การถอดจิตและการถูกวิญญาณอื่นเข้าแทรก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 14 กรกฎาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,177
    ถาม : แล้วทำไมคือว่าทำแล้วนอนหลับไปเลย เวลาที่ไม่รู้สึกตัวช่วงที่แบบไม่รู้สึกตัวอย่างนี้ก็ไปได้อะไรอย่างนี้ ?

    ตอบ : ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจ เรื่องของกับความตั้งใจ ถ้าตั้งใจมากเกินไปมันจะเป็นตัวอุธัจจะกุกกุจจะ คือฟุ้งซ่าน มันก็จะทำให้กำลังใจของเราทรงตัวได้ยาก แต่ถ้าไม่ตั้งใจเรามีหน้าที่ทำ จะเกิดยังไงก็ช่างมัน แบบตอนนอนนั่นผลมันจะเกิดง่าย

    เรื่องของธรรมะเป็นเรื่องแปลก ต้องการไม่ค่อยได้หรอกหมดอยากเมื่อไหร่มาเมื่อนั้น ตั้ง ๑๐ ชาติมาแล้ว ชาติเดียวยังไม่สนใจเลย การดูอดีตชาติอย่าไปเอาจริงเอาจังอะไรกับมันมากนัก ถ้าหากว่ามันดีจริงเราไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก มันไปนิพพานซะนานแล้ว

    อะไรก็ตามที่ย้อนอดีตหรือไปในอนาคตมีแต่จะพาใจของเราส่งออกทำให้เราต้องเดือดร้อนและทุกข์อยู่เสมอ รับรู้ไว้ด้วยความเคารพแล้วก็กองไว้ตรงนั้นแหละ ส่วนชาตินี้ของเราๆ มีหน้าที่ อดีตมันแก้ไขอะไรไม่ได้เพราะมันผ่านมาแล้วเอาไว้แค่เป็นบทเรียนก็พอ เดี๋ยวช่วยซ้ำให้ตายอีกชาติหนึ่งดีมั้ย ?

    ถาม : แล้วที่เขาว่าวิญญาณจะแทรกเข้ามาที่ดวงจิตนี่คือเขาจะยังไงคะ ?

    ตอบ : อันนี้ไม่ทราบความหมายของเขา เพราะว่าวิญญาณ ตามภาษาบาลีคือประสาทความรู้สึก จิตก็คือตัวรู้ คราวนี้วิญญาณของเขามันหมายถึงอะไรล่ะ ? ทั่วๆ ไปถ้าหากสำหรับคนอื่นๆ วิญญาณนี่ก็คือผีที่จะมาหลอก มันคนละความหมายกับบาลีเขา

    ถาม : มีอยู่วันอาทิตย์ที่แล้วคือนอนอยู่ที่บ้านแล้วก็เหมือนกับว่าตัวจะลอยออกไปได้ เราก็เลยแบบ เออ....ออกไปเที่ยวแถวนั้นดีกว่าอะไรแบบนี้เสร็จแล้วพออกไปสักพักหนึ่งก็เหมือนกับว่ามีเงาหรืออะไรอย่างนี้กระโดดเข้าใส่ร่าง ก็เลยวิ่งกลับเข้าไปในร่าง ?

    ตอบ : กลัวมันจะแย่งไป ลักษณะนี้มันมีอยู่ เวลาฝึกมโนมยิทธิแบบเต็มกำลังจะเห็นว่าทางหลวงพ่อท่านจะให้ทำน้ำมนต์พรมเอาไว้ก่อน คือกันพวกนี้เขาจะมาแทรก ตอนนั้นมันเหมือนกับปล่อยบ้านทิ้งว่างไว้ เพราะว่าจิตมันจะออกไปเลย ในเมื่อปล่อยบ้านทิ้งว่างไว้บางคนมันเกเรมาถึงมันก็ยืมบ้านใช้ ไม่ยืมเปล่ามันจะยึดซะด้วย

    ถาม : มีจริงๆ ด้วยเหรอคะ ?

    ตอบ : ทำไมล่ะ ? เราเองยังไปได้จริงๆ ทำไมเขาจะมีจริงๆ ไม่ได้

    ถาม : แล้วถ้าเกิดเขาเข้าไปได้แล้วเขา.....?

    ตอบ : ก็เตะมันออกมาสิ (หัวเราะ) ก่อนทำเพื่อความแน่ใจก็อาบน้ำมนต์ซะเลย อธิษฐานขอบารมีพระสงเคราะห์หรือไม่ก็ง่ายที่สุดก็คือว่า ตั้งใจขอท้าวมหาราชท่านสงเคราะห์ ส่งเทวดามารักษาในขณะที่เราทำกรรมฐานด้วย ถ้าอย่างนั้นเทวดาท่านจะช่วยกันให้ อันนี้ไม่ต้องเกรงใจว่ารบกวนท่าน มันเป็นภาระเป็นหน้าที่ๆ ท่านเต็มใจทำเลย บุคคลที่ตั้งใจเจริญกรรมฐานถ้าทรงตั้งแต่อุปจารสมาธิขึ้นไป ท้าวมหาราชจะส่งบริวารมาช่วยรักษาอยู่แล้ว เราก็แค่ตั้งใจนึกถึงท่านขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ป้องกันเรื่องเหล่านี้ให้เราด้วย ต่อไปพวกนั้นถ้าโดดเข้าใส่เมื่อไหร่ก็เจอกระบองกระเด็นกลับเท่านั้น

    ถาม : แล้วที่เขาบอกว่าคนที่จิตอ่อน วิญญาณจะเข้ามาแทรกในดวงจิต ?

    ตอบ : ลักษณะนั้นก็เหมือนกับที่เราคิดนั้นแหละ ที่เรียกว่าผีเข้าไง แต่จริงๆ เขาไม่ได้เข้าหรอก เขาอยู่ข้างนอก แต่ใช้อำนาจจิตที่สูงกว่ากดบังคับให้เรามีการแสดงออกตามแบบที่เขาต้องการ บางทีคำพูดคำจาลักษณะท่าทางของเรามันก็กลายเป็นเขาไปเลย เขาไม่ได้มามุดเข้าอยู่ในตัวเราหรอก อยู่ภายนอกแต่ใช้กำลังจิตที่สูงกว่ากดบังคับให้เราทำตามที่เขาต้องการ

    ถาม : แล้วมันจะมีอยู่ ๒ อย่างค่ะ คือนอนอยู่แล้วก็ยกแขนยกขาแล้วก็เดินออกไปเฉยๆ กับพุ่งตัวออกไปเหมือนกับเครื่องบินจรวดนี่มันต่างกันยังไงคะ ?

    ตอบ : ไม่ต่างกันหรอกมันก็ออกได้เหมือนกัน คือวันไหนใจเย็นหน่อยก็ค่อยๆ ไป (หัวเราะ) วันไหนใจร้อนหน่อยก็ติดเทอร์โบ อาการออกไปมันแล้วแต่เราตอนนั้นว่าต้องการแบบไหน จะออกไปจากส่วนไหนของร่างกายก็ได้

    ถาม : แล้วเวลาออกไปแล้วนี่จิตเราจะปรุงแต่งได้มั้ยคะ อย่างออกไปแล้วจะเห็น สมมติว่าออกไปแล้วเห็นพระท่านแล้วก็กลายเป็นพ่อเราอะไรอย่างนี้ ?

    ตอบ : ตอนนั้นก็ถ้าไม่มั่นใจก็อธิษฐานขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านช่วยสงเคราะห์ให้รู้เห็นตามความเป็นจริงด้วย ถ้าหากว่าขอแบบนี้จะเห็นตามความเป็นจริงตลอด ถ้าหากว่าท่านบอกเคยเป็นพ่อเราก็คือใช่ ตอนนั้นฟุ้งซ่านยากแล้ว ตอนออกไปอย่างน้อยๆ มันต้องทรงฌาน ๔ ได้ ถ้าทรงฌาน ๔ ไม่ได้มันออกไปไหนไม่ได้หรอก เห็นมันเป็นแค่อุปจารสมาธิเท่านั้นเอง

    ถาม : คือพอเห็นท่านเป็นพ่อแล้วท่านบอกว่าให้มองข้างหลัง แล้วก็เลยนึกถึงพ่อตัวเองขึ้นมาอย่างนี้ค่ะ เป็นห่วงก็เลยกลับไป ?

    ตอบ : เสียท่าเขาแล้ว (หัวเราะ) เอ้า....ไม่เป็นไรคราวหน้าแก้ตัวใหม่ คือถ้าท่านบอกก็ขออนุญาตหน่อยไม่ได้สงสัยหรอกแต่เพื่อความแน่นอน ขอรู้เห็นตามความเป็นจริงด้วย ถ้าเป็นไปจริงตามนั้นก็รับรู้ไว้ด้วยความเคารพ ไม่ต้องไปตื่นเต้นหรอก เพราะชาติโน้นย่อมไม่ใช่ชาตินี้ ถ้าดีจริงเราไม่มานั่งอยู่นี่หรอกไปนานแล้ว





    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนธันวาคม ๒๕๔๔
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ตุลาคม 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...