กิ๊ก......ความเสื่อมถอยทาง ปัญญาของยุคสมัย

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 12 เมษายน 2010.

  1. KK1234

    KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    กิ๊ก......ความเสื่อมถอยทาง ปัญญาของยุคสมัย

    ในวงพูดคุยในระยะหลัง ๆ จะได้ยินเรื่องราวของ...กิ๊ก...บ่อย และถี่ขึ้นเรื่อยๆ

    เดี๋ยวคนโน้นเป็นกิ๊กกับคนนี้ คนนี้เป็นกิ๊กกับคนนั้น คุยกันแถบจะเป็นเรื่องปกติ ออกรสออกชาติในการเล่าสู่กันฟัง เมาท์กันจนเป็นเรื่องธรรมดา หน้าตาเฉย เลยไปถึงผู้สงสัยในความหมายของกิ๊กว่าคืออะไรกันแน่ ผู้รู้ทั้งหลายในวงน้ำลายแตกฟองก็ถองความหมายให้ความรู้ว่าไอ้คำว่ากิ๊กนั้น น่ะมันหมายถึง......การเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน............กิ๊ก ไม่ใช่ชู้แต่แฟนรู้ต้องเลิก........กิ๊ก ไม่มีสิทธิ์หึง....และ อีกสารพัดนิยามที่ฟังแล้วกากอาหารในท้องมันจะคะย่อนออกให้ได้

    ก็ว่ากันไปพ่อเจ้าประคุณ แม่เจ้าประคุณทูนหัวทั้งหลายเอ๋ย..........

    [​IMG] ได้ยินได้ฟังทีไรก็อดที่จะคันคะเยอในสมอง ในลำคอ ต่อความหมายที่ฟังแล้วขวางหู ไม่ได้ทุกที หรือเวลานี้คือเวลาเสื่อมทราม ตกต่ำที่สุดเวลาหนึ่งของสังคมแล้วหรือ

    สังคม......ในยุคสมัยที่ถูกกะเทาะเปลือกจนเปลือยเปล่าเห็น เนื้อในที่เน่าแฟะ เละเทะ กันไปหมด

    ไม่ว่าวัยรุ่นดัดฟันยันผู้สูงอายุใส่ฟันปลอม ลงมาผสมโรงเติมเต็มต่อความไร้ ศีลธรรม จารีตที่งดงามของกติกาสังคมไทยที่เน่าในจนยากจะเยียวยารวมไปถึงความซับ ซ้อนทางโครงสร้างของสังคม ที่มีมิติที่หลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ การเสพสื่ออย่างผิดๆ เอาแบบ เอาอย่างกาก เดนตะวันตก ซึ่งแม้กระทั่งในสังคมเขาเองก็ยังปฏิเสธการกระทำ พฤติกรรมเหล่านี้เลย

    พุทธศาสนา.....ศาสนาแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ก่อกำเนิดเกิดขึ้นเมื่อกว่า 2500 ปีมาแล้ว ด้วยความมุ่งหวังที่จะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวใจ ขัดเกลา ความโง่เขลา เบาปัญญา ให้กับมนุษย์

    พุทธศาสนา....ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติไทยมาแต่เก่าก่อน

    ในนิยามความหมายที่ว่า...พุทธ..คือ ผู้รู้....ผู้ตื่น...ผู้สว่างแล้ว และพิจารณาให้รู้ ให้เข้าใจโดยปัญญา ซึ่งได้แก่ศีล สมาธิ ปัญญา รวมกันแล้วเรียกว่า ไตรสิขา นี่ก็ถือว่าเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับพุทธศาสนิกชน

    สำหรับปุถุชน คนโลกียะ ที่ยังเวียนว่ายในสังสารวัฏ ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเป้าหมายที่ นิพพาน อย่างน้อยก็ต้องยึดถือศีล 5

    ศีล 5 คือ......ข้อปฏิบัติที่ถือว่าเป็นการชำระขัดเกลากิเลส ตัณหา เพื่อให้เกิดปัญญาและแยกแยะมนุษย์ให้ต่างจากสัตว์เดียรรัญฉาน ให้ถึงพร้อมด้วยความประพฤติดี หรือที่เรียกว่า สีลสัมปทา คือให้ประพฤติดีทั้งกาย วาจา ใจ ประพฤติให้ใจสูงขึ้นมให้สมกับเป็นมนุษย์ที่มีปัญญา ประพฤติอย่างตนใดอย่าให้มีโทษกับตนและผู้อื่น...นั่นแหละ

    เดี๋ยวนี้จะให้ไล่เรียงศีล 5 ข้อให้ฟังก็ยังอาจจะห่างไกล .... มิพักที่จะว่าด้วยการยึดถือปฏิบัติกันเลยพี่น้องเอ๋ย

    ศีลข้อ 3 ว่าอย่างไรจำกันได้ไหมเล่า ?

    [​IMG]การเสพกามของมนุษย์มันต่าง จากสัตว์ก็ตรงนี้แหละ มนุษย์มีศีล มีจารีต มีประเพณีที่งดงาม มีกฎเกณฑ์ กติกาคู่ผัวตัวเมียก่อนจะสังวาสกัน มันต้องไปสู่ขอบอกกล่าวกับผู้หลักผู้ใหญ่ พ่อแม่ ไม่ใช่นึกจะเอาก็เอา เอามันทั้งคอก ทั้งเล้า เห็นแล้วก็น่าเศร้าใจ ว่าทำไมมันใกล้จะเหมือนหมู หมา กา ไก่ สัตว์ เดียรรัญฉานเข้าไปทุกที

    สังคมป่นปี้ เพราะไม่มีศีลธรรม ขาดการยับยั้งชั่งใจ หลักการของศาสนา การนับถือศาสนา มีเอาไว้เพียงเพื่อกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ให้มันครบๆ กันไป เท่านั้น มิได้ซึมซาบเข้าสู่วิญญาณและจิตใจนำพาไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง

    อย่าโยนบาปให้กับใครๆ ต่อไปเลย ย้อนกลับมาดูตัวเองนั่นแหละว่าคือ..คน..คน หนึ่งที่ซ้ำเติมตนเอง ซ้ำเติมสังคม ด้วยการทำชั่วในข้อต่างๆ หรือไม่ โดยเฉพาะการผิดลูกเขา เมียใคร

    ถ้าฟัดกันมั่ว นัวกันทั้งสังคมอยู่อย่างนี้ คนก็ไม่ได้ต่างจากสัตว์ อีกหน่อยแม้กระทั่งกลางถนนมันก็ล่อกันได้ อย่านึกขำว่ามันไกล อาจได้เห็นกันไม่นานนี้หากสังคมยังให้เรื่องของ..กิ๊ก เป็นเรื่องที่คุยกันสนุก เป็นเรื่องของความโก้เก๋ เป็นเรื่องของคนยุคใหม่ และอย่าลืมต่อไปว่าสถิติการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ของไทยมิได้ลดน้อย ถอยลงไปเลยกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน และล้มตายลงอย่างน่าใจหาย ว่าทำไมถึงได้มากมายขนาดนี้

    สำนึกกันบ้างมั้ยว่านี่คือการลงโทษโดยธรรมชาติ

    ก็อยากจะบอกว่า สังคมยุคใหม่ในการบันทึกประวัติศาสตร์ข้างหน้า คนไทยรุ่นต่อๆ ไปจะได้อ่านการบันทึกความเน่าเฟะเละเทะของสังคมที่น่าเจ็บแสบที่สุด ในช่วงเวลาหนึ่ง

    ไม่อยากอยู่ในยุคนี้ ยุคที่ผู้คน....อยากเล่นชู้แต่ทำให้ดูดี....... มันน่าขยะแขยงที่สุด



    -------------------------------------------------
    นำมาจาก
    http://www.9dern.com/rsa/view.php?id=1184
     
  2. ศรีทอง

    ศรีทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +316
    การชดใช้กรรมเดี๋ยวนี้มีหลายรูปแบบครับ
    สุดแล้วแต่ว่าใครทำกรรมอะไรมา เราได้แต่รับรู้และวางอุเบกขา
    อนุโมทนา สาธุ
     
  3. assadin

    assadin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2010
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +228
    อนุโมทนาครับ สาธุ ผมเห็นด้วยจริงๆ เมื่อหลายปีก่อนผมได้ยินเด็กวัยรุ่นผู้หญิงคุยกันทำสถิติว่าใครจะมีกิ๊กมากกว่ากัน ได้ยินแล้วสะดุ้งเลยครับ บางคนบอกมีเป็นสิบ พูดได้อย่างหน้านาเฉยเลย ทำให้นึกถึงว่าสมัยนี้เด็กวัยรุ่นผู้หญิงเขาไม่รักนวลสงวนตัวกันแล้วหรืออย่างไร โอ๊ยจะบ้าตาย สวนผู้ชายก็สนุกที่ได้แล้วไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแค่สนุกกันชั่วคราวเท่านั้นเอง น่าเศร้าที่สังคมไทยเราเป็นอย่างนี้ ขอให้ปัญญาจงเกิดแก่ทุกผู้ทุกนามครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...