กุศล-อกุศล เส้นทางแห่งนรก,สวรรค์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย โสภา จาเรือน, 18 กันยายน 2008.

  1. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    กุศล-อกุศลเส้นทางแห่งนรก, สวรรค์
    โดยหลวงปู่ขาว อนาลโย

    วัดถ้ำกองเพล
    ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู


    ธรรมทั้งหลายก็อยู่ที่นี่แหละ อยู่ที่สกนธ์กายของเราไม่ต้องไปหาเอาที่อื่นดอก มีครบบริบูรณ์หมด สติปัฏฐานทั้ง ๔ ก็มีก็แม่น เราควรทำเอาท่านให้พิจารณากาย พิจารณาเวทนา พิจารณาจิต ให้พิจารณาธรรม ๔ อย่างแล้วพิจารณาอันใดอันหนึ่งเท่านั้นแหละ ไม่เอาหมดทุกอย่างดอก สัมมัปปธาน ๔ ก็มีเพียรละบาป ให้เพียรบำเพ็ญบุญ สัมมัปปธาน ๔ มีว่า ปหานปธาน ประหารบาป ละบาปบาปปรากฏขึ้นที่จิตนี่แหละ ไม่เกิดขึ้นจากที่อื่น เพราะจิตไปรวบรวมเอาอารมณ์ภายนอก


    อารมณ์ภายนอกก็หมายเอา ๕ อย่าง รูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัสมันไปรวบรวมเอามาปรุงมาคิด พิจารณากาย มันก็ไปถูกเวทนาน่ะแหละ ครั้นจะพิจารณาเอาจิตมันก็ไปถูกธรรม จิตมันเกิดขึ้นกับใจ เรียกว่าธรรมารมณ์ สี่อย่างนี้ธรรมารมณ์ก็ไม่ใช่อื่นคืออดีตที่ล่วงมาแล้วไปนึกเอามา ดีชั่วอย่างไรก็นึกเอามาอารมณ์ที่ชอบใจก็นึกเอามา มาหมักหมมที่ใจนี้ อนาคตยังไม่มาถึงก็เหนี่ยวเอามาเอามาเต็มอยู่ในปัจจุบันนี้ เรียกว่าธรรมารมณ์ นี่เรียกว่า สติปัฏฐาน ๔


    สัมมัปปธาน ๔ ปหานปธาน เพียรละบาป ไม่ให้มันเกิด ที่เกิดขึ้นแล้วจะประหารเพียรทำกุศลให้เกิดให้มี เรียกว่า ภาวนาปธาน อนุรักขนาปธานเมื่อบุญกุศลเกิดขึ้นแล้ว รักษาไว้ไม่ให้เสื่อมสูญไป ภาวนาปธาน ทำให้เกิดให้มีมากๆอเสวิตาย ให้เสพมากๆ เสพเพื่อตั้งอกตั้งใจ มีสติประจำใจตั้งอกตั้งใจไม่ปล่อยใจให้มันลอยไปตามอารมณ์ คุมจิตใจให้มันอยู่กับที่เอาสติควยคุมแล้ว เราบำรุงกำลังหรือพละของจิต ศรัทธาพละ วิริยพละ สติพละก็มีอยู่นั้นแล้ว แม่นเราจะทำเอง


    สมาธิพละ ปัญญาพละ อินทรีย์ ๕ ก็ว่า พละก็ว่า อินทรีย์พละ คือทำให้มันแก่กล้า ให้มันใหญ่ขึ้นไป ก็แม่นอันเดียวกันนั่นแหละศรัทธาพละรวมธรรมทั้งหลายธรรมอันเป็นเครื่องที่จะให้บรรลุคุณความดีเบื้องสูงก็มีอยู่ที่เรานี่โม๊ดไม่ได้ไปค้นคว้าเอาที่อื่น มีอยู่ที่นี่แหละ อัฏฐังคิกมรรค มรรค ๘อันนี้เป็นทางพระพุทธเจ้าบอกไว้แล้ว


    โพชฌงค์ ๗ มีสติสัมโพชฌงค์ ให้มีสติธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ให้เลือกเห็นธรรม ธรรมเป็นอกุศลให้ตัดออกธรรมเป็นกุศลให้ประกอบให้ดีขึ้น วิริยสัมโพชฌงค์ เพียรให้เกิดให้มีขึ้นปิติสัมโพชฌงค์ ครั้นธรรมแก่กล้าขึ้นไป มันจะเกิดปีติความเอิบอิ่มเรื่องจิตเรื่องใจ ปีติเกิดขึ้น ปัสสัทธิ ความสงบกาย สงบใจ

    ความสงบกาย สงบใจ ครั้นสงบแล้ว สมาธิสัมโพชฌงค์เกิดขึ้น สมาธิเกิดขึ้นก็เกิดอุเบกขาสัมโพชฌงค์ ธรรมเหล่านี้เรียกว่า โพธิปักขิยธรรม ๓๗ประกอบธรรมหมู่นี้ให้สมบูรณ์แล้ว ได้ชื่อว่าทำพละ หรือกำลังของจิตให้เกิดขึ้นอันนี้แหละจะเป็นกำลังของจิต ทำให้เกิด ให้มี ให้สมบูรณ์ ให้ครบบริบูรณ์แล้วจิตมันจะสงบได้ จิตสงบจึงจะเกิดความสว่างขึ้น เกิดญาณความรู้ รู้ก็ไม่ให้รู้อื่นคือให้รู้สกนธ์กายของตน รู้เหมือนพระพุทธเจ้าแสดงว่าอบรมจนมีกำลังเป็นสามัคคีกันแล้ว มันจะเกิดญาณทัศนะความรู้เห็นตามความเป็นจริงของสังขาร คือรู้สัจธรรมทั้ง ๔ ของจริงทั้ง ๔นี้เห็นแจ้งประจักษ์


    เมื่ออบรมอันนี้ขึ้นแล้ว มันเห็นตามความเป็นจริงแล้วมันจะมีความเบื่อหน่าย มีความเบื่อเหนื่อยหน่าย มันจะคลายความกำหนัด คือ อุปาทานความยึด ว่าเขา ว่าเรา ว่าตัว ว่าตน ว่าผู้หญิง ว่าผู้ชายอันนี้เป็นสมมุติทั้งนั้นแหละ เราหลงสมมุติ จึงให้พิจารณาอุบายเครื่องกล่อมจิตเครื่องควบคุมจิต ให้จิตไม่คิดออกไปข้างนอก ให้มันอยู่กับที่ จิตตั้งอยู่กับที่แล้วนั่นแหละมันจะเป็นกำลังรวมขึ้น เป็นอาวุธ ศีลวุธ ศีลก็ให้บริสุทธิ์ สมาธิวุธจิตก็ให้ตั้งเป็นปกติ ตั้งมันอยู่กับที่ ปัญญาวุธ ให้ปัญญาประหารกิเลส คือ ราคะโทสะ โมหะ ให้มลายไป รวมทั้งปวงนี้ มีครบบริบูรณ์อยู่ในสกนธ์กายทุกรูปทุกนามนั้นแหละ พระพุทธเจ้าก็เทศนาสั่งสอนนั่นแหละ ให้ทำเอาเราตถาคตเป็นแต่ผู้บอกให้เท่านั้นแหละ ผู้ที่ทำให้เกิดให้มีต้องเรา เราต้องทำเองผู้อื่นทำให้ไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็ทำให้ไม่ได้ เป็นแต่เพียงสั่งสอนให้ทำตามทำตามแล้วก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พ้นทุกข์จริง ไม่มีที่อื่น เรื่องปฏิบัติธรรมมันไปถูกสกนธ์กาย ถูกสกนธ์กายก็ถูกธรรมนั่นแหละ แม่นธรรมหมดทั้งนั้นแหละ



    ต่อเมื่อญาณความรู้เกิดขึ้นจะเป็นหมด เห็นโม๊ด เราตาดีมองดูช้างเห็นหมดทั้งตัวช้างน่ะ ไม่ต้องไปลูบคลำแข้ง คลำขา ลูบแข้งลูบขามัน ลูบงวงมัน ลูบนี่นั่นมันเหมือนคนตาบอด พวกเราก็เหมือนคนบอดนั่นแหละ ใครปฏิบัติทำอย่างไรก็ว่าถูกของตนพวกนั้นผิด เราถูกทุ่มเถียงกัน ทะเลาะวิวาทกัน มนุษย์ในโลกมนุษย์เป็นโลกอันสมบูรณ์สมบูรณ์ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นกลาง กลางอะไร กลางบุญ กลางบาป กลางสุข กลางทุกข์กลางมี กลางจน กลางนรก กลางสวรรค์ กลางพรหมโลก กลางพระนิพพาน เราทำเอาเองหมดอยู่ในเมืองมนุษย์หมด



    พวกพระอินทร์ พระพรหม เทพบุตร เทพยดาพวกเทพธิดาก็อยากลงมาทำบุญในมนุษย์ พวกนั้นไปถึงสวรรค์แล้วก็มีแต่เพลิดเพลินอยู่กับกาม ไม่ได้ทำบุญทำกุศลอะไรดอก เขาเป็นพระอินทร์ พระพรหมเป็นเทพธิดา เทพบุตร เขาก็มาสร้างเอาในเมืองมนุษย์เสียก่อน สร้างเอานี่แหละแล้วก็ไปเสวยบุญของตน อยากลงมาเมืองมนุษย์มันครบ ปฏิรูปเทศวาโส ประเทศมนุษย์ประเทศอันสมบูรณ์ พระอินทร์ก็อยากลงมารักษาอุโบสถในมนุษย์พระยานาคก็ขึ้นมารักษาอุโบสถที่นี่ คือพระภูริทัต พญาครุฑก็มารักษาที่นี่เพราะมนุษย์เป็นชาติอันสมบูรณ์ด้วยพระรัตนตรัย มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์



    พระพุทธเจ้าสร้างบารมีก็สร้างเอาที่นี่สำเร็จเป็นพระสยัมภูสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มาสร้างที่นี่ สาวก สาวกบารมีก็สร้างที่นี่พระปัจเจกโพธิ์ก็มาสร้างที่นี่ผู้ที่จะสร้างเอานรกเหมือนพระเทวทัตก็มาสร้างเอาที่นี้ มี ๒ ทางเท่านั้น ทางไปนรก ๑ทางไปสวรรค์และพระนิพพาน มี ๒ ทาง พระพุทธเจ้าจึงว่า กุศลาธรรม อกุศลาธรรม มี ๒ ทางบุญกุศลที่บุคคลสร้างแล้วอันนี้เป็นกุศลกรรม นำสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ ไปเสวยความสุขอกุศลเรียกว่าอกุศลธรรม อันนั้นเป็นอปุญญาภิสังขาร ตกแต่งให้สัตว์นั่นได้ตกนรกเป็นเปรต เป็นผี เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดียรัจฉาน มี ๒ ทางพระพุทธเจ้าว่าให้ไปทางดีนี่แหละ ทางพระพุทธเจ้าทำมาแล้ว แต่งมาแล้ว ให้ไปทางนี้ทางนรกนั่นอย่าไป ทางทุจริต กายไม่บริสุทธิ์ วาจาไม่บริสุทธิ์ ใจไม่บริสุทธิ์นั่นเป็นทางนรกอย่าไป ทางบริสุทธิ์ กายทำอะไรก็ถูกต้อง พูดอะไรถูกต้อง ใจคิดถูกต้องอันนี้เป็นทางบริสุทธิ์ สุจริตธรรม อันนี้เป็นทางไปสวรรค์มาเป็นมนุษย์ก็ได้มนุษย์สมบัติ เหมือนคุณทั้งหลายนี่แหละ

    มนุษย์สมบัติสิ่งทั้งปวงเราทำเอาหมดทั้งนั้น เราคิดเอาหมดทั้งนั้น ผู้อื่นทำให้ไม่ได้ต้องตนทำเอา ได้วิชาศิลปศาสตร์ก็เพราะคุณไปศึกษาเล่าเรียนเอา ตั้งใจเล่าเรียนเอาจึงได้เป็นใหญ่เป็นโตปานนี้ มียศฐาบรรดาศักดิ์ มีลาภ มียศ เจริญสุข มันตนทำให้ตนเด๊คนอื่นทำให้ไม่ได้ ตนทำให้ตน ผู้โง่ผู้เขลาก็เหมือนกัน ตนทำให้ตนมีอยู่นี่แหละธรรมทั้งหลาย นี่แหละทำเอา อุตส่าห์ทำไป


    วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติคนจะก้าวล่วงทุกข์ได้ เพราะวิริยะ ความเพียร เพียรทำทุกสิ่งทุกอย่างคุณงามความดีทุกสิ่งทุกอย่าง ควรทำความเพียร ชื่อว่าคนไม่ประมาท ผู้ที่ข้ามมหานรกพ้นสมมุติได้ก็เพราะไม่เป็นผู้ประมาทในคุณงามความดีทางบุญทางกุศลคนประมาทมันมักทำบาปทำกรรมใส่ตน คนประมาทชีวิตจะยาวร้อยปีก็ตามก็เหมือนกันกับคนตายแล้ว คนไม่ประมาท ชีวิตเขาจะเป็นอยู่วันเดียวยังดีกว่าผู้ประมาทอยู่เป็นร้อยปี นั่นประเสริฐกว่า



    ระหว่างอยู่ฆราวาสเราก็ฝึกเสีย ให้มีขันติ ความทนทาน ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยความลำบากให้มีวิริยะความพากเพียรในคุณงามความดีทุกสิ่งทุกอย่าง เพียรละสิ่งที่ไม่ดีนั่นเพียรละ เพียรถอน มันจะทำไม่ดีก็เพราะใจนั่นแหละ มันเป็นผู้ทำสกนธ์กายนี้เป็นเครื่องใช้ต่างหาก มันเป็นของกลาง ไม่ใช่ของใคร ของเราเป็นของกลางผู้ฉลาดมาใช้อันนี้ ใช้สกนธ์กายอันนี้ทำคุณงามความดีร่างกายนี้มันไม่เป็นสาระแก่นสาร ทรัพย์สมบัติวัตถุภายนอกก็ไม่เป็นแก่นสารชีวิตความเป็นอยู่ก็ไม่เป็นสาระแก่นสาร เมื่อผู้ฉลาด ผู้มีปัญญา ผู้ไม่ประมาทแล้วมาทำร่างกายให้ประกอบคุณงามความดี มีการเดิน การยืน มีการนั่ง การนอนประกอบอยู่อย่างนั้น ได้ชื่อว่าทำสกนธ์กายของตนให้เป็นสาระแก่นสารทำชีวิตของตนให้เป็นสาระแก่นสาร


    บริจาคให้ทานไปตามได้ตามมีตามเกิดก็ได้ชื่อว่าทำทรัพย์สมบัติวัตถุภายนอกให้เป็นแก่นสารเอาเข้ามาไว้เป็นอริยทรัพย์ภายในของตนเสีย การทำความเพียรทุกสิ่งทุกอย่างเรียกว่าทำอริยทรัพย์ของตน ทำให้ตน เมื่อเรายังไม่พ้นทุกข์ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารจักรนี้ ทรัพย์อันนี้ไม่มีสูญมีหายไปไหนต้องติดตามไปทุกภพทุกชาติ ให้ได้ความสุขทุกภพทุกชาติ จึงว่าควรทำ ค่อยทำไปๆแต่ก่อนๆ ท่านที่เป็นฆราวาส ท่านก็ได้สำเร็จพระโสดา สกิทาคา อนาถบิณฑิกก็ดีนางวิสาขาก็ดี ว่าแต่ผู้จำได้ ส่วนนอกนั้นก็นับไม่ถ้วน พวกฆราวาสที่สำเร็จพระโสดาสกิทาคา อนาคา ผู้มีศรัทธา ผู้มีความยินดีแล้วพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เลือกว่าต้องนุ่งเหลืองจึงจะสำเร็จ ไม่ใช่ นุ่งขาวก็ไม่ว่านุ่งเหลืองก็ไม่ว่า หัวโล้นก็ไม่ว่า หัวดำก็ไม่ว่า สำเร็จหมด ชั้นสูงก็ไม่ว่าชั้นต่ำก็ไม่ว่า สำเร็จหมด ไม่เลือกชั้นเลือกวรรณะ ไม่เลือกชาติเลือกภาษา


    ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติธรรมะของพระพุทธเจ้าทำลงไปแล้วไม่มีผล ไม่มีต้องมีผลทีเดียว ทำน้อยก็ได้รับผลตามน้อย ทำมากก็ได้รับผลตามมากติดตนเป็นอริยทรัพย์ สมบัติอันนี้ได้รับผลตามกำลังพวกคุณเกิดมาชาตินี้ก็สมบูรณ์ทุกอย่าง บาปก็ไม่ได้ทำสักหน่อยมันเป็นผู้บริบูรณ์แล้ว พึงเข้าใจว่าเราไม่พ้นในชาตินี้ มันก็รู้จักกันเดี๋ยวนี้ละพระพุทธเจ้าบอกรู้จักกันเดี๋ยวนี้แหละ จะเป็นเทพยดา อินทร์ พรหมก็รู้จักแต่เป็นมนุษย์นี่แหละ เสวยสวรรค์ดิบอยู่ในมนุษย์นี่แหละจะได้ไปพระนิพพานก็เสวยอยู่ในมนุษย์นี่แหละ ได้เห็นในมนุษย์นี่เสียก่อนเหมือนพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วนั่นแหละ นิพพานดิบในมนุษย์รู้แจ้งเห็นแจ้งอยู่ในมนุษย์นี่เสียก่อน


    ผู้จะไปนรกก็เห็นกันที่ในมนุษย์นี้พระพุทธเจ้าแสดงไว้ ไม่ใช่ตายแล้วนรกมาคุมเอาไปตกนรก ไม่ใช่ ตกแต่เดี๋ยวนี้ก็ให้คิดดู คนยากจนค่นแค้นเหมือนกับเป็นเปรต เหมือนกัน หูหนวก ตาบอดขี้ทูดกุดถังนี่ มนุษย์เป็น อันนี้เป็นผู้สมบูรณ์ทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้ที่มีศรัทธาทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนพวกคุณแหละ ก็ได้ชื่อว่า มนุสสเทโว ผู้มียางอาย ผู้มีหิริผู้มีโอตตัปปะ เรียกว่า มนุสสเทโว มนุสสาอินโท เห็นกันอยู่ในโลกนี้แหละ มันมีใช่ไหมทำกรรมมันต้องเป็นกรรมแน่ ทำกรรมดีก็ต้องได้กรรมดีแท้ ทำเหตุไม่ดี ทำเหตุร้ายต้องได้รับผลร้าย ผลที่ไม่พอใจมีอยู่นี่ ให้พิจารณาดู


    คนเกิดมาในโลกนี้ครั้นถ้าบาปไม่มี บุญไม่มีแล้ว มันคงจะเพียงกัน ไม่ต้องพิจารณาหาเหตุหาผลจะมีก็อย่างเดียวกัน เพียงกัน จะจนก็จนอย่างเดียวกัน จะโง่ก็โง่อย่างเดียวกันอันนี้มันผิดกัน ผู้ฉลาดก็ฉลาดเอาเหลือล้น ผู้มี ก็มีจนเหลือเฟือ ที่จน ก็จนจนลืมตาย จึงว่ามีทุกอย่าง ต้องใคร่ครวญหาเหตุหาผล เห็นกันอยู่ในโลกนี้ยากจนค่นแค้น หูหนวก ตาบอด ครั้นเห็นบาปเห็นบุญ เห็นประจักษ์อยู่ในมนุษย์นี่แล้วเราจะไม่กล้าทำบาป จะประกอบแต่คุณความดีตามกำลังของตนไปตลอดชีวิตให้มีความสัตย์ความจริงตั้งลงไป วันหนึ่งคืนหนึ่งก็เอาอะไรก็ตาม ยามสงบสงัดเราจะเข้าที่ทำความสงบใจไม่ให้มันขาด จะเอาอย่างนั้นตลอดวันตายสรณะอื่นข้าพเจ้าไม่เอา นอกจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว เอาแต่พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์เป็นสรณะที่พึ่งตลอดวันตาย ให้ตั้งต้นจากนี้ไป ทำไป หรือไหว้พระก็ตามย่อก็มี อย่างพิสดารก็มี ถ้ามีกิจจำเป็นเราจะลุก ก็ไม่ลุกไปเฉยๆลุกขึ้นแล้วก็ต้องไหว้ อรหัง สวากขาโต สุปฏิปันโน อย่าให้มันขาด เวลามันมากก็ทำอย่างพิสดาร เราถืออะไร ให้ถือจริงๆ จัง ให้มีความสัตย์ความจริง

    แหล่งที่มาhttp://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=6580<O:p></O:p>
     
  2. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำสาระ ดี ๆ มาให้อ่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p



    _____________________________<O:p</O:p
    เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O:p</O:p
     

แชร์หน้านี้

Loading...