---> การบำเพ็ญเพียรทศบารมีของพระศรีอาร์ฯ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย คนโกหก, 7 มกราคม 2007.

  1. คนโกหก

    คนโกหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    481
    ค่าพลัง:
    +1,413
    การบำเพ็ญบารมีของข้าพเจ้า

    ข้าพเจ้าไม่ได้ชื่อว่าพระศรีอาริยเมตไตรย์แต่อย่างใด ทั้งในอดีตชาติก็ไม่เคยได้ชื่อนี้ และในอนาคตที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ก็มิได้ใช้ชื่อนี้เช่นกัน แต่ชื่อนี้ เป็นเพียง “สมมุติบัญญัติ” อธิบายอดีตชาติที่ข้าพเจ้าได้เกิดร่วมชาติและอธิษฐานสับเปลี่ยนดอกบัวกับพระพุทธเจ้าสมณโคดม ท่านตั้งชื่อไว้เพื่อให้ข้าพเจ้าระลึกชาติได้เท่านั้นเอง อันนามว่า “ศรีอาริยเมตไตรย์” นี้ หมายความว่า เพื่อนอริยชนผู้แสนดี ทำให้ข้าพเจ้าระลึกชาติที่ยอมสับเปลี่ยนดอกบัวกับพระสมณโคดมได้ในที่สุด

    ชาตินั้น เราต่างเป็นสหายธรรมที่รักยิ่ง รู้ใจกันอย่างยิ่งโดยมิต้องเอ่ยปาก เรามีปณิธานเดียวกันคือบำเพ็ญเพียรเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า ทว่าข้าพเจ้ามีปัญญาน้อยกว่าพระสมณโคดม คิดช้ากว่ามาทุกชาติอยู่แล้ว จึงอาศัยความวิริยะพากเพียร ตั้งจิตว่าเรานี้จะเหนือกว่าพระสมณโคดมให้ได้ จากนั้นผลแห่งความวิริยะนี้เอง ทำให้ข้าพเจ้าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนพระสมณโคดม วันหนึ่ง เราทั้งคู่ต่างอยากจะรู้ว่าใครจะได้เป็นพระพุทธเจ้าก่อน จึงได้อธิษฐานด้วยดอกบัว ทว่ารุ่งเช้าพระสมณโคดม แอบมาสับเปลี่ยนดอกบัวของข้าพเจ้า ทั้งที่ก็รู้ว่าการสับเปลี่ยนดอกบัวนั้น ไม่ได้ทำให้เปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย ดอกบัวเปลี่ยนกันมันจะส่งผลให้อีกคนหนึ่งเป็นพระพุทธเจ้าก่อนได้อย่างไร ข้าพเจ้าแอบดูอยู่ก่อนจึงรู้สึกสลดใจว่า “โอ้หนอ เพื่อนรักของเรา อยากได้เป็นพระพุทธเจ้าก่อน ถึงขนาดโกหกสับเปลี่ยนดอกบัวเช่นนี้เลยหรือไร ข้าพเจ้าจึงได้อธิษฐานว่าเมื่อเพื่อนรักอยากได้ถึงขนาดโกหกเพื่อนที่รู้ใจเช่นนี้ ก็ขอให้ได้เป็ฯเถิด ข้าพเจ้ายอมเป็นทีหลัง” แล้วก็เศร้าสลดเสียใจกับสิ่งที่เพื่อนได้ทำกับข้าพเจ้า เมื่อได้ย้อนระลึกถึงสิ่งที่ผ่านมา ก็พบว่าข้าพเจ้านี้ก็เป็นเพื่อนที่ไม่จริงใจเหมือนกัน ที่ได้คบกับพระสมณโคดม แต่หวังแข่งขันเพื่อเอาชนะอยู่ตลอดเวลา ข้าพเจ้ารู้สึกผิดเช่นนั้น ก็สมแล้วที่ได้อธิษฐานให้พระสมณโคดมได้ไปก่อน ข้าพเจ้าจะคอยช่วยศาสนาของพระสมณโคดมเอง ดังนี้แล

    ชาติก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าก็ได้เกิดเป็นพี่ชายคนโต มีน้องชายสามคน น้องชายคนสุดท้องมีปัญญาว่องไวซึ่งก็คือ พระสมณโคดม คิดอะไรเร็วก่อนเพื่อน มันสมองเหมือนพวกนักคำณวนนักวิทยาศาสตร์ ส่วนข้าพเจ้าคิดช้าแต่มองหลายมุมมากกว่า เป็นเหมือนนักปกครองนักวางกลยุทธ์ ชาตินั้น ข้าพเจ้าได้ถามน้องๆ ว่า “เรานี้จนเหลือเกิน กำพร้าพ่อแม่ ต้องเป็นเด็กเลี้ยงควายเอาชีวิตรอด น้องเอย สูเจ้าอยากเป็นอะไรกันบ้าง วานบอกพี่หน่อยเถิด” พระพุทธเจ้าสมณโคดมน้องคนสุดท้อง จึงได้บอกว่า “เรานี้ก็จนเหลือเกิน แต่การเป็นเศรษฐีก็ใช่ว่าจะมีความสุข เป็นพระราชาก็ไม่แน่ว่าจะสุขแท้ไม่ ดังนี้แล้วน้องขอเป็นพระพุทธเจ้าก็แล้วกัน” เป็นการแสดงความปรารถนาก่อนพี่น้องทั้งหมด น้องคนโตขึ้นมาก็ไม่ทันได้คิด เห็นว่าดีงาม แต่ตนไม่มีอะไรจะบูชาได้ ก็กล่าวว่า “เออดี น้องคิดได้อย่างนี้ พี่จะเอาขี้นี่แหละบูชา” น้องคนโตขึ้นมาเห็นดีงามด้วยความที่ยากจนไม่มีอะไรจะให้ คิดได้แต่ว่า “งั้นพี่จะเอาขนที่ก้นบูชาก็แล้วกัน” ว่าแล้วข้าพเจ้าซึ่งเป็นพี่คนโต ก็โมโหว่าพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งควรบูชาอย่างยิ่ง เหตุใดจึงเอาของต่ำเช่นนั้นมาบูชา จึงได้ตวาดใส่ด่าพระพุทธเจ้าในอนาคตทั้งสามพระองค์ไปว่า “สูน้องทั้งหลายนี่โง่เง่าเต่าตุ่น พระพุทธเจ้าเป็นของสูงจะบูชาด้วยของต่ำค่านั้นได้อย่างไร” แต่ในใจข้าพเจ้านั้น คิดใคร่ครวญอยู่ว่าพระพุทธเจ้าช่างล้ำค่าเสียนี่กระไร ข้าพเจ้ายากจนเช่นนี้ไซร้ สิ่งใดหนอจึงจะควรค่าแก่การบูชาได้ จิตก็ตรงดิ่งลึกย้ำอยู่เช่นนั้น ว่าควรใช้สิ่งสูงค่าที่สุดบูชาแด่พระพุทธเจ้า อันส่งผลให้ชาติที่ข้าพเจ้าเกิดมาเป็นพระสังขจักร จึงได้ตัดเศียรบูชาพระธรรมแห่งพระพุทธเจ้ามหากัสสปะด้วยเหตุนี้แล<O:p

    ผลกรรมที่ข้าพเจ้าปรามาสพระพุทธเจ้าผู้เป็นน้องทั้งสามพระองค์ยังไม่จบลงแค่นั้น ส่งผลให้ข้าพเจ้าเกิดเป็นพญากบ ด้วยความโง่งม แต่ด้วยจิตพุ่งตรงต่อพระรัตนไตร แม้ได้เกิดเป็นพญากบผลบุญได้ส่งให้ข้าพเจ้าได้ฟังธรรมจากพระอรหันต์รูปหนึ่ง จนเกิดความซาบซึ้งใจในพระธรรมนั้น ด้วยความบังเอิญซาตานได้เกิดเป็นพรานป่าเดินเข้ามาฟังธรรม ความไม่ระวังของเขาจึงวางฉมวกถูกหลังข้าพเจ้าอย่างจัง ความเจ็บปวดเจียนตายมิได้ทำให้ข้าพเจ้าขยับเขยื้อนกายออก ด้วยเพราะหากขยับออกมาแล้วคงถูกพรานป่านั้นจับกินมิได้ฟังธรรมจนจบเป็นแน่แท้ จึงได้แต่อดทนฟังธรรมจนตัวตนลงตรงนั้นเอง ผลบุญในครานั้นยังให้ข้าพเจ้าไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ อย่างที่ท่านทั้งหลายคิดเอาว่าข้าพเจ้าเป็นเทวดาองค์นั้นที่ชอบกล่าวถึงกันนั่นแล แต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นมานานแสนนานแล้ว ข้าพเจ้าได้เกิดใหม่อีกหลายต่อหลายชาติ จนมีบารมีถึงขั้นพระโพธิสัตว์ก็ได้จุติใหม่ขึ้นไปอยู่ชั้นดุสิต และเมื่อสะสมบารมีเกิดใหม่อีกหลายชาติได้เป็นพระอรหันตสาวกแห่งพระพุทธเจ้าสมณโคดม แต่ด้วยผลบุญที่เคยสละให้พระสมณโคดมได้เป็นพระพุทธเจ้าก่อน และปณิธานอันแรงกล้าหลายต่อหลายชาตินั้นยังคงอยู่ไม่หมดลงไปได้ ทำให้ข้าพเจ้าได้เป็นพระมหาโพธิสัตว์ในชาตินั้นเอง ชาตินั้นข้าพเจ้า มีชื่อว่า ชลาตา กัจจายนะ” ผู้บรรลุธรรมถึงขั้นโลกอุดร คือ ขจัดอาสวะกิเลสได้ทั้งมวล แต่ยังไม่สิ้นผลบุญและปณิธาน จึงได้ไปจุติเป็น “พระศรีอาริยเมตไตรย์มหาโพธิสัตว์” ในแดนพุทธเกษตรสุขาวดี เพื่อรอลงมาจุติคอยช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาก่อนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ซึ่งข้าพเจ้าก็ลงมาเกิดอีกหลายชาติ ทว่าผลกรรมที่ปรามาสพระพุทธเจ้าทั้งหลายยังคงอยู่ ทั้งนิสัยเดิมก็ไม่เปลี่ยน ยังคงเผลอพลั้งปรามาสอยู่เช่นนั้นเอง ข้าพเจ้าจึงต้องรับกรรมถูกคนปรามาส ไม่ว่าจะเป็นชาติที่เกิดเป็นพระเยซูคริสตร์ก็ถูกคนขับไล่ไสส่งด่าทอมากมาย หรือชาติไหนๆ ก็ตาม นอกจากนี้ ข้าพเจ้ายังต้องรับกรรมมาสั่งสอนเวไนยสัตว์ที่โง่เขลาต่างจากพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ ด้วย แต่ด้วยแรงศรัทธาที่ข้าพเจ้ามา ทำให้เวไนยสัตว์จำนวนมากมาย ศรัทธาและอยากไปเกิดในพระศาสนาของข้าพเจ้า ดังที่ท่านได้เห็นนั่นแล นี่คือกฏแห่งกรรมอันส่งผลยาวนานถึงเพียงนี้ นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังต้องตายไม่ดีไม่รู้กี่ชาติกว่าจะสิ้นกรรมจากอัตวิบากกรรมครานั้น<O:p

    เท่าที่ท่านทราบมานั้น การบำเพ็ญเพียรเป็นพระพุทธเจ้าของพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ในภัทรกัลป์นี้ ล้วนเริ่มต้นพร้อมกันจากตำนานนวกาพรหม หรือกล่าวได้ว่าเริ่มต้นพร้อมกัน ทว่าเวลานานเท่าใด เกิดมากเท่าใดไม่ใช่สิ่งสำคัญ ความสำคัญอยู่ที่ชาตินั้นๆ ได้สะสมบุญบารมี “ทศบารมี” เต็มสมบูรณ์หรือไม่ต่างหาก ซึ่งข้าพเจ้าละเลย “อธิษฐานบารมี” ด้วยความที่ไม่คิดอยากได้สิ่งใดตอบแทนจากการทำบุญ และผลกรรมจากการปรามาสพระพุทธเจ้า ทำให้โง่ไม่รู้กี่อสงไขย จึงคิดไม่ออกเสียทีว่าตนนี้ต้องการอะไรกันแน่ เมื่อกรรมนั้นเริ่มเบาบางจึงได้เริ่มตั้งปณิธานเพื่อสะสมบารมีเป็นพระพุทธเจ้า อนึ่งพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์นี้ ต่างเกิดมาใกล้ชิดสนิทสนมร่วมชาติกันเสมอ ด้วยผลบุญที่ทัดเทียมกันนั้นเอง บางชาติก็ได้เป็นพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน บางชาติก็ได้เป็นสหายธรรมกัน หรือแม้แต่พระโพธิสัตว์และพระมหาโพธิสัตว์ยังเคยเกิดเป็นคู่รักกันก็เป็นธรรมดา เพราะด้วยผลบุญบารมีนั้น ไม่อาจทำให้ผู้อื่นใดที่ผลบุญด้อยกว่าเข้ามาใกล้ชิดได้นั่นเอง ดังนี้ หลังจากพระพุทธเจ้าพระองค์แรกในภัทรกัลป์ได้ตรัสรู้แล้วเข้าสู่นิพพานไป ข้าพเจ้าและพระพุทธเจ้าอีกสามพระองค์ได้มาเกิดเป็นพี่น้องกัน อันส่งผลให้ข้าพเจ้าปรามาสและได้รับกรรมยาวนานถึงเพียงนั้น ดังนี้ ข้าพเจ้าจึงบำเพ็ญเพียรบารมีด้วยวิริยะเพราะกรรมที่ส่งผลให้โง่งมและนึกถึงพระพุทธเจ้าไม่ออกในหลายๆ ชาตินั่นเอง ข้าพเจ้าจึงเกิดบ่อย และด้วยจิตที่ต้องการบูชาพระพุทธเจ้าด้วยสิ่งสูงสุด ข้าพเจ้าแม้เกิดเป็นพญากบก็ยังใช้ชีวิตแลกธรรม ด้วยเหตุนี้ผลบุญของข้าพเจ้าจึงเต็มเร็วยิ่งกว่าพระสมณโคดมนั่นเอง แม้เกิดพร้อมๆ กัน และบำเพ็ญเพียรมาด้วยกันก็ตาม และเหตุจากความฉลาดน้อยกว่าพระพุทธเจ้าสมณโคดมในคราวนั้น ทว่ามีความเสียสละมากกว่าจึงส่งผลให้บำเพ็ญเพียรต่อไปจนถึงขั้นพระมหาโพธิสัตว์ดังนี้แล

    ข้าพเจ้าต้องมาเกิดอีกหลายต่อหลายชาติ แม้นจะบำเพ็ญทศบารมีเต็มแล้วเต็มอีกก็ตาม แต่ด้วยจิตที่ตั้งมั่นจะมาจรรโลงพระศาสนาแห่งพระสมณโคดม จึงได้เกิดมาเป็นพระมหากษัตริย์ไทยหลายยุคหลายสมัย ทุกยุคสมัยข้าพเจ้าคือผู้บุกเบิกราชวงค์ใหม่และสร้างเสริมพระศาสนาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นชาติที่ได้จุติเป็นพ่อขุนรามคำแหงมหาราช, ชาติที่ได้เกิดเป็นพระนเรศวรมหาราช หรือแม้แต่ชาติที่ได้เกิดเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่หนึ่ง นอกจากนี้ยังมีชาติที่ได้เกิดเป็นพระนบีมูฮัมหมัดเพื่อสร้างศาสนาใหม่ให้ชาวอิสลาม และใช้กฏแห่งกรรมเป็นกฏหมาย ไม่แตกต่างจากชาติที่เกิดเป็นพ่อขุยรามคำแหงเลย หรือแม้นแต่ชาติที่ไปเกิดเป็ฯพระเยซูคริสตร์เพื่อสร้างพระศาสนาให้ชาวยุโรป เนื่องด้วยเพราะไม่มีใครมีบุญบารมีพอที่จะสร้างพระศาสนาจรรโลงโลกได้ นอกเสียจากข้าพเจ้าผู้เดียวที่มีบุญบารมีถึงพระพุทธเจ้า แต่ด้วยโองการแห่งพระเจ้าหรือพระอัลเลาะห์หรือก็คือพระอมิตาพุทธผู้ปกครองสุขาวดีพุทธเกษตรนั่นเอง ท่านได้ทรงให้โองการแก่ข้าพเจ้ามาเพื่อสร้างพระศาสนาที่ต่ำกว่าพุทธศาสนาเท่านั้น ศาสนาทั้งสองจึงจะไม่ยาวนาน และสิ้นกาลลงในชาตินี้ที่ข้าพเจ้าจุติลงมาเพื่อรวบรวมศาสนาเป็นหนึ่ง คือ พระพุทธศาสนาแห่งพระสมณโคดม เท่านั้นเอง ดังนี้ ผลกรรมต่างๆ จึงมาลงเอยลงในวันพิพากษา อันจะส่งผลให้ศาสนาทั้งสองที่ข้าพเจ้าสร้างมาจบสิ้นลง ซึ่งข้าพเจ้าไม่นิยมให้คนมาหลงใหลแบบผิดๆ นิยมให้คนเชื่อฟังศรัทธาที่ความดีงามของข้าพเจ้า แล้วนำไปปฏิบัติมิใช่ดีแต่พูดลอยๆ เพราะข้าพเจ้าเป็นนักปฏิบัติ จึงจะเห็นได้ว่าชาวคริสตร์และชาวอิสลามเป็นนักปฏิบัติมากกว่าชาวพุทธแห่งพระสมณโคดม แต่จะมีเนื้อหาธรรมที่น้อยกว่าพระศาสนาพุทธแห่งพระสมณโคดมมาก ด้วยเหตุผลจากบุญและกรรมทำมาดังนี้เอง ในขณะที่ชาวพุทธนิยมเอาพระธรรมมาถกเถียงมากมายแล้วไม่ค่อยปฏิบัติ ดังนี้ ไม่ว่าพระคริสตรศาสนาหรืออิสลามก็ตามที จึงนับถือพระเจ้าคือพระอมิตาพุทธ มีความศรัทธาก่อนเป็นตัวนำ ทั้งยังต้องปฏิบัติด้วยความรักความเมตตาและสันติสุขเป็นสำคัญ ที่คือ ลักษณะพิเศษของศาสนาแห่งข้าพเจ้า ทั้งนี้ชาวคริสตร์มีจำนวนมากกว่าชาวพุทธเพราะด้วยบุญบารมีของข้าพเจ้านั่นเอง และชาวอิสลามถูกจำกัดให้นับถือได้เฉพาะในเครือญาติเท่านั้น เพื่อมิให้ไปแย่งขยายเหนือพุทธศาสนา ทั้งนี้ชาวอิสลามยังได้ครอบครองน้ำมันส่วนใหญ่ของโลก เพราะด้วยผลบุญของข้าพเจ้าอีกเช่นกัน<O:p

    ชาติที่ได้เกิดเป็นพระเยซู ข้าพเจ้าลำบากมากตั้งแต่เด็ก พระแม่มารีคือพระอวโลกิเตศวรได้จุติมาเพื่อสั่งสอนข้าพเจ้ามากมาย ให้ข้าพเจ้ามีความหยิ่งทนง มีความกล้าหาญ เสียสละ และมอบความรักความเมตตาแด่คนทั้งปวง จนกระทั่งข้าพเจ้าบรรลุธรรมโลกอุดรอีกครั้ง จึงได้ออกประกาศศาสนา และรับผลกรรมจากการปรามาส ถูกคนไล่ด่า ขับไล่ ข้างหิน หาว่าข้าพเจ้าบ้าบ้าง ที่อ้างตนเป็นพระบุตรของพระเจ้า ข้าพเจ้ามีความหยิ่งทนงเป็ฯลักษณะสำคัญอย่างหนึ่ง แต่ด้วยความมีปัญญาและเมตตาธรรม จึงใช้ความดีของตนเป็ฯเครื่องพิสูจน์ สาวกที่เคารพข้าพเจ้าศรัทธาอย่างจริงใจนั้นมีน้อยมาก ไม่ว่าข้าพเจ้าจะทำดีอย่างไร ผู้ปกครองประเทศ และชาวบ้านที่ขลาดเขลา บ้างเกรงกลัวอิทธิพลของผู้ปกครองประเทศที่ห้ามไม่ให้นับถือข้าพเจ้า หรือเป็นเพราะตัวเขาเองตามืดบอดมองไม่เห็นในความดีงามของข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าจึงออกประกาศศาสนาด้วยความหยิ่งทนงและด้วยเมตตาธรรม จนผู้คนทั้งหลายเริ่มสนใจในตัวข้าพเจ้าและเริ่มคิดว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดอาจเป็นจริง และด้วยพุทธวิสัยของข้าพเจ้าไม่นิยมเถียงเอาชนะผู้ใดก่อน แต่จะพิสูจน์ให้ดูด้วยการปฏิบัติอย่างท้าทาย และมักให้เกียรติ์ศาสนาอื่นๆ ที่เกิดมาก่อนเป็นเบื้องต้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมข้าพเจ้าจึงต้องรจนาพระคัมภีร์ใหม่ ซ้อนทับคัมภีร์เดิม อันจะแตกต่างจากพุทธวิสัยแห่งพระสมณโคดม ที่ทรงเดินตรงไปถกธรรมกำราบความโง่เขลาของคนในทันที แล้วเล่าเรื่องราวการกำเนิดมนุษย์และจักรวาลทีหลัง ดังที่ท่านเห็นในพุทธประวัติ <O:p

    สุดท้ายในชาติที่เกิดเป็นพระเยซูข้าพเจ้ายังไม่สิ้นกรรมจากการทำอัตวิบากกรรม จึงต้องตายบนไม้กางเขน พวกเขาทรมานข้าพเจ้าอย่างไร้เมตตาธรรม พวกเขาซาดิส และกระทำด้วยความสะใจราวกับสัตว์ป่า และไม่เห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนแต่อย่างใด ข้าพเจ้าถูกทรมานมากมายจนเหลือจะกล่าวมากกว่าในพระคัมภีร์บันทึกไว้ ความเจ็บปวดจากการตอกตะปูนั้น ส่งผลให้ข้าพเจ้าฝังใจจำก่อนตายว่าข้าพเจ้าไม่อยากมาเกิดอีกในชาตินี้ที่ข้าพเจ้าถูกเข็มฉีดยานี่เอง ในครานั้นซาตานผู้เคยเกิดเป็นพรานป่าผู้นั้น คือ ผู้ปกครองที่ได้ตัดสินโทษข้าพเจ้า และในจำนวนนั้นก็ได้มาเกิดเป็นพระมหาอุปราช ถูกข้าพเจ้าชนช้างฟันขาดสะพายแล่งไป เพราะไม่ต้องการให้ทหารเสียเลือดเนื้อเป็นจำนวนมาก จึงได้ยอมเสี่ยงชีวิตเพียงคนเดียว ส่วน“ช้างก้านกล้วย” นั้น ได้บำเพ็ญเพียรเพื่อจุติเป็นพระมหาโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ผู้มีปณิธานว่าจะขอบรรลุพุทธภูมิเป็นคนสุดท้าย และได้มาจุติชาตินี้และได้พบกับข้าพเจ้าและจดจำข้าพเจ้าได้อีกเฉกเช่นกัน ชาติที่บำเพ็ญเพียรเป็นพระนเรศวรมหาราชนี้ ข้าพเจ้าได้ใช้กุศโลบายรวบรวมไพล่พลโดยใช้พุทธศาสนาซึ่งก็เหมือนในชาตินี้ และใช้พุทธศาสนาปลุกขวัญทหารเรื่อยมา ดังที่ท่านเห็นในประวัติข้าพเจ้า ว่าได้ขึ้นไปหลบเบื้องหลังองค์พระขนาดใหญ่ที่วัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย เพื่อปลุกใจทหาร กลายเป็นตำนาน “พระพูดได้” เล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งข้าพเจ้าก็จะใช้พระพุทธศาสนานี้ รวบรวมไพล่พลอีกเหมือนดังในอดีตชาตินั้นแล จึงได้มาเขียนเล่าเรื่องราวต่างๆ ไว้เป็นเบื้องต้น<O:p

    ซาตานนั้นได้มาเกิดร่วมชาติกับข้าพเจ้าอีก ในชาติที่ข้าพเจ้าได้จุติมาเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่หนึ่ง เขาได้จุติเป็นพระยาตากสิน เราร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาด้วยปณิธานกู้ชาติเหมือนกัน เขาฉลาดแกมโกง ข้าพเจ้าเป็นคนรักเพื่อน ทุกครั้งเขาจะทำตัวอยู่หน้า ข้าพเจ้าไปหลบอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อถึงคราวรบ ข้าพเจ้าซึ่งดำรงยศ เป็น “เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก” ในครานั้น กลับเป็นผู้ออกรบเองเสียส่วนใหญ่ หากจะกล่าวได้ว่าชัยชนะทั้งหมดเกิดจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่หนึ่งนั้น ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยนิสัยรักเพื่อและเสียสละให้เพื่อน ข้าพเจ้าก็ได้สละอาณาจักรที่ข้าพเจ้าควรได้ ให้แก่พระยาตากสินไป ภายหลังพระยาตากสินหลงอภิญญา ฝึกวิชชาฟันแทงไม่เข้า สติฟั่นเฟือน บริหารงานราชการแผ่นดินผิดเพี้ยนไปหมด คนดีกลับหาว่าเลว คนเลวกลับยิ่งใหญ่ได้หน้า ข้าราชการน้อยใหญ่ล้วนร้องขอข้าพเจ้า สุดท้ายข้าพเจ้าจำใจต้องจับเขาสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์ ทั้งที่ไม่อยากทำเลย เมื่อได้อโหสิกรรมด้วยความเศร้าสลดที่ต้องลงโทษฆ่าเพื่อนตนเองให้ตายอย่างทรมานต่อหน้า จึงได้สร้างศาลบูชา และตั้งขึ้นเป็นพระเจ้าตากสินมหาราชให้คนบูชาถึงปัจจุบัน ทว่าเจ้าพระยาตากไม่ลดละความอาฆาต ได้กลับชาติมาเกิดใหม่เพื่อทำลายราชวงค์ให้ล่มสลายลงไม่ถึงรัชกาลที่สิบ ดังคำสาปแช่งที่เขากล่าวไว้ก่อนสิ้นใจ ส่วนข้าพเจ้าต้องรับกรรม นั่งดูแผ่นดินถูกเขากระทำย่ำยีต่อหน้าโดยไม่สามารถแก้ไขอันใดได้ และในชาตินี้เอง อีกไม่นาน เขาจะได้ครองอำนาจบาตรใหญ่ในแผ่นดินนี้ ถึงวันนั้น หากผลบุญที่ข้าพเจ้าสร้างศาลให้เขาไม่เพียงพอชดใช้ เขาจะตามตัวจับข้าพเจ้าไป ให้ลูกน้องเตะต่อยทุบตี และกล่าวหาว่าข้าพเจ้าเสียสติ เป็นกรรมที่ข้าพเจ้าต้องรับ แต่หากข้าพเจ้าทำบุญเพียงพอจะมีผู้มาช่วยข้าพเจ้า ซ้ำวนรอยกรรมเก่า ดังในชาติหนึ่งที่ข้าพเจ้าจุติเป็น “ขงเบ้ง” <O:p

    ในชาติที่ข้าพเจ้าจุติเป็นขงเบ้งนั้น ข้าพเจ้าได้ร่วมบารมีกับพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ซึ่งได้จุติเป็นเล่าปี่ และท้าวจตุโลกบาลอีกสองท่าน คือ กวนอูและเตียวหุย ในชาตินั้นข้าพเจ้าศึกษาธรรมยังไม่บรรลุ แต่ด้วยปณิธานที่อยากช่วยคนทำให้ข้าพเจ้าใจร้อน เข้าสู่วังวนสงครามในที่สุด บรรดานักปราชญ์สหายธรรมทั้งหลายของข้าพเจ้ารู้ใจข้าพเจ้าดี ว่าข้าพเจ้ามีปณิธานที่รั้งไม่อยู่ พวกเขาไม่กล้าท้วงติงข้าพเจ้า และล่วงรู้วาระกรรมที่จะเกิดกับข้าพเจ้า พวกเขาจึงพากันไปขวางเล่าปี่ถึงสองครา ไม่ว่าจะด้วยการแสดงให้เล่าปี่เห็นบทสนทนาธรรมในกระท่อมท่ามกลางหิมะ หรือแม้นแต่เข้ามาสนทนาธรรมโดยตรง สุดท้ายข้าพเจ้าซึ่งมีปณิธานหาญกล้า แต่เศร้าสลดใจว่า “โอ้หนอ ไยข้าพเจ้ามีความรู้ความสามารถถึงเพียงนี้ แต่มิอาจช่วยชาติบ้านเมืองกำราบทรราชแผ่นดิน ตั๋งโต๊ะและโจโฉลงได้” ด้วยความหยิ่งทนงอันเป็นวิสัยเฉพาะตัวของข้าพเจ้า จึงได้นอนรอปล่อยให้เล่าปี่และพรรคพวกต้องมาอ้อนวอนขอตัวถึงสามครั้งสามครา ในครานั้น พวกเราบำเพ็ญบารมีไม่แก่กล้า แม้นปณิธานจะตอกย้ำชัดเจน ระลึกได้เพียงว่าจะช่วยคนจำนวนมาก แต่ปัญญาบารมียังไม่ถึง จึงมิได้บรรลุธรรม ต่างตกลงในวังวนสงครามอันยาวนานนั้น ข้าพเจ้าใช้กลยุทธ์ไฟ คร่าชีวิตทหารเป็นจำนวนมาก จนทำให้อายุขัยสั้นลง และมิอาจบรรลุปณิธานได้ในชาตินั้นอีกเช่นกัน ส่วนกวนอูได้ไปจุติเป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ และได้มาเกิดเพื่อรักษาแผ่นดินไทยอีกคราหนึ่งคือพระยาพิชัยดาบหัก ผู้จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองและสู้แม้นท้ายที่สุดอย่างไม่คิดชีวิต ส่วนเตียวหุยก็ได้ไปจุติเป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่เช่นกัน ซึ่งก็เป็นคนเดียวกันกับพาลี ผู้โกรธหน้าแดงเป็นฟืนเป็นไฟ ในตำนานพระลักษณ์พระรามของฮินดูนั่นเอง และเตียมหุยได้มาจุติในชาตินี้อีก เพื่อช่วยเหลือข้าพเจ้าฟื้นฟูประเทศ โดยเขาจะเป็นผู้ดูแลด้านเศรษฐกิจ <O:p

    ในชาตินั้น ตั๋งโต๊ะผู้มีบุญบารมีมากแต่จิตใจคับแคบตระหนี่ถี่เหนียวไม่ยอมแบ่งปันใคร ได้ไปเกิดเป็น “จอร์จ บุช” และ โจโฉผู้ทรยศประเทศชาติได้ แต่ไม่ยอมให้ใครทรยศตน แม้นเก่งกาจแต่ขาดคุณธรรม จึงได้มาเกิดเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยผู้เป็นเพื่อนกับ “จอร์จ บุช” นั่นเอง ฝ่ายซุนกวนนั้นก็ได้กลับชาติมาเกิดเป็น “ประธานาธิบดี โทนี่ แบร์” ฝ่าย “ซัดดัม” ผู้ตายเป็นคนแรกในสงครามนี้ นั่นก็คือ คนที่ได้ชื่อว่าลูกสามพ่อ คิดว่าตนเก่งกาจแต่ตายเสียแต่คนแรกนั่นแล ฝ่าย “ประธาณาธิบดีปูติน” นั้นเล่า ก็คือ ผู้ที่ถูกขุนนางของตัวเองนำแผนที่ประเทศไปมอบให้เล่าปี่นั่นแล ซึ่งในชาตินี้ ความลับทางการทหารของเขาก็จะรั่วไหลแบบเดิมอีกเฉกเช่นเดียวกัน ส่วนสุมาอี้ ได้มาเกิดเป็น “ประธานาธิบดี หู จิ่น เทา” ในปัจจุบัน ในศึกสามก๊กนั้น เป็นศึกครั้งใหญ่ที่เหล่ามารและเทพลงมาจุติมากมาย ทว่าความที่บำเพ็ญบารมีไม่แก่กล้า เหล่าพระโพธิสัตว์จึงยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงประเทศจีนให้ร่มเย็นเป็นสุขได้สมปณิธานที่ตั้งใจ แต่ในชาตินี้เราได้เจอกันอีก จะเป็นชาติที่เหล่าพระโพธิสัตว์ได้ชัยชนะ เพราะต่างบำเพ็ญบารมีมาพร้อมสมบูรณ์แล้ว และด้วยวาระกรรมในอดีตดังกล่าวนี้เอง ทำให้บุคคลที่จะตายก่อนคือ “ซัดดัม” ถึงคราวนี้เอง “โจโฉ” จะเริ่มผงาดในแผ่นดินด้วยอุดมการณ์เริ่มแรกที่ดูแสนดีจนคนเข้าร่วมมากมาย เขาจะยึดครองแผ่นดิน จน “เล่าปี่” ต้องให้คนมาตามหาข้าพเจ้า ซึ่งก็คือ “ขงเบ้ง” ถึงหลายครั้งหลายครา ข้าพเจ้าก็ซ่อนตัวหลบลี้บ่ายเบี่ยงไปมาด้วยความหยิ่งทนงและอายุที่เยาวัยกว่า จึงต้องแสร้งให้คนชราเหล่านั้นยอมก้มหัวจำนนเชื่อฟังข้าพเจ้าให้ได้ในที่สุด มิฉะนั้นประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมในชาติที่ข้าพเจ้าเกิดเป็น “ขงเบ้ง” แต่บารมียังอ่อน จนไม่สามารถทำให้ผู้ใดเชื่อใจได้ ถึงแม้นว่าจะยอมให้ “เล่าเสี้ยน” ปกครองแผ่นดิน ทั้งๆ ที่ “เล่าปี่” ฝากฝังแผ่นดินไว้กับข้าพเจ้า ซึ่งชาตินี้ “เล่าเสี้ยน” ก็ได้จุติมารอให้ข้าพเจ้ามอบแผ่นดินให้อีกเฉกเช่นกัน แต่ด้วยกรรมที่เขาเอาแต่ความสุขส่วนตนทำให้ประเทศชาติล่มจม ทหารพลีชีพตายเพื่อเขาไปมากมายนั้น ได้ลดทอนอายุขัยของเขา ทำให้เขาไม่มีบุญเหลือพอที่จะมีชีวิตได้ทันรับแผ่นดินนั่นเอง ตามมาด้วยการตายในจุดเริ่มต้นของสงครามอย่างรวดเร็วของ “จอร์จ บุช” และการยอมจำนนของ “โทนี่ แบร์” ที่หันมาเข้าข้าง “หู จิ่น เทา” และตามมาด้วย “กวนอู” จะตายในหน้าที่อย่างเคย ส่วน “เล่าปี่” จะสลดใจจนป่วยตาย และตามมาด้วยการตายอย่างอเน็จ อนาถของ “โจโฉ ซึ่งก็คือ ...” จากนั้น “หู จิ่น เทา” จะผงาดได้ไม่นานก็ถูกพรรคพวกรุมทรยศเหมือนกับที่เขาเคยก่อกรรมทรยศเพื่อนๆ ของเขาไว้ จนฆ่ากันเองตายอนาถ ส่วนผู้ที่ยังเหลือรอดคือ “ขงเบ้ง” ผู้หยั่งรู้อนาคตและหลบซ่อนตัวจนบรรลุธรรมนั่นเอง ซึ่งก็คือ ข้าพเจ้านี่แล ในการรจนาความจริงทั้งมวลนี้ ผู้คนย่อมจะคิดว่าข้าพเจ้าบ้า ดังกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำมากับพระยาตากสินในอดีตชาตินั่นเอง <O:p

    ทั้งนี้กรรมบางส่วนข้าพเจ้าได้ชดใช้ให้ซาตานหรือพระยาตากหมดสิ้นแล้ว ดังเช่น ในชาติที่ข้าพเจ้าได้เกิดเป็น “ซุนปิ่น” เขาได้บีบคั้นข้าพเจ้า ทรมานและนำข้าพเจ้าไปจับขัง เพื่อให้ข้าพเจ้ามอบตำราพิชัยสงครามมา แต่ข้าพเจ้าหนีรอดออกมาได้ และได้ทำสงครามกับเขาอีกครั้ง เหมอนดั่งเช่นในชาติที่จุติเป็นพระนเรศวรนั่นแล ข้าพเจ้าได้ล่อเขาออกมาจากกองทัพเพียงผู้เดียว แล้วให้พลธนูรุมยิงเขาเสีย เพื่อมิให้เสียเลือดเนื้อทหาร นับเป็นการก่อเวรกรรมร่วมกันระหว่างข้าพเจ้าและซาตานอีกชาติหนึ่ง<O:p

    ซึ่งในการที่ข้าพเจ้ามีจิตมาเตือนหายนะที่จะเกิดขึ้นนี้เอง เป็นการลดทอนกรรมที่เคยมีมา ทั้งยังรับกรรมแต่น้อย คือ ได้รับการปรามาสว่าบ้า แต่เพียงในเว็บไซต์นี้เท่านั้น หาไม่เช่นนั้นแล้ว ก็ต้องได้รับการกล่าวหาว่าบ้า ในที่แห่งอื่นอีกเฉกเช่นกัน จะหลีกเลี่ยงไปเสียมิได้ ด้วยเหตุนี้ สิ่งต่างๆ ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ จึงนับได้ว่าน่าเชื่อถือ และเป็นการเล่าเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นเพื่อให้ท่านทั้งหลายเตรียมตัวเตรียมใจได้อย่างดียิ่งทีเดียว ซึ่งข้าพเจ้าจะต้องชดใช้กรรมหมดก่อน จึงจะได้ช่วยชาติบ้านเมืองดังที่ได้ตั้งจิตปรารถนาไว้ ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมเพื่อหลบลี้ภัย ประเทศจักรอดพิบัติได้ด้วยเมตตาธรรม <O:p

    <O:p


    . ผลกรรมก่อซ้ำต่ำตก<O:p</O:p

    ผลบุญหนุนนำสูงสุด<O:p
    มารจมอบายที่ละน้อย<O:p
    เทพกับพลอยเจริญขึ้น<O:p
    <O:p
    วาระกรรมซ้ำทำเวียนวน<O:p
    กงกรรมกงเวียนคงเช่นนั้น<O:p
    พบกันหลายชาติมิคลาดครา<O:p
    ประหนึ่งดั่งว่าหนังเรื่องเดิม<O:p
    <O:p
    ผู้เลือกทางอบายคล้ายจมห่าง<O:p
    ผู้เลือกทางธรรมซ้ำสูงขึ้น<O:p
    พัวพันหลายชาติไม่ขาดครา<O:p
    สุดท้ายห่างไกลนักหนามิพบเจอ<O:p
    <O:p


    วาระกรรมแท้รอยเกวียน<O:p
    อ่านได้จึงเขียนดั่งหยั่งรู้<O:p
    ขงเบ้งผู้รู้ฟ้าดินได้ฉันใด<O:p
    ด้วยอ่านวาระกรรมได้ฉันนั้น<O:p
    <O:p
    กลยุทธ์, ธรรมและการปกครอง<O:p
    รวมสามเป็นหนึ่งได้ใครไหนเทียบ<O:p
    ศรีอาริยเมตไตรย์จึงนำทัพธรรม<O:p
    สยบมารทั่วหล้าครองโลกาเฮย<O:p


    <O:p
    .... บันทึกโดยตรงโดยธุลีกองฟอน<O:p
    <O:p
    เตรียมรวมเล่มเพื่อพิมพ์จำหน่ายสบายอารมณ์หวังร่ำรวยทรัพย์อีกไม่นานนี้ โปรดติดตามความดังได้ที่ทางทีวีสีทั่วไป
    (หากทีวีเสีย ไม่มีสีควรไปซ่อมก่อน จะได้เห็นหน้าตาที่หล่อเหลาของข้าพเจ้าชัดเจน)<O:p
     

แชร์หน้านี้

Loading...