การอยากไป " นิพพาน " นั้นถือเป็นกิเลสไหม ?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 25 พฤษภาคม 2009.

  1. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,792
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    ผมเคยอ่านหรือฟังผ่านมาไม่รู้ จําไม่ได้เเล้ว ลืมไปเเล้วด้วยว่า การอยากไป " นิพพาน " นั้นถือเป็นกิเลสไหม ? รบกวนพี่ๆชี้เเนะด้วยครับ หรือถ้าใครหาข้อมูลมาได้ ช่วยกรุณาโปะให้ดูด้วยจะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ อนุโมทนาครับทุกท่าน /\
     
  2. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    “อยากไปนิพพาน” เป็นตัณหาหรือฉันทะ

    ***ถ้าถามว่าถ้าคนเขาอยากไปนิพพานเป็นตัณหาไหม ก็เห็นจะ ๙๙เปอร์เซ็นต์ที่ตอบว่า คำว่าอยากแปลว่าตัณหา ถ้าต้องการไปนิพพาน เขาเรียกว่าธรรมฉันทะมีความพอใจในธรรม เป็นอาการซึ่งทรงไว้ซึ่งความดีพวกเราฟังแล้วจำไว้ด้วยนะถ้าใครเขาถามจะได้ตอบถูก

    ***พระนิพพานเป็นสภาพสูญแต่พอมาอ่านหนังสือของพระอรหันต์ท่านเขียนคือหนังสือวิสุทธิมรรค ท่านกลับยืนยันว่า พระนิพพานไม่สูญดังท่านจะเห็นตามบาลีทั้ง ๘ ที่ท่านยกมาเป็นองค์ภาวนานั้น คือ

    มัททนิมมัทโน พระนิพพานตัดความเมาในชีวิต
    วิปาสวินโย นิพพานบรรเทาความกระหายในกามคุณ๕
    อาลยสมุคฆโต พระนิพพานถอนอาลัยในกามคุณ
    วัฎฎปัจเฉโท พระนิพพานตัดวนสามให้ขาด
    ตัณหักขโย พระนิพพานมีตัณหาสิ้นแล้วหรือสิ้นตัณหาแล้วเข้าสู่พระนิพพาน
    วิราโค มีความเบื่อหน่ายในตัณหา
    นิโรโธ ดับตัณหาได้สนิทแล้ว โดยตัณหาไม่กำเริบอีก
    นิพพานัง มีความดับสนิทแล้วจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน กรรม อันเป็นเหตุให้เกิดอีกในวัฏฏสงสาร

    ความหมายตามบาลี ที่ท่านว่าไว้นี้ ไม่ได้บอกว่า ท่านที่ถึงพระนิพพานแล้วสูญ เพราะความเห็นว่า ตายแล้วสูญพระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นความเห็นผิดเมื่อบาลีท่านยืนยันว่า นิพพานไม่สูญ แล้วนิพพานสูญ อันนี้น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิด อะไรกันสักอย่าง เพราะมีพระบาลีบทหนึ่งว่า นิพพานัง ปรมัง สุญญัง แปลว่า นิพพานเป็นธรรมว่างอย่างยิ่ง ท่านอาจจะไปคว้าเอา ปรมัง สุญญัง โดยเข้าใจว่าสูญโญเข้าให้ เรื่องถึงได้ไปกันใหญ่

    ***สำหรับท่านที่รักการปฏิบัติจริง เรื่องมรรคผลนิพพานเป็นเรื่องใหญ่ นิพพานที่เข้าใจกันว่าสูญนั้น เป็นการเข้าใจผิดชัด ๆ ความจริงนิพพานไม่สูญ เป็นแดนพิเศษที่เหนือเทวดาและพรหม มีความสวยสดงดงามมากกว่าเทวดาและพรหม มีความสุขละเอียดกว่าสุขุมกว่า ไปไหนมาไหนได้ตามสบาย ไม่มีสภาพสิ้นซากหรือไร้ความรู้สึก

    ***นิพพาน นิพพะ เขาแปลว่าดับ คือดับความชั่ว ได้แก่โลภะความโลภ โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง เป็นอารมณ์จิตที่บริสุทธิ์ ไม่มีความชั่วเจือปน เขตของพระนิพพานไม่มีความตายไม่มีการป่วย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นถ้าท่านพุทธบริษัทสงสัย ก็พยายามฝึกมโนมยิทธิหรือทิพจักขุญาณให้ได้ และทำวิปัสสนาญาณได้พอสมควร ท่านจะได้รู้จักสภาวะของพระนิพพานดีกว่าอ่านหนังสือแล้วก็เดากัน
    ***พระนิพพานมีแดนไหมหรือว่าพระนิพพานสูญ สูญหรือไม่สูญ มีแดนหรือไม่มีแดน ถ้าเราคือสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ต้องคิด คิดว่าธรรมใดที่องค์สมเด็จพระธรรมสามิศรสอนเราในชาตินี้ ที่องค์สมเด็จพระชินศรีว่า นี่เป็นเชื้อของความทุกข์ มันก็ทุกข์จริง ๆอันนี้เป็นปัจจัยให้เกิดความสุข มันก็สุขจริงๆ อันนี้ของสกปรกโสมมมันไม่สะอาดมันก็สกปรกจริง ๆ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรา เราพิจารณาเห็นแล้วว่าเป็นความจริงทุกอย่าง ฉะนั้นแดนที่มีความสุขจริงอย่างยิ่ง ไม่มีทุกข์เจือปนก็คือแดนพระนิพพาน แดนพระนิพพานก็เป็นแดนจริง ๆ มีความสุขจริง ๆ และก็ต้องมีจริง

    ***ถ้าอยากจะเห็นพระนิพพาน ต้องเจริญวิปัสสนาญาณให้ได้บรรลุพระโสดาบันเป็นอย่างต่ำ อาศัยญาณที่ได้ไว้ในสมัยโลกียฌาน พอได้มรรคผลเป็นพระอริยะ ญาณนี้ก็กลายเป็นโลกุตรญาณ และอาศัยผลที่เป็นพระอริยะ ท่านเรียกญาณที่ได้ว่าวิมุตติญาณทัสสนะแปลว่าหลุดพ้นจากกิเลสพร้อมด้วยญาณเป็นเครื่องรู้ เท่านี้พระนิพพานก็ปรากฏชัดแก่ญาณจักษุ พระโสดาบันนี้ได้แต่เห็นนิพพาน ยังอาศัยนิพพานเป็นที่พักผ่อนไม่ได้ ถ้าสำเร็จอรหันตผลแล้วท่านก็ไปนอนค้างบนนิพพานอันเป็นสถานที่อยู่สำหรับตนได้เลย บนนิพพานก็คล้ายกับพรหม มีวิมานแต่วิจิตรมาก ร่างของท่านที่เข้านิพพานเป็นทิพย์ละเอียด ใสสะอาด ใสคล้ายแก้วประกายพรึกมีรัศมีสว่างมากกว่าพรหมอย่างเทียบกันไม่ได้เลย มีความสุขที่สุด อย่างไม่มีอะไรเปรียบเพราะความรู้สึกอย่างอื่นไม่มี มีแต่จิตสงเคราะห์

    ***เรื่องของพระนิพพาน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปหากว่าท่านไม่สามารถสร้างทิพจักขุญาณให้ปรากฏแล้ว ก็ไม่สามารถจะทำจิตของท่านให้เข้าถึงโคตรภูญาณ เรื่องของพระนิพพานเย็บปากไว้เสียก่อนดีกว่า เย็บเสียเลยนะอย่าเผยอพูดไปเลย พูดเท่าไรผิดเท่านั้น เพราะอะไรฟังมาเยอะแล้ว ฟังมามากแล้วที่ท่านไม่เข้าถึงจังหวะ แล้วพูดถึงพระนิพพานไม่เห็นมีใครพูดถูกสักราย แม้แต่เพียงแค่เปรตยังพูดไม่ถูก อสุรกายก็พูดไม่ถูกแล้ว ทำไมจะไปพูดเรื่องพระนิพพาน

    ที่มา: โอวาทหลวงพ่อฯ เล่ม 1 หน้า 43

    ที่มา:สำนักปฏิบัติธรรมธุดงค์สถานศิริสมบรูณ์ • แสดงกระทู้ - “อยากไปนิพพาน” เป็นตัณหาหรือฉันทะ


     
  3. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    การอยากไปนิพพาน มันก้ดีแต่ไม่ถึง แต่ปัญญาที่คลอดจากความอยาก นั่นแหละ จะพาไปถึง
     
  4. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    ถ้าเรามีความพอใจในเสียง ถ้าเสียงนั้นเป็นเสียงธรรมะมันก็มีคุณ ถ้าเสียงธรรมะนี่พระพุทธเจ้าท่านไม่เรียกว่ากามฉันทะ ท่านเรียกว่า ธรรมฉันทะว่ามีความพอใจในธรรม ถ้าหากว่าเขาถามว่า คนเรามุ่งพระนิพพานนี่เป็นตัณหาไหม ก็มีนักเทศน์หลายองค์เคยมาถาม เทศน์ด้วยกันอยากได้ไอ้นั่นก็ตัณหา อยากได้ไอ้นี่ก็ตัณหา อยากมีผัวก็ตัณหา อยากมีเมียก็ตัณหา อยากมีลูกเต้า อยากรวย อยากสวย เป็นอาการของตัณหาทั้งหมด คำว่า ตัณหานี่แปลว่าความทะยานอยากลงเบื้องต่ำ เกาะโลก มีอุปาทานเป็นเชื้อนำหรือเป็นผู้บังคับบัญชาการ และมีอวิชชาความโง่เป็นผู้สนับสนุน นี่ถ้าถามว่า ถ้าคนเราอยากไปนิพพานเป็นตัณหาไหม ก็เห็นจะ ๙๙ % ที่ตอบว่า คำว่าอยากแปลว่าตัณหา ในเมื่ออยากไปนิพพานก็แสดงว่าเป็นตัณหาเหมือนกัน ก็เลยตอบว่า นี่แกเทศน์แล้วแกก็เดินลงนรกไปเลยนะ แกเทศน์แบบนี้แกเลิกเทศน์แล้วก็เดินย่องไปนรกเลยสบาย ไปเสียคนเดียวก่อนดีกว่า มาขวนขาวบ้านเขาไปอีก ถามเป็นอย่างไร บอกว่าต้องการไปนิพพานเขาเรียกว่าธรรมฉันทะ ไม่ใช่กามฉันทะ เรียกว่ามีความพอใจในธรรม เป็นอาการซึ่งทรงไว้ซึ่งความดี นี่พวกเราฟังแล้วก็จำไว้ด้วยนะ ถ้าใครเขามาถามจะได้ตอบถูก


    ที่มา:ธรรมะปกิณกะ 2 หน้า92 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    http://www.geocities.com/naja555/p92#นิวรณ์๕-หน้า๙๒
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2009
  5. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    ทีนี้การพูดแบบนี้นักปราชญ์บางคนอาจจะค้านว่าการปฏิบัติหวังพระนิพพานคือกำลังจิตยังอ่อน อันนี้ก็ยอมรับ แต่ว่าเราอย่าประมาทในชีวิต คนที่มีกำลังน้อยถ้าเวลาเดินขึ้นบันไดต้องเกาะราว ถ้าไม่เกาะราวก็จะหล่น ถึงแม้ว่ามีกำลังมาก ถ้ามีราวอยู่ก็ต้องเกาะ คือความไม่ประมาท ถ้าไม่เกาะมันเผลอมันก็หล่นได้ฉันใด ถ้าทำจิตว่างเฉย ๆ ดีไม่ดีมันจะลงอเวจีไป ต้องเกาะพระนิพพานเป็นอารมณ์ อย่าไปเชื่อเขาพวกเราต้องทำแบบนั้น

    ที่มา:โอวาทวันเกิดหลวงพ่อ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) (แถวๆย่อหน้าสุดท้าย)

     
  6. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +9,766
    เป็นความอยากที่จะไม่มีความอยาก

    ไม่ใช่กิเลสตามความหมายเดิมที่มุ่งแสวงในกามฉันทะ มุ่งในโลกียสุข

    เป็นวิวัฏฏคามินี คือการตัดวงจรการเวียนว่ายตายเกิด
     
  7. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,792
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบนะครับ เเต่ผมชอบที่พี่ ธัมมนัตา เอ่ยมาก สั้นๆเเต่ได้ใจความมากครับ " เป็นความอยากที่จะไม่มีความอยาก " หรืออยากเพื่อตัดความอยากนั่นเอง สุดยอดครับ ปรัชญาเเท้ๆเลยอันนี้ ขอจําไว้ตลอดชีวิตหาไม่ครับ โดนมากๆ อนุโมทนาครับ
     
  8. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ขณะที่ยังลอยคอเกาะขอนไม้อยู่กลางทะเล ยังไม่เห็นเกาะ แต่มีคนมาบอกว่าถ้าจะไปบนเกาะได้

    ต้องทิ้งขอนไม้ก่อนแล้วถึงจะลงไปบนเกาะได้ แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็นเกาะเลย แต่จะทิ้งขอนไม้แล้ว

    ก็เปรียบเหมือนกับขอนไม้เป็นความดี เกาะคือนิพพาน ถ้ายังต้องว่ายอยู่กลางทะเล

    บุญ ความดี กุศลกรรม หรือความอยากดี อยากหลุดพ้น คือขอนไม้ที่้ช่วยให้เรา ไม่จมน้ำ
     

แชร์หน้านี้

Loading...