การที่เราไปบนบานศาลกล่าวตามที่ต่าง ๆ (ได้ผล หรือว่างมงาย หรือ ว่าที่พึ่งทางใจ)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย markerkab001, 4 มีนาคม 2011.

  1. markerkab001

    markerkab001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +780
    การบนบานเราคงจะเคยได้ยินกันจนชินหู
    แต่ก็มีหลักหลาย ๆ อย่างมาขัด จนเปรียบเสมือน ศรัทธา+ที่พึ่งทางใจ+ความงมงาย

    ไม่ว่าจะเป็นการบนบานพระพรหม พระนารายณ์ พระพุทธเจ้า หลวงพ่อองค์นั้นองค์นี้ ผมอยากทราบว่ามันได้ผลจริงหรือไม่ ?

    ผมได้คุยกับพระอาจารย์ท่านหนึ่งท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสังเวช บางลำภู กรุงเทพ เกี่ยวกับเรื่องการบนบาน ท่านก็ตอบมาว่า"การบนบานนั้นเป็นแค่ที่พึ่งทางใจ แต่การบนบานหรือจะมาสู้กับกฏแห่งกรรมนั้นคือสัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม" โลกของเราไม่มีหรอก เทพ เทวา เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ทุกสิ่งล้วนเกิดจากการกระทำทั้งสิ้น การกระทำเป็นตัวต้นเหตุ เป็นตัวเกิดผล เช่นเราไปบนให้ขับรถปลอดภัย แต่เรากินเหล้าก่อนขับ การเกิดอันตรายมันก็สูง เราไปบนบานเจ้าพ่อ เจ้าแม่ซัก 100 ที่ ให้สอบภาษาอังกฤษได้ แต่ถ้าเราอ่านไม่ออกแถมยังกามั่ว โอกาสที่เราจะผ่านมันก็น้อยเหลือเกิน ไม่มีเจ้าพ่อเจ้าแม่ หลวงพ่อองค์ใด ๆ จะมาช่วยเราได้ ทุกสิ่งล้วน "เป็นไปตามกรรม" + "ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน" ไม่มีใครจะมาดลบันดาลตามใจปรารถนา ขนาดหายใจเรายังหายใจเองเลย ตายก็ตายคนเดียว เวลาป่วยใครเล่ามาป่วยเป็นเพื่อนเรา อกหัก รักคุด ตุ๊ดไม่มอง ก็ตัวเราทั้งสิ้น ไม่มีใครมาช่วยได้ทั้งนั้น ทุกสิ่งล้วนเป็นไป บางทีเอาน้ำแดงไปถวาย แม่นาค กุมาร (ผมเอามาจากโน๊ต อุดม)ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันสมัย แม่นาค สมัยกุมารทอง มันมีน้ำแดงขายตั้งแต่เมื่อไหร่ พอบนแล้วได้ดั่งใจปรารถนาก็บอกว่าศักดิ์สิทธิ์ จริง ๆ เค้าไม่ได้ช่วยอะไรเลยซักอย่างเดียว หุ่นรูปปั้นก็อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไร
    เพราะฉะนั้นการที่เราจะทำอะไรก็ควรตั้งมั่นอยู่ในความมีสติ สติเป็นตัวต้นเหตุ ถ้าขาดสติก็มีทุกข์




    ผมเลยขอนำเอากาลามสูตร ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามานำเสนอ




    อย่าเชื่อ 10 ประการ
    กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร
    1.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
    2.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
    3.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
    4.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
    5.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
    6.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
    7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
    8.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
    9.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
    10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
    ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
    สูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาละมะนั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้นโกศล ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ
    ตัวอย่าง
    1.อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลาย
    2.อย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแส
    3.อย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า เข่าว่าอย่างนี้ ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลาย
    4.อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่า ตำราบางเล่ม คนแต่งก็มั่วมาบ้าง เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง คนมีกิเลสไปแก้ไขตำรา คนมีผลประโยขน์ ไม่แก้ไขตำราเท่ากับเราโดนหลอก
    5.อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอา
    6.อย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วย
    7.อย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้ ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิต
    8.อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่ อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้ คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชัก
    9.อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ ระวังจะโดนหลอก อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
    10.อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี ควรทำตาม ทดสอบดู ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มีนาคม 2011
  2. markerkab001

    markerkab001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +780
    ผมอยากทราบว่า ถ้าเทพเทวดามีจริง การที่เราไปบนบานศาลกล่าวเค้าสามารถช่วยเราได้ทุกเรื่องหรือไม่ ?
    หรือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม + ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน + หรือตัวใครตัวมัน เทวดาไม่ยุ่งด้วยแน่นอน ใครทำอะไรก็ได้รับอย่างนั้น
     
  3. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
     
  4. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    การบนบาน เหมือนหรือต่างจาก การอธิฐานจิตมั้ย
    บุญ นี้ละสำคัญ แล้ว บารมี จะตามมา ใครๆก็ยากช่วยเมื่อมีบุญและบารมี

    ที่พึ่งหลักคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงค์
    ที่พึ่งรองคือ บุญ
     
  5. jiwcrop

    jiwcrop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +792
    จากที่เคยอ่านเก็บตกบ้านอนุสาวรีย์นะครับ

    การบนจะสำเร็จ ก็ต่อเมื่อ คุณมีต้นทุน(บุญถึง) ในระดับนึง เฉกเช่น แก้วน้ำ (บุญที่ต้องมีเพื่อให้สำเร็จในสิ่งที่อธิษฐาน) ขนาด 100 ซีซี ถ้าคุณมี บุญอยู่ 80-90 ซีซี เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาเมตตาช่วยเติมให้ 10-20 ซีซี สิ่งที่คุณบนไว้ก็สำเร็จ ***แต่การแก้บนส่วนใหญ่ เขาแนะให้ทำบุญใหญ่ เช่นถืิอศีล 5 หรือ 8 นั่งสมาธิั 1 ชม ต่อวัน นาน 7 วัน

    แต่ถ้าหากคุณมีน้ำแค่ 10 ซีซี (ทุนบุญที่จะให้สมหวังในเรื่องนั้นๆ ไม่เต็ม) ต่อให้บนที่ไหนว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ คุณก็ไม่สำเร็จครับ (เพราะเหตุปััจจัยที่ทำให้สำเร็จในเรื่องนั้นๆ ไม่มี)

    เหมือนที่สมเด็จโตท่านกล่าวไว้ดังนี้ครับ


    " หมั่นสร้างบารมีไว้ ... แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง "

    ลูกเอ๋ย ...
    ก่อนที่จะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด
    เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง
    คือ บารมีของตนลงทุนไปก่อน
    เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ
    จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย ...
    หากไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าจะเอาตัวไม่รอด
    เพราะ ...
    หนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว ...
    เมื่อทำบุญกุศลได้บารมีมา
    ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด
    ไม่มีอะไรเหลือติดตัวแล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า ...
    หมั่นสร้างบารมีไว้แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง

    จงจำไว้นะ ...
    เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้
    ครั้นถึงเวลา ... ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ ...
    จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน
    เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย
    จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า ...

    " สิ่งศักดิ์สิทธิ์ " จะช่วยเราได้ก็ต่อเมื่อ
    ถึงเวลาของผลกรรมดีนั้นๆ มาถึง
    หากเราเคยทำกรรมร่วมกับเทวดาองค์ใดมาก่อน
    เมื่อถึงเวลาท่านก็สามารถมาช่วยเราได้
    ยิ่งเราหมั่นทำบุญทำทาน รักษาศีล สวดมนต์ภาวนา
    เท่ากับเราสร้างบุญบารมีมากขึ้นๆ
    ผลบุญจะส่งผลเร็วขึ้น ... กรรมชั่วตามไม่ทัน
    ในทางตรงกันข้ามหากปัจจุบันเราทำแต่กรรมชั่ว
    ผลกรรมชั่วก็จะยิ่งมากขึ้นๆ
    เมื่อกรรมดีที่สะสมไว้ในอดีตตามไม่ทัน
    เพราะ ... เราสร้างสมกรรมชั่วขึ้นทุกวันๆ
    เทวดาองค์ใดจะช่วยก็ช่วยไม่ได้ ...


    ถ้าบนไม่สำเร็จ บุญไม่เต็ม อย่าย่อท้อต้องเพียรสร้างความดี บุญไม่มี บนให้ตายก็ไม่ได้ครับ

    หมั่นทำทั้ง ทาน ศีล ภาวนา อย่าให้ขาดให้สม่ำเสมอ ทุกวัน ทุกสิ่งทุกอย่างจะประสบผลสำเร็จ ด้วยความเพียร โดยเฉพาะความเพียรทำในความดีครับ สาธุ
     
  6. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    มีทั้งจริง และไม่จริง...... ของจริงไม่ต้องขอ บุญถึงก็ช่วย
    พระพุทธศาสนา......"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" แต่ตนก็ต้องมีครูบาอาจารย์ คอยชี้แนะให้ถูกทาง
     

แชร์หน้านี้

Loading...