การสะเดาะเคราะห์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย danetkung, 16 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. danetkung

    danetkung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,063
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +15,273
    การสะเดาะเคราะห์

    --------------------------------------------------------------------------------

    มีหนังสือพิมพ์เขาเขียนโจมตีว่า การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาไม่ใช่พระพุทธศาสนา อาตมาขอยืนยันว่าพระพุทธศาสนาคือต้นตำรับการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคืออายุวัฒนะกุมาร

    พ่อแม่ของอายุวัฒนะกุมารเป็นพราหมณ์ พาลูกไปหาเพื่อนที่เป็นพราหมณ์ด้วยกัน เพื่อนท่านนั้นมีอภิญญา พอว่ากล่าวเรื่องธุระเสร็จเรียบร้อยก็ลากลับ พอพ่อลา เพื่อนพราหมณ์ก็ให้พรว่า "อายุวัฑฒโก จงเป็นผู้มีอายุ" พอแม่ลาก็ให้พรว่า "อายุวัฑฒโก" แต่พอลูกลาบ้าง กลับเงียบ พ่อของอายุวัฒนะกุมารก็สงสัยว่าเป็นเพราะอะไร จึงถาม พราหมณ์ที่เป็นเพื่อนบอกว่า "ลูกเธอจะสิ้นชีวิตภายใน ๗ วัน อวยพรไปแล้วไม่มีผล ก็เลยไม่รู้จะอวยพรไปทำไม" คนเป็นพ่อก็ตกใจ ถามว่า "มีวิธีแก้ไขหรือไม่?" พราหมณ์ที่เป็นเพื่อนจึงบอกว่า ตัวท่านเองไม่รู้วิธีแก้ไข แต่สมณโคดมน่าจะรู้ ให้พาลูกไปกราบพระสมณโคดมจะดีกว่า

    ตรงนี้เราจะต้องเห็นความดีของท่านสองประการ
    ประการแรกก็คือ ท่านมีทิพจักขุญาณชัดเจนถึงขนาดว่ากล่าวอะไรที่ไม่ตรงความจริงไม่พูด
    ประการที่สอง ไม่หวงลูกศิษย์ ไม่หวงพรรคพวก แนะนำให้ไปกราบพระพุทธเจ้า

    พราหมณ์สองสามีภรรยาก็เลยพาลูกไปกราบพระพุทธเจ้า ปรากฏว่าเหมือนกัน พอพ่อกราบพระพุทธเจ้าก็ให้พร "อายุวัฑฒโก จงเป็นผู้เจริญด้วยอายุ" พอแม่กราบก็ให้พร "อายุวัฑฒโก ขอจงเป็นผู้เจริญด้วยอายุ" พอลูกกราบก็เงียบ แม่ก็นั่งร้องไห้เพราะตรงกับที่พราหมณ์คนแรกได้กระทำ

    พ่อจึงได้ถามพระพุทธเจ้าว่ามีวิธีแก้ไขหรือไม่? พระพุทธเจ้าท่านบอกว่ามี ให้ตั้งปะรำ ปูผ้าขาว วงสายสิญจน์ แล้วนำกุมารน้อยนั่งอยู่กลางปะรำ นิมนต์พระสงฆ์ไปเจริญพระปริตรตลอด ๗ วัน ๗ คืน พระพุทธเจ้าถามว่า ทำได้หรือเปล่าพราหมณ์ พราหมณ์ก็บอกว่าทำได้ แล้วพราหมณ์ก็จัดแจงทำพิธีดังกล่าว

    พอถึงวันที่ ๗ พระพุทธเจ้าเสด็จเอง คราวนี้ในเรื่องของเทวทูต หรือเราเรียกพระกาล การที่ท่านจะมาเอาใครไป ท่านจะมีวาระเฉพาะของท่าน ถ้าพ้นวาระนั้นไปก็ไม่สามารถจะเอาไปได้ เพราะผิดมารยาทผิดธรรมเนียม พอวันสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าท่านเสด็จเอง พรหมเทวดาผู้ใหญ่มากันมาก เทวทูตท่านเป็นระดับผู้น้อยก็รออยู่ข้างนอก พระพุทธเจ้าท่านก็นั่งจนเลยเวลา พอเลยเวลาก็บอกว่า คราวนี้ลูกของพราหมณ์ไม่เป็นอะไรแล้ว จะเป็นผู้ที่เจริญด้วยอายุถึง ๑๒๐ ปี เลยตั้งชื่อใหม่ว่าอายุวัฒนะกุมาร

    ถ้าเราพิจารณาตรงนี้เราจะเห็นว่าเรื่องของการสะเดาะเคราะห์ต่ออายุ พระพุทธศาสนามีบอกไว้ชัดเจนมาก

    เช่นเดียวกับการที่มีคนโจมตีเรื่องทำน้ำมนต์ อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าท่านแนะนำให้พระอานนท์ทำน้ำมนต์เพื่อสงเคราะห์ชาวไพศาลีที่เกิดโรคระบาด บรรดาอมนุษย์อยู่กันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้คนเจ็บป่วยล้มตาย พอโดนน้ำพระพุทธมนต์เข้าไป ไม่สามารถจะสู้พุทธานุภาพได้จึงเผ่นหนีกันจนกำแพงเมืองทะลายเป็นแถบ ๆ

    บางเรื่องเจอบรรดาท่านที่มีแต่ปัญญา ต้องบอกว่ามีปัญญาแต่ขาดสติ เขาจะเอาแต่ธรรมะแท้อย่างเดียว พวกประเภทนี้เอาธรรมะแท้ ๆ ให้ก็รับไม่ได้หรอก เขาคิดกันว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นก็เลยไปวิพากษ์วิจารณ์กันไปเรื่อย เช่นเดียวกับเรื่องของวัตถุมงคลที่ทำให้คนยึดติด ต้องฟังคำตอบหลวงปู่ดู่จึงจะชัดเจน ท่านบอกติดวัตถุมงคล ยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล

    พระพุทธเจ้าตรัสถึงบุคคล ๔ ประเภท ไม่ใช่บัวสี่เหล่าน่ะ ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้แค่ ๓ เหล่า แต่กล่าวถึงบุคคลไว้ ๔ ประเภท ได้แก่
    อุคฆฏิตัญญู เป็นบุคคลฉลาดมาก ฟังหัวข้อธรรมก็เข้าใจ บรรลุมรรคผลได้เลย
    วิปจิตัญญู ขยายหัวข้อ อธิบายเพิ่มเติม ก็เข้าใจบรรลุมรรคผลได้
    เนยยะ ต้องเคี่ยวเข็ญกันอย่างหนัก
    ส่วนปทปรมะ ฉลาดเกินไป ไม่ควรที่จะสอน ปทปรมะไม่ได้โง่นะ ฉลาดเกินมนุษย์ ตามรากศัพท์ ปทปรมะ แปลว่า มากด้วยบทบาท พวกนี้คือ ท่ามาก ฉลาดเกินไปไม่ยอมรับความคิดของคนอื่น ทำตัวเป็นน้ำเต็มถ้วย รับอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นปทปรมะไม่ได้โง่ ฉลาดเกิน ท่านว่าไม่สมควรที่จะสอน เสียเวลาเปล่า
    เราก็เลยเอาบัวสามเหล่า กับบุคคลสี่จำพวกไปปนกัน กลายเป็นบัวสี่เหล่า ด้วยประการฉะนี้


    ฉะนั้นเขาจะไปคิดว่าทุกคนเป็นอุคฆฏิตัญญู ย่อมเป็นไปไม่ได้ เหมือนกับไปบอกเด็กสามขวบว่า เรียนด๊อกเตอร์ดีที่สุด ไปเรียนเลย ในเมื่อ ก.ไก่ เด็กยังเขียนไม่ได้ แล้วจะเรียนได้หรือ? ส่วนใหญ่ปัจจุบันจะมีคนประเภทนี้มาก เพราะฉะนั้นเวลาเขาวิพากษ์วิจารณ์อะไร ถ้าเราขาดประสบการณ์มันจะคล้อยตามเขาได้ง่าย หรือไม่ก็อาจจะเผลอไปทำลายธรรมะของพระพุทธเจ้าไปด้วย ตกลงสะเดาะเคราะห์มีอยู่ในพระไตรปิฎกด้วยนะ น้ำมนต์ก็มีด้วย
    แม้กระทั่งพระพุทธเจ้าสอนให้ร้องเพลงก็ยังมี เอรกปัตตนาคราช ท่านเกิดในสมัยพระพุทธกัสสป บวชเป็นพระจำพรรษาอยู่สองหมื่นปี แต่ไปทำต้นตะไคร้น้ำขาด ไม่ได้แสดงอาบัติ มรณภาพเสียก่อน จึงไปเกิดเป็นเดรัจฉานมีฤทธิ์ คือ พญานาค

    ท่านเป็นพญานาคที่สามารถระลึกได้ว่าตัวเองเคยเป็นนักบวชมาก่อน จึงรอว่าเมื่อไรจะมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น เอรกปัตตนาคราชจึงแต่งเพลงให้ลูกสาวเป็นปริศนาธรรม แล้วให้ลูกสาวปรากฏตัวเป็นนางมนุษย์สุดโสภา ยืนร้องเพลงอยู่บนศีรษะของพญานาคราช ประกาศว่าถ้าใครแก้ปริศนาธรรมนี้ได้ จะยอมเป็นภรรยาผู้นั้น เหล่าบรรดาชายทั้งหลายจึงพากันไปแก้ปริศนาเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีใครแก้ได้สำเร็จ


    วันหนึ่งพระพุทธเจ้าเล็งดูอุปนิสัยสัตว์โลก เห็นวิสัยของอุตรมาณพว่าจะได้เป็นพระโสดาบัน และในอดีตก็เป็นเนื้อคู่กับลูกสาวเอรกปัตตนาคราช พระพุทธองค์จึงไปดักรออุตรมาณพ ฝ่ายอุตรมาณพทราบข่าวว่ามีผู้หญิงงามยิ่งกว่าเทพธิดามาร้องเพลง และถ้าใครร้องเพลงแก้ได้ก็จะยอมเป็นภรรยา อุตรมาณพเกิดความสนใจ อยากได้นางเป็นภรรยาจึงเดินทางไปพบ

    อุตรมาณพเดินทางไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางได้พบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงตรัสเรียกให้อุตรมาณพแวะเข้ามา อุตรมาณพเห็นพระพุทธเจ้าก็บังเกิดความเลื่อมใส พระพุทธเจ้าจึงสอน และแนะนำว่าถ้าเขาร้องเพลงลักษณะอย่างนี้ให้ร้องแก้ว่าอย่างนี้....


    พอได้ดังนั้น อุตรมาณพจึงไปร้องแก้ เอรกปัตตนาคราชพอได้ยินเข้าก็ดีใจ มีคนแก้ปริศนาธรรมได้หมายความว่าพระพุทธเจ้าบังเกิดแล้วในโลก เอรกปัตตนาคราชดีใจจึงเอาหางฟาดน้ำกลายเป็นคลื่น กวาดชาวบ้านตกทะเลเป็นจำนวนมาก ตอนหลังจึงต้องค่อย ๆ ช้อนคนขึ้นมาแล้วก็แปลงร่างเป็นมนุษย์ไปกราบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็แสดงธรรมโปรด อุตรมาณพได้เป็นพระโสดาบัน นางนาควิกาและเอรกปัตตนาคราช เป็นเดรัจฉานจึงไม่สามารถบรรลุธรรมได้ ตรงนี้กล่าวไว้ชัดเจน แต่ว่าทิพยสมบัติดีขึ้น เพราะฟังธรรมด้วยความเลื่อมใส เอรกปัตตนาคราชได้ทำตามสัญญายกลูกสาวให้อุตรมาณพ

    เราจะเห็นความเป็นอัจฉริยภาพของพระพุทธเจ้าว่า การสงเคราะห์คนเพื่อมรรคผล แม้แต่ต้องสอนเขาร้องเพลง ท่านก็ทำ เพราะท่านรู้จริงว่าเขาจะได้



    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เทศน์ ณ บ้านอนุสาวรีย์
    เดือนมีนาคม ๒๕๕๒
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  2. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    เป็นสิ่งดีที่นำมาบอกกล่าวไว้เป็นธรรมทาน
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  3. bteezi

    bteezi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +43
    ขอหลักฐานด้วยครับว่าอ้างอิงมาจากไหน ? เนื้อความนี้
     
  4. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    คงมาจากอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท สหัสสวรรคที่ ๘
     
  5. danetkung

    danetkung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,063
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +15,273
    แก้ไขแล้วครับ

    แก้ไขแล้วครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...