การอุทิศบุญให้ถึงแน่นอน รวดเร็ว ฉับพลัน โดย พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล(น่าอ่าน มีเหตุึมีผลมากครับ)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 1 มกราคม 2009.

  1. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,792
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    การอุทิศบุญให้ถึงแน่นอน รวดเร็ว ฉับพลัน โดย พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล(น่าอ่าน มีเหตุึมี

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12075

    การอุทิศบุญให้ถึงแน่นอน รวดเร็ว ฉับพลัน
    โดย พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล


    พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่หล้า เขมปัตโต พระอริยเจ้าแห่งวัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ) อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2529 ฝ่ายธรรมยุติ หลังจากอุปสมบทมาไม่นานก็เกิดความประทับใจกับประสบการณ์ทางจิตที่ได้รับจาก การฝึกเล่นๆ จึงตั้งใจอยู่ปฏิบัติต่อ แล้วไปขออยู่กับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แต่ท่านได้แนะนำให้ไปอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่หล้าที่วัดภูจ้อก้อ เมื่อไปก็ไม่ได้อยู่กับหลวงปู่หล้า แต่อยู่วัดใกล้ๆ กับหลวงปู่หล้า ได้ฝึกฝนตนเองอย่างอุกฤษฏ์เป็นเวลา 5 ปี จึงรู้จักธรรมชาติพอเป็นที่สบายใจ

    ท่านมีประสบการณ์ทางจิตที่โลดโผนพิสดาร แม้เดินจงกรมก็สามารถเดินเหยียบอากาศ เอาผ้าไปพาดไว้บนกิ่งไม้สูง 10 เมตรได้ ทั้งสามารถมองเห็น ภูต ผี ปีศาจ เทวดา นาค ครุฑ ยักษ์ อย่างแจ่มชัดแม้กระทั่งลืมตา มีญาณระลึกชาติย้อนหลังได้มากมายหลายชนิด เป็นพระสงฆ์ที่ใช้เวลาท่องเที่ยวไปในนรกสวรรค์บ่อยที่สุด คล้ายนิทานเรื่องพระมาลัยโปรดสัตว์โลก เป็นพระสงฆ์รูปเดียวและรูปแรกที่กล้าพูดกล้าเปิดเผยเรื่องราวลี้ลับ โดยไม่สนใจเสียงส่อเสียดจากชาวโลก เป็นพระสงฆ์ที่ไม่สนใจสมณศักดิ์ อามิส ลาภยศ ชื่อเสียงต่างๆ รวมทั้ง เป็นพระสงฆ์ที่เทพยดาชั้นสูงต่ำ ตลอดจน ภูต ผี ปีศาจ ฯลฯ ให้ความเคารพรักมาก

    วัดของท่านจึงเป็นจุดที่เทพยดา และภูต ผี ปีศาจ เปรต ที่ตกทุกข์ได้ยากทั่วๆ ไปพากันมุ่งไปหา เพื่อขอความช่วยเหลือ และแต่ละวันประชาชนมากหน้าหลายตาทั่วๆ ไป ต่างดั้นด้นข้ามภูเขาผ่านหนทางทุรกันดารไปกราบท่านเพื่อปรึกษาหาทางแก้ไข ปัญหาชีวิตต่างๆ เมื่อนำคำสอนที่ท่านแนะนำไปปฏิบัติก็ประสบความสำเร็จที่ตนเองวาดหวังไว้ แต่ท่านไม่อยากดังถ้าไปขอนำประวัติท่านไปลงหนังสือท่านจะไม่ยอมพูดด้วย แต่ท่านจะมีเมตตาในการสอนทั้งวันทั้งคืน ท่านมีเวลาพักผ่อนในแต่ละวันน้อยจริงๆ นอกนั้นหมดไปกับการต้อนรับผู้มาเยือน กลางคืนก็ต้องต้อนรับแก้ไขปัญหาหมู่ชนในโลกทิพย์เป็นส่วนมาก แล้วนั่งพูดๆ ทั้งวัน

    ท่านมีแผ่นซีดีแจกจ่ายให้นำไปฟังแล้วบอกว่า “ฟังแล้วให้นำไปปฏบัติแล้วแจกจ่ายกันฟังต่อ ฟังเข้าใจแล้วไม่จำเป็นต้องมาเพราะคนพูดเหนื่อยแล้ว นึกอยากทำบุญให้ทำที่ไหนก็ได้ ไม่ไปวัดก็ได้ พ่อ-แม่เป็นพระอรหันต์อยู่ในบ้าน ทำบุญกับพ่อแม่แล้วอุทิศบุญให้เทวดาและเหล่าสรรพสัตว์ในโลกทิพย์ก็ได้ผลเท่า กับถวายทานในพระอรหันต์ วัดของอาตมามีพอกินพอใช้แล้ว ไม่ขาดแคลนอะไร จึงไม่มีความจำเป็นต้องมาหลั่งไหลทำบุญที่นี่”

    ดังนี้ แผ่นซีดีที่ข้าพเจ้ามอบให้ฟังนี้ เป็นหนึ่งในหลายร้อยแผ่นที่ท่านแจกจ่าย ข้าพเจ้าคัดเลือกอัดถ่ายแจกจ่ายให้คนธรรมดาทั่วๆ ไปพอฟังได้ แล้วนำไปประพฤติปฏิบัติก็จักประสบความสุข สำเร็จตามที่ผู้ฟังปรารถนา ฟังแล้วก็ปฏิบัติ ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนท่านหรอก เพราะว่าเวลาของท่านถูกเบียดบังมากขึ้นทุกวัน จนไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่ยอมบอกว่าท่านอยู่วัดไหน ตำบลไหน ก็เพื่อป้องกันมหาชนหลั่งไหลไปรบกวนท่านดุจที่หลั่งไหลไปหาหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด

    แนวการสอนของพระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล

    ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ ทั้งในโลกนี้และโลกทิพย์ มีส่วนสัมพันธ์กันเข้าไปอยู่ในกฎแห่งกรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนในการ เวียนว่ายตายเกิด ไปๆ มาๆ ที่จะไม่เคยเป็นญาติ ไม่เคยเป็นเพื่อน ไม่เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันไม่มี ชีวิตของทุกผู้ทุกคนจึงมีส่วนสัมพันธ์กันไม่มานก็น้อย ทั้งส่วนดีมากและดีน้อย ทั้งส่วนเลวมากเลวน้อย ทั้งในส่วนที่ทำให้เกิดความเคียดแค้นชังมากชังน้อย ทั้งในส่วนที่รักและอุปการะมากและน้อย นี่เป็นกรณีหนึ่ง

    การได้ดีตกยาก เจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษย์และสัตว์ ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกรรมในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ อีกส่วนหนึ่งได้รับเหตุปัจจัยกระทบจากสื่งรอบข้าง อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของสิ่งลี้ลับที่เรามองไม่เห็น เช่น เทวดาช่วยเหลือ เทวดาให้โทษ ผีให้โทษ เจ้ากรรมนายเวรที่เคียดแค้นชิงชังให้โทษ

    ในคนทุกคนจะมีเทวดาอย่างน้อย 2 องค์ เทวดาประจำตัวนี้แหละที่ชอบช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จ หรือช่วยปกป้องคุ้มครองให้เรารอดพ้นจากภัยอันตรายที่น่าหวาดเสียวได้อย่าง อัศจรรย์ ซึ่งบางทีเราก็ยกให้เป็นคุณงามความดีของวัตถุมงคลที่แขวนคอเสียก็มี เด็กน้อยบางคนไม่มีวัตถุมงคลแขวนคอเลย แต่ตกบ้านตกเรือนด้วยความซุกซน แต่ไม่ได้รับอันตรายเพราะเหมือนมีใครมาอุ้มก่อนตกพื้น บุคคลบางคนไม่มีวัตถุมงคลติดตัวเลยแต่สามารถหลุดพ้นจากอุบัติเหตุและการดัก ทำร้ายของศัตรูมาได้อย่างปาฏิหารย์ นั่นคือการปกป้องรักษาจากเทวดาประจำตัวเขา และ/หรือญาติในโลกทิพย์ของเขา

    พวกเราชาวพุทธแต่ละคนล้วนเคยทำบุญให้ทานมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งในชาตินี้และในชาติก่อน ถ้าจะนับบุญก็คงจะใหญ่เท่าภูเขาเลากาหรือเท่าก้อนโลก แต่ไม่รู้จักใช้บุญของตนเองให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบันชาติ จึงต้องรอตายแล้วจึงไปรับบุญในสรวงสวรรค์ คนทำบุญจึงชอบบ่นว่าทำแต่บุญไม่เห็นได้ดีสักที ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่เคยให้บุญแก่เทวดาที่รักษาตัวเอง ไม่เคยให้เจ้ากรรมนายเวรที่ตามจ้องกันอยู่ ไม่เคยให้เทวดาและญาติทิพย์ที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านเรือน ไม่เคยให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัว เทวดาเหล่านั้นบางองค์มีบุญน้อยมีฤทธิ์น้อย จึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้มาก แต่ถ้าเขาได้รับบุญจากเราบ่อยๆ เขาจะกลายเป็นเทวดาที่มีฤทธิ์มีอำนาจ สามารถช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จได้ดังใจหมาย บางคนอ้างว่าทำบุญทุกครั้งก็กรวดน้ำให้เทวดาและเจ้ากรรมนายเวรทุกครั้งก็ไม่ เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง โปรดเข้าใจว่าท่านให้ไม่เป็นเขาจึงไม่ได้รับ เช่นให้ไม่เจาะจงหรือแสงบุญหมดแล้วจึงมากรวดน้ำให้ เขาก็ไม่ได้รับ

    การใช้บุญสร้างความสำเร็จในปัจจุบัน

    พระพุทธเจ้าทรงแสดงการเกิดบุญไว้ 3 ประการอย่างย่อๆ คือ
    1. บุญเกิดจากการให้ทาน
    2. บุญเกิดจากการรักษาศีล
    3. บุญเกิดจากการภาวนาอบรมจิตใจ

    โดยสรุปแล้วการสร้างความดีทุกประการ ล้วนเป็นแหล่งของการเกิดบุญกุศลทั้งสิ้น แล้วก่อให้เกิดอานิสงส์ที่จะสร้างความสำเร็จให้ชีวิตได้ทั้งสิ้น เมื่อกำลังให้ของแก่ใคร ไม่ว่าจะถวายของแก่พระสงฆ์ ให้ของแก่พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติมิตร แม้เอาข้าวให้หมากิน เอาอาหารโยนให้ปลากิน เอาเศษอาหารโปรยให้มดกิน ย่อมเกิดกระแสบุญขึ้น เป็นกระแสเรืองรองแผ่ออกจากตัวผู้กำลังให้ เพียงไม่กี่วินาทีแสงนี้จะพุ่งหายขึ้นไปเบื้องบน แล้วสะสมเป็นกองบุญผู้ให้อยู่บนเทวโลก ดังนั้นขณะให้ของแก่ใคร จึงควรอธิษฐานจิตคิดทันทีว่า

    “บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวข้า” หรือ “บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า” หรือ “บุญนี้จงเป็นของเทวดา-ภูต-ผี-ปีศาจ-เปรต-ครุฑ-นาค-ยักษ์ ที่อาศัยอยู่ในสถานที่เรือกสวนไร่นา หรือเคหะสถานบ้านเรือนของข้า” หรือ “บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบุตรของข้า จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบิดา-มารดาของข้า” เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการแก้ไขในจุดไหน เช่น

    บุตรของเราเกเรเหลือเกินชอบสร้างแต่ความเดือดร้อนสั่งสอนไม่ฟังแบบนี้ ต้องให้เทวดาผู้รักษาตัวเขาเป็นผู้ขนาบตักเตือน วิธีที่เทวดาตักเตือนนั้น ท่านจะสั่งการไปที่ความรู้สึกนึกคิดจิตใจของเขา ถ้าเทวดาประจำตัวเขาเป็นมิจฉาทิฐิ เมื่อได้รับบุญบ่อยๆ เทวดารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น มีฤทธิ์อำนาจขึ้น เขาจะทราบได้เองว่าสิ่งที่เขารับนั้นมาจากไหน เมื่อเราอุทิศบุญให้ท่านก็อธิษฐานว่า

    “เมื่อเทวดาได้รับบุญแล้วขอให้มีความสุข มีกินมีใช้ มีเสื้อผ้าที่อยู่อาศัยและขอให้อบรมตักเตือนลูกของข้าให้เป็นคนดีด้วย” ดังนี้ ไม่นานหรอกจะเกิดกรณีพิศดารขึ้นกับบุตรเกเรคนนั้นจนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเป็น คนดีอย่างแน่นอน

    สามีหรือภรรยา คู่ครองของตนเองเป็นที่น่าเอือมระอาเหลือเกิน อยากให้คู่ครองดี รักเรา ละเลิกประพฤติชั่วเหลวไหล ก็ให้ทำแบบเดียวกันกับที่ให้บุญแก่เทวดาที่รักษาบุตร

    กิจการค้าของท่านล้มเหลวหรือซบเซา เมื่อท่านทำบุญทุกครั้งควรอุทิศให้เทวดาประจำตัวของท่าน และเทวดาที่ดูแลกิจการการค้าด้วยพร้อมกันไปแล้วอธิษฐานว่า “เทวดาที่รับบุญของเราแล้ว โปรดช่วยเหลือกิจการค้าธุรกิจของเรา ให้ประสบความสำเร็จด้วยเถิด ถ้าร่ำรวยขึ้นจะทำบุญให้ท่านยิ่งๆ ขึ้นไปอีก” จะใช้คำเรียกตนเองว่าข้า ว่าเรา ก็ได้ทั้งนั้น ร้านค้าขายจะเป็นร้านอะไรก็แล้วแต่ เมื่อทำบุญก็ให้อุทิศบุญแก่เทวดาที่รักษาร้านค้านั้นด้วย แล้วบอกว่า “เทวดาเมื่อได้รับบุญแล้ว โปรดเรียกลูกค้ามาอุดหนุนให้มากๆ ด้วย”

    การอุทิศบุญ ไม่ต้องพูดไม่ต้องกรวดน้ำ ให้ใช้การคิด ต้องรีบคิดทันทีอย่าชักช้าเพราะแสงบุญที่เกิดขึ้นจะดำรงอยู่ไม่กี่วินาที แล้วจะหายไปสู่สวรรค์ ถ้าเราฝึกบ่อยๆ เราจะชำนาญในการคิดเพราะมีกระแสแรงกว่าพูดออกจากปาก เวลาหย่อนก้อนข้าวลงในบาตรให้คิดส่งบุญทันที และคิดให้ชัดเจนอย่าลางเลือน ให้ของแก่ใครเมื่อของหลุดจากมือเราก็ให้คิดทันทีอย่าช้า

    การรักษา โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดกับตัวเราสืบเนื่องจากนายเวรผู้เคียดแค้นชิงชังกระทำ ทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ฆ่าสัตว์ย่อมอายุสั้น ผู้เบียดเบียนสัตว์ย่อมสุขภาพไม่ดี ดังนั้น การรักษาต้องส่งบุญไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยนั้นๆ และให้เทวดาผู้รักษาตัวเราในขณะเดียวกันโปรดอธิษฐานว่า “หมอใดยาใดที่สามารถรักษาอาการนี้ให้หายขาดได้ ขอให้เทวดาจงนำหมอนั้นมารักษาเรา เจ้ากรรมนายเวรได้รับบุญของเราแล้ว จงอโหสิกรรมให้เราด้วย ถ้าเราหายเราจะทำบุญให้แก่ท่านยิ่งๆ ขึ้นไป”

    การอธิษฐานเบิกบุญเก่าอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่รบกวนควรทำวันละหลายๆ ครั้ง จนเขาพอใจ อาการป่วยของเราจะหายเร็วขึ้น วิธีการให้บุญแก่เจ้ากรรมนายเวรควรทำดังนี้เป็นตัวอย่าง เช่น คนป่วยมะเร็งจุดไหนเมื่อส่งบุญให้คิดว่า “บุญนี้เจ้ากรรมนายเวรที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยตรง... พวกเชื้อโรคมะเร็งเมื่อได้รับบุญแล้วขอให้เจ้ามีชีวีตที่ดีขึ้น มีภพที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะชีวิตชั้นต่ำเดี๋ยวนี้ เมื่อเราหายแล้วเราจะได้ทำบุญให้พวกเจ้า ส่งชีวิตของพวกเจ้าให้สูงขึ้นเรื่อยๆ พวกเจ้าจงเลิกจองเวรจองกรรมในเราเสียที ตั้งแต่นี้เราจะตั้งตนอยู่ในศีลธรรม เลิกการเบียดเบียนเข่นฆ่าชีวิตสัตว์อื่น ขอส่งบุญที่เกิดจากการรักษาศีลแก่เจ้าด้วย”

    ผู้มีอาชีพเกี่ยวเนื่องกับการฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์อื่น เจ้าของโรงฆ่าสัตว์ คนขายเนื้อสัตว์ ชาวประมง คนขายปลาสดตามตลาด เชือดไก่ขาย คนเหล่านี้ต้องสร้างบาปกรรมทุกวันๆ จึงก่อความเคียดแค้นชิงชังให้แก่สัตว์ที่ถูกฆ่าอยู่ทุกวี่ทุกวัน เขาก็พยายามจองล้างจองผลาญ แต่ในขณะที่บุญเก่าของผู้นั้นยังมีอยู่ เจ้ากรรมนายเวรก็ทำอะไรไม่ได้ แต่หากว่านายเวรได้ช่องทางเมื่อไร วิญญาณสัตว์ที่เคียดแค้นเหล่านั้น (นายเวร) จะตามมาทวงและให้ร้ายทันที ดังนั้นต้องพยายามไถ่ถอนกรรมของตัวด้วยการทำบุญ แล้วอุทิศให้วิญญาณสัตว์ที่ตัวเองฆ่า ทำบ่อยๆ ส่งบ่อยๆ เอาเนื้อสัตว์ที่เราขายนั้นทำอาหารถวายพระหรือเลี้ยงผู้อื่น อธิษฐานว่า “บุญนี้ให้สัตว์ทั้งหลายที่เราได้ฆ่าหรือผู้อื่นฆ่าเพราะคำสั่งเรา เหล่าสัตว์เหล่าใดที่ได้รับบุญแล้ว ขอให้มีแต่ความสุข ความเจริญ มีชีวิตวิญญาณที่ดีขึ้น จงหลุดพ้นจากกรรมเวรที่ตนเองเคยสร้างไว้ จงมีภพภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นเทวบุตรเทวดาในสรวงสวรรค์ เมื่อได้รับบุญแล้วจงอโหสิกรรมให้เราด้วย อย่าได้จองเวรซึ่งกันและกันเลย เจ้าตายเพราะเราแต่ก็มีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะเรา ดีกว่าเจ้าตายเอง หรือตายเพราะฝีมือผู้อื่น ซึ่งก็มีชีวิตทุกข์ทรมาน”

    การขับไล่ผีหรือคุณไสยออกจากร่างผู้ป่วย เอาของให้ทานแก่ผู้ทรงศีล จะพระหรือฆราวาสก็ได้แล้วอุทิศบุญเจาะจงถึงผีในร่างผู้ป่วย ขอให้ได้รับบุญนี้ เมื่อได้รับบุญแล้วโปรดออกจากร่างผู้ป่วยเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ยอมออกก็ให้บ่อยๆ ให้สิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ให้เงินห้าบาท สิบบาท ให้กาแฟ 1 แก้ว โอวัลติน 1 แก้ว แล้วอุทิศได้ทั้งนั้น

    ในกรณีมีคุณไสยเข้าร่างผู้ป่วย ให้อธิษฐานดังนี้ “ด้วยอำนาจพระพุทธเจ้า ด้วยอำนาจพระธรรม ด้วยอำนาจพระสงฆ์ โปรดจงลบล้างอำนาจชั่วช้าต่ำทรามที่มีผู้ส่งเข้าผู้ป่วยให้สูญสลายไป ณ บัดนี้” ถ้าไม่หายให้ทำบ่อยๆ เดี๋ยวอาการก็ดีขึ้นเองโดยไม่ต้องไปทำพิธีอะไรอื่นหรือไม่ต้องไปจ้างหมอผี ผู้มีวิทยาอาคมที่ไหนมาแก้ เพราะอำนาจของพระรัตนตรัยนั้นยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างในสากลจักรวาล

    หลีกเลี่ยงการสวดมนต์เพื่อขับไล่วิญญาณ บทสวดมนต์แต่ละบทมีอำนาจขับไล่ และเบียดเบียน พวกวิญญาณชั้นต่ำในโลกทิพย์ ให้ได้รับความเดือดร้อน พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ ห้ามมิให้ภิกษุทำน้ำมนต์ขับไล่ผี ไว้ในพระวินัยบัญญัติ ดังนั้น เมื่อผู้ใดกล่าวสวดมนต์เพื่อเจริญพุทธานุสติ ธัมมานุสสติ และสังฆานุสสติ โปรดอย่าตั้งจิตเบียดเบียนภูติผีปีศาจชั้นต่ำทั้งหลายให้ได้รับความเดือด ร้อน เมื่อสวดมนต์ให้ตั้งจิตระลึกเสียก่อนว่า “ภูติผีปีศาจชั้นต่ำทั้งหลายบัดนี้เราจะกล่าวบทสวดมนต์ใครชอบฟังเอาบุญกุศล ก็ให้ตั้งใจฟัง หากใครฟังแล้วทรมานก็ให้หลีกหนีไปที่อื่นจนกว่าเราจะสวดมนต์เสร็จแล้วจึง กลับมาเถิด เราไม่สวดเพื่อขับไล่ใคร แต่สวดเพื่อเจริญในพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เท่านั้น”

    การนิมนต์พระมาทำพิธีขับไล่ภูติผีในบ้านนั้น ไม่ถูกต้องโดยประการทั้งปวงและควรงดให้เด็ดขาดเพราะวิญญาณนั้นเขาอาศัยอยู่ ที่นั่นมาก่อนเราอย่างสงบสุข บางตนก็เป็นญาติที่เราเคารพรักมาก่อน ตายแล้วมีบุญน้อยกุศลน้อยก็เป็นภูติผีอาศัยอยู่ในบ้านนั้น ภูต ผี บางตนมีความทุกข์เดือดร้อนพยายามส่งกระแสความเดือดร้อนให้เรารู้สึก เพื่อจะได้ทำบุญส่งให้เขา แต่คนไม่เข้าใจคิดว่าเขาเบียดเบียนหลอกหลอน จึงนิมนต์พระมาสวดขับไล่ เมื่อเราไปทำพิธีขับไล่เขายิ่งเดือดร้อน แล้วพวกวิญญาณเหล่านั้นจะรวมหัวกันกลั่นแกล้งผู้คนในบ้านให้เดือดร้อน วุ่นวายกันมากขึ้น มีแต่เรื่องทะเลาะขัดแย้งกันเนืองๆ สังเกตดู บ้านไหนที่มีคนถือวิชาอาคมสวดมนต์ไล่ผีบ่อยๆ คนในบ้านจะหาความรักสามัคคีกันไม่ได้เลย พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา ทะเลาะขัดแย้งจนฆ่ากันตายก็มี ต่อไปเมื่อมีเหตุเดือดร้อนควรทำบุญอุทิศให้พวกเขาอยู่สุขสบาย ก็จะเลิกรบกวนเรา แล้วจะกลับเป็นเทวดาชั้นดีที่คอยปกปักษ์รักษาเราต่อไป

    หลีกเลี่ยงการติดผ้ายันต์กันภูติผีในบ้าน หรือการพกพาเครื่องรางของขลังที่เบีดเบียนวิญญาณชั้นต่ำ เพราะสิ่งเหล่านี้กระทบกระเทือนถึงวิญญาณชั้นต่ำให้ได้รับความเดือดร้อนและ เคียดแค้น อันจะส่งผลให้เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวร จองล้างจองผลาญเราไม่มีที่สิ้นสุดโดยที่เราไม่รู้ตัว บ้านเรือนเคหะสถานเป็นของที่มีอยู่ในโลกนี้ เป็นทั้งที่อยู่ของผู้มีชีวิตในโลก และในอีกมิติหนึ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่ควรเห็นแก่ตัวว่าเป็นสมบัติของเราเพียงผู้เดียว ควรร่วมกันอยู่กันอย่างสงบสุข พวกวิญญาณต้องอาศัยบุญกุศลถึงอยู่ได้ ถ้าได้รับบุญจากมนุษย์ผู้อาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินเดียวกันเขาย่อมพึงพอใจ และจะรักษามนุษย์ให้มีความสุข ความเจริญ แม้พระพุทธเจ้าก็ตรัสสอนไว้ใน เทวตาทิสสทักขิณานุโมทนา ว่า

    ยัสมิง ปะเทเส กัปเปติ วาสัง ปัญติตะชาติโย
    สีลวันเตตถะ โภเชตะวา สัญญะเต พรหมะจาริโณ
    ยา ตัตถะ เทวตา อาสุง ตาสัง ทักขิณะมาทิเส
    ตา ปูชิตา ปูชะยันติ มานิตา มานะยันติ นัง
    ตะโต นัง อนุกัมปันติ มาตา ปุตตังวะ โอระสัง
    เทวะตานุกัมปิโต โปโส สะทา ภัทรานิ ปัสสติ

    แปลว่า ผู้ฉลาดชาติบัณฑิต เมื่ออาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งใด ควรเชื้อเชิญผู้ทรงศีลเข้าไปเลี้ยงดูในสถานที่แห่งนั้น แล้วอุทิศบุญให้แก่เทวดาผู้อาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น เทวดาเมื่อได้รับการบูชาแล้วย่อมบูชาตอบ คือทำความอนุเคราะห์ช่วยเหลือผู้อุทิศบุญให้แล้วนั้น เหมือนบิดามารดาผู้รักบุตร ย่อมอนุเคราะห์บุตร ผู้ใดได้รับการช่วยเหลือจากเทวดาแล้ว ย่อมประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองอยู่เป็นนิจ

    การให้ทานแก่บุคคลย่อมมีผลบุญแตกต่างกัน

    - ให้ในพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานย่อมเกิดผลมากกว่าให้พระพุทธเจ้าพระองค์เดียว
    - ให้ในพระพุทธเจ้าย่อมมีผลมากกว่าให้ในพระอรหันต์
    - ให้ในพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติย่อมมีผลมากกว่า
    ให้ในพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ในสถานภาพปกติ
    - ให้ในพระอรหันต์ย่อมมีผลเหนือกว่าให้พระอนาคามี
    - ให้ในพระอนาคามีย่อมมีผลมากกว่าให้พระสกทาคามี
    - ให้ในพระสกทาคามีย่อมมีผลมากกว่าให้พระโสดาบัน
    - ให้ในพระโสดาบันย่อมมีผลมากกว่าให้แก่ผู้ทรงฌาณ
    - ให้ในผู้ทรงฌาณย่อมเหนือกว่าให้ในพระผู้ประพฤติศีลตามปกติ
    - ให้ในผู้มีศีลย่อมมากกว่าให้ผู้ไม่มีศีล
    - ให้ในคนย่อมมากกว่าให้ในสัตว์
    - ให้ในสัตว์ผู้โพธิสัตว์ย่อมมีผลมากกว่าให้ในสัตว์ธรรมดา
    - ให้ในสัตว์ที่มีคุณย่อมเกิดผลมากกว่าให้แก่สัตว์ที่ไม่มีคุณ และแม้แต่ให้อาหารแก่พวก มด ปลวก ก็ยังเกิดบุญกุศล ดังนั้น ชื่อว่าการให้ย่อมเกิดบุญกุศลทั้งสิ้น แต่มากน้อยต่างกัน เงิน 1 บาท ถวายพระอรหันต์มีผลมากมายนับไม่ได้ แต่ให้ภิกษุผู้ทรงศีลมีผลน้อย นี่คือความแตกต่างของนาบุญ ถ้ารู้จักเลือกให้เลือกเถิด ถ้าเลือกไม่ได้ก็ให้ถวายสงฆ์ส่วนรวมก็มีอานิสงส์มาก

    • เมื่อตั้งใจรักษาศีล ก็ย่อมเกิดบุญกุศลขึ้นทุกครั้ง ที่ระลึกถึงศีลตัวเองรักษาดีแล้วไม่ด่างพร้อยก็อธิษฐานส่งบุญได้ว่า “บุญที่ข้าพเจ้าได้รักษาศีลนี้ขอมอบแก่................................” ดุจที่กล่าวมาในการให้นั่นแล

    • ก่อนนั่งภาวนาทุกครั้งให้เริ่มคิดดังนี้ “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงดลบันดาลบุญที่ข้าพเจ้ากำลังจะภาวนาเวลานี้ จงสำเร็จแก่ผู้ที่ต้องการบุญ ผู้ใดคิดอยากได้ ขอให้บุญภาวนาที่กำลังจะทำนี้เป็นของท่านตามปรารถนา” หรือเราจะให้ใครก็ได้ ให้อธิษฐานเอาเองแล้วก็เริ่มภาวนาได้เลย หลังจากเลิกภาวนาก็ให้อุทิศบุญนี้ไปอีกครั้งหนึ่ง

    หมายเหตุ : บุญที่ภาวนานี้กำลังแรง พวกภูติผีชั้นต่ำมักรับไม่ค่อยได้ จึงต้องเปิดจ่ายไว้ก่อนทำเขาจะได้รับตามความสามารถของตนเอง ถ้าภาวนาแล้วจึงให้ก็เปรียบเสมือนเราเปิดน้ำจากท่อดับเพลิงแล้วให้เขาเอา ภาชนะมาตวง เขาจะได้รับไม่ได้ เนื่องจากจิตฐานของเขาไม่แข็งแรงพอ ถ้าเราอธิษฐานเปิดไว้ก่อน ก็เหมือนเปิดก็อกน้ำออกค่อยๆ ใครมีภาชนะน้อยก็เอามาตวงได้ แต่สำหรับเทวดาบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ท่านสามารถรับบุญใหญ่หลังภาวนาได้ เปรียบเหมือนท่านมีโอ่งมีถังขนาดใหญ่สำหรับรองรับน้ำที่พุ่งจากท่อดับเพลิง นั่นเอง

    • การทำคุณงามความดีทุกครั้ง เช่น การได่ช่วยเหลือคน การได้ทำประโยชน์ส่วนรวมย่อมก่อให้เกิดความปิติดีใจ นั่นแหละคือบุญ ให้รีบส่งบุญถึงผู้ที่เราต้องการให้บุญทันที

    • ส่งบุญเก่าที่ทำไว้แล้ว บุญที่เราทำไว้มีมากมายที่สะสมอยู่ในสรวงสวรรค์ทั้งที่ทำไว้ในอดีตชาติหรือ ในชาตินี้ เราสามารถเบิกบุญนั้นมาแจกจ่ายอุทิศให้แก่ผู้ที่อยู่ในโลกวิญญาณได้ เหมือนเรามีเงินเก็บในธนาคาร เราก็อาศัยบัตรเอทีเอ็มกดเงินออกมาใช้จ่ายได้ การเบิกบุญนั้นต้องอาศัยอำนาจพระรัตนตรัย คือให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า

    “ด้วยอำนาจของพระพุทธเจ้า ด้วยอำนาจของพระธรรม ด้วยอำนาจของพระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญของข้าพเจ้าถึงแก่................................” จะให้ใครก็คิดเอาเอง การเบิกบุญแจกจ่ายนี้สามารถให้ได้ทุกเวลา เมื่อระลึกขึ้นได้ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม อุจจาระ ปัสสาวะ แม้กำลังร่วมเพศ ก็สามารถอธิษฐานส่งบุญได้ แม้กระทั่งสามีภรรยากำลังร่วมเพศกัน เกิดความสุขความพอใจในขณะนั้น ก็สามารถส่งบุญคือความสุขนั้นให้แก่ญาติทิพย์ได้

    • คนในศาสนาไหนก็ส่งบุญได้ ไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ซิก ล้วนมีวิธีสร้างกุศลผลบุญสะสมคุณงามความดีด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อเกิดบุญกุศลขึ้น สามารถส่งถึงผู้อยู่ในโลกทิพย์ได้ด้วยวิธีเดียวกัน ถึงเช่นกัน ก่อผลลัพธ์แบบเดียวกัน พุทธศาสนาต่างจากศาสนาอื่น ตรงที่มีจุดสุดยอดของการหลุดพ้นจากทุกข์ คือ นิพพาน มีแนวทางปฏิบัติเพื่อเข้าสู่จุดนั้นโดยเฉพาะมีคำสอนเต็มไปด้วยเหตุและผล สามารถพิสูจน์ได้แบบวิทยาศาสตร์ ซึ่งศาสนาอื่นไม่มี ส่วนการทำคุณงามความดีนั้น ถึงแม้จะมีแนวทางแตกต่างกันเพียงปลีกย่อยเท่านั้นไม่เป็นที่ขัดแย้งกัน

    ผลของการส่งบุญ

    -- ทำให้เทวดาที่ได้รับบุญแล้วมีอิทธิฤทธิ์ขึ้น สามารถช่วยเหลือผู้ส่งบุญให้ได้รับความสำเร็จ เทวดาที่รักษาเคหะสถานบ้านช่องบางแห่ง สามารถจำแลงแปลงกายเป็นเจ้าของบ้าน เปิด-ปิด ทีวี วิทยุ และไฟฟ้าในบ้านได้เอง ทำให้พวกลักเล็กขโมยน้อยไม่กล้าเข้าไปลักขโมย เพราะเข้าใจว่าเจ้าของบ้านอยู่ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีคนอยู่ในบ้านเลย เทวดาสามารถป้องกันไม่ให้เกิดไฟไหม้บ้าน ป้องกันภัยอันตรายจากพายุ ต้นไม้หักโค่นล้มทับบ้าน บ้านไหนถูกไฟไหม้ แสดงว่าเทวดาไม่รักษาเพราะเจ้าของบ้านมีบาปกรรมและไม่เคยส่งบุญให้เทวดาและ เจ้ากรรมนายเวร ที่บ้านข้าพเจ้าผู้เขียนมีเหตุแปลกเกิดขึ้นบ่อยๆ พัดลมปิดเอง ไฟฟ้าปิดเอง ถ้าทำอะไรไม่เหมาะสมจะมีสิ่งตักเตือนขึ้น

    -- สามารถห้ามฟ้าฝนได้ สามารถขอให้ฝนตกได้ ตัวข้าพเจ้าชอบเข้าป่าหาสมุนไพร ช่วงหน้าฝนตกชุกที่สุดในช่วงที่ผ่านมา เมื่อข้าพเจ้าจะออกจากบ้านและขับมอเตอร์ไซต์ไปตามถนนก็จะอธิษฐานเบิกบุญให้ แก่ภูตผีปีศาจทั้งหลายที่สถิตรายทางที่เดินท่งผ่าน ให้พญาครุฑที่ปกป้องแผ่นฟ้า ให้แก่พญานาคที่ปกป้องผืนน้ำ ช่วงที่ข้าพเจ้าเดินทางอย่าได้ประสบอุบัติเหตุ และอย่าให้ฝนตกระหว่างทาง เมื่ออยู่ในป่ากำลังขุดหัวยาก็อธิษฐานว่า

    “ด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ข้าพเจ้าขอเบิกบุญของข้าพเจ้าจากสวรรค์ให้แก่ ภูต ผี ปีศาจ เทวดา ยักษ์ ครุฑ ที่อาศัยอยู่บริเวณป่าแห่งนี้ ขออันตรายใดๆ อย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า พญานาคจงหยุดฝนในบริเวณนี้ พญาครุฑจงพัดเอาฝนที่ตกแล้วไปลงที่อื่น อย่าให้ข้าพเจ้าซึ่งกำลังทำงานเปียกฝน”

    ปรากฏว่าการเดินทางวันนั้นไม่มีฝน แต่ท้องถนนเปียกแสดงว่าฝนตกก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่ออยู่ในป่าไม่มีฝน พอออกมาถนนพบว่าถนนเปียก น้ำเจิ่งนองเต็มถนน เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง ข้าพเจ้าได้ฟังจากการเล่าของพระคุณเจ้าจึงนำมาปฏิบัติ ท่านเล่าว่าช่วงเกิดพายุใหญ่ต้นไม้หักระเนระนาดเกิดลูกเห็บตกลงมาหนาเป็นคืบ ในรอบนอกวัด แต่ที่วัดไม่มีฝน ไม่มีลมไม่มีลูกเห็บ หลังจากนั้นพญาครุฑตัวใหญ่ได้มาหาท่าน เรียกว่าได้โอบปีกปกปิดบังวัดไว้จึงไม่มีฝนหรือพายุตกในวัด

    -- การเดินทางจะไม่มีอุบัติภัยตามท้องถนน เมื่อจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นข้างหน้า จะมีเหตุให้รถเราติดขัดเสียหายจนวิ่งต่อไม่ได้ เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปดีแล้วรถเราจะดีเอง เมื่อเดินทางไปจุดที่เกิดอุบัติเหตุนั้นก็จะพบเหตุการณ์อันน่าหวาดเสียวเกิด ขึ้นก่อนมีผู้คนล้มตายก็มี หากรถเราไม่ติดขัดเสียก่อนเราก็อาจเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตนั้น ก็ได้

    -- ธุรกิจการค้า หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรืองจะพบช่องทางทำมาหากินที่แจ้งชัด ถ้าตกงานก็จะได้งานทำ ถ้าเจ้านายเกลียดก็จะรักชอบขึ้น

    -- ร้านอาหาร ร้านขายของจะมีแขกเข้าร้านมากกว่าเดิม และอย่าลืม ถ้ามีคนมาอุดหนุนให้อธิษฐานบุญให้แก่เทวดาที่รักษาลูกค้าที่มาอุดหนุนทันที ต่อมาเทวดาก็จะดลใจให้ลูกค้ากลับมาหาเราอีก

    -- นอนหลับสบายไม่สะดุ้งผวาด้วยภัยอันตรายรอบทิศทาง แม้ฝันก็ฝันดี

    -- ร่างกายจะแข็งแรง สุขภาพจะสมบูรณ์ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมารบกวน

    -- ครอบครัวจะอยู่กันอย่างมีความสุข มีความเข้าอกเข้าใจกัน

    -- เพื่อนบ้านจะรักใคร่ปรองดองกัน ไม่เบียดเบียนส่อเสียดกัน ให้ความเกรงอกเกรงใจซึ่งกันและกัน

    พระอาจารย์เล่าว่า วิชาจ่ายบุญนี้ใช้กันมากตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่เพิ่งสาบสูญไปเมื่อ 500-600 ปีมานี่เอง ถ้าค้นคว้าในพระไตรปิฎกก็พบมากแห่งที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญและเทวดาผู้รับ บุญ พระอาจารย์ค้นพบวิชานี้โดยบังเอิญ และด้วยความพยายาม ซึ่งมีเล่าอยู่ในแผ่นซีดี วีซีดี MP3 ที่ท่านได้แสดงไว้ การแสดงธรรมแต่ละครั้งแก่บุคคลแต่ละคณะมากมาย มีเรื่องราวที่น่าสนใจมาก บางตอนก็เล่าเรื่องประสบการณ์ในนรกบ้างในสวรรค์บ้าง ถ้ามีนักปฏิบัติไปถามก็จะสอนเกี่ยวกับการปฏิบัติทางจิตล้วนๆ ถ้านักปฏิบัติภาวนาได้ฟังแล้ว จะเกิดจิตศรัทธาแน่วแน่ในการปฏิบัติทางจิตยิ่งๆ ขึ้นไป ที่ข้าพเจ้าเล่ามานี้เป็นเบื้องต้นย่อๆ เท่านั้น รายละเอียดยังมีอีกมาก หากท่านผู้ใดสนใจอยากได้แผ่นซีดี วีซีดี การแสดงธรรมของพระคุณเจ้าเกษม เพิ่มเติม โปรดแจ้งความประสงค์ได้

    คนจะเลิกทำบาปมาแสวงบุญก็เพราะได้ฟังธรรม คนจะสนใจให้ทานรักษาศีลภาวนาก็เพราะได้ฟังธรรม คนจะหลุดพ้นจากทุกข์ได้เพราะฟังธรรม พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ธรรมทานคือการให้ธรรมเหนือการให้สิ่งอื่นๆ ทั้งหมด แม้ถวายทานในพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานก็ไม่เหนือกว่าธรรมทานได้”

    บุญกุศลที่เกิดจากธรรมทานนี้ข้าพเจ้าขอมอบแก่เทวดาที่รักษาท่านผู้อ่านทุก ท่าน เมื่อเทวดาได้รับบุญนี้แล้ว จงมีความสุข ความเจริญ มีฤทธิ์อำนาจ จงช่วยเหลือท่านผู้อ่านให้ประสบความรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดกาลนานเทอญ.

    ตัวอย่างคำอธิษฐานการเบิกบุญจากสวรรค์

    “ขออำนาจของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญกุศลที่ข้าพเจ้าเคยสร้างมาตั้งแต่อดีตชาติ จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรที่มาเบียดเบียนข้าพเจ้า .......................................... เทวดาประจำตัวข้าพเจ้า, เทวดาดูแลบ้าน, นาคครุฑ, อสูร, ยักษ์, คนธรรพ์ และภูติผีปีศาจ ที่อยู่บริเวณบ้านของข้าพเจ้า”

    การอุทิศบุญที่ได้รับผลทันที

    ขณะใส่บาตรหรือถวายของพระให้ตั้งจิตอธิษฐานทันที “บุญนี้ยกให้เจ้ากรรมนายเวรที่มาเบียดเบียนข้าพเจ้า เทวดาประจำตัวข้าพเจ้า”

    หมายเหตุ : การทำบุญเล็กๆ น้อยๆ หากผู้ทำมีความยินดี หรือมีความสุขในการทำ เช่น การทำกับข้าวให้ครอบครัว การให้เงินลูก การให้ข้าวสุนัข หรือการทำอะไรให้คนอื่นก็ถือว่าเป็นบุญทั้งสิ้นสามารถโอนบุญได้

    การนั่งสมาธิ

    ก่อนนั่งสมาธิ อธิษฐานจิตว่า “ขอบุญกุศลที่เกิดจากการนั่งภาวนาจงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรที่มาถึงตัว ข้าพเจ้า และเทวดาประจำตัวข้าพเจ้า........ ในขณะนั่งสมาธิหากเกิดบุญกุศลขึ้นเมื่อใดขอให้ท่านอธิษฐานเอาบุญจากข้าพเจ้า ไปได้เลย และขออย่าได้ขัดขวางการภาวนาของข้าพเจ้า”

    การอุทิศบุญที่ได้รับผลทันที การอุทิศบุญ หรือการโอนบุญ สามารถทำได้ทุกขณะจิต โดยทำได้ในชีวิตประจำวัน ขณะที่ผู้ทำมีความสุข และมีความยินดีในการกระทำ เช่น

    ตอนเช้า
    - ตื่นนอนสามีภรรยาหอมแก้มกัน
    - ป้อนข้าวให้ลูก
    - ให้เงินลูกไปโรงเรียน
    - ให้ข้าวสุนัข
    - ดูทีวีแจ้วจิตมีความสุข

    บุญเหล่านี้สามารถโอนได้ทันที โดยตั้งจิตอธิษฐานว่า “บุญที่เกิดจากจิตมีความสุขจากการหอมแก้มภรรยานี้ยกให้กับ............... (เจ้ากรรมนายเวรที่มาเบียดเบียนข้าพเจ้า เทวดาผู้รักษาข้าพเจ้า เทวดาผู้รักษาพ่อแม่ข้าพเจ้า...ฯลฯ)”

    ตอนกลางวัน ขณะทำงาน
    - ขณะยื่นงานให้กับเจ้านาย
    - เลี้ยงอาหารผู้ร่วมงาน
    - คุยกับเพื่อนแล้วมีความสุข

    ตอนกลางคืน
    ขณะที่สามีภรรยามีเพศสัมพันธ์กัน และช่วงที่จิตฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายเกิดความพอใจ ยินดีในกิจกรรมนี้สามารถโอนบุญได้ทันทีว่า บุญที่เกิดจากจิตพอใจยินดีนี้ยกให้กับ.......... (เทวดาประจำตัวข้าพเจ้า เจ้ากรรมนายเวรที่เบียดเบียนข้าพเจ้า............ฯลฯ) หมายเหตุ การทำอะไรๆ ก็ตามที่ผู้ทำมีความสุขและมีความยินดีในการทำถือว่ามีบุญเกิดขึ้นทั้งสิ้น สามารถโอนบุญได้หมด

    การเบิกบุญจากสวรรค์ ทำเมื่อจิตเรารู้สึกเฉยๆ และไม่ได้ทำอะไรให้ผู้อื่น เช่น

    - การเข้าห้องน้ำ เช่น การแปรงสีฟัน และการอาบน้ำ เบิกบุญจากสวรรค์ได้โดยอธิษฐานในจิตว่า “ขออำนาจคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญกุศลทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเคยสร้างมาจงมาถึงแก่แบตทีเรีย หรือสัตว์ใดๆ ก็ตาม ที่ข้าพเจ้าเบียดเบียนและทำร้ายเมื่อเข้าห้องน้ำ”

    - ระหว่างขับรถ หรือนั่งรถไปทำงาน

    - ระหว่างการทำงานเบิกบุญจากสวรรค์ได้โดยอธิษฐานจิตว่า

    “ขออำนาจของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญกุศลทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเคยสร้างมาถึงแก่เทวดาประจำตัว ข้าพเจ้า, เทวดาประจำตัวรถ, เทวดาประจำที่ทำงาน และภูต ผี ปีศาจ ที่ติดตามตัวข้าพเจ้ามา”

    วิธีที่จะทำให้เทพที่เป็นหมอมาทำการรักษาตัวเรา

    ให้ตั้งจิตก่อนที่จะนอนหลับดังนี้ “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้เหล่าเทพเทวาที่เป็นญาติข้าฯ จงได้ยินเสียงข้าฯ ในเวลานี้ด้วยเถิด ขอให้ท่านทั้งหลายจงไปนำเทพที่เป็นหมอมาทำการตรวจรักษาข้าในเวลาที่ข้าหลับ ด้วย ข้าฯ จะเปิดโอกาสไว้ ข้าฯ มีอาการ........................... (ปวดหัวหรือเป็นอะไรก็บอกไปตามนั้น) เมื่ออาการดีขึ้น ข้าฯ จะทำบุญให้แก่พวกท่านยิ่งๆ ขึ้นไป”

    แล้วต่อไปให้คิดดังนี้อีกว่า “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้ร่างกายข้าฯ ให้เปิดโอกาสแก่เหล่าเทพที่เป็นหมอให้เข้าตรวจร่างกายข้าฯ ในเวลาที่ข้าหลับไดด้วยเถิด”

    ดังนี้แล้วให้คิดจ่ายบุญดังนี้ว่า

    “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญของข้าฯ ที่ได้สร้างสมอบรมไว้ จงไหลรวมมาสู่ข้าฯ ในเวลานี้ แล้วขอให้บุญนี้จงอยู่กับข้าฯ แล้วหากผู้ใดไปนำหมอเทพมา และหมอเทพใดที่มาทำการตรวจรักษาข้าฯ ขอบุญนี้จงเป็นของท่านผู้นั้น” ดังนี้

    หมายเหตุ : แล้วอย่าลืมเอาบุญให้ญาติทิพย์ของตนและเหล่าเทพที่มาทำการรักษาบ่อยๆ ด้วย ยาก็ให้กินด้วย หากเป็นยาสมุนไพรก็ให้เอาบุญให้แก่เหล่าเทพที่รักษาต้นยาที่เอามากินนั้น ด้วย แล้วก็เอาบุญให้ผู้ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยตรงนั้นๆ ด้วย อนึ่ง วิธีนี้สามารถสลับสับเปลี่ยน ซิกแซ็กตามแต่ใครจะคิดเอา แต่อย่าให้หนีจากหลักนี้ เช่น ขอเชิญเอานาคมาทำการรักษา ฯลฯ ก็ได้เช่นกัน

    *** แล้วที่พิมพ์คำว่า “ข้าฯ” นั้น จะว่าข้าพเจ้าแบบเต็มๆ ก็ได้ ***



    .................... จบ .................... <script src="http://www.212cafe.com/freewebboard/Scripts/AC_RunActiveContent.js" type="text/javascript"></script>
     
  2. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    อืม ทิฐิวิปลาสเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มกราคม 2009
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อันนี้ ... ไม่คิดเลยว่าจะมีกุศลผลบุญ

    แล้วตกลงเรื่องที่ท่านทำให้ชาวพุทธช้ำใจ มันเงียบดีจังตอนนี้
     
  4. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,792
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    ถึงพี่ Astro Neemo เห็นพี่บอกว่าเป็นทิฐิวิปลาส หมายถึงบุญอันนี้ไม่ถูกต้องหรือพี่ ? ผมอ่านเเล้วก็ยังสงสัยอยู่ ใครรู้ช่วยเเนะทีครับ ขอบคุณมาก
     
  5. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,792
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    เออ เเต่พูดถึงที่บอกว่าร่วมเพศอยู่ อันนี้ผมก็ไ่ม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ยังไงวานคนรู้ชี้เเนะหน่อยก็ดีครับ เพราะผมไ่ม่อยากเดินทางผิดเหมือนกัน ขอบคุณครับ
     
  6. HS6GIN

    HS6GIN Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +98
    อืม ค่ะ
     
  7. cabin

    cabin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +828
    หลวงพ่อเกษมองค์นี้หรือ ที่พระอริยเจ้าสององค์ไม่ยอมรับเป็นศิษย์ และไม่ให้อยู่ที่วัด ต้องไปอาศัยอยู่วัดข้าง ๆ แถมยังมีอำนาจอิทธิฤทธิ์เหนือกว่าครูบาอาจารย์อีก อะไรที่ครูบาอาจารย์มองไม่เห็น ท่านบอกว่าท่านเห็น และท่านว่าท่านเก่งกว่าเห็นได้พิศดารยิ่งกว่า

    ลืมไปแล้วหรือ ก็อาจารย์เกษมองค์นี้แหละ ที่ใช้เท้าเหยียบตักพระพุทธรูป
    ลืมไปแล้วหรือ ก็ท่านผู้นี้แหละ ที่ใช้มือตบพระเศียร รูปจำลอง หลวงพ่อพุทธชินราช
    ลืมไปแล้วหรือ ก้ท่านผุ้นี้แหละ ที่ใช้น้ำกรดทำลายพระพุทธรูป และฝังดินไว้
    ลืมไปแล้วหรือ ก็ท่านผู้นี้แหละ ที่ห้ามกราบไหว้พระพุทธรูป (เหมือนศาสนาอื่นที่ห้ามกราบไหว้รูปเคารพ)
    ลืมไปแล้วหรือ ก็ท่านผู้นี้แหละ ที่สอนว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นบุญ (ทั้ง ๆ ที่พระพุทธเจ้าสอนให้ละออกจากกามกิเลสทั้งปวง อีกทั้งการเสพสังวาส คือฆ่าศึกแห่งพรพมจรรย์)
    ลืมกันไปหรือยังท่าน ๆ ทั้งหลาย มีปัญญาก็พิจารณาเอาเถิด
    มีพระอรหันต์องค์ไหนบ้างในประวัติศาสตร์ 2500 กว่าปีที่ผ่านมาสอนแบบท่านบ้าง
    แสดงว่าท่านจะเป็นพระอรหันต์ที่เลิศกว่าอัครสาวกทั้งปวง อย่างงั้นเหรอ???

    พระอรหันต์ และ พระกังหัน ต่างกันโดยสิ้นเชิง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2009
  8. ongsoffer

    ongsoffer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +484
    อืม ยังไงผมเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่ปรามาสครับ
    เคยมีอยู่ครั้งนึง เคยฝันว่า มีพระภิกษุมานั่งทานเหล้าอยู่หน้าบ้าน ผมเดินไปเห็นท่านก็แปลกใจ แต่ก็ยกมือไหว้ในฝัน ปรากฏว่าในฝันเกิดความอิ่มเอมใจมาก
    สิ่งที่ผมได้จากฝันนี้คือ เราไม่ควรลบหลู่ใคร เพียงเพราะสิ่งที่เราเห็นหรือสัมผัส เพราะเรามิอาจเห็นได้ทั้งหมด ที่จะตัดสินใครว่าใครดีไม่ดี เจตนาของท่านอาจจะล้ำลึกและมีประโยชน์ในตอนท้ายก็ได้ บ่อยครั้งเรามักใช้สมองและเหตุผลทางโลก ตัดสิน บางทีเราลองทำใจเบาๆ สบายๆ ให้บริสุทธิ์ แล้วก็มองอะไรอย่างไม่ต้องตัดสินว่าดีหรือไม่ดี เพียงแต่รู้ไว้ ก็ดีนะครับ
     
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    มีเหตุผลครับ...อนุโมทนาครับ
    สมัยก่อน......มีพระ เรียกผู้อื่นว่า ไอ้ถ่อย แต่อย่างนั้น ท่านก็เป็นพระอรหันต์ ....
     
  10. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    ทิฐิวิปลาส นี้เป็นความเห็นผิดครับ ชี้นำไปทางอกุศลเสียมากกว่า
    จริงๆแล้วบุญกุศล ไม่สามาถจับได้เป็นก้อนๆหรอกครับ จะโอนให้ผู้อื่นก็มีเงื่อนไขมากมาย มิโอนกันทาง เอ ทีเอ็มนะครับ

    บุญกุศล เอาง่ายๆ สมมุติว่าเราทำทาน ให้ทานคนอื่นๆ กุศลเกิดเมื่อ ก่อนให้ ระหว่างให้ หลังให้ โดยเอาเจตนาเป็นเครื่องวัด กำลังบุญ ทั้งนี้ต้องดู จิต เจตสิก อารมณ์ ความเชื่อศรัทธา ประกอบอีกและต้องดูว่าทำยากหรือทำง่าย

    และก็ดูด้วยว่า ทานที่ให้ บริสุทธิ์ หรือไม่ เอาตั้งแต่ ผู้ให้บริสุทธิ์หรือไม่ ทานบริสุทธิหรือไม่ ผู้รับบริสุทธิ์หรือไม่ เอาความบริสุทธิเป็นตัววัดอีก

    ในแง่อรรถประโยชน์ ดูว่าทานที่ให้สนองประโยชน์แก่ผู้รับอย่างไรบ้าง ระยะ ยาว ระยะสั้น ต่อคนจำนวนมาก หรือน้อย ปริมาณนี่ก็เป็นตัววัดอีกแบบ

    ดูเงื่อนไขอื่นๆอีกมากมาย เช่นผู้รับเป็น พระอริยะ หรือเป็นคนธรรมดา ผู้รับเป็นสงฆ์หรือเป็นสังฆะ(หมู่มาก) ในกรณีหากผู้ให้เจาะจงผู้รับ กุศลก็ได้อีกแบบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มกราคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...