การหลับลึก กับการเข้าสมาธิ ร่างกายได้พักผ่อนเหมือนหรือต่างกันหรือไม่ครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย tongrolass, 30 พฤศจิกายน 2016.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tongrolass

    tongrolass เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +103
    การที่คนเรานอนหลับพักผ่อน หลับลึก หลับสนิท คือร่ายกายได้พักผ่อนตามธรรมชาติ ตามนาฬิกาชีวิต กับการที่นอนสมาธิในช่วงเวลาเดียวกันโดยที่จิตเข้าสมาธิ จนถึงขั้นจิตถอดออกจากร่าง หากเอามาเทียบกันในช่วงเวลานั่นๆ ที่หลับสนิท กับจิตที่ตื่นอยู่ ระบบในร่างกายและระบบประสาทแบบในตำราวิทยาศาสตร์ เราได้พักผ่อนอย่างเดียวกันหรือไม่ครับ
     
  2. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    พักในสมาธิแค่5นาที มีผลดีกว่า หลับลึก24ชั่วโมงครับ
    แต่ต้องเข้าสมาธิจริงๆนะครับ
    ไม่ใช่อุปาทาน
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ได้พัก
    แต่ ไม่ เท่ากัน
     
  4. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    กายหลับ จิตตื่น
    กายหลับ จิตหลับ
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สมาธิ ในสมัยพุทธกาล มีมากที่ถือ เนสัชฉิก จะ
    ไม่เอนกายลงนอนเด็ดขาด

    และในกลุ่มท่านที่ภาวนาแบบนั้น บางคนก้
    ภาวนาจนตาบอด ภาวนาจนเสือเอาไปกิน
    ภาวนาจนสำเร็จก้ปรินิพพานไปเลย

    ดังนั้น

    เวลาจะศึกษาการปฏิบัติ ถ้าไม่จำเปน

    ก้อย่าเอาสภาวะโลกๆ ที่ปุถุชนคนขาด
    การสดับ ก้ทำของเขาอยู่แล้ว

    ปฏิบัติแทบตาย นักภาวนาเอาไปเทียบ มันเหมือนการนอนไหมครับ

    ฟังแล้วขากระดิกปวดตับแทนกันเลย ฮะ
     
  6. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ตามทฤษฎีที่เคยได้ยินมา พวกโยคีจะมีวิธีพักผ่อนแบบพิเศษที่เรียก ศพอาสนะ
    หมายถึงท่านอนเหมือนซากศพ คือนอนเหยียดกายนิ่งไม่คิดไม่เคลื่อนไหวอะไร
    ซึ่งเขาว่า ทำเพียงห้านาที ก็จะทำให้ร่างกายสดชื่น เหมือนได้หลับมาเต็มอิ่ม

    แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัว วิธีพิเศษพวกนี้ ควรใช้เมื่อเวลาฉุกเฉิน คือเราไม่มีเวลานอนจริงๆ
    แต่ในยามปกติ เราก็ควรนอนให้เต็มอิ่มตามที่ธรรมชาติต้องการ และเราเป็นมาตั้งแต่เกิดจะดีมากกว่า
    วิธีพิเศษนั้น ผมว่า เปรียบเหมือนอาหารเม็ดที่ทำเป็นพิเศษ สำหรับกินยามฉุกเฉิน
    เพื่อทดแทนอาหารปกติเท่านั้น ไม่ควรจะถือเป็นอาหารหลัก แต่เมื่อเรามีเวลา
    ที่จะกินอาหารที่เรากินปกติทุกวันได้ เราก็ควรกินอาหารปกติ ไม่ควรเลือกไปกินอาหารเม็ด
    ถึงแม้นว่าจะถูกผลิตมาด้วยกรรมวิธีพิเศษอย่างไรก็ตาม
    การพักผ่อนหลับนอนก็เช่นกัน
    ก็ควรจะยึดวิธีพักผ่อนหลับนอนตามปกติเป็นหลัก
    ต่อเมื่อใดมีเหตุจำเป็นเป็นจริงๆ เช่นต้องทำงานหนัก ไม่มีเวลาให้พักผ่อน
    หรือเมื่อเราต้องการเร่งความเพียรชั่วครั้งชั่วคราว จึงค่อยใช้วิธีพักผ่อน
    แบบพิเศษที่ว่านี้
    แต่เมื่อพ้นช่วงเวลานั้นๆไปแล้ว ก็ควรใช้วิธีพักผ่อนตามปกติ
    หรือใครอยากจะทดลอง เพื่อทดสอบความวิริยะอุตสาหะของตนเองก็ตามใจ
    ไม่ขัดศรัทธา
    ใครทำได้ก็เป็นเรื่องน่าอนุโมทนาน่ายินดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2016
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,007
    หลับปกติจิตทำงานร่วมกับธาตุในกาย
    มีการทำงานร่วมกับพลังงานจากสภาพแวดล้อม
    เพื่อมาหนุนธาตุร่างกายแต่ไม่มาก
    ซึ่งเป็นสภาวะปกติทั่วไปครับ
    เพราะจิตยังมีกะแสผูกห่วง
    ร่างกายอยู่ครับ
    ถ้านอนในสภาพแวดล้อมไม่ดีจะส่งผล
    ต่อกายได้ครับ

    เข้าสมาธิลึกแม้จะถอดจิตได้แบบ
    เห็นตัวเองก่อนก็ตามนะครับ ยังไงจิต
    ก็มีสายใยเชื่อมที่กายอยู่ และธาตุ
    ร่างกายจะไปดึงพลังงานจากสภาพแวดล้อม
    แบบเต็มๆเพราะจิตจะไม่มีกะแสห่วงกาย
    แบบเรานอนทั่วๆไปครับจะเหลือแต่
    กะแสสัมผัสพิเศษ ดังนั้นแม้ใช้เวลา
    ไม่มากเราจะรู้สึกไม่เพลียเพราะได้พลังงาน
    ภายนอกตรงนี้มาหนุนครับ
    ปกติใช้เวลาปรับประมาน ๑ ถึง ๒ นาทีก็พอครับ


    ส่วนสมาธิไม่มาก หรืออุปทาน
    แม้กระทั้งอุปจาระฯ ที่จิตมีความเป็นทิพย์
    จิตมันจะยังไม่ทิ้งร่างกายขาดครับ
    คือมันมีทั้งห่วงและความคิดได้
    แม้ว่าจิตจะมีสัมผัสพิเศษเกิดได้ในช่วงนี้
    และแม้ว่าจิตจะกลับมารวมได้เร็วกับธาตุร่างกาย
    แต่ไม่สัมพันธ์กับระบบประสาทควบคุมกาย(ช้า)
    คือใจไปแต่กายไม่ไปนั่นหละครับ
    ด้วยที่มันไม่ทิ้งเหมือนสมาธิลึกหรือสูงจริง
    ลืมตาเลยส่งผลให้รู้สึกว่ากายเหนื่อยได้
    หรือส่งผลต่อกายบริเวนอื่นๆครับ
    ปล.ประมานนี้ครับ
     
  8. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    เอางี้ดีกว่า
    ผมขอถามท่านที่ได้ตั้งแต่ ฌาน ๔ ขึ้นไปจนเป็นวสี
    ปกติท่านใช้เวลาพักผ่อนใน ฌาน เพียง ๕ นาที ทุกๆวัน เป็นปกติ
    หรือว่า ท่านต้องนอนหลับพักผ่อน แบบคนธรรมดา
    ถ้าทุกๆวัน ท่านใช้เวลาพักผ่อนในฌาน เพียง ๕ นาที แล้วสามารถใช้ชีวิตปกตืได้
    โดยไม่มีผลกระทบกับร่างกาย ผมก็จะจบ ไม่มีคำถามเรื่องนี้อีกต่อไป
    เพราะถือว่า เป็นคำรับรองจากท่านผู้มีประสบการณ์ตรง ที่ผ่านการปฏิบัติมาด้วยตนเอง
    ผู้ฟังอย่างผมย่อมไม่มีข้อสงสัยใดๆไปโต้แย้งได้
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,007
    ถ้าจะมาถามหาคำตอบตรงๆ
    จากท่านที่ได้วสีในนี้คงไม่มีครับ
    (ใครบอกว่าทำได้เด่วผมจะขอ
    พิสูจน์ความสามารถหน่อย)
    เพราะทำได้ขนาดนั้นคงไม่มาเล่น
    เวบแล้วหละครับ

    อีกวิธีที่แนะนำคือไปเห็นด้วยตัวเอง
    จากบุคคลมี่เราเชื่อว่าท่านทำได้
    แม้ส่วนตัวจะบอกว่าเห็นกับตา
    แต่จริตและวิสัยคุณ Yos
    ก็คงงั้นๆใช่ไหมหละครับ

    หรือคุณฝึกเพื่อพิสูจน์ด้วยตัวเองชิครับ
    พวกนี้มันประสบเอง ด้วยตัวเองดีกว่าครับ
    เพราะมันไม่สามารถจะมาวิเคราะห์
    วิพากษ์ วิจารณ์อะไรได้จริงๆหรอกครับ
    ถ้าเราไม่เคยผ่านประสบการณ์มาก่อน

    ปล.แพทย์แม้วิเคราะห์อาการคนไข้ถูก
    ก็ไม่เข้าความรู้สึกที่คนไข้เป็นจริงๆหรอกครับ
    เพราะไม่ได้ป่วยเองครับ แม้จะรู้ว่าจะรักษายังไง
    คนป่วยแม้รู้สึกดีถึงอาการที่ตนเป็น
    แต่ก็อยากที่จะอธิบายให้แพทย์
    เข้าใจถึงอาการที่ตนเองรู้สึกได้จริงครับ
    หวังว่าจะอ่านบ้าง และเข้าใจที่ผมพูดนะครับ
    คุยกับคุณ Yos ครับ
     
  10. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    แล้วถ้าจริตคนที่ทำได้แค่ฌานต้นล่ะค่ะ จะถือว่าได้เข้าสมาธิมั้ยคะ (ตามความหมายที่คุณเปรียบ)
     
  11. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231

    5555 วันนี้ผมได้รับคำยืนยันจากคุณ นพ แล้วว่า ผู้ที่ปฏิบัติได้ฌาน ๔ ขึ้นไป
    จนเป็นวสี ไม่มีมาเล่นที่เว็บพลังจิตนี้
    ถ้างั้นที่คุยๆว่า ได้โน้น ได้นี้ ได้นั้น ก็แสดงว่า.... :boo:
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ชวนเจ้าของกระทู้ มาพิจารณากันต่อว่า อย่าเอา ฌาณ
    ไปเทียบกับ การนอน ถ้าเอาไปเทียบ รับรองว่า ปวดตับจน
    อยากให้ใครก็ได้ ช่วยเอา...ไปเตะตับ ให้ที


    มาดูกันต่อเนาะ

    ในสมัยพุทธกาล เราจะมี เอทัคคะฝ่ายอภิญญา ฝ่ายฤทธิ์ เป็น อัครสาวกเบื้องซ้าย

    ฌาณระดับไหน ไม่ต้องไปพูดถึง .....ท่านทำของท่านได้ ก่อนจะสำเร็จอรหันต์

    แต่ก่อนจะสำเร็จอรหันต์ ท่านทำ ฌาณแทนการนอนไหม ......ไม่หน่าคร้าบ !!!

    ไปเปิดตำราดูได้ ....การทำฌาณ ไม่ได้เอามาแทนการนอน เพียงแต่ว่า
    เวลาทำ ร่างกายมนุษย์ทำฌาณ ว่าด้วยหลักอาหาร4 อาหารคือคำข้าวเนี่ยะ
    จะเว้น สามารถทำฌาณได้หลายวันโดยไม่ต้องกินข้าว ทั้งนี้เพราะ อาหาร
    ของร่างกายจะได้จาก ผัสสะ หรือ ผัสสาหาร ซึ่งก็คือ ปิติ สุข

    ทีนี้ร่างกายเนี่ยะไม่ได้กินอาหาร ระบบการย่อยอาหารจึงไม่มี ธาตุหรือสาร
    อาหารชนิดที่มีผลต่อระบบประสาท ก็ไม่เข้าสู่ร่างกาย กายมันเลยไม่หลับ

    ถ้าลองไปกินอาหาร ประเภทมีไขมันมากๆ ทำฌาณไม่ได้หลอก ขันธ์มันจะ
    ทับจิต เหมือน คนโดนรมยานอนหลับ กายมันก็ต้องหลับ ถ้าเข้าฌาณไม่
    ทันก็หลับแน่นอน

    กลับไปที่ พระเอทัคคะฝ่ายอภิญญา .....ก่อนจะบรรลุ ท่านภาวนาเข้าฌาณ
    บึ๊ดจั๊บบึ๊ด 1 2 3 4 5 6 7 8 5 4 2 1 3 6 5 7 8 4 5 1 โอยยยยยยย เก่ง
    แค่ไหน ก็ ง่วง!!

    ฟังดีๆนะ เข้าฌาณ เล่นเป็นว่าเล่นเลย แต่ ก็ไม่วาย ง่วง !!!

    จนต้องไปถามปัญหาอันโด่งดัง อุบายแก้ง่วง จากพระศาสดา

    แล้วอุบายแก้ง่วง ที่พระศาสดาประทานมา ไม่มีนะ ให้ทำฌาณ แทนการนอน ไม่มี!!

    แม้นจะมีที่เฉียดๆ เช่น ให้ทำใจให้สว่าง กำหนดรู้อาโลกาสัญญา กลางวัน
    เป็นกลางคืน กลางคืนเป็นกลางวัน อันนี้ ก็ไม่ใช่ฌาณนะ เป็นการตรึก
    ให้เห็นภาพ หรือ ทำความรู้สึกรับรู้ เห็นบรรยากาศ สภาพแวดล้อม กลางคืน
    เป็นกลางวัน สลับไป สลับมา

    และอย่าลืม ช๊อตสุดท้าย ทำฌาณยังไง ก็ง่วง .....ง่วงก็ไปนอน

    ดังนั้น

    ต้องระวัง การตีความ ฌาณ ดีกว่า นอน ..... เราไม่ได้พูดเพื่อเอาไปแทนกัน

    ฌาณ ดีกว่า นอน เราหมายถึง การถึงเป้าหมาย คือ นิพพาน

    ถ้า นอน มันจะถึง นิพพาน ได้ไหม

    ฌาณ หากเพียรอยู่ ย่อมได้ชื่อว่า ดีกว่า นอน

    ฌาณ เนี่ยะ เอาเข้าจริงๆ ในทางธรรม จะจัดถือว่า นอนด้วยซ้ำ
    เพราะถ้า เพียรอยู่ ทำฌาณอยู่ ก็ยังชื่อว่า ห่างไกลนิพพาน

    ยังมี วิปัสสนา ที่ใช้เวลาเท่า ช้างกระดิกหู งูแล๊บลิ้น ทำได้ครั้งเดียว
    จะมีค่ากว่า นั่งทำสมาธิโดยไม่นอนทั้ง1ราตรี และ บางพระสูตร
    ก็กล่าวถึงขนาดว่า ดีกว่า ทำสมาธิไม่หลับไม่นอน ร้อยชาติ !!!

    ทำไม

    ก็เหตุผลเดิม วิปัสสนาได้สักชั่วขณะเดียว จะใกล้นิพพาน เพราะเป็น
    กิจญาณ กตญาณ อันมุ่งผลญาณ คือ นิพพาน ตรงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2016
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อีกนัยหนึ่ง สำหรับ นักปฏิบัติ ที่ มีการปักใจเชื่อ สภาวะสมาธิบางอย่าง
    แล้วเล็งเห็นว่า เอ้ยเหมือนการนอน

    มันจะเป็น สมาธิที่เพ่งที่รูปขันธ์ หรือ อุปทายรูป หรือ วิญญติรูป เพ่ง
    จนจิตแนบแน่นแช่แป้ง มันจะเกิดความมืด กิหลงกิเลสหลบในหมด
    เหมือนจะไม่มี หากไปปักใจเชื่อ ผลที่ได้จะได้ อาสัญญีสัตตาภูมิ หรือ พรหมลูกฟัก
    หรือ นิพพานพรหม

    อันนี้ ต้องระวัง

    จึงขอเตือนอีกครั้งว่า อย่าเอา ฌาณ ไปเทียบกับการ นอน นอกจากคนละเรื่อง
    แล้ว ยังมีแนวโน้ม ภาวนาผิด ...รูปหากมันดับพรึบไปตามวาระของรูป จิตที่แนบ
    เข้าไป จะค้างเติ่ง ใครปลุกก็ไม่ตื่น ตายไปทั้งที่อยู่ในรูปนั่ง/นอน/ยืน นั้นๆ
    จุติไปปฏิสนธิเป็นพรหม ก็ค้างท่าเดิม.........4พุทธันดร กว่าจะเสื่อมจากสมาธิ
    กลับมาเกิด .....แล้วพอมาเกิดหากเป็นคน จะจนอนาถาสุดๆ เพราะระหว่าง4
    พุทธันดร ไม่ได้ทำบุญ ทำทาน รักษาศีล อะไรไว้เป็นเสบียง[แล้วก็ติดทำฌาณ
    แทนการกินการนอนไปเลย....แนวโน้มจะเป็น นิยตมิจฉาทิฏฐิ อีกด้วย ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2016
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เดี๋ยวไม่ครบ

    ตรงที่ สุดท้าย ถ้าง่วง ก้ให้นอน

    จะต้องเปนการ นอนอย่างมีสติ

    นอนโดยมี กาย หรือรูป แสดงอริยาบทนอน
    โดยมีจิต แยกออกมาเปนผู้ดู ไม่ใช่ฌาณ
    และไม่เปนการเจริญปัญญา มีสภาวะฝัน
    แต่จะไม่มีอาการตื่นมาเอะ ตะกี้ฝันอะไร

    กายจะพัก จิตก้พัก ไม่มี คิดแคะ
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สุดท้าย นอน คืออะไรที่ดี หรือ ประเสริฐไหม

    คนที่นอนมากๆ นอนไม่เปนเวลา ผลที่ได้
    ไม่ใช่ร่างกายดี๊ดี

    แต่จะเปนโรคชนิดหนึ่ง ที่ทำให้แก่เร็ว
    ตายเร็ว

    อันนี้ คนญี่ปุ่น เขาจะวิจัยอยู่ตลอด

    คนของเขาตายเยอะมาก เพราะ ติดการนอน

    ร่วมกับ ติดชอบอยู่แต่ในห้อง

    ซึ่ง

    เขาบอกว่า มันจะเกิดจินตนาการวิเศษบางอย่าง
    เหมือนเปนคนละ มิติ กับชีวิตจริง

    บางทีก้เข้าใจไปว่า เกิดอนาคตังสญาณ เพราะ
    บริบทมันคุ้นๆ (ซึ่งจะเต็มไปด้วยเรื่อง ชอบใจ
    และ ไม่ขอบใจ) ทางธรรมเรียก วิปฏิสาร

    ถ้าเกิดวิปฏิสาร ต่อให้ไม่มีอาการดิ้นรนอะไร
    แต่กายจะหมองเร็ว แห้งเร็ว แล้วก้ตายเร็ว

    กลับมานอน มากิน ตามปรกติ ก้ไม่เกิดผล
    ต่อการรักษา เหมือนระบบมันปิด เปนโมฆะหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2016
  16. tongrolass

    tongrolass เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +103
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลและความรู้ใหม่ๆครับ เป็นประโยชน์มากๆ เปิดทัศนะมากๆ ขอบคุณครับ _/!\_
     
  17. tongrolass

    tongrolass เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +103
    ขอบคุณมากๆนะครับคุณนพที่อุส่าอธิบายซะยาวเลยเลย เทียบเคียงไปถึงหลักทางวิทยาศาสตร์อีกด้วย ละเอียดมากๆ เข้าใจง่ายด้วยครับ ตรงกับสิ่งที่ต้องการถามเลย:cool: ขอบคุณอีกครั้งครับ
     
  18. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    การหลับนั้น ถ้าว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว สมองส่วนจิตสำนึกที่ทำหน้าที่นึกคิด
    และรับรู้อารมณ์ หลับ ร่างกายบางส่วนหลับ
    แต่สมองในส่วนจิตใต้สำนึก ที่คอยควบคุมการทำงานของร่างกายไม่ได้หลับไปด้วย
    เช่นสมองส่วนควบคุมการหายใจ ควบคุมการสูบฉีดโลหิต การลำเลียงสารอาหารไป
    หล่อเลี้ยงร่างกาย และอวัยวะหลายอย่างก็ยังทำงานอยู่ เช่น ปอด หัวใจ ตับไต การย่อยอาหาร ฯฃฯ
    และร่งกายเอง อยู่ในสภาพพร้อมจะรู้สึกตัวตลอดเวลา ถ้ามีสิ่งใดมากระทบ

    ทีนี้ปัญหามีอยู่ว่า เราจะทำอย่างไร ให้ร่างกายพักอย่างเดียว โดยที่สมองในส่วนจิตสำนึกไม่ต้องหลับ
    หรือถ้าหลับก็ให้ใช้เวลาน้อยที่สุด แต่มีคุณภาพเทียบเท่าการหลับยาว ๗-๘ ชั่วโมง
    ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานเป็นอย่างมาก
    โดยเฉพาะกับคนที่ต้องเร่งความเพียรหวังนิพพาน
     
  19. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    เคยได้ยินเรื่องเล่า ถึงพระป่าบางรูป ท่านไม่มีการหลับเลยตลอดชีวิต
    (จำชื่อไม่ได้แล้วว่า ชื่อหลวงพ่ออะไร)
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ยิ่งแจงเอาหลักวิทย์ ก้ยิ่งต้องคัดง้าง ย้อนแย้ง อะฮับ

    เพราะหลักวิทย์นั้น. เปนหลัก ตายแล้วสูญ. หรือไม่ก้ สรีระอันใดจิตก้อันนั้น

    ซึ่งมันใกล้สำหรับการตรึกแบบ คนขาดการสดับ. สุดโต่งที่จะทำใจรับฟังไหว

    หลักธรรม. กายที่เปนรูปขันธ์ เปนเพียงผลกรรมที่ให้ผล. เวทนายังร้อยรัด
    อวิชชายังเปนปัจจัยให้เกิดสังขาร

    หากไปเอา สังขารอันเกิดจากอวิชชา มาตรึกให้เปนธรรม ภาวนาให้ตาย
    ก้กลายเปนสนองกิเลสหมด

    ดังนั้น. หลักธรรมจะฟังยาก. ถ้าขาดการสดับ ขาดความสัททาในคำสอน

    การนอนนั้นแท้จริงไม่มี พระบางท่าน ท่านไม่ต้องสำเร็จอะไรเลย ท่าน
    ก้กล่าวได้ว่า. ท่านไม่ได้นอนเลยสิบกว่าปี ถ้าจำไม่ผิด เปนพระแถวอำพวา
    หรือไม่ก้พระท่านหนึ่งทางใต้แถวสุราษฯ

    การนอนนั้น เปนอาสวะกิเลส. เกิดจากการเกิดเปนเดรัจฉานมาก่อน

    ดังนั้น. พระที่ท่านเกิดมาไม่ต้องนอน เพราะวัฏสงสารท่านส่วนใหญ่
    เกิดเปนเทวดา. เปนพรหม. ก้จะมีตัวหอม โดยไม่ต้องอาบน้ำด้วย
    ตายแล้ว ร่างกายก้ไม่ถูกเบียดเบียนด้วยเชื้อโรคราเริมด้วย

    ถ้ามาภาวนา. เหนรสชาติการหลับลึก. มีคุณต่อชีวิต. จะเปนไปไม่ได้
    เลยที่จะเกิดสัมมาทิฏฐิ

    เอาแบบนี้

    ถ้าเปน ผู้ข้องในการนอน.หรือ ติดการนอน(ปัญหาใหญ่มักๆ). ก่อนจะภาวนา
    จะต้องแก้จิต. ปรับทิฏฐิตัวนี้ก่อน

    ลองอดข้าว. หรือลดมื้อของอาหาร หรือผ่อนอาหารให้เปนอาหารเบาย่อยง่าย

    แล้วพิจารณา. เหตุปัจจัย. ของการ. หิว อาลัยอาวรณ์ สำคัญว่าต้องนอนดู

    ผมนี่ เคยอดข้าว อดนอน ทำกรรมฐานสู้ ระหว่างวันนี่ เขียนโปรแกรมคอมฯ
    สร้างแอปเอนกประสงค์เพื่อเก็บข้อมูล(การทำงานที่ชอบอาสัยปิติ จะทำได้โดย
    ไม่ง่วง). โดยส่วนตัว จะเหน โทษะมูลจิต มันแย๊บหลอก. ไปนอนเถอะๆ
    ถ้ามันหลอกไม่ได้ มันจะหลอกให้กินโน้นนี่ แป๊ปเดียวเข้าทางมัน. และหาก
    ไปกินกาแฟ. คนอื่นเขาตาค้าง อ้ายผมนี่หลับง่ายเลย(นักปฏิบัติ จะต้องเฝ้น
    หาปัจจัย ที่ทำให้ติดนอนเพื่อถอนทิฏฐิ หลังจากนันก้ขึ้นกับ กำลังใจ
    ว่าจะละไหม. หรืออนุโลมโดยที่ กำหนดรู้)

    ถ้าเปนคนอื่นส่วนมาก. โมหะ จะแย็บด้วย อาการมึนชา ไปเชื่อมัน สลบตรงนั้น
    แม้นว่าจะขับรถก้ตาม. โดนกิเลสหลอก

    แต่ถ้าเปนวิทย์ อ้าง สุขภาพ สุขภัณฑ์ ไปเรื่อย. ภาวนาไม่ขึ้น

    ขันธมาร กิเลสมาร มัจจุมาร แย๊บเอา. ได้ญานม้วนเสื่อ สถานเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2016
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...