กำลังจะบวช หาวัดที่ฝึกมโนมยิทธิ หรือ สมาธิวิธี่อื่น ๆ ให้ภิกษุครับ รบกวนด้วยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย numbernine, 11 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. numbernine

    numbernine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +285
    กำลังจะบวชในวันที่ 23 เมษายนนี้ครับ ใช้เวลาบวช 30 วันที่จังหวัดเพชรบุรีครับffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    แต่วัดที่ผมจะบวชไม่มีการสอนวิปัสสนากรรมฐาน ผมจึงมีแผนว่า ในหนึ่งเดือนที่บวชอยากจะแบ่งเวลาซัก<O:p></O:p>
    2 สัปดาห์ไปจำวัดอื่น เพื่อฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ในใจผมเองก็มีวัดที่เลือกไว้แล้วอยู่ 3 แห่งแต่ไม่ทราบว่าที่วัดดังกล่าวจะอนุญาต ให้พระวัดอื่นเข้าจำวัดเพื่อฝึกสมาธิได้หรือไม่ จึงอยากรบกวนถามท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยครับว่าวัดเหล่านี้อนุญาตหรือไม่หากได้ต้องทำอย่างไรบ้าง<O:p></O:p>
    1 วัดท่าซุง อุทัยธานี มโนมยิทธิ ( ผมเองไม่เคยฝึกมโนมยิทธิมาเลยครับ อันนี้อยากฝึกมาก )<O:p></O:p>
    2 วัดอัมพวัน สิงห์บุรี สติปัฏฐาน 4<O:p></O:p>
    3 วัดยานนาวา กสิณ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    4 รบกวนทุกท่านแนะนำด้วยครับว่ามีวัดอื่น ๆ นอกจาก 3 วัดนี้ วัดใดบ้างที่รับภิกษุกรณีดังกล่าว<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ปล ผมเองไม่เคยฝึกสมาธิที่วัดมาก่อนเลยครับ ผมนั่งสมาธิมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบแต่มาเอาจริงเอาจังกับอาณาปานสติเมื่อประมาณ หนึ่งปีมานี้ครับ ปัจจุบันนั่งสมาธิครั้งละประมาณชั่วโมงกว่า แต่อยากลองฝึกโดยวิธีอื่นดูบ้างครับโดยเฉพาะ กสิณ กับ มโนมยิทธิ เพราะมีหลายครั้งที่องคนิมิตของกสิณลอยมาเองในสมาธิ แต่ไม่กล้าใช้เพราะกลัวเป็นกสิณโทษ หากมีของเก่าจริงอยากจะใช้ต่อยอดครับแบบมีอาจารย์จริง ๆ ซะที จะแนะนำสถานที่ที่ฝึกวิธีอื่นด้วยก็ได้นะครับ แต่ขอไม่เอาวัดที่เน้นแก้กรรมนะครับ ขออภัยด้วยครับที่ถามมากไปหน่อยครับ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    รบกวนทุกท่านด้วยนะครับ <O:p></O:p>
    กรรมใดที่ผมเคยล่วงเกินทุกท่านผมขอกราบอโหสิกรรมด้วยนะครับ ในส่วนของบุญที่ผมได้รับขอให้ทุกท่านมีส่วนรับด้วยนะครับ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ขอบพระคุณครับ<O:p></O:p>
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    นี่ๆ ของเก่าหนะ คือ อานาปานสติ นั้นแหละ จิตมันจำของมันได้ มันเลยเริ่มด้วย
    ตัวนั้น ก็เหมือนที่พระพุทธองค์เริ่มด้วย อานาปานสติ ที่ใต้ต้นหว้า ตอน7ชันษา

    แต่ความที่ อานาปานสติ เป็น กรรมฐานที่มีสติสัมปชัญญะตลอด จึงไม่ใช่สมาธิ
    ที่ให้ปิติเป็นอามิส(ให้นิมิตกสิณ) จึงเป็นกรรมฐานนิรามิสสุข ไม่ให้สุข แต่ให้
    ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ตัดตรงไปสู่ โพธิปักขยธรรม

    แต่ก็นะ เราก็เจอสภาพของโลกคล้ายๆกับที่พระพุทธองค์เจอ คนในโลกพรรณา
    แต่คุณของ กสิณ สมาบัติ ทำให้ใจเขว คิดว่า อานาปานสติ เป็นของกระจอก เป็น
    กรรมฐานรองบ่อน จึงได้พลัดหายไปจากความคำนึงเกือบ6ปี กว่าจะระลึกได้ว่า
    ของดีอยู่ที่ตรงไหน

    อานาปานสตินั้น เวลาทำสมาธิได้ที่ แต่หากเราจับอารมณ์ลงมาเป็นกายคตา เช่น
    พวกลมปราณ ตรงนี้จะตกจากอานาปานสติไปเป็น กายคตาสติ ทำให้ ปิติ ซ่าน
    แบบฝึกทำฌาณได้ ดังนั้น วันไหนเราพลัดตกมาอาบปิติ วันนั้น กรรมฐานพวกกสิณ
    ก็จะลอยมาตามเหตุปัจจัยดังกล่าว ตามความติดข้องของตัณหาในรสฌาณ

    ซึ่งโดยส่วนมาก คนที่ฝึกอานาปานสติ จะทันตัณหา ทำให้ พอไปเห็นกสิณนิมิตก็
    จะเฉยๆ ไม่รู้สึกว่า ต้องไปฟูกับอัตตาจนต้องน้อมไปในสมาธิแบบนั้น แต่ตัณหามันจะมี
    มันก็ต้านไม่ได้ดังนั้น วันดีคืนดี ก็อย่าว่าแต่กสิณเลย จะท่องเที่ยวออกไปมันก็ไป
    จะแสกนกรรมไปมันก็ไป อื่นๆอีกก็แล้วแต่หมุนออกไปตามความติดข้อง ผลิกไปได้
    หมด เพราะว่า อานาปานสติมันเป็นยอดของกรรมฐาน กายคตาสกติก็เป็นยอดของ
    กรรมฐานรองไปอีกที นอกนั้นคือ กรรมฐานสลับฉาก ปรากฏมาสักพักก็แสดงความ
    เสื่อมให้เห็นอีก ก็ตามดูฌาณโลกีย์เสื่อมให้เห็นเป็นธรรมดา

    ความที่กรรมฐานอื่นปรากฏในฐานะ กรรมฐานสลับฉาก(เกิดแล้วก็ดับ) เราจึง อาศัยระลึก
    ถึงเหตุปัจจัยเท่านั้น ไม่มีอาการยึดมั่นถือมั่นในกรรมฐานเหล่านั้น แต่ก็เนาะ พอกลับมา
    อานาปานสติ

    คนทั้งหลาย ก็มักจะพูดรสกรรมฐานอื่นว่าเลิสๆ ให้เขวจนได้นั่นแหละ

    ลองพิจารณาดูเนาะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2011
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    รู้จักแต่ที่เชียงใหม่

    วัด ร่ำเปิงตโปธาราม ทางสติปัฏฐานสี่

    วัด พระธาตุศรีจอมทอง ทางสติปัฏฐานสี่

    วัด ถ้ำวัว เมืองนะ ทางอนัตตา

    วัด อุโมงค์ ทาง อานาปาสติ

    วัด นิโรธาราม ทาง สติปัฏฐานสี่


    สายวัดป่า

    วัดป่าหมู่ใหม่

    วัดป่าอรัญวิเวก
     
  4. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    ขอร่วมอนุโมทนา กับคุณ ด้วยนะครับ

    ไปบวชเป็นใหากุศลมาก
     
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    แนะนำให้นะครับ....จะบวชทั้งทีนะ.....เลือกที่มันดีๆไปเลยครับ.....ไม่ต้องมาเสียเวลาอนุญาตอะไรอีก....เลือกที่เป็นสำนักปฏิบัติกรรมฐานไปเลยครับ...ดีตั้งแต่เริ่มต้นการบวชแล้วได้ปฏิบัติไปเลย......

    จริงๆแล้วถ้าเป็นไปได้....หาวัดปฏิบัติธรรมที่ค่อนข้างที่จะดีหน่อยและเป็นแบบแผน...ที่เมืองเพชร....แล้วบวชที่นั่นเลยก็ได้ครับ....จะได้ประหยัดเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย....บวชเพื่อศึกษาชีวิตและการเป็นอยู่ในเพศบรรพชิตเป็นอย่างไร..ระเบียบวินัยต่างๆ....ส่วนการที่เราจะเรียนกรรมฐานต่างๆนั้น.....เราเป็นฆราวาสแล้ว....เราไปเรียนได้ครับ......ไม่ยุ่งยากเท่าเราไปตอนที่เราเป็นสงฆ์แล้ว.....

    ถ้าเมืองเพชรไม่มีจริงๆ....ผมก็แนะนำตามนี้
    ๑.วัดร่ำเปิง เชียงใหม่ นะ.....วัดนี้บวชเสร็จก็ได้ปฏิบัติเลย.....สถานที่ปฏิบัติค่อนข้างที่จะดี...และระเบียบการบวชคงไม่ยุ่งยากเท่าไรนะครับ.....วัดนี้ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน ๔ นะ....
    ๒.ลองติดต่อไปที่วัดท่าขนุน หลวงพี่เล็กดู บวชเสร็จแล้วไปเรียนกรรมฐานจากท่านได้หรือไม่....อยู่เมืองกาญฯครับ....สายหลวงพ่อฤาษีนะ....
    ๓.บวชโครงการเฉลิมพระเกียรติ์ในหลวง ๕ ธันวา ของทุกปี วัดพิชญยาติการาม ครองสาน กทม. วัดนี้ค่าใช้จ่ายจะบริจาคก็ได้...ไม่บริจาคก็แล้วแต่.....บวชเสร็จส่งไปฝึกกรรมฐานที่เขาใหญ่เลยครับ....สายสติปัฏฐาน ๔ พระวิปัสนาจารย์สายของ มจร..ครับ.....(บวชโครงการนี่เสียอย่างบวชแล้วบวชได้ไม่นาน)....
    ๔.ตรงไปวัดยานนาวาเลยครับ....

    โมทนาสาธุบุญด้วยนะครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2011
  6. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,792
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    ขออนุโมทนากับคุณ numbernine ด้วยนะครับที่ตั้งใจจะบวช ส่วนเรื่องของวิปัสสนานั้น อ่านตามนี้ได้เลยครับ จัดมาให้เเล้วครับ มีทั้งทางด้านสมถะเเละวิปัสสนาครับ อ่านให้หมดเเล้วกันนครับ จะได้เข้าใจเเล้วนําไปปฎิบัติได้อย่างถูกต้องครับ เจริญในธรรมครับ

    วิธีนั่งสมาธิขั้นเบื้องต้นของหลวงพ่อฤาษีลิงดํา

    http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=420

    อุปสรรคและวิธีแก้ไขในการทำสมาธิ

    http://palungjit.org/threads/อุปสรรคและวิธีแก้ไขในการทำสมาธิ.217531/

    สาเหตุที่ผู้ฝึกสมาธิวิปัสสนาเป็นโรคประสาทหรือเสียสติและวิธีแก้ไข

    http://palungjit.org/threads/สาเหตุ...-เป็นโรคประสาทหรือเสียสติ-และวิธีแก้ไข.66451/

    วิธีฝึกฌานที่1ถึง4ครับ

    http://palungjit.org/threads/วิธีฝึกฌานที่1ถึง4ครับ.242634/

    นั่งสมาธิแล้วมีภาพแปลกๆ เกิดขึ้น

    http://palungjit.org/threads/นั่งสมาธิแล้วมีภาพแปลกๆ-เกิดขึ้น.252882/

    ชั้นของสมาธิ ( ฟังกันหลงเรื่องนิมิตในสมาธิ )

    http://palungjit.org/threads/ขั้นของสมาธิ.1589/

    อาการของปีติ

    http://palungjit.org/threads/อาการของปีติ.1649/

    ฝากหนังสือ " ชีวิตเป็นอย่างนี้ " ให้โหลดไปอ่านด้วยครับ เล่มนี้ดีมากๆครับ อ่านเเล้วคิดอะไรได้อีกหลายอย่างเเน่นอนครับ

    http://www.numthang.org/topic/3710/1/

    วิธีทําสังฆทานด้วยตัวเองที่บ้านทุกวัน

    http://palungjit.org/threads/อธิษฐานหนีกรรมได้ไหม.181063/

    http://palungjit.org/threads/แม้ไม่มีเวลาทำบุญก็สามารถทำบุญได้.192242/

    http://palungjit.org/threads/ทำบุญง่าย-ๆ-ตามภาษาคน-ไม่ค่อย-มีเวลา.274346/

    เวปเรียนปริยัติธรรม on line เรียนฟรีครับ เข้าไปในเวปเเล้วดูที่ซ้ายมือครับ จะมีบทเรียนอยู่ ลองเรียนดูนะครับ จะได้เข้าใจถึงเเก่นเเท้ของพระพุทธศาสนาครับ

    http://www.buddhism-online.org/web/

    หากเข้าไม่ได้ ลองเข้าวันอื่นเเล้วกันครับ บางทีทางเวปเขา update อะไรอยู่ หรือลองเข้าอันนี้ก่อนก็ได้ เเต่อันที่สองนี่ต้องใช้ internet explorer เข้าครับถึงจะอ่านได้

    http://www.buddhism-online.org/Index1.htm

    ส่วนเรื่องของการวิปัสสนา ผมขอเเนะนําหนังสือ 2 เล่มนี้ให้ไปอ่านครับ จะได้ปฏิบัติในด้านของการวิปัสสนาได้อย่างถูกต้องครับ

    1. หนังสือวิปัสสนาภูมิ เเละ หนังสือหนังสือสิ่งที่ดีที่สุด (เพื่อตัวเรา)

    เล่มนี้เป็นวิธีสอนการวิปัสสนาอย่างถูกต้อง เข้าไปในเวปที่ให้มาเเล้วเลื่อนลงไปเรื่อยๆจะเจอหนังสือครับ
    ส่วนหนังสือ หนังสือสิ่งที่ดีที่สุด (เพื่อตัวเรา) ก็เป็นหนังสือที่ดีมากๆด้วยเช่นกันครับ ไม่อยากให้พลาดกันครับ

    http://www.kanlayanatam.com/booknaenam_.htm

    2. หนังสือ สติปัฏฐาน ๔ ( หนังสือเล่มนี้สอนให้เราดูจิตของเราอย่างถูกต้องครับ ใครดูจิตได้ตามในหนังสือนี้ การบรรลุธรรมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเเน่นอน )
    เ้้ข้าไปเเล้วค่อยๆเลื่อนลงเเล้วหาดูครับ อยากให้อ่านครับ จะได้นําไปปฏิบัติได้อย่างถูกทางครับ

    http://www.kanlayanatam.com/booknaenam.htm

    หนังสือสมาธิเพื่อชีวิต
    รวบรวมคำสอนของครูบาอาจารย์
    เล่มนี้นั้นดีมากๆครับ อ่านเเล้วคิดได้ทุกหน้าเลย สนใจก็โหลดไปอ่านกันนะครับ เจริญในธรรมครับ

    http://dhammasatta.igetweb.com/index...ist&catid=1179
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2011
  7. numbernine

    numbernine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +285
    คิดว่าน่าจะได้วัดแล้วครับทุกท่าน


    ตื่นมาชาวนี้ได้อ่านคำแนะนำของทุกท่าน ไปสะดุดตรงวัดท่าขนุน กาญจนบุรี เลยไปเสิร์ชกูเกิ้ล ได้เบอร์มาเบอร์หนึ่ง พอโทรไปปรากฏว่าหลวงพี่เล็กท่านรับสาย พอสอบถามเรื่องนี้ท่านก็อนุญาต ตอนนี้คิดว่าถ้าไม่มีปัญหาอะไร คงได้ปฏิบัติที่วัดนี้แน่นอน เคยได้ยินชื่อหลวงพี่เล็กท่านมานานจากในเว็บนี้ รู้สึกดีใจมากเลยครับ ตกลงได้ฝึกอาณาปานสติตามเดิมครับ ในระหว่างนี้ผมก็จะฝึกพุทโทไปตามเดิม เอาไว้ผมจะเล่าอาการให้ฟัง ผิดพลาดส่วนไหนรบกวน ช่วยแนะนำแก้ไขอาการให้ด้วยนะครับ นึกเสียว่าช่วยเด็กคนนึงให้รู้เท่าทันจากกิเลส ไม่มากก็น้อยก็ยังดีครับ ขอถือโอกาสนี้ยึดทุกท่านเป็นอาจารย์ด้วยเลยนะครับ
    ขอโทษที่อักษรติดกันไปหน่อยครับ พอดีผมพิมพ์กับโทรศัพท์ครับ ขอบพระคุณครับ
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ฟาดของจริงเลย.....ยินดีด้วยนะครับ...ถ้าหลวงพี่ท่านรับแล้วนะ.....

    ไปที่นั่นไปถามเลยครับ..จะเอาอะไร....จะเอากรรมฐานอะไร.....มีให้หมดหละ....แต่บอกไว้ก่อนนะว่า....ท่านชอบคนเอาจริง....ถ้าคุณไม่จริงระวังไว้จะดี....ท่านจะไล่เข้าให้....

    ขอยินดีด้วยอีกครั้ง.....
     
  9. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    ที่วัดท่าซุงครับอนุญาติให้ใครก็ได้ไปฝึกมโนอิทธิ ได้คราวละ 7 วันโดยไม่ออกแต่ในกรณีที่เป็นพระวัดอื่นผมว่าก็อนุญาติน่ะครับ แต่สำหรับตัวผมเรียนกรรมฐานทุกกองจากหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ แต่ที่ผมทำบ่อยที่สุดก็คืออาณาปานสติ เพราะหลวงพ่อสอนผมว่าอานาปานสติเป็นพื้นฐานของทุกกอง เพราะเวลาผมจะเพ่งกสินผมก็เริ่มจับลมหายใจพอใจสงบก็็นึกถึงนิมิตกสิน รวมถึงมโนอิทธิบางที่ผมก็ขึ้นด้วยอาณาปานสติ ต่อด้วยเตโชกสินแล้วค่อยไปจับภาพ พระพุทธเจ้าอ่ะครับ ขออนุโมธนาน่ะครับ ยังไงหากมี่ข้อสงสัยก็ลองเข้าไปในเว็ปวัดท่าซุงแล้วโทรถามเลยก็ได้น่ะครับ แต่ที่แน่ๆเลยน่ะครับช่วงที่เข้าถือธุดงกันอ่ะครับผมไปก็เห็นพระจากหลายวัดมาฝึกกันด้วยอ่ะครับยังไงขอให้ดูกำหนดการดูน่ะครับ แต่เห็นท่านบอกว่าอยากมีอาจารย์จริงๆจังๆสักที่ ผมเองก็ไม่มีอะน่ะครับเพราะผมเกิดไม่ทันหลวงพ่ออ่ะครับ หลวงพ่อท่านดับขันธ์ไปเสียก่อน น่าเสียดายฮึๆๆๆ
     
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647

    วัดท่าซุงนี่ถ้าพระอาคันตุกะ...นี่ต้องมีใบอนุญาติจากต้นสังกัดหรือเปล่าครับ.....วัดค่อนข้างมีระเบียบมากนะครับ.....ถ้าจะไปนี่ต้องโทรถามให้ชัด....เพราะถ้าบวชแล้วไป..กับเป็นฆราวาสแล้วไป....อันนีคนละเรื่องเลย....

    อย่างถ้าจะบวชที่นี่ต้องสอบกรรมฐานต้องผ่าน....ไม่ผ่านก็ไม่ได้บวชอีก....อย่างน้อยกรรมฐานต้องได้ก่อนบวช....และเป็นเตวิชโชกรรมฐานด้วย....ไม่ได้สอบสุขวิปัสสโก.....

    บวชที่นี่พูดง่ายๆ...ต้องได้และทรงกรรมฐานจนเป็นปกติ...ถึงจะบวชได้ที่โบสถ์วัดท่าซุง.......

    จขกท. ไปเรียนที่ วัดท่าขนุน ก็ดีนะครับ.....หลวงพี่เล็ก ท่านก็บวชที่โบสถ์วัดท่าซุงเหมือนกัน...และติดตามหลวงพ่อมานาน....อย่างไรผมว่าก็ดีแล้วนะครับ.....ว่างๆก็ศึกษาจากหลวงพ่อเพิ่มเติม....อีกอย่างบวชไม่นาน....แปล็บๆ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2011
  11. numbernine

    numbernine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +285
    ยิ่งทำยิ่งจับลมยากขึ้นทุกวัน


    ตอนแรกเหตุผลที่ผมอยากจะเปลี่ยนวิธีนั่งจากอานาปานสติ เป็นวิธีอื่นนี่ไม่ใช่เพราะผมไม่เห็นคุณของอานาปานสติหรอกครับ เพียงแต่ยิ่งทำนานไป เหมือนเรายิ่งแย่ลงไปทุกวัน ครั้งแรก ๆ ที่ผมเริ่มทำสมาธิด้วยพุท - โธ ผมใช้วิธีจับลมหายใจที่เข้า ออก สัมผัสปลายจมูก ซึ่งผมก็สามารถจับได้ชัดเจนนะครับ และมีอาการปิติเกิดขึ้นมาตลอด และเยอะมากเกือบทุกตัวตามตำราเลยก็ว่าได้ เช่น ขนลุก น้ำตาไหล ตัวหนัก ตัวลอย ตัวย่อ ตัวสูง ตัวโยก ไฟช็อต เห็นแสงสว่าง รู้สึกเหมือนร่างกายเป็นหิน ตอนแรกก็ตื่นเต้นแต่ช่วงหลัง ๆ ก็ไม่สนใจ ให้สติกลับมาที่ลมหายใจ แต่ไฉนเลยวันนี้รู้สึกว่าอาการเหล่านี้หายไปมากแล้ว ปิติแทบไม่เกิด อันนี้ไม่เป็นไร แต่ที่เริ่มว่าจะมาผิดทาง คือว่า ตอนนี้จับลมหายใจยากมากเลยครับเรารู้นะครับว่าตอนนี้หายใจเข้าหรือออก เพียงแต่ลมมันเบาและยาวมากจนจับแทบไม่ได้ จนเดี๋ยวนี้ทิ้งคำว่าพุท โธไปเลย คือได้ยินมาว่ายิ่งทำลมหายใจยิ่งจับง่ายขึ้นไม่ใช่เหรอครับ ก็เลยเกิดความลังเลว่านี่อาจไม่ใช่แนวทางที่เราถนัด แต่หลังจากเลิกนั่งก็โอเคดีนะครับ มันรู้สึกนิ่งและสงบมาก จนไม่อยากทำอะไร ไม่อยากพูด กิน ดูอะไรทั้งสิ้น และหลายครั้งที่ผมอยู่ท่ามกลางผู้คน หรือใครถามอะไรผม ผมก็ไม่ได้ยิน บางทีได้ยินก็ไม่ตอบ จนโดยด่าว่าเพิ่งทำสมาธิแล้วเอาสติไปไว้ไหนหมด 555 ตอนนี้ก็ยังไม่เลิกทำหรอกครับ ลืมบอกไปว่าอิริยาบทปกติ ผมก็จับลมไปเรื่อย ๆ พอนึกได้ว่าลืมก็จับใหม่ นั่งมาเป็นปีแล้ว ก็ยังไม่เข้าสู่ญาณเลย ( แต่เวลานั่งก็ไม่ได้อยากหรอกครับ เพราะทราบมาว่ายิ่งอยากยิ่งไม่ได้ ) ผมคิดว่าต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาดแน่เลยครับ ยังไงต้องขอคำแนะนำแล้วหล่ะครับ ผมพร้อมจะนับหนึ่งใหม่เสมอ ผมอยากให้ก้าวหน้าก่อนบวชหน่ะครับ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงเดียวที่จะได้ทำเต็มที่ ขอบพระคุณครับ



    อีกอย่างวันนี้ผมไปห่มผ้าพระบฎพระธาตุนครศรีธรรมราชบ้านผมมา นำบุญมากฝากทุกท่านด้วยครับ
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    <O:p</O:p
    <TABLE style="WIDTH: 26%; mso-cellspacing: 1.5pt; mso-yfti-tbllook: 1184" class=MsoNormalTable border=1 cellPadding=0 width="26%"><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt">
    อัปปนาสมาธิหรือฌาน<O:p</O:p

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ต่อไปนี้จะพูดหรือแนะนำใน อัปปนาสมาธิคำว่า อัปปนาสมาธิ เป็นสมาธิใหญ่ มีอารมณ์
    มั่นคง เข้าถึงระดับฌานตั้งแต่ฌานที่หนึ่งถึงฌานที่สี่ แต่ก่อนที่จะพูดถึง อัปปนาสมาธิ ขอย้อน
    มาอธิบายถึงอุปจารสมาธิเล็กน้อยก่อน การที่พูดมาแล้วเป็นการพูดในเรื่องของนิมิตโดยตรง
    ท่านที่ไม่นิยมนิมิตจะไม่เข้าใจ

    อุปจารสมาธิระดับสุดท้าย
    เมื่อจิตเข้าถึงอุปจารสมาธิขั้นสุดท้าย ถ้าผู้ปฏิบัติไม่สนใจในนิมิต หรือสร้างนิมิตให้เกิดขึ้น
    ไม่ได้ ให้สังเกตอารมณ์ใจดังนี้ อารมณ์นี้มีเหมือนกันทั้งท่านที่ถือนิมิตหรือไม่ถือนิมิต คือจะมี
    ความรู้สึกว่ามีอารมณ์ตั้งมั่นทรงตัวดี มีความชุ่มชื่นไม่อิ่มไม่เบื่อในการปฏิบัติ มีอารมณ์เป็นสุข
    เยือกเย็นมาก ซึ่งไม่เคยพบมาเลยในชีวิต และมีอารมณ์เป็นหนึ่ง กำหนดอารมณ์ไว้อย่างไร
    อารมณ์ไม่เคลื่อนจากที่ตั้งอยู่ได้นาน ตอนนี้เป็น ฌาน อารมณ์ที่สังเกตได้คือ
    ๑.รู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออกคำภาวนาทรงตัว ไม่ลืมไม่เผลอไม่ฟุ้งไปสู่เรื่องอื่น
    นอกเหนือจากที่คิดจะภาวนา มีอารมณ์เต็มเปี่ยมด้วยกำลังใจไม่อิ่มไม่เบื่อไม่อยากลุกออกจากที่
    มีความสุขหรรษาเป็นพิเศษ ซึ่งไม่เคยมีความสุขใดในชีวิตที่เคยพบมาก่อนเลยมีอารมณ์ตั้งมั่นดิ่ง
    อยู่ในที่เดียวเป็นพิเศษ (ข้อห้านี้เป็นฌาน)หูได้ยินเสียงทุกอย่างชัดเจนมากที่เข้ามากระทบ
    ประสาทหู เสียงคนหรือเสียงสัตว์ธรรมดาไม่ใช่เสียงทิพย์ แม้แต่เสียงเครื่องขยายเสียงที่มีเสียงดัง
    มาก ตอนนี้ได้ยินทุกอย่างชัดเจนตามปกติแต่ไม่รำคาญในเสียงนั้นเลยคงภาวนาหรือกำหนดรู้ลม
    หายใจเข้าออกได้เป็นปกติเหมือนไม่มีเสียงรบกวนลมหายใจจะเบากว่าเวลาปกติจนสังเกตได้ชัด
    อาการอย่างนี้ท่านเรียกว่า ปฐมฌาน คือฌานที่หนึ่ง
    ๒.เมื่อจิตเป็นสมาธิในฌานที่สองมีความรู้สึกดังนี้คือจะรู้สึกว่าคำภาวนาหายไป
    บางท่านหรือหลายท่านควรจะพูดว่า มากท่านก็คงไม่ผิดเมื่ออารมณ์เข้าถึงฌานที่สองใหม่ๆ
    อารมณ์ยังไม่ชิน เมื่อขณะที่จิตทรงอยู่ในฌานนี้ จะมีความอิ่มเอิบสุขสบาย จะเผลอตัว เมื่อจิต
    มีสมาธิลดลง เพราะกำลังจิตถอยสมาธิ จะลดลงอยู่ที่อุปจารสมาธิตอนนี้อารมณ์คิด คือความ
    รู้สึกก็เกิดขึ้น เมื่อจิตตั้งอยู่ในฌานจะไม่สามารถคิดอะไรได้ เพราะเอกัคคตารมณ์คืออารมณ์
    เป็นหนึ่งไม่มีอารมณ์คิดจะทรงตัวเฉยอยู่และไม่มีคำภาวนา คำภาวนานี้ตั้งแต่ฌานที่สองถึงฌาน
    ที่สี่จะไม่มีคำภาวนาเมื่อรู้สึกตัวว่าไม่ได้ภาวนาก็จะคิดว่าตนเองหลับไปหรือเผลอไป ความจริง
    ไม่ใช่ ซึ่งเป็นอาการของฌานที่สอง
    ๓.เมื่อจิตมีสมาธิเข้าถึงฌานที่สามตอนนี้จะรู้สึกว่า ลมหายใจเบาลงมาเกือบไม่รู้สึก
    ว่าหายใจ แต่ความจริงยังรู้สึกถนัดอยู่แต่เบามากนั่นเอง อาการทางร่างกายจะรู้สึกเหมือนเกร็งไป
    ทั้งร่าง แต่ความจริงร่างกายเป็นปกติ แต่ที่มีความรู้สึกอย่างนั้นเป็นอาการของสมาธิ เสียงภายนอก
    ที่เข้ามากระทบหูเกือบไม่ได้ยินเสียงนั้นเลยได้ยินแต่เบามาก จิตทรงอารมณ์เป็นหนึ่งสงัดดีมาก
    เป็นพิเศษ อย่างนี้เป็นอาการของฌานที่สาม
    ๔.อาการของฌานที่สี่เมื่อจิตเข้าถึงฌานที่สี่ ฌานสี่นี้มีสองขั้นคือ หยาบ กับ ละเอียด
    สำหรับฌานหนึ่ง สอง สาม นั้น แต่ละฌานมีสามชั้นคือ หยาบ กลาง ละเอียด ที่ไม่อธิบายไว้ ก็
    เพราะกลัวจะเฝือ เพราะเมื่อฝึกได้ใหม่ยังไม่มีกำลังใจที่แน่นอน ประเดี๋ยวได้ประเดี๋ยวสลายตัว
    อธิบายละเอียดเข้าแทนที่จะเป็นผลดี จะกลายเป็นอาหารผสมยาพิษไปจุกจิกใจเข้าเลยเลิกดีกว่า
    เป็นอันว่ารู้กันว่าเป็นฌานชั้นที่สี่ก็พอ ฌานอื่นๆ พอรู้ว่าถึงฌานก็พอ จงอย่าลืมว่าเมื่อถึง
    ฌานแล้วเวลาไม่นานก็พลัดจากฌาน คืออารมณ์ลดลงมาที่อารมณ์ปกติ ให้คิดว่าเราถึงฌานได้แล้ว
    จะอยู่นานหรือไม่นานก็ช่างเป็นอันว่าเราเข้าถึงธงชัยแล้วก็ดีถมไป วันนี้ฌานสลายตัววันหน้าเวลา
    หน้ายังมีอีก เมื่อเรายังไม่ตายเพียงใด เราก็เล่นเพลิดเพลินในฌานให้อารมณ์เป็นสุข เพื่อเพราะ
    กำลังสมาธิไว้เป็นกำลังช่วยตัดกิเลสในโอกาสหน้าต่อไป
    เลอะเทอะมาเสียนาน ตอนนี้เข้าตอนฌานสี่กันเถอะ เมื่อจิตเข้าถึงฌานสี่หยาบตอนนั้นจะมี
    ความรู้สึกว่า ลมหายใจหายไป ไม่รู้สึกว่าหายใจแต่ที่จริงแล้วลมหายใจยังมีตามปกติแต่ทว่าจิต
    ไม่รับทราบว่าร่างกายทำอะไร หายใจหรือไม่ จิตใจย่อมไม่รับรู้ตามท่านพูดว่าจิตกับประสาทแยก
    กันเด็ดขาด แต่ตอนฌานสี่หยาบนี้จิตแยกออกจากประสาทจริงแต่ยังไปไม่ไกลนัก ฉะนั้นเมื่อมี
    เสียงดังขนาดเครื่องขยายเสียงที่ดังมากๆ ตั้งอยู่ใกล้หูยังพอได้ยินแว่วๆ เหมือนอยู่ไกลกันมาก
    เมื่อจิตเข้าถึงฌานสี่ละเอียด ตอนนี้สบายมาก เพราะไม่รู้อะไรเลย (ไม่ใช่หลับ) ภายใน
    กำลังของจิตเข็มแข็งมาก มีความสว่างโพลง แต่จิตไม่ยอมรับรู้เรื่องของประสาทเลย ไม่ว่า
    เสียงหรือการกระทบกาย จิตไม่ยอมรับทราบด้วยประการทั้งปวง อาการของฌานสี่ที่ละเอียด
    เป็นอย่างนี้
    ที่นำอาการของฌานมากล่าวไว้ที่นี้ก็เพราะว่าการปฏิบัติในหมวดสุกขวิปัสสโก ก็ทรงฌาน
    เหมือนหมวดอื่นเหมือนกัน เพื่อนักปฏิบัติจะได้ทราบอาการเอาไว้ เพราะมีผู้มาถามเรื่องอาการ
    ของฌานนี้นับรายไม่ถ้วน บางรายถามแล้วถามอีกถามบ่อยๆ ชักสงสัยว่าทำจริงหรือเปล่า เพราะ
    ผู้ทำจริงเขาไม่ถามบ่อย เมื่อถามแล้วเอาไปปฏิบัติได้แล้วรู้เรื่องก็ไม่มีเรื่องถามต่อไป<O:p></O:p>
    **************************************************<O:p</O:p

    เข้าศึกษาได้ตั่งแต่เริ่มต้น...ทั้งหมด....ได้ที่นี่....หนังสือเล่มนี้เนื้อหาเพียงพอสำหรับผู้ที่จะปฏิบัติด้วยตนเอง....รวบรวมวิธี...และอาการทางสมาธิ...ทั้งหมด....ควรศึกษาให้เข้าใจสัก 1 รอบ(ไม่ยาวนัก)แล้วปฏิบัติได้เลย....คำถามทางสมาธิส่วนใหญ่ที่ถามในบอร์ดมักอยู่ที่นี่.......

    วิธีฝึกกรรมฐานด้วยตนเองแบบง่ายๆ....โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ...

    http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=7 <O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
  13. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ณานทรงได้แต่อย่าลงลึกนะครับ....เวลาปฏิบัติเอาเต็มที่อย่างไรก็ได้.....

    แต่ตอนทำงานจะต้องถอนลงมาให้ทำงานได้....ถ้าทรงแล้วไม่ถอนตลอด....มันก็จะหูดับตาดับ ออกนิ่งๆ เป็นช่วงๆ อย่างนั้นหละ......ขับรถนี่ไม่ได้เด็ดขาด.....ใหลลงมาอยู่ที่ขนิกสมาธิก็พอ....จะมีกำลังมาก.....รู้ลมหายใจเบาๆหรือพักชั่วคราวไปเลย....

    หลวงปู่ชา ท่านเคยสอน ผู้ที่ฝึกได้ฌานต้องรู้จักใช้งาน เหมือนกันเรารู้ขีดความสามารถของเด็กและผู้ใหญ่ในการทำงานอย่างนั้นหละ.....
     
  14. numbernine

    numbernine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +285
    ถึงพี่ phanudet ครับ

    [/SIZE
    ขออนุญาติถือวิสาสะเรียกว่าพี่แล้วกันนะครับ ขอบพระคุณมากนะครับที่คอยแนะนำผมมาเสมอ ขออนุญาติถามตรง ๆ นะครับว่าสิ่งที่พี่จะบอกผมก็คือ ผมเริ่มได้ญาณแล้วใช่ไหมครับ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็แสดงว่าสิ่งที่ผมทำมาในหนึ่งปีไม่สูญเปล่า และจะตั้งใจปฏิบัติตามเดิมโดยไม่ลังเลสงสัย เมื่อผมเทียบเคียงอาการจากข้อมูลที่พี่ให้มาคิดว่าคงยังไม่
    ถึงญาณสี่หรอกคับเพราะหูกับตาและร่างกายยังไม่ดับโดยสมบูรณ์ ขาดความรู้สึกตั้งแต่คอลงมาเท่านั้น เพียงแต่ทุกอย่างมันเบาลงจนเห็นได้ชัด อันนี้อาจจะเป็นญาณในระดับต่ำกว่าญาณสี่ใช่ไหมครับ อีกคำถามหนึ่งคือการทรงญาณนั้น หากเราทำสมาธิได้สูงสุดแค่ญาณ 1 2 3 ก็สามารถทรงได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นญาณสี่อย่างเดียวใช่ไหมครับ ลืมบอกไปครับเคยเจอ 1 ครั้งเมื่อเดือนที่แล้วที่หมดความรู้สึกกับร่างกายไป เหมือนกับโล่งไปหมด อันนี้เกิดขึ้นไม่กี่วินาทีเองครับ แล้วก็กลับเข้าสู่ปกติและไม่เคยเจออีกเลย




    ในส่วนของวัดที่จะไปผมตัดสินใจแล้วล่ะครับว่าเป็นวัดท่าขนุน เพราะพี่ช่วยไว้เลยแท้ ผมเชื่อว่าพระพุทธองค์กับหลวงพ่อฤาษีท่านส่งหลวงพี่เล็กและพี่มาช่วยผมแน่ ๆ เลยเพราะผมอธิษฐานไว้ด้วยครับ แหะ แหะ


    อีกอย่างขอตั้งตัวเป็นลูกศิษย์พี่ด้วยนะครับเพราะเชื่อว่าพี่เองก็มีภูมิรู้ภูมิธรรมสูงแน่นอน อย่างน้อยพี่จะได้เป็นที่ปรึกษาให้ผมด้วย

    ด้วยความเคารพครับ
     
  15. numbernine

    numbernine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +285
    เอ่อ เพิ่งมานึกได้ อยากทราบว่าท่าน Phanudet ไม่ทราบว่าเป็นพระหรือฆราวาสครับ ผมเห็นคำว่า Pha หน้าชื่อ ถ้าเป็นพระนี่นรกกินหัวผมแน่เลย กราบขอขมาด้วยนะครับหากท่านเป็นพระ

    ผมกลัวที่ผมเรียกว่าพี่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2011

แชร์หน้านี้

Loading...