ขอคุยกับคูณballbeamboy2หน่อยนะครับ

(ขออภัยท่านสมาชิกทั้งหลายด้วยครับ อยากคุยกับคุณballbeamboy2 แต่ไม่ได้ใช้ pm เพราะอยากให้เป็นกระทู้เปิดกว้าง เผื่อท่านผู้มีความรู้สูงในบอร์ดจะได้เข้ามาเสริมบ้าง เพราะตัวผมไม่ได้มีความรู้อะไรที่จะไปแนะนำคุณ ballbeamboy2 ได้ นอกจากจะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เฉยๆ อย่างน้อยๆ ผมมองว่าคุณ ballbeamboy2 ก็ยังเป็นคนที่ฝึกได้ ที่สำคัญเขาก็มีความตั้งใจที่ดี ที่อยากจะนำสิ่งที่ฝึกได้ไปช่วยผู้อื่นต่อไป อันนี้น่าส่งเสริม ปกติผมจะเฉยๆนะ แต่เห็นว่าถ้าปล่อยไป ไม่เข้ามาคุยด้วยก็จะเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง สำหรับผม)

คุณ ballbeamboy2 ครับ อ่านกระทู้ของคุณมาหลายกระทู้แล้ว ผมว่าวิสัยของคุณนี่อยู่ในขั้นที่ฝึกได้ จึงอยากจะคุยด้วย ก่อนที่เวลาจะผ่านเลยไป

คุณballbeamboy2 นี่มีอยู่อย่างหนึ่งจริงๆ คือคุณฉลาดเกินไป จึงตั้งข้อสงสัยไปเสียทุกเรื่อง ทำให้ติดขัดอยู่อย่างนี้ ไปต่อไม่ได้อย่างที่ใจอยากจะไปลองเปลี่ยนวิธีใหม่ดีไหมครับ การฝึกกรรมฐาน ทำตัวให้โง่ไว้ก่อนก็ได้นะครับ หลักวิชาเขาให้ฝึกไปอย่างไร ก็ว่าไปตามนั้น ตั้งใจฝึกไปเรื่อยๆ ผลจะเป็นอย่างไร ค่อยว่ากันอีกที อย่าไปตั้งป้อม สงสัยมันทุกเรื่องไว้ก่อนอย่างนี้ ไม่น่าจะเป็นผลดีสำหรับการปฏิบัติ

ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณballbeamboy2 อยู่บางอย่าง จากที่อ่านกระทู้ของคุณที่ผ่านมา คุณอยู่ต่างประเทศที่ประเทศเดนมาร์กและเป็นคนค่อนข้างอ้วนและร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงหรือเปล่าครับ อันนี้ผมประมวลเรื่องจากกระทู้ก่อนๆหน้านี้ของคุณนะครับ ตอนนี้มาถึงคำถามของผมล่ะ

1.คุณอยู่ในประเทศยุโรป ที่ศาสนาคริสต์เฟื่องฟู ทำไมถึงไม่ศรัทธาในพระเจ้าล่ะครับ ทำไมมองว่าพระเจ้าไม่สามารถอำนวยพรให้คุณได้สมประสงค์ตามที่มุ่งหวัง แต่ทำไมถึงมาศรัทธาในพระพุทธศาสนา?

2.คุณอยู่ในประเทศยุโรปทางเหนือ ไม่ทราบว่าเคยเห็น "แสงเหนือ" บ้างไหมครับ รู้จักแสงเหนือไหมครับ เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ เกิดจากกลุ่มอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ ทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศของโลก เกิดเป็นแสงเหนือขึ้นมา เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดในประเทศที่อยู่ทางเหนือมากๆ ใกล้ๆกับขั้วโลกเหนือ จะเห็นได้บ่อยๆ

แสงเหนือที่ว่านี้ คนที่อยู่ในยุโรปทางเหนือ จะมีโอกาสเห็นได้มาก แต่คนที่อยู่ในเมืองไทยอย่างพวกผม ไม่มีโอกาสเห็นครับ ถ้าอยากเห็น ต้องตีตั๋วเครื่องบินไปดู แต่ถ้าไม่มีสตางค์ค่าตั๋วเครื่องบิน พวกผมที่อยู่ที่เมืองไทย ก็มีโอกาสจะไปเห็นแสงเหนือที่ว่านี้ได้เหมือนกัน แต่จะไปดูได้ด้วยวิธีการใด ผมคงจะยังไม่กล่าวถึงในที่นี้ เพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกระทู้นี้

คำถามคือ คุณballbeamboy2 เคยเห็นแสงเหนือที่ว่านี้ไหม? ถ้าไม่เคยเห็น ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเคยเห็น ช่วยคุยให้ผมฟังหน่อยได้ไหมว่า ได้เห็นรูปร่าง ลักษณะของแสงเหนือแล้ว รู้สึกกระตุ้นการฝึกกรรมฐานของคุณในแง่ไหน อย่างไร บ้างหรือเปล่า?

คุณballbeamboy2 น่ะฉลาดเกินไป ถึงตั้งข้อสงสัยไปเสียทุกเรื่อง ถ้าเป็นผม ผมจะเอาเวลาไปอ่านความรู้ต่างๆ หลักปฏิบัติต่างๆ ให้เข้าใจแล้วปฏิ บัติตามจะดีกว่า ในเว็บไซด์นี้ค่อนข้างจะครบถ้วนแล้ว สำหรับหลักปฏิบัติต่างๆ (คุณอ่านภาษาไทยได้ใช่ไหมครับ?) ผมว่าคุณน่าจะเอาเวลาไปศึกษาหลักการต่างๆ ให้ละเอียดแล้วลงมือปฏิบัติตามดีกว่านะครับ สงสัย ติดขัดจริงๆ ถึงเอามาถามในบอร์ด ซึ่งท่านผู้รู้ทั้งหลายคงจะยินดีมาตอบคลายข้อสงสัยต่างๆ ให้กับคุณอย่างแน่นอน

ว่าแต่ว่า ตอนนี้คุณballbeamboy2 ค่อนข้างสะเปะสะปะไปหน่อย ผมว่ามาปรับพื้นฐานต่างๆกันก่อนดีไหม เริ่มจาก

1.ศีล 5 ครบถ้วนดีไหม (ศีล 5 คืออะไร ถ้าไม่ทราบ ไปหาอ่านจากในเวบไซด์นี้)

2.พรหมวิหาร 4 ครบถ้วนดีไหม (พรหมวิหาร 4 คืออะไร ถ้าไม่ทราบ ไปหาอ่านจากในเวบไซด์นี้)

3.มีความศรัทธา เชื่อมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เรียกว่าพระรัตนตรัยอย่างมั่นคงหรือไม่ หรือว่ายังมีความลังเลสงสัยอยู่

4.มีอิทธิบาท 4 ในการเจริญกรรมฐาน เต็มที่หรือไม่ (อิทธิบาท 4 คืออะไร ถ้าไม่ทราบ ไปหาอ่านจากในเวบไซด์นี้)

ถ้ามั่นใจว่ามีทั้งสี่อย่างครบถ้วนแล้ว ก็เริ่มฝึกได้ อยากมีอภิญญา มั่นใจว่ามีของเก่าอยู่ อยากดึงของเก่ากลับมาใช่ไหมครับ

การทรงอภิญญา เขาต้องคล่องในเรื่องฌาน นะครับ (ฌาน คืออะไร ถ้าไม่ทราบ ไปหาอ่านจากในเวบไซด์นี้)

แต่ถ้ามั่นใจว่า เราเคยได้ ฌาน 1 มาแล้ว เพราะคุณเคยเล่ามาในกระทู้ก่อนหน้าว่าอย่างนั้น การฝึกตอนนี้ทำอย่างนี้ก่อนล่ะกันนะครับ

ตอนนี้ขอให้ตั้งหน้าตั้งตา ฝึกการทรงฌาน 1 ให้คล่องก่อน การได้ฌาน กับการทรงฌาน ไม่เหมือนกันนะครับ (การได้ฌาน กับการทรงฌาน ต่างกันอย่างไร ถ้าไม่ทราบ ไปหาอ่านจากในเวบไซด์นี้)

ฝึกการทรงฌาน 1 ให้คล่อง ชนิดที่ว่าสั่งได้ดังใจจริงๆ นึกปั๊บ เข้าฌาน 1 ได้ทันที จะเดิน ยืน นั่ง นอน วิ่งมาเหนื่อยๆ จะเข้าฌาน 1 ต้องเข้าให้ได้ทันที นึกปุ๊บ เข้าฌาน 1 ได้ปั๊บ ไม่ต้องเสียเวลาหลายๆ วินาที (ถ้ายังต้องหาที่เงียบสงัด ไปนั่งสมาธิ ภาวนา เสียเวลาไปนาน กว่าจะถึงฌาน 1 อันนี้ยังใช้ไม่ได้) นอกจากนี้ ต้องสามารถตั้งเวลาได้ จะทรงฌาน 1 ในเวลากี่นาที 15 นาที 30 นาที 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง 24 ชั่วโมง ก็ต้องบังคับจิตให้ได้ตามนั้นจริงๆ เอาเฉพาะฌานที่ 1 ที่คุณบอกว่าคุณทำได้ ฝึกอย่างที่ว่านี้ไปพลางก่อน ให้คล่องจริงๆ นะครับ

หลังจากนั้น ถ้าทำได้อย่างที่ผมบอกแล้ว ทำได้จริงๆ แล้ว ถ้ายังหาทาง คลำต่อไปยัง ฌาน 2 ฌาน 3 ฌาน 4 ไม่ได้ ค่อยมาคุยกันอีกครั้งหนึ่ง ว่าทำไมถึงไปต่อไม่ได้ เพราะผมเชื่อว่า ผู้ที่ทำได้อย่างที่ผมบอก เรื่องที่จะหาทางไปต่อไม่ได้นั้น มีน้อยมากจริงๆ

การฝึกอภิญญาต้องการฌาน 4 เป็นพื้นฐานของอภิญญา ถ้ายังติดอยู่ที่ฌาน 1 ลำบากครับ ดังนั้น ขอให้ฝึกซ้อมตามที่ผมเอาประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกันอย่างนี้ น่าจะพอช่วยคุณballbeamboy2 ได้ไม่มากก็น้อย

ตอนนี้ไม่ต้องถามอะไรมาก เอาเวลาไปค้น หาอ่านความรู้ทั้งหลายเกี่ยวกับการปฏิบัติ แล้วทำตามไปจะดีกว่า อย่าลืมนะครับ ฝึกทรงฌาน 1 ให้คล่องก่อน ให้สั่งได้ดังใจ ถ้าฝึกได้ดีแล้ว มาคุยกันต่อนะครับ ว่าทำไมถึงไปต่อไม่ได้ จะได้ไม่ต้องมาตั้งกระทู้แบบนี้ถามอีกซ้ำๆซากๆ

ตัวอย่างกระทู้

ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันเพื่อคุณballbeamboy2 จะได้ใช้ประโยชน์ต่อไปครับ

 

1 ที่ผมไม่ค่อยนับถือพระเจ้าเพราะว่า มันขัดกับนิสัยผม จู่มีคนมาสร้างนุ้นสร้างนี้ มันไม่ใช่นิสัยผม ชอบพระพุทธเจ้าที่ว่า บอกว่าทุกอย่างอาศัยปัจจัย เเป็นเหตุเป็นผล ดีเลยชอบ แล้วเห็นว่าพระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระเจ้าหรืออะไร ก็ ก่อนจะมาเป็นพระพุทธเจ้า ก็เป็นเหมือนพวกเรา มีกิเลศแต่สุดท้ายก็เป็นพระศาสดาที่สุดยอดมาก น่านับถือ แต่พระเจ้าไม่เคยเห็นมีแต่แต่งเรื่อง ไม่เคยเห็นกับตา แต่พระพุทธเจ้า ผมอาจจะเคยเห็นชาติที่แล้ว หรือชาติหลังก็ได้
แต่ผมนับถือเยซุสนะครับ มีเมตตาสุดยอมยอมไถ่บาปให้คนอื่น เงิน ได้รึเปล่าไม่รู้แต่สุดยอด ถ้าเป็นเรื่องจริงนะ

2 แสงเหนือผมไม่เคยเห็นอ่าครับ หรือเคยก็ไม่รู้ แต่คิดว่าไม่เคยเห็น แต่เคยเห็นรุ้งสองชั้นอ่าครับ มันซ้อนๆกัน สวยดี

3. ศีลห้า ผมจะมาบกพร่องน่าจะ คิด แต่ไม่ทําคือ แบบว่า ศีลข้อสาม ผมคิดไม่ดีกับผู้หญิง อยากจะทําอย่างงั้น แต่ก็ไม่ทํา เพราะลองคิดเป็นเหตุ ถ้าเราไปทํากับเค้า ผิดศีล ตกนรก กายเป็นเปตร กลัวจะไม่ได้มาเกิด ในยุคพระศรีอริยเมตไตรย กับกรรมบท10 ผมยังพูดเพ้อเจ้อ เป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่บ่อยละแต่ก็ยังมี
4.ศรัทธา พระพุทธเจ้า ผมศรัทธา แต่ยังคิดไม่ดีกับพระองค์ คิดปรามาสก็ขอขมา ตลอด พระธรรมอันนี้ ความจริงศรัทธา พระสงฆ์ อันนี้ ขอเปลี่ยนเป็นพระอริยสงฆ์ เพราะ พระสงฆ์ไม่ค่อยนับถือบางรูปที่บวชเพื่อลงนรก ไม่ได้บวชเพื่อขึ้นสวรรค์หรือไปนิพพาน แต่ถ้าพระสงฆ์ที่ บําเพ็ญเพียรเพื่อ สู่ความเป็นอริย อันนี้นับถือครับ

5. อิทธิบาท4 ผมยังไม่มีกําลังใจเต็มครับ แต่ผมก็พอใจในสิ่งที่ทําดูลมหายใจไปเรื่อย ภาวนา ไปเร่ือยนึกได้ก็ภาวนา แต่คิดว่าคงไม่ยากสําหรับผม


ร่างกายผมอ้วนๆตัวสูง ร่างกายอ่อนแอ ไม่มีกําลัง (แบบว่าด้านใช้กําลังกายไม่ค่อยเก่ง)

ผมเคยได้ฌาณ แต่ยังทรงไม่ได้ เคยได้นานมาแล้ว อารมณ์ตอนนั้นคือไม่สงสัยอะไรทั้งสิ้นกับศาสนาพุทธหรืออะไร แต่พอมาตอนนี้ สงสัยบ่อย แต่ก็ปฎิบัติ แบบทั้งๆที่สงสัย ผมเลยได้คําตอบว่า ถ้าไม่สงสัยคือแบบว่าอารมณ์ตอนนั้น แค่มุ่งอย่างเดียวคือจะทําให้จิตไม่เศร้าหมองเพราะตอนนั้น ผมด่าพระพุทธเจ้าในใจ(คือมันคิดไปเองมันฟุ้ง) แล้วพอไปวัดจุดธุปอธิฐาณนั่งขัดสมาธิ สวดมนตร์แล้วก็บําเพ็ญ ไม่ถึง 15 นาที ฌาณ1 ทันที ทันใดแล้วจิตก็เหมือนดิ่งลงมา เหมือนมีคนเอาสมอเรือ หรือของหนักๆมามัดไว้แล้วก็ดิ่งลง มันอารมณ์เหมือนหล่นจากที่สูงนั้นแหละ (ทรงฌาณไม่ได้ เพราะเพิ่งเริ่มใหม่) ฌาณ1 ที่ได้ ผมคิดว่ามาจาก อานาปานุสติกรรมฐาณ เพราะตอนนั้นไม่ได้ฝึกกสิน พระท่านสอนแค่นัดสมาธิท่องพุทโธแค่นั้น แต่มาตอนนี้ ทรงฌาณไม่ได้เลย ฌาณไม่ได้เลย ถ้าจะได้ก็คงแค่ ขณิกสมาธิ

อ่อ พรหมวิหารสี่ ผมทําได้ แต่บางครั้งก็ไม่ได้ ได้เป็นบางครั้ง ต้องทํากําลังใจใหม่


แต่บางครั้งผมก็ฝึกไปแล้วก็ไม่เห็นได้อะไรเลย ล้มเหลว ราคะก็ยังมี โทสะก็ยังมี โมหะก็ยังมี ก็เลยชั่งมัน แล้วมาทําใหม่ผลก็ยังเหมือนเดิมไม่รู้ทําไมตอนนี้กับตอนนั้นไม่เหมือนกัน

 

ผมก็ขอเป็นกำลัง ใจไห้นะครับ...ผมเอง ก็โคลง เครงเช่นกัน.... แต่ก็ตั้งมั่น...เพื่อ สิ้นอาสวะกิเลส เช่นกัน............ มารไม่มีบารมีไม่เกิดนะครับ.

 

เป็นกำลังใจให้นะครับ ทำดีแล้ว อย่างน้อย ความสงสัยของเรา ก้มีประโยชน์กับผู้อื่นครับ เหมือน ทำไมถึงอยาก ขับรถเป็น ก็เพราะ เคยเห็นคนเขาขับรถกัน ก่อนจะหัดขับให้ได้ ก็คือ ต้องถามคนที่ขับเป็น และถ้าอยากขับให้ได้ถูกต้อง เป็นไวๆ ก็ต้อง หาคนที่มีประสพการณ์ จะได้เป็นไวๆ เป็นแบบถูกต้อง และพอหา แบบที่ชอบมากที่สุด ก็เริ่ม หัด และก็เป็น ไม่ต้องไปเสียเวลา กับการที่ได้รับการสอนจากผุ้ที่ขับรถแบบไม่ถูกต้อง และที่สุดก้เป็น แต่ระหว่างนั้น ก็มีขี้เกียจบ้าง เป็นธรรมดา สงสัย แบบนี้ดีแล้วครับ อีกหน่อย ก็คงจะทำตามที่รู้มานะครับ สู้ๆครับ แต่ผมเห็นว่า เขาเป็นการสงสัยแบบมีประโยชน์ แก่คนอื่นด้วยนะครับ เพราะเวลาเขาสงสัย คนอื่นที่เข้ามาอ่าน แล้วไม่กล้าตั้งกระทู้ถาม จะได้ทราบด้วย แต่เขาอาจตั้งกระทู้บ่อยไปนิดนึง แบบนี้ ผมคิดว่า เขา คิดถึงแต่ ธรรมะ ทั้งวันเลยนะครับ ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีนะครับ สู้ๆนะครับ คุณอาจได้ไปพระนิพพานก่อนผมก็ได้ครับ

 

อายุเท่านี้สำหรับผมถือว่าเก่งแล้วนะครับ

 

คุณหมี พลเสน พูดดีมากครับ น่าฟังครับฯ
ขอเสริมนิดหน่อยนะครับ ฯ พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร (พระสารีบุตร) ได้บรรลุธรรมช้า (ท่านเป็นเลิศที่สุดทางปัญญามาก)(พระสารีบุตร บรรลุธรรมช้ากว่าพระอรหันต์โมคคัลลานะเถระ ประมาณ 1-2 อาทิตย์ ผมจำไม่แม่น ค้นดูประวัติท่านทั้งสอง นะ) เพราะท่านเป็นคนครุ่นคริด พิจารณามาก ฯ ระดับเรา ๆ ท่าน ๆ ถ้าเป็นไปได้ก็เอาแบบพอเหมาะ พอควรแก่กำลังสติปัญญาที่จะบรรลุธรรมชั้นสูงสุดได้ ก็น่าจะพอแล้ว ฯ สงสัยมาก ถามมาก คิดมาก ยิ่งทุกข์นาน เพราะจะเป็นนิสัยนี้ข้ามภพ ข้ามชาติ เพราะกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทั้งที่ดีและไม่ดี ซึ่งบางครั้งเราอาจไม่รู้ตัว นี่แหละครับเป็นอันตรายต่อการบรรลุธรรม (บางอย่างไม่จำเป็นต้องคิด ไม่ต้องถาม ให้เป็นกรรมต่อๆ ไป) เหมือนกับที่เราจะเข้ากรุงเทพฯ ก็มุ่งตรงไปเลย ไม่ต้องแวะที่อื่นโดยไม่จำเป็น ให้เสียเวลา ฯ ถ้าคุณballbeamboy2 เอาส่วนที่มีดีดีอยู่ในจิตนั้น มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยการสนใจพระพุทธศาสนา ศึกษาอย่างจริงจัง ปฏิบัติอย่างจริงจัง กระผมเชื่อว่าจะได้ผลอย่างยอดเยี่ยม ที่น่าทึ่งที่สุดอย่างแน่นอน ครับผม ฯ วิธีแก้จริต ทั้ง 6 นั้น เราศึกษาได้จาก จริต 6 นะครับ
"ขับรถค่อมเลน คือจะอยู่เลนใดก็ไม่อยู่ เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
ยิ่งขับรถย้อนศร หรือสวนทาง เห็นผลเร็ว " ครับผม ฯ
ขอให้กำลังใจคุณballbeamboy2 ในการพัฒนาจิตที่มีศักยภาพนี้ เพื่อประโยชน์ของมหาชนต่อไป นะครับ ฯ เป็นกำลังใจให้นะครับ ฯ

 

คุณ ballbeamboy2 อยากจะเป็นครูใหญ่
ปกติวิสัยของครูใหญ่สอนยากอยู่แล้ว บอกไปก็แค่รับทราบ
ถ้าว่างๆก็หยิบมาทำ ดีไม่ดี คนอื่นบอกไม่เข้าหูหรอก แต่ว่าต้องลองด้วยตัวเองเท่านั้น

ข้อแนะนำของผมคือ
๑ คุณสงสัยมากเกิน ทำตัวฉลาดเกิน อย่างที่เขาว่าแหละ จะเก่งกรรมฐานต้องโง่เข้าไว้
๒ คุณติดในอดีต หลวงปู่บุดดาว่าอดีตเป็นธรรมเมา ส่วนหลวงตามหาบัวท่านก็สอนเสมอให้อยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นอย่างไปสนใจที่ผ่านมา ทำเป็นว่าความจำเสื่อม เสื่อมตลอดได้ยิ่งดี ถ้าทำไม่ได้ก็เสื่อมเฉพาะตอนฝึก
๓ ถ้าจะทำอานาปานุสติ คิดเสียว่าร่างกายเราตายไปแล้ว เหมือนคนตายในท่านั่ง ไม่ต้องสนใจเลย ดูแต่ลม ถ้าจิตมันวอกแวกมากก็เขกจิตไปซักที บีบมันซักหน่อย(บังคับลมนั่นแหละ) แล้วค่อยคลายมาดูลมเบาๆ เพราะอานาปานุสติ คือเอาสติไปจับลม ดูลมไม่ใช่บังคับลม แต่ที่บังคับเพราะถ้ามันไม่ไหวจิตๆก็ต้องเขกมันหน่อย

ผมเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากนะครับ แต่กรรมฐานไม่มีอะไรมาก ไม่มีอะไรมากจริงๆ อดีตไม่มี อนาคตไม่มี อยู่แต่ปัจจุบัน เอาสติไปจดจ่อที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง แนบลงไป ชนิดที่เรียกว่า เอากาวตราช้างติดได้ยิ่งดี คงอยู่สภาพนั่นจนมีอารมณ์เดียว คืออารมณ์ชิน(ฌาน)
:z1

 

ผมก็ขอเป็นอีก 1 กำลังใจครับ
อายุยังน้อยเหมือนกัน ยังเก็บเกี่ยวได้อีกเยอะ

 

ถ้าจิตลง อะไรในสามโลกธาตูก็ทำลายไม่ได้ คำสอนของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ผมชอบมากๆ

คุณ ballbeamboy2 อ่านจับใจความได้ดี ผมขอชื่นชม ผมเขียนกระทู้ตั้งยาว แต่คุณก็ตอบผมได้เกือบครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว เหลือประเด็นปลีกย่อยเล็กน้อย ก็ไม่เป็นไร

คุณ ballbeamboy2 อายุ 14 ปีแล้ว ถ้าจะ รู้จักโต รู้จักคิดได้สักทีก็จะดีมาก ฝากให้คิดอีกเล็กน้อย ขอให้ถามตัวเองว่า จริงๆแล้ว เราต้องการอะไรในชีวิตนี้ แล้วเรามุ่งเข้าไปหาสิ่งนั้นอย่างเต็มที่หรือยัง?

ต้องการจะทรงอภิญญา อยากจะดึงของเก่า (ที่เข้าใจว่าเคยมี) กลับคืนมา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้วางแนวทางหลักปฏิบัติไว้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร ถ้ามัวแต่เอาเวลาไปสงสัย ไปตีความ ไปเคลือบแคลง ธรรมมะของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่แบบนี้ จะมีโอกาสได้ทรงอภิญญา ตามที่ปรารถนาหรือเปล่า? ขอให้นำไปคิดทบทวนต่อไปนะครับ

มีพี่ๆ 6 ท่าน เข้ามาให้กำลังใจกับคุณ ballbeamboy2 อยู่นะครับ ท่านทั้งหลายเหล่านี้ มีความปรารถนาดีกับคุณ อย่าทำให้การให้กำลังใจของพี่ๆเขาสูญเปล่าล่ะกัน สำหรับผม คงอีกนานกว่าจะได้เข้ามาในบอร์ดนี้อีก เพราะมีภารกิจประจำตัวที่จะต้องไปทำ คงจะไม่มีโอกาสได้มาคุยกับคุณอีก แต่ผมก็ถือว่าสิ่งที่ตกค้างในใจ คือการอยากจะคุยกับคุณ ผมก็ได้คุยแล้ว จากนี้ไป ชีวิตของคุณ คุณก็ต้องตัดสินใจเอาเองว่าจะทำอะไรเพื่อตัวเองต่อไป

ขอขอบคุณ คุณ ballbeamboy2 ที่ให้โอกาสผมได้มาคุยกับคุณนะครับ

 

โหน้องเค้าพึ่ง 14 เองหรอครับ อย่างนี้น่าชื่นชมมาก
แต่เสียดายน้องเค้าไม่ได้อยู่ไทย สิ่งแวดล้อมจะเอื่ออำนวยกว่านี้

 

โอ ไม่หรอก ให้น้องเค้าถามไป เดี๋ยวก็เจอด้วยตัวเค้าเอง

เจออะไร ศรัทธาไงละครับ

การคลุกคลีอยู่แถวนี้ นับเป็นบุญกุศลจากชาติก่อนที่สั่งสมไว้ไม่น้อย

ที่นี่ไม่ได้คุยเรื่องไร้สาระ เค้ามาหาธรรมจากสับปบุรุษกัน

ต่อให้น้องเค้าดูสงสัยไปทุกสิ่งนั่นก็เป็นวิสัยที่สมควร

ความใครรู้ขนาดนี้เมื่อผ่านไปได้จะนำไปสู่ปัญญาอันยิ่ง

แล้วตอนนี้ก็เหมือนจะใกล้เข้ามาหน่อยแล้ว

อย่าไปกลัว จัดไปเต็มๆ