญอานาปานสติ
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอาแบบนี้สิ หากคุณทำมาจริง ผมจะบอกให้

    ทันทีที่คุณ เห็นลม รู้สึกว่ามีลม นั่นแหละ อัตตาอย่างหนึ่ง ดังนั้น เห็นลม
    รู้ลมแล้ว นักกรรมฐานอานาปานสติเนี่ยะ เขาจะรู้ตัวทันทีว่า ไหลตามอัตตา
    ตัณหา ไปเรียบร้อยแล้ว

    เนี่ยะ สังเกตไหมว่า อานาปานสติ หากทำมาไม่จริงนะ คนโง่ มันจะเผยตัวนะ

    ดังนั้น ทิฏฐิแทรกไม่ได้หรอก อานาปานสติเนี่ยะ
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอ่อนี่ คุณ เชื่อไหม ว่าผมรอประโยคโง่ๆ แบบนี้แหละ ไล่ไปไล่มาเดี่ยว
    ก็พูด

    นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี้ก็ไม่ใช่ ไม่ต้องทำ ไม่ต้องประกอบ ไม่ต้องฝึก ไม่ต้องหัด

    พอกล่าวออกมาแบบนี้ เชื่อไหมครับ เจ้าของกระทู้ ที่เขาภาวนาขมักเขม้น
    อยู่คนเดียวเนี่ยะ เขาเห็นทันทีเลยว่า

    คนปฏิบัติ กับ คนไม่ปฏิบัติ เนี่ยะ แตกต่างอย่างไร
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เห็นไหมว่าผมไม่ได้ปรักปรำคุณนะ ผมกล่าวความจริง

    คุณเองก็ยอมรับว่าตัวเองโง่ ยอมรับได้เต็มปากเต็มคำว่า เห็นตัวเองโง่

    ดังนั้น ผมก็แค่ กล่าวในสิ่งที่คุณเห็น และ ยอมรับได้อยู่แล้วว่า ตัวเองโง่

    แต่เชื่อไหม คนที่ยอมรับว่าตัวเองโง่เนี่ยะ มันไม่ฉลาดขึ้นมาได้หรอก

    การไปยอมรับว่าตัวเองโง่ แล้วบอกว่าฉลาด เนี่ยะ มันค้านกันนะ

    สรุปคือ โง่จริงๆ ก็คือ คนที่ยอมรับว่าตัวเองโง่ คนฉลาดจริงๆ ต้อง
    ไม่ยอม และต้องหาอุบายนำออก ไม่ใช่แค่ปรารภว่า ยอมรับว่าตัวเอง
    โง่ แล้วมันจะทำให้ฉลาดกว่าคนอื่นได้

    ส่วนเจ้าของกระทู้ นั่นตัวอย่างของ คนไม่ยอมโง่ เขาจึง เอาสิ่งที่เป็น
    คำถามมากมายออกมาแผ่ ไม่ยอมให้มันครอบงำ แต่เขาเอามันมาหงาย
    ซะ เพื่อหาอุบายกำจัด
     

แชร์หน้านี้

Loading...