กำลังใจในการสร้างวัตถุมงคล

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 11 พฤศจิกายน 2008.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ถาม : ..................

    ตอบ : อานุภาพของพระขึ้นอยู่กับคนทำ สมัยก่อนครูบาอาจารย์ ที่สอนสืบๆ กันมาตามสายของบูรพาจารย์แต่ละสายจะมีความสามารถที่ต่างกันไป ยกตัวอย่างของเมืองกาญจน์ กาญจนบุรีช่วงที่ผ่านมาเขาบอกว่า อยากเจ้าชู้ให้ไปวัดเหนือ อยากเป็นเสือให้ไปวัดใต้ วัดเหนือคือวัดเทวสังฆาราม วัดเทวสังฆารามนี่เขาถนัดทางเมตตามหานิยม ส่วนทางด้านวัดใต้คือวัดไชยชุมพลชนะสงคราม เขาถนัดในทางคงกระพันชาตรี

    คราวนี้ตามสายครูบาอาจารย์ที่สืบๆ กันมาแล้วส่วนใหญ่ ก็เป็นเพราะว่าใช้กำลังใจกำลังสมาธิของตัวเองทำ ในเมื่อคนที่นิยมเหมือนกันกำลังใจกำลังสมาธิไปแบบเดียวกัน ถึงเวลาทำมันก็จะออกมาแบบเดียวกัน มันก็เลยมีผลต่างกันไป แต่ว่า จะมีบางประเภทที่ท่านรู้จริงแล้วจะไม่ใช้กำลังของตัวเอง แต่ว่าถึงเวลาแล้วจะอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ให้ ถ้าประเภทนี้นี่ได้ทุกทาง ทำยังไงก็ได้ แต่ว่าถ้าหากเป็นไปตามสำนักตามรูปแบบที่เขาสืบทอดกันมาแต่โบราณๆ ส่วนใหญ่เขาลุยเดี่ยวกัน ที่เขาเรียกว่า นั่งปรกคนเดียวปลุกเสกเดี่ยวอะไรกันประเภทนั้นน่ะ คือว่ามันก็จะมีอานุภาพไปตามที่ตัวเองศึกษามา

    คราวนี้แต่ละอย่างในเมื่อไม่เหมือนกัน แขวนหลายๆ องค์ มันก็เผื่อเหนียวไว้ได้ล่ะนะ ประกันความเสี่ยง วันนี้จะไปจีบสาวก็ขอองค์ ขุนแผนช่วยหน่อย วันนี้จะไปตีกับชาวบ้านเขาก็อาจจะเล่นโน่น... ยอดธงหรือ พระมเหศวรเศียรกลับ อะไรทำนองนั้น คราวนี้พระหลายๆ องค์ บางคนบอกว่าบางทีท่านทะเลาะกันก็เลยไม่ช่วยเรา ไอ้นั่นมันเอากิเลสชาวบ้านไปปนกับพระได้ยังไงก็ไม่รู้ ตัวเองไม่ค่อยสามัคคีกับคนอื่นเขาก็เลยพลอยคิดว่า คนอื่นก็อาจมีนิสัยเหมือนกับตัว สรุปรวมกระทั่งพระเจ้าก็จะให้มีนิสัยเหมือนกับตัว ก็เลยแปลว่าหลายๆ องค์อาจจะทะเลาะกัน นั่นเป็นความคิดของเขานะ ไม่ใช่เรื่องจริง

    แต่ด้วยอานุภาพของพระที่ต่างๆ กันไป มันเนื่องจากว่าท่านที่ทำท่านถนัดแบบไหน หรือต้องการให้เด่นไปทางไหนก็จะกำหนดใจให้เป็นไปตามด้านนั้น ถ้าอานุภาพของพระด้วยกันทั้งหมดแล้ว ด้านเมตตามหานิยมทำยากที่สุด เพราะว่าตัวเมตตาต้องออกมาจากใจของคนทำจริงๆ ถึงจะมีผล คราวนี้ว่าถ้าหากว่าใช้ในลักษณะแบบที่เรียกว่าไสยศาสตร์มันมีผล มันไม่นาน แต่ว่าถ้าหากว่าจะเอาในลักษณะได้ผลนานเลยจริงๆ ต้องเป็นเมตตาที่เกิดจากกำลังใจของตัวเองเข้าถึง ในเมื่อกำลังใจของตัวเองเข้าถึงจุดนั้น อธิษฐานให้เป็นอย่างนั้นมันก็เป็นไปได้ ถ้าถามว่าอันไหนทำยากที่สุด ขอยืนยันว่าตัวเมตตาทำยากที่สุด ต้องเป็นกำลังใจแท้ๆ ของเรา

    ถาม: กำลังใจแท้ๆ ของเรานี่หมายถึงคนทำหรือคะ ?

    ตอบ: คนทำ คนที่ปลุกเสก ถ้าหากว่ากำลังใจท่านประกอบไปด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เต็มเปี่ยมจริง ๆ ละก็ ต่อให้ไม่ตั้งใจให้เป็นเมตตามหานิยมมันก็เป็น บุคคลที่ละรัก โลภ โกรธ หลงได้ แล้วไปไหนมีเสน่ห์ทั้งนั้น ในเมื่อไปไหนมีเสน่ห์อยู่แล้ว อย่างพระพุทธเจ้าเสด็จไปไหนมีแต่คนรัก มีแต่คนกราบไหว้บูชาเป็นปกติ ก็ไม่เห็นจะต้องไปตั้งหน้าตั้งตาทำอะไร มันเป็นโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว

    ถาม: งั้นพระที่ไม่ได้รับการปลุกเสกล่ะคะ ?

    ตอบ: ถ้าหากว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าจะมีเทวดารักษาอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่จำเพาะเจาะจงเหมือนกับสาธารณะสมบัติ ตู้โทรศัพท์หนึ่งตู้สมบัติของคนทั้งประเทศพักเดียวพังใช่มั้ยล่ะ แต่พระที่ผ่านการปลุกเสกนี่ถ้าหากว่าตามแบบที่หลวงพ่อท่านสอนมา ถึงเวลาจะอัญเชิญบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหมเทวดาช่วยสงเคราะห์

    คราวนี้ถึงเวลา ท้าวสหัมสบดีพรหม ที่เป็นใหญ่เหนือพรหมทั้งหลายกับ พระอินทร์ที่เป็นใหญ่เหนือเทวดาทั้งหลาย ก็จะมารับคำสั่งจากพระว่า วัตถุมงคลแต่ละชิ้นจะจัดสรรปันส่วนให้เทวดาองค์ไหนรับผิดชอบส่วนนั้นไป เทวดาแต่ละองค์อายุอย่างต่ำๆ ก็เป็นร้อยปีทิพย์ คราวนี้ร้อยปีทิพย์ของท่านนี้ต่ำสุดของท่านนี่วันหนึ่งเท่ากับ ๕๐ ปีมนุษย์ เอา ๕๐ ปีคูณ ๓๐ คูณ ๑๒ คูณ ๑๐๐ นับตัวเลขยากจัง อายุท่านยืนยาวขนาดนั้น เลยกลายเป็นว่าเมื่อดูแลวัตถุมงคลชิ้นนั้น เลยมีอานุภาพที่ขลังและยาวนาน สามารถที่จะให้ผลในด้านต่างๆ ที่ผู้ติดตัวไว้ตั้งใจอธิษฐานหรืออาราธนาขอ

    เมื่อทำดังนั้นแล้ว สิ่งที่พระหรือพรหมหรือเทวดา ท่านสงเคราะห์จำเป็นต้องอาศัยพื้นฐานทางจิตใจของเรามากที่สุด ถ้าหากว่ากำลังใจของเราดีเป็นผู้มีศีลมีธรรมเป็นปกติอยู่แล้ว ตั้งใจอาราธนานึกถึงด้วยความเคารพ ก็เหมือนกับว่าเราเปิดเครื่องรับ พระเครื่องเป็นเครื่องส่ง เครื่องส่งๆ กำลังเต็มที่เป็นปกติอยู่แล้ว สำคัญตรงเครื่องรับว่ารับได้แค่ไหน ? ก็เลยกลายเป็นว่าพระรุ่นเดียวกัน บางคนเอาไปใช้ โอ๊ย อยู่ยงคงกระพัน ยิงไม่เข้า ฟันไม่เข้า แต่บางคนเอาไปใช้โดนเขาจ้วงมาเลือดโชกไปเลย มันขึ้นกับกำลังใจของคนรับว่าเปิดรับได้แค่ไหน

    หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ท่านเคยเปรียบเทียบว่า ถ้ากำลังใจสูงสุดปืนยิงไม่ออก ท่านเรียกว่า มหาอุตม์ ถ้าต่ำลงมาหน่อยหนึ่งยิงออกไม่ถูก เขาเรียกว่า แคล้วคลาด ต่ำลงมาอีกหน่อยหนึ่งยิงถูกไม่เข้านี่คงกระพัน ยิงถูกไม่เข้านี่ห่วยแตกแล้วนะ ต่ำลงมาอีกยิงเข้าไม่ตาย คือผ่อนจากหนักเป็นเบา เคราะห์หนักก็เป็นเคราะห์เบาได้ ข้อสุดท้ายเฮงซวยหน่อยถึงตายก็ยังไปสวรรค์เพราะจิตเกาะพระอยู่ ก็เลยแบ่งออกเป็นระดับๆ อย่างนี้ ขึ้นกับเราเอง




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมิถุนายน ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ





    .
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...