การปฏิบัติของพระโพธิสัตว์ต้องละเอียดกว่าคนอื่น

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 10 กันยายน 2010.

  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม : มีคนเขาเถียงกันในเรื่่องการดื่มสุรามีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฝ่ายที่เห็นด้วยว่าจะดื่มสุราได้ก็ยกตัวอย่างสมัยที่สมเด็จโตท่านจะสอนคนเมาท่านจึงดื่มสุราเมาให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าการดื่มสุรา เมาแล้วเป็นอย่างไร ?

    ตอบ : พอๆ ๆ ๆ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ ต้องดูอย่างหลวงปู่เจ๊ก ที่ นครปฐม วันๆ แบกไหน้ำตาลเมากินหัวทิ่มอยู่คนเดียว คนเขาทนไม่ไหวก็ฟ้องไปทางคณะสงฆ์กรุงเทพฯ คณะสงฆ์ก็ส่งพระสังฆาธิการ ๒ รูปไปเพื่อที่จะจับหลวงปู่เจ๊กสึก ไปถึงก็ปรากฏว่าหลวงปู่เจ๊กครองผ้าเรียบร้อยทั้งๆ ที่บางวันนี่ประเภทเอาแค่พาดๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเมาจะอะไรเลย พระ ๒ องค์พอเห็นก็พูดไม่ออก หลวงปู่เจ๊กท่านก็นิมนต์เข้ามาแล้วก็รินน้ำชาถวายคนละแก้ว พอท่านดื่มน้ำชาเรียบร้อยก็ปฏิสันถารกัน ถามว่าพระคุณท่านมาธุระอะไรครับ ท่านก็บอกว่า มีคนโจทก์ฟ้องว่าหลวงปู่เจ๊กดื่มสุราคือน้ำตาลเมาอยู่ทุกวัน ก็เลยจะมาจับหลวงปู่เจ๊กสึก หลวงปู่เจ๊กบอกว่า ถ้าจับผมสึก ท่าน ๒ องค์ก็ต้องสึกด้วย ถามว่า ทำไม ท่านก็เพิ่งจะดื่มเข้าไป ๒ องค์ท่านดูก้นแก้วที่เหลืออยู่มันเหล้าชัดๆ เลย ทั้งสีทั้งกลิ่นก็ใช่ ท่านก็เลยเข้าใจ จริงๆ แล้วก็คือว่าพระระดับหลวงปู่เจ๊กแล้วอยู่ในระดับที่เรียกว่า สุปฏิปันโน คุณอนันต์โทษมหันต์

    ในเมื่อไม่มีภาระหน้าที่ก็ไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับชาวบ้านเขา ก็เลยแกล้งทำเป็นเมาบวมๆ ไปอย่างนั้นน่ะให้คนเขาเห็น แต่จริงๆ ที่ท่านซดอยู่ทั้งไหมันจะคิดให้เป็นอะไรมันก็เป็นอย่างนั้น เวลาท่านแบกไปมันอาจจะเป็นน้ำตาลเมา เวลาท่านกินมันเป็นน้ำเปล่าก็ได้ใครจะรู้ ดังนั้นไม่ต้องเถียงกันตรงจุดนี้ ถ้าหากบอกว่าหลวงปู่โตกินเหล้า อาตมาคนแรกที่ค้านเลยไม่ใช่แน่นอน มันอาจจะเป็นเหล้าอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่ท่านซดเข้าไปมันไม่ใช่เหล้าแน่นอนเลย เพราะว่าเรื่องแค่นี้มันไม่ใช่เรื่องยาก คิดให้เป็นยังไงมันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่งคนรุ่นเรานี่ หลวงปู่โตอย่างน้อยๆ ก็ ๒๐๐ ปีใช่มั้ย ของเราน่ะพูดกันอย่างง่ายๆ ธรรมดาๆ คือเกิดไม่ทันหรอก ไปเถียงเรื่องที่เกิดไม่ทัน ได้ยินแต่เขาเล่ามา มันเพี้ยนมาเยอะต่อเยอะแล้ว อย่าไป "เขาเล่าว่า.." กะใครเลย

    พระระดับหลวงปู่โตขนาด รัชกาลที่ ๔ ท่านยังใช้คำว่า ปาปมุตติ คือผู้พ้นจากบาปแล้ว รัชกาลที่ ๔ ท่านเป็นยอดนักปราชญ์ทางศาสนาองค์หนึ่ง เฉพาะท่านบวชเอง ๒๗ พรรษา มาครองราชย์ก็ตอนพระชนมายุมากแล้ว ท่านยกย่องให้ขนาดนั้น ไม่ว่าหลวงปู่โตท่านจะทำอะไรก็ตาม รัชกาลที่ ๔ จะไม่ถือโกรธ ถึงจะถือโกรธก็ให้อภัย พระระดับนั้นนี่หายากมาก เพราะฉะนั้นไม่มีทางหรอกที่ท่านจะมาละเมิดศีลให้คนเขาเห็นต่อหน้าต่อตาอย่างนั้น

    ถาม : เพราะว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ถึงทำได้ อะไรอย่างนี้หรือเปล่า?

    ตอบ : ไม่ใช่ อย่าลืมว่า พระโพธิสัตว์ท่านยิ่งต้องปฏิบัติให้ละเอียดกว่าพระปกติหลายเท่า เพราะท่านต้องไปเป็นครูเขา

    ตัวอย่างก็คือ ชาติหนึ่ง พระพุทธเจ้าของเราเป็นชายตัดฟืน เมื่อเดินทางไปตัดฟืนวันหนึ่งก็เข้าลึกเกินไป ก็ไปเจอสระโบกขรณีมีดอกบัวบานอยู่เยอะแยะเลย ท่านก็ เออดี เราจะเก็บดอกบัวนี้ไปถวายบูชาพระ พอท่านเอื้อมมือดึงดอกบัวขึ้นมาปั๊บ ปรากฏว่ามีผีเสื้อน้ำโผล่ขึ้นมาตะโกนว่า ขโมย พระโพธิสัตว์ท่านแปลกใจก็ถามว่า ก็ในเมื่อมันเป็นของที่ไม่มีเจ้าของจะถือว่าขโมยได้ไง ผีเสื้อน้ำก็บอก เขาเป็นคนดูแลรักษาอยู่ แล้วถ้าหากว่าเป็นคนอื่นๆ เขาเอาไปจะถือว่าขโมยมั้ย? บอกว่า ถ้าคนอื่นเอาไปไม่ถือว่าขโมย แต่ท่านเอง ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ต่อไปท่านจะต้องเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อสอนคนอื่นเขา การปฏิบัติของท่านต้องละเอียดกว่าคนอื่น ถึงคนอื่นถือเอา ไม่ถือว่าขโมยเพราะจิตเขาหยาบ แต่ถ้าท่านถือเอาเราจะถือว่าขโมย เพราะฉะนั้นจะไปกล่าวว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์แล้วทำได้มันไม่ได้ มันต้อง ยิ่งละเอียดกว่าคนอื่นหลายเท่า


    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ (ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...