กำลังท้อแท้สับสนกับการทำความดี

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เกียรติพ, 3 ธันวาคม 2010.

  1. เกียรติพ

    เกียรติพ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +13
    ผมอายุปัจจุบัน 54 ปี ซึ่งเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันเมื่อต้นปี 2552 ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเป็นบริเวณกว้างตอนนี้มีสภาพหัวใจล้มเหลวและต้องใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ซึ่งก่อนใส่ก็หัวใจวายหลายครั้งแต่ก็ใช้เครื่องช๊อคหัวใจกลับมาได้ทุกครั้ง แม้แต่การรักษาพยาบาลและใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจก็ได้รับความช่วยเหลือเรื่องเงินค่ารักษา ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากเลย ลำพังตัวผมคงไม่มีเงินรักษาและคงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยเครื่องมาถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งเมื่อก่อนที่จะป่วยผมใช้ชีวิตประมาท ซึ่งผิดศีลข้อ5 ประจำคือการดื่มสุราเที่ยวเตร่ พอมาป่วยก็เลิกทุกอย่างพยายามทำบุญ ใส่บาตร ทำทาน เท่าที่จะทำได้ และพยายามดูข้อมุลเรื่องต่างๆ เช่นการทำความดี การกระทำที่ทำให้ตกนรก การเจริญมรณานุสติ ให้พยายามยอมรับในความตายว่าเป็นของเที่ยงแท้ หนีไม่พ้น โดยเฉพาะการอ่านในเรื่องนรก สวรรค์ ผมไม่หวังเรื่องนิพานเพราะเกิดมาชาตินี้ก็ยังไม่เคยบวชพระเลย เข้าวัดฟังเทศน์ก็ไม่เคย อ่านเรื่องการทำกรรมก็พบว่า ทำกรรมอะไรหน่อยก็สามารถตกนรกได้โดยง่าย แต่การไปสวรรค์นั้นไปมีการเขียนไว้เลยว่าไปง่าย นรกน่ากลัวมาก ทำให้ปัจจุบันจิตใจผมหดหู่มากเหลือเกิน คิดว่าตายไปคงตกนรกแน่นอนและคงได้รับควาทุกข์ทรมาน และเนื่องจากผมหัวใจล้มเหลวซึ่งแน่นอนว่าคงมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน ก็ยิ่งทำให้จิตใจหวาดกลัวความตาย และหดหู่เศร้าหมองเป็นอย่างยิ่ง ได้เคยคุยกับเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติเกี่ยวกับความเชื่อด้านศาสนา โดยผมถามความเชื่อของเขาเรื่องความตาย เพื่อนผมคนนั้นเขา ตอบว่าศาสนาเขาในความเชื่อของเขานั้น เมื่อเขาตายเพื่อนฝูงและญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วจะมารับเขา และพาเขาขึ้นสววรค์ไปอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่มีการลงนรก หากใครอยากลงนรกก็เชิญตามแต่ใจของผู้นั้น เมื่อมาเปรียบเทียบกันแล้ว ทำให้เกิดความลังเล และท้อแท้ต่อการพยายามจะทำความดีของเราว่า แม้พยายามทำดีอย่างไรตอนนี้ก็คงสายเกินไปแล้ว จิตใจหดหู่และเศร้าหมองเหลือเกิน ทำให้เราคิดไปต่างๆนาๆ ว่าทำไมเราไม่ตายไปเมื่อปี 2552 ตอนที่หัวใจหยุดเต้นไปหลายต่อหลายครั้ง มีชิวิตอยู่ทำไมมาถึงปัจจุบัน ซึ่งคิดแล้วชีวิตช่างไร้แก่นสารจริงๆเหมือนคนไม่มีค่า เช้าตื่นขึ้นมาก็ไปทำงาน เย็นกลับบ้าน แล้วก็นอน วนเวียนอยู่เช่นนี้ทุกวัน หยุดวันอาทิตย์ก็ได้ใส่บาตรหน่อย ไปหาญาติพี่น้องบ้าง ก็เท่านั้น บางครั้งอยู่คนเดียวก็คิดว่าทำไมเราต้องมามีชีวิตอยู่อย่างนี้ โลกนี้ไม่น่าอยู่เลยจริง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  2. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    <!-- google_ad_section_start -->ผมอายุปัจจุบัน 54 ปี ซึ่งเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันเมื่อต้นปี 2552 ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเป็นบริเวณกว้างตอนนี้มีสภาพหัวใจล้มเหลวและต้องใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ซึ่งก่อนใส่ก็หัวใจวายหลายครั้งแต่ก็ใช้เครื่องช๊อคหัวใจกลับมาได้ทุกครั้ง แม้แต่การรักษาพยาบาลและใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจก็ได้รับความช่วยเหลือเรื่องเงินค่ารักษา ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากเลย ลำพังตัวผมคงไม่มีเงินรักษาและคงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยเครื่องมาถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งเมื่อก่อนที่จะป่วยผมใช้ชีวิตประมาท ซึ่งผิดศีลข้อ5 ประจำคือการดื่มสุราเที่ยวเตร่ พอมาป่วยก็เลิกทุกอย่างพยายามทำบุญ ใส่บาตร ทำทาน เท่าที่จะทำได้ และพยายามดูข้อมุลเรื่องต่างๆ เช่นการทำความดี การกระทำที่ทำให้ตกนรก การเจริญมรณานุสติ ให้พยายามยอมรับในความตายว่าเป็นของเที่ยงแท้ หนีไม่พ้น โดยเฉพาะการอ่านในเรื่องนรก สวรรค์ ผมไม่หวังเรื่องนิพานเพราะเกิดมาชาตินี้ก็ยังไม่เคยบวชพระเลย เข้าวัดฟังเทศน์ก็ไม่เคย อ่านเรื่องการทำกรรมก็พบว่า ทำกรรมอะไรหน่อยก็สามารถตกนรกได้โดยง่าย แต่การไปสวรรค์นั้นไปมีการเขียนไว้เลยว่าไปง่าย นรกน่ากลัวมาก ทำให้ปัจจุบันจิตใจผมหดหู่มากเหลือเกิน คิดว่าตายไปคงตกนรกแน่นอนและคงได้รับควาทุกข์ทรมาน และเนื่องจากผมหัวใจล้มเหลวซึ่งแน่นอนว่าคงมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน ก็ยิ่งทำให้จิตใจหวาดกลัวความตาย และหดหู่เศร้าหมองเป็นอย่างยิ่ง ได้เคยคุยกับเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติเกี่ยวกับความเชื่อด้านศาสนา โดยผมถามความเชื่อของเขาเรื่องความตาย เพื่อนผมคนนั้นเขา ตอบว่าศาสนาเขาในความเชื่อของเขานั้น เมื่อเขาตายเพื่อนฝูงและญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วจะมารับเขา และพาเขาขึ้นสววรค์ไปอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่มีการลงนรก หากใครอยากลงนรกก็เชิญตามแต่ใจของผู้นั้น เมื่อมาเปรียบเทียบกันแล้ว ทำให้เกิดความลังเล และท้อแท้ต่อการพยายามจะทำความดีของเราว่า แม้พยายามทำดีอย่างไรตอนนี้ก็คงสายเกินไปแล้ว จิตใจหดหู่และเศร้าหมองเหลือเกิน ทำให้เราคิดไปต่างๆนาๆ ว่าทำไมเราไม่ตายไปเมื่อปี 2552 ตอนที่หัวใจหยุดเต้นไปหลายต่อหลายครั้ง มีชิวิตอยู่ทำไมมาถึงปัจจุบัน ซึ่งคิดแล้วชีวิตช่างไร้แก่นสารจริงๆเหมือนคนไม่มีค่า เช้าตื่นขึ้นมาก็ไปทำงาน เย็นกลับบ้าน แล้วก็นอน วนเวียนอยู่เช่นนี้ทุกวัน หยุดวันอาทิตย์ก็ได้ใส่บาตรหน่อย ไปหาญาติพี่น้องบ้าง ก็เท่านั้น บางครั้งอยู่คนเดียวก็คิดว่าทำไมเราต้องมามีชีวิตอยู่อย่างนี้ โลกนี้ไม่น่าอยู่เลยจริงffice:eek:ffice" /><O:p></O:p><!-- google_ad_section_end -->
     
  3. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    โลกนี้ยังน่าอยู่เสมอค่ะ ขอเพียงมองโลกในแง่ดี อย่าท้อกับการทำความดีเลยค่ะ
     
  4. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    Please change your thinking...find the new book about heaven and try to donate money in the pikky bank every morning and say that you will give these money to the temple when it's full....do it every morning or before bedtime. So it make you feel good that you share to the others, smile to yourself every day and say that you are a good person...do not think about the past....and think that you will be the good until your last day. For the others religion....appriciate them and told them that you are happy for them...then you will not feel jealous and the happy will follow you anywhere.
     
  5. T.cha

    T.cha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2010
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +641
    ผมเองยังด้อยประสบการณ์ แนะนำอะไรได้ไม่มาก แต่อ่านแล้ว เป็นธรรมทานสำหรับผมนะครับต้องขอบคุณ คุณลุงมากๆ ทำให้ผมได้เห็น ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เห็นความไม่เที่ยง ผมเป็นกำลังใจให้คุณลุงนะครับ...
     
  6. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ช่วงเวลาสุดท้ายนี้ถ้ายังมีกำลังก็ให้ประพฤติวัตรของเทวดา ถ้าไม่มีแค่ระลึกถึงก็พอ
    ขอยก วัตรบทของจอมเทพสมัยที่ท่านยังเป็นมนุษย์

    ดูกรมหาลี ท้าวสักกะจอมเทพเมื่อยังเป็นมนุษย์อยู่ในกาลก่อน
    ได้สมาทานวัตรบท ๗ ประการบริบูรณ์ เพราะเป็นผู้สมาทานวัตรบท ๗ ประการ
    จึงได้ถึงความเป็นท้าวสักกะ วัตรบท ๗ ประการเป็นไฉน คือ เราพึงเลี้ยงมารดา
    บิดาจนตลอดชีวิต ๑ เราพึงประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูลตลอดชีวิต ๑
    เราพึงพูดวาจาอ่อนหวานตลอดชีวิต ๑ เราไม่พึงพูดวาจาส่อเสียดตลอดชีวิต ๑ เรา
    พึงมีใจปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทินอยู่ครองเรือน มีการบริจาคอันปล่อย
    แล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในการแจกจ่ายทาน
    ตลอดชีวิต ๑ เราพึงพูดคำสัตย์ตลอดชีวิต ๑ เราไม่พึงโกรธตลอดชีวิต ถ้าแม้
    ความโกรธพึงเกิดขึ้นแก่เรา เราพึงกำจัดมันเสียโดยฉับพลันทีเดียว ๑ ดูกรมหาลี
    ท้าวสักกะจอมเทพเมื่อยังเป็นมนุษย์อยู่ในกาลก่อน ได้สมาทานวัตรบท ๗ ประการ
    นี้บริบูรณ์ เพราะเป็นผู้สมาทานวัตรบท ๗ ประการดังนี้ จึงได้ถึงความเป็น
    ท้าวสักกะ ฯ
    พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้จบลง
    แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
    เทวดาชั้นดาวดึงส์ กล่าวนรชนผู้เป็นบุคคลเลี้ยงมารดาบิดา
    มีปรกติประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล เจรจาอ่อน
    หวาน กล่าวแต่คำสมานมิตรสหาย ละคำส่อเสียด ประกอบ
    ในอุบายเป็นเครื่องกำจัดความตระหนี่ มีวาจาสัตย์ ครอบงำ
    ความโกรธได้ นั้นแลว่า เป็นสัปบุรุษ ดังนี้
     
  7. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    คัดลอกมาจาก พระกัจจายนะเถระเข้านิพพานคัดลอกมาจากเว็บนี้ เมื่อนานมาแล้ว
    คัดย่อมาในส่วนที่ท่านแสดงมรณานุสติไว้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์

    ...พระผู้เป็นเจ้าเห็นมหาชนโศกเศร้าสุดกำลัง พระผู้เป็นเจ้าก็นำ เอาพระอนิจจังมาชี้แจงสำแดงธรรมเทศนาโปรดอุบาสกอุบาสิกา และ สิสสานุสิส ผู้น้อยใหญ่ว่า มา โว โสจิตฺถ ...ท่านทั้งหลายอย่าชวนกันปริเทวนาร่ำไรวิลาปเลย ดุลำบากตา อันเกิดมาเป็นรูปกายแล้ว จะได้พ้นความมรณะนั้นอย่าสงสัย ย่อมมีทั่วทุกประเทศบ้านเมือง และ ชนบทอนิจจัง ก็ปรากฏสิ้นด้วยกันทุก ๆ คนไม่เลือกหน้า
    *****
    .......สพฺเพ สงฺขาราอนิจฺจา พระพุทธองค์เจ้าโปรดประทานเทศนาไว้ว่า บรรดาสัตว์เกิดมาในสงสารสิ้นทั้งไตรภพ ที่ใครจะหลีกหลบให้พ้นอนิจจัง อย่าพึงหมาย อุปฺปชฺชิตฺวานิรุชฺฌนฺติ เมื่อว่า บังเกิดเป็นรูป เป็นกายแล้ว มีแต่จะสูญสิ้นไปไม่เที่ยงแท้มีแต่ความตายนี่แหละเป็นที่สุด อุปมาดัง บุรุษขว้างท่อนไม้ และ ก้อนดินขึ้นไปบนเวหา ท่อนไม้และก้อนดินนั้น ก็เที่ยงแท้ที่จะตกลงมาเป็น แม่นมั่นอย่าสำคัญว่า จะติดค้างอยู่กลางอากาศเวหา
    *****
    .......ถ้ามิดังนั้นดุจกระแสน้ำอันไหลลงมาจากภูเขาใหญ่ น้ำนั้นไหลลงมาแล้ว ที่จะได้ไหลกลับขึ้นไปบนภูเขานั้นอย่าสงกา อันนี้ก็มีอุปไมยดังความตายมีอยู่ในสันดานสัตว์ทุกตัวทุกคน เกิดมา แล้วก็มีแต่ความตายเป็นต้นไม่เลือกหน้าอันพระยามัจจุราช และ จะเลือกว่า คนนั้นคนหนุ่ม คนนี้ สาวแก่ชราคนนี้มีปัญญาโฉดเขลา พระยามัจจุราชจะได้คิดฉนี้เล่าก็หามิได้ อนึ่งจะได้คิดเกรงเนื้อ เกรงใจว่า คนนี้ยากจน คนนั้นมีบุญญาธิการมีทั้งสมบัติพัสถานทาสีทาสา เขามีรี้พลช้างม้าอเนก อนันต์
    *****
    .......พระยามัจจุราชนั้นจะได้กลัวเกรงดังนี้หามิได้มาตรแม้นจะเกิดในตระกูลกษัตริย์ และ ตระกูลพราหมณ์ คหบดี พระยามัจจุราชจะได้กลัวเกรงชาติตระกูลเช่นนี้หามิได้ อนึ่ง จะได้เอ็นดู ว่าคนนั้นเข็ญใจเป็นยาจกจัณฑาล เป็นคนกำพร้าอนาถา พระยามัจจุราชจะได้กรุณาปรานีก็หามิได้ย่อมหักหาญให้ประพฤติเป็นไปในอำนาจแห่งตน แม้จะรู้เวทมนต์ศิลปศาสตร์สักเพียงใดก็ดีจะต่อสู้ สงครามมัจจุราชนี้สู้มิได้ ถึงจะมีโยธาพาหนะเข้าชิงชัยต่อสู้ด้วยพลช้างพลม้า พลรถบทจรเดินเท้า ก็ดีก็มีแต่พ่ายแพ้ปราชัยทุกครา...
    *****
    .......ถึงจะมีบุญฤทธิ์ศักดาเงินทองแก้วแหวนมากมายเหมือนโชติกเศรษฐี และ ชฎิลเศรษฐี เมณฑกเศรษฐีนั้น ก็มีเสียเปล่า ๆเมื่อมัจจุราชภัยมาถึงเข้าแล้ว ทรัพย์สินทั้งนั้นก็ช่วยตนมิได้ถึงจะมีรี้พลสกลโยธามากสักเพียงใด ดังบรมกษัตริย์ทรงพระนามว่า พาลเทวะ และ ภิมเสนะและ สุริยะ และ จันทเทวะ กษัตริย์ทั้ง ๔ พระองค์นี้ ย่อมมีฤทธิ์อำนาจยิ่งนักหนาประกอบไปด้วยพล สกลโยธาพาหนะจะนับมิได้ ครั้นมัจจุราชภัยมาถึงแล้วพลโยธาพาหนะทั้งนั้นก็มีเสียเปล่า ๆ จะช่วยมิได้
    *****
    .......ถึงบุคคลที่กระทำกุศลไว้ไปบังเกิดในสวรรค์เสวยทิพยสมบัติเป็นบรมสุขอยู่นั้นก็ดี ดูไม่น่า จะมีทุกข์โศก มีแต่ความสุขสบายครั้นมัจจุราชภัยมาถึง จวนจะจุติลงมา ก้กลับบังเกิดโศกไม่สมประดีตกว่ามัจจุราชภัยนี้ไม่เลือกใคร ย่อมนำเอาสัตว์ทั้งปวงไปตาม ปรารถนาทั่วทุกตัวตนเถโร พระมหาเถระผู้เป็นเจ้า สำแดงเทศนาทางมรณธรรม สั่งสอนสิสสานุสิส อุบาสกอุบาสิกาเสร็จแล้ว ลำดับนั้น พระมหาเถระจึงเทศนาด้วยความแก่ชรา ต่อไปว่า
    ..........ทุพฺพโล วตายํ กาโย ดูกร ท่านทั้งหลายทั้งปวงเอ๋ยร่างกายเราท่านทั้งหลายเกิดมานี้ มีสภาวะสาธารณ์ทั่วไปย่อมเป็นที่อาศัยแห่งกองทุกข์ต่าง ๆ เออ...ก็เมื่อรูปร่างเป็นหนุ่มสาวยังกระชุ่มกระชวยอยู่ ครั้นความชรามาถึงแล้ว ก็เป็นศตรูเกิดขึ้นในกายย่อมกระทำให้เป็นอันตราย วิปริตแปรปรวน พฺยาธิพฺยคฺฆกุลาวาโส รูปกายนี้แหละย่อมประกอบไปด้วยโรคพยาธิ ป่วยไข้เข้ามั่วสุมประชุมกันอยู่ในตัวของตน
    *****
    ..........อุปมาดังบุคคลเลี้ยงพยัคฆ์เสือใหญ่ อันร้ายกาจไว้ในกายา ย่อมให้บังเกิดเวทนาร้อนรนพ้นที่จะประมาณ ด้วยพยัคฆ์ใจหาญกล้า คือ พยาธิป่วยไข้ และมีภูเขาใหญ่ทุ่มทับอุรา คือ ความโศกเร่าร้อนใจบางทีก็มีปริเทวนาร่ำไรให้สะอื้นอัดอั้นอยู่ในอก ความโศกสุมอยู่ในทรวง เหมือนหนึ่งภูเขาหลวงอยู่ในอุรา ย่อมอาเกียรณ์ไปด้วยภูตคณานิกรฝูงผี กล่าวคือ โมหะอันบังเกิดอยู่ในสันดาน กระทำอาการให้ลุ่มหลง กำบังเสียซึ่งองค์ปัญญาจักขุมิให้พิจารณา เห็นบาปบุญ คุณและโทษ อันโมหะนี้โสตเสมือนหนึ่งฝูงผี และประกอบด้วยโกรธา อันราวีอยู่ในกาย เสมือนหนึ่ง เปลือกต้นไม้ใหญ่อันจำเริญไปด้วยกิ่งก้านสาขา
    *****
    ..........อลฺลจมฺมปฏิจฺฉนฺโนกายแห่งเราท่านทั้งปวงนี้ มีหนังหุ้มอยู่ ภายนอกดูเกลี้ยงเกลา ภายในนั้นเล่าแลล้วนเครื่องอสุจิโสโครก พิจารณาแลดูแต่ล้วนไม่เป็นแก่นสาร ประกอบด้วยทวารทั้งเก้า เป็นที่ไหลออกแห่งเครื่องเหม็นทั้งปวง อุปมาดัง แผลที่มีน้ำหนองไหลร่างกายแห่งเรา ท่านทั้งปวงนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์ ตรัสเทศนาไว้ว่า ปูติกายํเหม็นเน่าอยู่เป็นนิตย์ ถึงว่าจะยัง มีชีวิตอยู่ ก็เหม็นเน่าน่าเกลียดชัง
    *****
    ..........พาลาภินนฺทิโต แต่บรรดาโลกียมหาชน เป็นคนโฉดเขลาสรรเสริญว่า รูปกายเราท่านนี้ เป็นที่รักเป็นที่ยินดี เพราะ โมหะบังเกิดมีกระทำให้ใหลหลง พระอริยเจ้าทั้งปวง ปลงปัญญา พิจารณาเห็นว่าเป็นของพึงเกลียดสิ้นทั้งนั้น คนพาลชวนกันถือว่าดี ว่างามเปล่า ๆ อนฺโต พาหิรโตสิยา ถ้าและจะกลับเอาภายในออกมาไว้ภายนอกแล้ว น่าที่จะมีกลิ่นเหม็นกระหลบอบไปฝูงกาและสุนัขทั้งหลาย จะมาชิงกันกินทั้งเป็นเจ้าตัวก็จะต้องถือธนุและหน้าไม้กันไว้ คอยจ้องไล่ฝูงกาและสุนัขอันจะมากินกายของตนเป็นภักษา เหตุว่ามีกลิ่นเหม็นเห็นปานดังนี้
    ..........เอวญฺจ อิมํ กายํเมื่อโยคาวจรกุลบุตรผู้มีปรีชา พิจารณาเห็นรูปภาย เป็นที่พึงเกลียดดังกล่าวมาฉะนี้แล้ว ครั้นดับจิตลงก็จะคลาดแคล้วจากอบายภูมิท้งสี่ ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ธันวาคม 2010
  8. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    ทำใจให้สบายครับ เรื่องที่เคยทำผิดพลาดไปแล้วถึงจะนึกเสียใจเสียดายเท่าไหร่เราก็เปลี่ยนแปลงมันไม่ได้หรอกครับ ยิ่งคิดก็ยิ่งตอกย้ำความผิดของตัวเองไปกันใหญ่ สู้ให้คิดว่าตอนนี้เราจะทำบุญอย่างไรได้บ้างดีกว่าครับ บุญที่ทำไว้สักวันมันจะส่งผลให้เองครับอย่าไปคิดว่าถึงทำไปก็ไม่ประโยชน์ยังไงๆ ก็ตกนรกแน่
     
  9. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    ทำดีก็คือสิ่งที่ดี แม้ยังไม่เห็น แต่ซักวันต้องมีผลให้เห็น ทำชั่วก็เช่นกันครับ กรณีของคุณมันอาจจะเป็นกรรมเก่าอย่าท้อครับ ความตายเป็นของทุกคนช้าหรือเร็ว ทำให้ร่างกายให้สดชื่นมีความสุข ตื่นเช้าๆ ดูพระอาทิตย์ขึ้นสมองปรอดโปร่ง อะไรๆก็จะดีขึ้น อย่าทำชีวิตให้มีความสุข ทำดีแต่ทำตัวหดหู่ ดีตรงได้บุญแต่ร่างกายหดหู่ก็ไม่ดี ทำดีแล้วก็ต้องทำให้ร่างกายตนสดชื่น อย่าไปคิดอย่าไปคาดหวังตั้งหน้าตั้งตาทำตนให้มีความสุข และทำบุญทำกุศลเยอะ
    แล้วจะดีเองครับ นิพพาน อย่าท้อครับนำเข้ามาในหัวใจ ให้มันเริ่มรู้ตั้งแต่ชาตินี้ เพื่อที่จะให้ส่งผลต่อไปชาติหน้าครับ คนเราต้องเกิดกันอีกเยอะ รีบนำนิพพานมาไว้ในใจ โอกาสดีแล้วครับที่เราได้เกืดมาเป็นมนุษย์ มีโอกาสสร้างบุญกุศล ผมเคยฟังพระเทศ ในขณะที่เราขอให้ได้เป็นเทวดาขึ้นสวรรค์ แต่เทวดาบนสวรรค์ขอให้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เพราะอะไร มนุษย์สร้างบุญกุศลได้ มีความสุขได้ และมนุษย์ นิพพานได้ ในขณะที่เทวดาได้กินบุญบนสวรรค์ แต่ก็ไม่สามารถสร้างเพิ่มมากได้แบบมนุษย์ดังนั้นเรามีโอกาสแล้วนะครับ ลมหายใจที่เหลืออยู่ควรทำยังไงถึงจะคุ้มค่ากับที่ได้เกิดมาครับผม
     
  10. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ไม่มีคำว่าสายหรอกสำหรับการทำความดี เจ้าของกระทู้ลองนึกดูซิครับว่า คนหลายๆคนสร้างกรรมชั่วชนิดเสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีคำว่าสำนึก

    เจ้าของกระทู้ยังดี ที่ยังนึกถึงบุญกุศล แม้ว่าจะมีอายุเลยวัยกลางคนก็ตาม แต่สิ่งที่เจ้าของกระทู้พึงสังวรณ์ก็คือ อย่าพยายามทำให้ใจเศร้าหมอง อย่าไปนึกถึงเรื่องที่ทำให้กังวลใจ เพราะยิ่งนึก ยิ่งกลัดกลุ้ม เหมือนเวลาที่เราเฝ้ามองเข็มนาฬิกาข้อมือแหละ มองแบบไม่วางตา เราจะรู้สึกว่าเข็มสั้นเข็มยาวมันกว่าจะเดินเนี่ย ช่างนานเหลือเกิน

    การเผชิญกับปัญหาก็เหมือนกัน ถ้าเราเอาใจของเราไป "เพ่ง" กับปัญหา ปัญญาก็ไม่เกิด เพราะฉะนั้น ต้องปล่อยวาง ทำใจให้เบา ทำใจให้สบาย

    เจ้าของกระทู้เคยอ่านหนังสือที่เขียนถึงประวัติของแม่จันทา ฤกษ์งามมั้ยครับ (มีขายตามร้านเซเว่น) ท่านเคยเผชิญกับความทุกข์ยิ่งกว่าคุณเสียอีก ท่านทำอย่างไรทราบมั้ยครับ ท่านเอาใจของท่านไปจรดอยู่กับ "ลมหายใจ" และคำว่า "พุทโธ" หายใจเข้าก็ "พุท" หายใจออกก็ "โธ" ทำอย่างนั้นแหละ ทำทั้งวัน ในที่สุดท่านก็เกิดปัญญา

    เจ้าของกระทู้น่าจะมีเวลาเยอะ และอาจจะไม่รู้ว่าจะเอาเวลาไปทำอะไร หรือไม่ก็มองว่า ชีวิตตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ มันจะมีรูปแบบเดิมๆของมัน น่าเบื่อมาก โลกนี้....จิตที่นึกอย่างนี้บ่อยๆ ทำให้เกิดความอ่อนแอ ทำให้ใจเศร้าหมอง เพราะฉะนั้นในช่วงที่จิตกำลังจะหลุดออกจากร่าง จิตดวงนี้ก็มีโอกาสไปสู่ภพภูมิที่เป็นทุกข์ได้ง่าย เพราะจิตมีความเศร้าหมองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วจะให้ไปสู่สภาวะที่เป็นสุขในภพภูมิอื่นได้อย่างไร

    เพราะฉะนั้น เราต้องทำให้จิตเราเข็มแข็ง ทำให้จิตเราไม่หวั่นไหว ทำให้จิตเราเย็นสบาย ลองทำอย่างที่ผมบอกแหละคือ อย่าไปเพ่ง อย่าไปจดจ่ออยู่กับความทุกข์ ทำใจให้เบา ทำใจให้สบาย มันอาจจะทำยากนะ แต่ก็ขอให้พยายามทำ...

    ความทุกข์ของเจ้าของกระทู้อาจจะเป็นเรื่องหนักสำหรับเจ้าของกระทู้เอง แต่ทราบมั้ยว่า ในโลกนี้ทุกคนก็ทุกข์ทั้งนั้น หลายต่อหลายคนทุกข์เสียยิ่งกว่าเจ้าของกระทู้เสียอีก และในชีวิตของผม ผมเห็นหลายๆคนที่เค้าทุกข์กว่าเจ้าของกระทู้เสียอีก แต่เค้า "ยิ้มสู้" และมุ่งมั่นกับการทำความดี..... ผมเชื่อว่า ในที่สุดผลบุญที่เค้าเหล่านั้นได้สั่งสม ก็จะส่งผลให้เค้าหลุดพ้นจากความทุกข์ เพราะอะไร เพราะว่าคนเหล่านั้น

    - กำลังใช้วิบากกรรมอยู่
    - ไม่ทำกรรมไม่ดีเพิ่ม
    - ตรงกันข้าม สั่งสมบุญบารมีแทน

    และในชาตินี้แหละ ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า คนเหล่านั้นจะได้รับผลแห่งกรรมดีที่เค้าสั่งสม รวมทั้งวิบากกรรมทั้งหลายก็จะหมดลง ผม....เฝ้ามองดูอยู่ และก็พยายามช่วยคนเหล่านั้น เท่าที่จะช่วยได้


    สุดท้าย ...... ด้วยบุญบารมีที่ข้าพเจ้าสั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติ ตราบจนถึงปัจจุบันนี้ ขอบุญทั้งหลายเหล่านี้ จงสำเร็จแก่เทวดาประจำตัวของท่านผู้นี้ ขอให้ท่านโมทนาบุญของข้าพเจ้า และขอให้ท่านคุ้มครองและดลบันดาลท่านผู้นี้ให้ประสบแต่ความสุขสวัสดี

    และข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลทั้งหมดของข้าพเจ้าให้กับเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคของท่านผู้นี้ ขอให้ท่านโมทนาบุญของข้าพเจ้า และอโหสิกรรมให้กับท่านผู้นี้ด้วยเทอญ"
     
  11. mylord

    mylord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +253
    ทำใจให้อยู่ในปัจจุบัน
    เพ่งจิตให้จดจ่ออยู่กับร่างกาย (กายานุสติปัฏฐาน)

    ดูเพิ่มเติมที่ กายานุสติปัฏฐาน
     
  12. ณัฐธัญพงษ์

    ณัฐธัญพงษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +237
    ทำใจให้สบายเถอะครับ คุณลุงอย่าไปยึดติดกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว พ่อผมเองก็ใส่สายขยายหลอดเลือดหัวใจ สามเส้น นี่หมอก็นัดไปวิ่งสายพานอยู่ ปฏิบัติดีแล้ว ชอบแล้วครับ ยังมีอีกหลายคนที่แย่ยิ่งกว่าเราอีก บางคนไม่เคยคิดด้วยซ้ำกับสิ่งที่เคยทำ กำลังใจตัวเราสำคัญครับ
    ขอเป็นกำลังใจเล็กๆส่วนหนึ่ง ครับ
     
  13. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ถ้าเกิดความทุกข์ใจก่อนตาย จิตจะถูกโน้มนำไปสู่อบายภูมินะครับ เพราะฉนั้นต้องพยายามทำใจให้เป็นสุขอยู่เสมอ ส่วนเรื่องทำดีทำชั่ว ฅนธรรมดาสามัญก็ทำกันอยู่แล้วมากบ้างน้อยบ้าง แต่ถ้าไปคิดถึงแต่สิ่งที่ไม่ดีที่ตัวเองเคยทำมาโดยไม่มองสิ่งดีๆ ก็จะทำให้เกิดความเศร้าหมอง
     
  14. ทีมชุมพร

    ทีมชุมพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +167
    คุณใช้ชีวิตไร้ประโยนช์มามาก เมื่อไม่สบายจึงหยุดดื่ม ถือว่าเจตนาในการทำความดียังไม่เกิดแท้จริง ต้องตั้งกาย วาจา ใจ ให้มั่นในพระรัตนไตร มีศีล5
    จากนั้นใช้ชีวิตประจำวันปกติ ใช้ตักบาตร ไหว้พระ ก่อนนอนไหว้พระ ฟังธรรมะ นั่งสมาธิ และแผ่เมตตา เป็นประจำทุกวัน ถวายพระประธาน ผ้าไตร สังฆทาน
    บ้างสลับกัน ขอบคุณครับ ใจตั่งมั่นในพระรัตนไตร ว่าบุญมี บาปมีจริงๆ ครับ เวรกรรมมีจริง
     
  15. บิลลี่

    บิลลี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +123
    ลุง เคยดื่นเหล้าก็เคยดื่มเหล้าซิครับ คิดอะไรครับผม เอาว่าปัจจุบันนี้ไม่ดื่มก็ใช้ได้ น้อมจิตน้อมใจพิจารณาธรรมอันเที่ยงแท้ ที่พระพุทธองค์ท่านทรงกล่าวไว้จะมีประโยชน์กว่านะจ๊ะลุงจ๋า และลุงก็ไม่ต้องไปเปิดหนังสือให้เสียเวลานะลุง พิจารณามันจากร่างกายที่มันไม่เที่ยงแท้ที่แหละลุง เอาเท่านี้ก็พอลุง โมทนสาธุ อ่อ....... ฆราวาสก็ถึงพระนิพพานได้ลุง ต่อให้ยังไม่ได้บวชก็เถอะครับ
     
  16. เทิดธรรม

    เทิดธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +49
    ถ้ายังมีกำลังพอ ลองไปทำกรรมฐานที่วัดสักเดือน ซิค่ะ จะทำให้เราสบายใจมากขึ้น ฉันเชื่อว่าการได้อยู่ในที่สบาย ร่มเย็น และเห็นแต่คนทำความดี เราก็ทำดีด้วยนั้น จะทำให้ชีวิตและจิตใจเป็นสุขค่ะ ^_^
     
  17. ทหารเก่า

    ทหารเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,027
    ค่าพลัง:
    +19,019
    ท่านครับอย่าท้อถอยหรือน้อยใจไปเลยครับท่านยังโชคดีที่ยังมีเวลาให้ท่านได้สร้างบุญกุศลครับ ท่านยังสามราถใช้เวลาเหล่านี้สร้างกรรมดีได้สวดมนต์ บางคนต้องตายไปก่อนอายุไขไม่มีโอกาสเลยครับ ท่านสะสมความดีสะสมบุญไว้เถิดครับเหมือนท่านหยอดออมสินเอาไว้ยังไงผมเชื่อว่าสักวันท่านก็จะมีความสุขสมหวัง อย่ากังวลเลยครับคนเราเมื่อถึงเวลาของเราเราก็มั่นใจว่าเรามีบุญตามติดตัวเราไปด้วย ทุกอย่างบนโลกไม่มีอะไรแนนอน ไม่มีอะไรเป็นของเรา เรารู้อย่างนั้นแล้วเราจะได้ไม่ต้องกังวลครับ ผมจะเป็นเพื่อนสวดมนต์กับท่านนะครับ ท่านยังมีมิตรอย่างผมที่ส่งใจถึงท่านตลอดเวลานะครับ ตั้งใจคิดดี ประกอบแต่สิ่งที่ดี อย่ายึดติด ปล่อยไปตามกระแสแห่งกรรม สักวันท่านจะมีความสุขครับ
     
  18. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สมดุลโลก-สมดุลใจ-สมดุลธรรม

    ”สมดุลโลก-สมดุลใจ-สมดุลธรรม กฎแห่งกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่” (แบบ Version เต็ม) - Buddhism Audio

    พระท่านบรรยายเรื่องกรรมส่งผลได้ดี เข้าใจง่าย

    ฟังดีๆ ฟังให้สติแนบกับเสียงธรรม จิตเผลอไปคิดเรื่องอื่นก็ให้มีสติรู้

    ฟังจนจิตว่างจากทุกข์ต่างๆที่แว็บเข้ามา ก็ให้รู้ๆไปครับ หน้าที่เราคือฟังของที่กระทบหู

    ฟังจบได้ รู้ได้ เข้าใจได้ ก็สบายตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ธันวาคม 2010
  19. ปลาคาร์พ

    ปลาคาร์พ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +50
    สู้ต่อไปค่ะเชื่อมั่นในความดี เป็นกำลังใจให้นะคะ
     
  20. danetkung

    danetkung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,063
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +15,273
    อย่าเสียเวลากับความหลัง
    90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ' ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น '
    มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วยความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน ' ' อยู่กับปัจจุบันให้เป็น ' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี ' สติ ' กำกับตลอดเวลา
     

แชร์หน้านี้

Loading...