การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากเป็นอย่างยิ่ง

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 11 มีนาคม 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    หลังจากที่ทุกคนได้กราบขอขมา พระอาจารย์ เนื่องในวาระปีใหม่แล้ว ท่านได้ให้โอวาทแก่พวกเราว่า "พวกเราทุกคนเป็นบุคคลที่โชคดีอย่างมหาศาล เพราะการที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก พระพุทธเจ้า ทรงตรัสว่า กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากเป็นอย่างยิ่ง

    อรรถกถาจารย์ ท่านเปรียบเอาไว้ว่า เหมือนกับเอาเต่าตาบอดตัวหนึ่ง โยนไปในทะเลที่เต็มไปด้วยคลื่นลม แล้วมีแอกเล็กๆ ขนาดพอที่จะสวมหัวเต่าได้ทิ้งเอาไว้ในทะเลนั้นด้วย ประมาณร้อยปี เต่าตัวนั้นลอยขึ้นมาครั้งหนึ่ง..ร้อยปีลอยขึ้นมาครั้งหนึ่ง ถ้าบังเอิญหัวเต่าสวมแอกเมื่อไร ก็คือบุคคลหนึ่งที่มีโอกาสจะได้เกิดมา

    อย่างที่สอง พระองค์ ตรัสว่า กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ การที่จะรักษาชีวิตให้อยู่รอดมาได้ก็แสนยาก เพราะชีวิตเรามีแค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หรือว่าเกิดเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่ก็โดนทำแท้งไป ๒,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ ศพ อย่างที่เป็นข่าวกัน เราจะเห็นว่า การเอาชีวิตรอดในสังคมนี้เป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง

    อย่างที่สาม พระองค์ท่าน ตรัสว่า กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ การที่จะได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าก็แสนยาก ถ้ายิ่งในตอนท้ายของพระพุทธศาสนา ขนาดขอฟังธรรมแค่ประโยคเดียว ก็ไม่มีใครสามารถที่จะบอกได้ ถ้าเกิดในช่วงที่โลกว่างพระพุทธศาสนา ไม่มีศีลไม่มีธรรมเลย ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

    และท้ายสุด สิ่งที่ลำบากที่สุด ก็คือ กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท การเกิดของพระพุทธเจ้านั้นยากที่สุด อย่างน้อยต้อง ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป กว่าที่พระองค์ท่านจะสร้างบารมีแล้วบรรลุเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"

    "แต่การบรรลุเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราว่าพระองค์ท่านต้องสร้างบารมี ๔ อสงไขยกับแสนมหากัปนั้น เป็นแค่ตอนปลายเท่านั้น ในบาลีบอกว่า จิตติตัง สัตตสังเขยยัง แค่คิดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องใช้เวลาถึง ๗ อสงไขยกัป นวสังเขยยะ วาจะกัง ออกปากว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องใช้เวลาอีก ๙ อสงไขยกัป รวมเป็น ๑๖ อสงไขยกัปแล้ว

    หลังจากนั้นจึงทำกาย วาจา ใจ ทุกอย่าง สร้างบุญสร้างบารมีเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าอีก ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป เป็นอย่างน้อย รวมแล้วก็ ๒๐ อสงไขยกัปเศษๆ เพราะฉะนั้น..ไม่ใช่แค่ ๔ อสงไขยกัปแล้วจะจบนะจ๊ะ

    ถ้าเป็น พระพุทธเจ้าแบบศรัทธาธิกะ ก็บวกไปอีกเท่าตัว คือ ๔๐ กว่าอสงไขยกัป ถ้าเป็น แบบวิริยาธิกะ ก็บวกไปอีกเท่าตัวหนึ่งของศรัทธาธิกะ คือ ๘๐ กว่าอสงไขยกัป แค่กัปเดียวก็เกิดจนนับไม่ถ้วนแล้ว ถ้าโครงกระดูกของเราไม่เสื่อมสลาย เชื่อว่าคงท่วมจักรวาลไปนานแล้ว

    สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ายากเย็นแสนเข็ญทั้งหมดนี้ พวกเราทั้งหลายสามารถผ่านพ้นมาได้ เกิดมายากเราก็เกิดมาแล้ว รักษาชีวิตให้อยู่รอดได้ยาก เราก็อยู่รอดมาแล้ว การฟังธรรมหาฟังได้ยาก เราทุกคนก็ได้ฟังและปฏิบัติตามอีกด้วย การเกิดของพระพุทธเจ้าที่ว่ายาก เราก็เกิดทันพระพุทธศาสนาของพระองค์ท่าน จึงถือว่าพวกเราทั้งหมดเป็นบุคคลที่โชคดีอย่างยิ่ง

    ลองนึกดูว่า คนในประเทศไทย ๖๓ ล้านคนเศษ มีบุคคลที่เข้าวัดเข้าวา และปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังสักเท่าไร ? แค่เศษสามล้านคนมีถึงไหม ? เชื่อว่าไม่ถึงอย่างแน่นอน ที่เหลืออย่างดีก็แค่ใส่บาตรวันเกิดตัวเองปีละครั้ง..!

    นอกจากนี้ ถ้าเอาพวกเราไปเปรียบกับประชากรโลกอีกห้าพันกว่าล้านคน พวกเราจะเป็นพวกที่แปลกแยกจากสังคมจริงๆ เป็นพวกที่เขาไม่คบแล้ว จึงได้มาอยู่รวมกันตรงนี้..!"




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2011
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    .

    "อาตมาจึงได้บอกกับพวกเราในตอนแรกว่า พวกเราเป็นผู้โชคดีอย่างยิ่ง ที่เรารู้จักและพบพระพุทธศาสนา ขณะเดียวกันก็รู้จักธรรมะ อะไรดีอะไรชั่วเราก็รู้ เพราะฉะนั้น..อย่าให้เสียทีที่เกิดมา มีโอกาสเกิดมาแล้ว รู้ว่าทานดีอย่างไร ? ศีลดีอย่างไร ? ภาวนาดีอย่างไร ? ก็ต้องพยายามทำไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นการสั่งสมกำลังของเรา

    เนื่องเพราะว่าวัฏสงสารนี้ ประกอบไปด้วยแรงดึงดูดอย่างมหาศาล โดยเฉพาะเรื่องของกิเลส ตัณหา อุปาทานและอกุศลกรรม ที่จะดึงดูดเราให้ติดอยู่ ให้ทุกข์อยู่ตลอดไป ไม่รู้จักหยุด ไม่รู้จักเบื่อเสียที ถ้าเราสั่งสมความดีไม่เพียงพอ กำลังของเราก็ไม่พอที่จะส่งให้เราหลุดพ้นไปได้ เราก็ยังต้องทุกข์อยู่ไม่รู้จบ

    ดังนั้น..อย่างน้อยๆ ทุกคนต้องรักษาตนโดย การยึดหัวหาด ความเป็นพระอริยเจ้าระดับโสดาบัน เอาไว้ คือ ต้องมีความเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย วาจา ใจ รักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์

    ไม่ละเมิดด้วยความตั้งใจของตน ยกเว้นพลั้งเผลอโดยไม่เจตนา และท้ายสุดมีความรู้ตัวอยู่เสมอว่า ชีวิตนี้ต้องตายแน่นอน ถ้าตายเราขอไปพระนิพพาน

    ถ้าเรายึดหัวหาดตรงนี้ไว้ อย่างเก่งเราก็เกิดอีก ๗ ชาติเท่านั้น และเกิดอยู่ในสุคติภูมิ ก็คือ ระหว่างมนุษย์กับเทวดาหรือพรหมเท่านั้น แต่ถ้าเราสามารถก้าวล่วงขึ้นไปสูงกว่านั้นได้ ก็ไม่ต้องลงมาเกิดอีก ก็คือไปอยู่ที่ สุทธาวาสพรหม เป็น พระอนาคามี แต่ก็ยังมีความทุกข์อยู่ ก็คือ ต้องลำบากในการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น

    เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ ก็ว่ากันให้จบไปในชาติเดียวเลย เห็นความไม่ดีของร่างกายนี้ เห็นความไม่ดีของโลกนี้ ในเมื่อมีความทุกข์อย่างนี้ เราขอทนอยู่แค่ชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น ขึ้นชื่อว่าการเกิดใหม่มาทุกข์อย่างนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีก ตายเมื่อไรจบกันแค่นี้ เราขอไปอยู่พระนิพพานกับพระพุทธเจ้า อยู่กับหลวงพ่อของเรา"

    "ถ้าเราตั้งกำลังใจไว้อย่างนี้ แล้วภาวนาเอาจิตเกาะพระนิพพานไว้ให้มั่นคง เช้าสัก ๕ นาที เย็นสัก ๕ นาทีก็พอ มั่นใจว่าความดีที่เราสะสมนี้ ถ้าถึงวาระสุดท้าย สติ สมาธิ ปัญญาที่สั่งสมมา น่าจะมีกำลังเพียงพอ แต่ถ้าเรามีโอกาสก็กอบโกยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เจอเขาทำบุญที่ไหน เล็กใหญ่แค่ไหนเราทำหมด เจอการปฏิบัติภาวนาที่ไหน เราก็ร่วมทำกับเขาทุกครั้ง

    หรือในแต่ละวัน เรานึกถึงลมหายใจเข้าออกของเราครั้งหนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง เพราะฉะนั้น..เราใช้วิธีนี้ วิธีที่เดินเข้าไปพระนิพพานด้วยลมหายใจตัวเอง หายใจเข้าออกครั้งหนึ่งเราก็เข้าใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง หายใจเข้าออกครั้งหนึ่งเราก็เข้าใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง โดยอาศัยพระนามของพระพุทธเจ้า คือ พุทโธก็ได้ นะมะพะธะก็ได้ สัมมาอะระหังก็ได้ เป็นเครื่องนำทางเราไปสู่พระนิพพาน

    หลังจากนั้น ก็พยายามใช้ปัญญาดูให้เห็นว่า สภาพร่างกายก็ดี วัตถุธาตุสิ่งของก็ดี สภาพของโลกนี้ก็ดี มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ อาศัยไม่ได้เลย เดี๋ยวก็พังหมด มีความทุกข์เป็นปกติการดำรงชีวิตอยู่ ไม่มีสักวันเลยที่มีความสุขสบายอย่างแท้จริง

    และท้ายที่สุด ไม่มีอะไรยึดถือเป็นตัวเป็นตนได้ สักแต่ว่าเป็นรูป สักแต่ว่าเป็นธาตุ ที่เรามาอยู่มาอาศัยตามสภาพของเวรกรรมที่สร้างมา ท้ายสุดก็เสื่อมสลายตายพังไปหมด ในเมื่อสภาพของร่างกายเป็นอย่างนี้ เราก็ขอคบแค่ชาตินี้ชาติเดียวแล้วจบกัน

    ถ้าตั้งใจอย่างนี้ไว้ แล้วเอาจิตสุดท้ายเกาะพระพุทธเจ้าหรือเกาะพระนิพพานเอาไว้ ทำให้เคยชินแล้วทุกคนจะไม่เสียทีที่เกิดมา เรามีโอกาสที่จะหลุดพ้น เราเป็นบุคคลจำนวนน้อยนิดที่มีโอกาสสมบูรณ์มากกว่าคนอื่นเขา จงใช้โอกาสของตนให้สมกับความโชคดีของเรา ปีใหม่นี้ก็ขอฝากเอาไว้เท่านี้"



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2011
  3. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    .

    "เมื่อทุกคนตั้งใจมาทำ สามีจิกรรม ก็ขอให้จำไว้ว่า ในเรื่องของพระรัตนตรัยก็ดี หรือตลอดจนบุคคลซึ่งก็คือพระสงฆ์ก็ดี ในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครโกรธเกลียดพวกเรา

    สิ่งที่พวกเราได้ล่วงเกินไปนั้นก่อให้เกิดเป็นกรรม ที่ทำให้เข้าสู่พระนิพพานได้ช้า การที่เราได้มาทำมาสามีจิกรรม ขอขมากรรมต่อกัน ก็คือทำให้กรรมเหล่านั้นขาดลง จะได้ไม่มาผูกมารั้ง ให้เราต้องติดอยู่ในส่วนที่ไม่พึงปรารถนาทั้งหลายเหล่านี้อีก ถือว่าเราได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุด ถือว่ากรรมทั้งหลายเหล่านี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ก็ให้สิ้นสุดลง

    ให้ทุกคนตั้งใจรักษากาย วาจา และใจของเราให้ดี พยายามยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาะในส่วนของนามธรรม ก็คือ คุณของพระพุทธเจ้าจริงๆ คุณของพระธรรมจริงๆ คุณของพระสงฆ์จริงๆ เป็นหลัก อย่ายึดถือในตัวบุคคล เพราะว่าตัวบุคคลไม่ว่าจะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี หลวงปู่ หลวงพ่อ ตลอดจนตัวอาตมาก็ดี ท้ายสุดก็ต้องพบกับภาวะของความเป็นจริง ก็คือเสื่อมสลายตายพังไปเช่นกัน

    ถ้าเราสามารถยึดคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ที่เป็นคุณความดีของพระองค์ท่านได้ นั่นจะเป็นหนทางนำเราไปสู่พระนิพพาน ในเมื่อเราได้ทำความดีทั้งหมดแล้ว ก็ขอให้ตั้งใจรับพรจากพระด้วยจ้ะ

    ระตะนัตตะยานุภาเวนะ.......ระตะนัตตะยะเตชะสา
    ทุกขะโรคะภะยา เวรา.......โสกา สัตตุ จุปัททะวา
    อะเนกา อันตะรายาปิ.......วินัสสันตุ อะเสสะโต
    ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง.......โสตถิ ภาคยัง สุขัง พะลัง
    สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ.......โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา
    สะตะวัสสา จะ อายุ จะ.......ชีวะสิทธี ภะวันตุ เต ฯ"



    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๔



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2399&page=7




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2011
  4. bcbig_beam

    bcbig_beam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +3,246
    เกิดมายากเราก็เกิดมาแล้ว รักษาชีวิตให้อยู่รอดได้ยาก เราก็อยู่รอดมาแล้ว การฟังธรรมหาฟังได้ยาก เราทุกคนก็ได้ฟังและปฏิบัติตามอีกด้วย การเกิดของพระพุทธเจ้าที่ว่ายาก เราก็เกิดทันพระพุทธศาสนาของพระองค์ท่าน จึงถือว่าพวกเราทั้งหมดเป็นบุคคลที่โชคดีอย่างยิ่งเอาจิตสุดท้ายเกาะพระพุทธเจ้าหรือเกาะพระนิพพานเอาไว้ ทำให้เคยชินแล้วทุกคนจะไม่เสียทีที่เกิดมา เรามีโอกาสที่จะหลุดพ้น เราเป็นบุคคลจำนวนน้อยนิดที่มีโอกาสสมบูรณ์มากกว่าคนอื่นเขา จงใช้โอกาสของตนให้สมกับความโชคดีของเรา

    ขอกราบโมทนาในธรรมทานด้วยครับ
    สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...