การสร้างโมเดลคำนวณผลบุญ

โมเดลของผลบุญ จะขึ้นกับปัจจัยอะไรบ้าง ก็แจกแจงออกมา เป็นสมการ
Good merit = a(factor1)+b(factor2)+c(factor3)+…+z(factor n)

โดยจะสร้าง factor ทั้งหมดให้อยู่ในรูป binary code หรือ dummy variable

โดย good merit หรือผลบุญนี้ ภายหลังจะถูกคำนวณให้อยู่ในรูปของเงินบาท เพื่อความสะดวก ในการคำนวณ ค่าเงินในอดีตเทียบกับค่าเงินในปัจจุบัน

 

การสร้างโมเดล จะอาศัย กรณีตัวอย่างของผู้ที่ได้บรรลุอริยะมรรคเช่นตั้งแต่ระดับพระโสดาบัน เป็นต้นไป เพื่อการสร้างสมการ โดยต้องอาศัยการฟอร์มสมการไม่น้อยกว่า 30 สมการเพื่อให้มีการกระจายแบบปกติ หรือ normal distribution

 

การปรับเทียบ ผลบุญ ให้เข้ากับ จำนวนเงินในหน่วยเงินบาท นั้นมีความจำเป็น
ทั้งนี้เพราะ ค่าของเงินมีการเปลี่ยนแปลงสม่ำเสมอ ตามกาลเวลา
นอกจากนี้ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อคำนวณผลบุญนั้นยังนิยมวนลูป looping หรือสร้างเงื่อนไข ตามค่าของจำนวนเงินในหน่วยบาท หาใช่ ตามค่าของผลบุญไม่
ฉะนั้น จึงต้องมีการคำนวณผลบุญและค่าของเงิน กลับไปกลับมา ได้ตลอดเวลา เพื่อความยุติธรรม

 

ปัจจุบันนี้ มีการคำนวณผลบุญแบบคร่าวๆ มากมาย อันนำมาซึ่ง ความไม่ยุติธรรม ยกตัวอย่างเช่น

การสร้างพระอุโบสถ ก็สร้างแบบลวกๆ เทปูน ตีโครง กั้นฝา มุงหลังคาแบบขอไปที ก็ขึ้นชื่อว่าได้สร้างพระอุโบสถแล้ว ทั้งที่ยังไม่มีการสร้างรายละเอียดภายใน เอาแค่โครงภายนอก แต่บอกว่า ได้สร้างพระอุโบสถแล้ว ซึ่งจะได้ผลบุญเท่ากับการสร้างพระอุโบสถที่ปราณีตมากกว่านี้ แต่กลับลงทุนน้อยกว่ามากมาย

 

ฉะนั้น การสร้างโมเดลคำนวณผลบุญนี้ จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา ความไม่ยุติธรรมของมูลค่าทรัพย์สินที่ประเมินราคาไว้ รวมทั้ง แก้ปัญหาค่าของเงินบาทให้ตรงกับผลบุญตามความเป็นจริงในปัจจุบัน

หากเพื่อนๆ ยังจำกันได้ วิกฤติต้มยำกุ้งสมัยจอร์ช โซรอส พวกเราก็พังพินาศ เพราะการประเมินราคาผิดเช่นนี้นั่นเอง

การสร้างโมเดลคำนวณผลบุญ จะแก้ปัญหาความไม่ยุติธรรมในการสร้างบุญสร้างกุศลทั้งปวง และจะยกระดับศาสนาพุทธ ให้เท่าเทียมกับนานาอารยประเทศเช่น ประเทศที่นับถือศาสนาที่ใช้กล่องดำคำนวนผลบุญทั้งหลาย อันเป็นวิธี systematic มากๆ ด้วยประการฉะนี้