การถวายทานแบบ "อสทิสทาน"

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 23 มิถุนายน 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม : (ไม่ชัด) ความหมายของอสทิสทาน

    ตอบ: อสทิสทาน คือ ทานที่ไม่มีใครสามารถเปรียบได้ที่จะถวาย อย่างเช่น พระนางมัลลิกาเทวี ท่านทำ ใช้เจ้าหญิง ๕๐๐ ไหวมั้ย ? ๒ องค์ ปรนนิบัติพระ ๓ องค์ ใช้ช้าง ๕๐๐ เชือก เพื่อกั้นกลดถวายพระ เจอเข้าไปสองห้าร้อยเราก็หมดแล้ว ถ้าไม่ใช่ยิ่งใหญ่ระดับพระมหากษัตริย์หรือโคตรมหาเศรษฐีถวายไม่ได้หรอก ที่ท่านทำได้เพราะว่าท่านมีเจ้าหญิง ๕๐๐ (หัวเราะ) ชาวบ้านจะไปเอาที่ไหนล่ะ เจ้าหญิง ๕๐๐

     อสทิสทาน คือทานที่ไม่มีใครเปรียบได้ อย่างสมัยพระสีวลี ที่ท่านเป็นคนตัดฟืนก็เหมือนกัน อันนั้นชาวบ้านกับพระราชาแข่งกันถวายทานใช่มั้ย ? ใครจะทำได้ดีกว่า พอไปเห็นทานของเขาประณีตกว่ามีอะไรมากกว่า เดี๋ยวงวดต่อไปเราต้องหาให้เยอะกว่านั้น หาไปหามางานสุดท้ายกะเอาชนะพระราชาให้ได้ก็ว่ามันทุกอย่างเลย แหมดันไปขาดน้ำผึ้งสดซะได้ ที่คั้นแล้วนานๆ นั้นมี แต่น้ำผึ้งสดคารวงอยู่มันไม่มี พระสีวลีท่านเป็นคนตัดฟืนก็บังเอิญไปจ๊ะเอ๋รังผึ้งเข้า

     ท่านเองวันนี้ท่านก็จะเข้าเมืองอยู่แล้ว เดี๋ยวเอาไปฝากสหายเรา ก็ตีผึ้งไป ปรากฏเศรษฐีก็ให้คนถือเงินไปนั่งรอที่ประตูเมืองด้านละ ๑๐๐๐ กหาปณะ ประตูเมืองทั้ง ๔ ทิศ คนไหนมาแล้วถือรวงผึ้งมาก็ให้ขอซื้อเขา บอกว่าให้ราคาสูงสุดได้ถึง ๑๐๐๐ กหาปณะ พอพระสีวลีถือรวงผึ้งมา คนก็เข้าไปขอซื้อให้ ๑ กหาปณะ ท่านได้ยินก็แปลกใจ ก่อนหน้านั้นแพงมาก ๑ กหาปณะ เท่ากับ ตำลึงทอง ๔ บาท สมัยนั้นก็เทียบราคาตำลึงทอง เท่ากับ ๔ บาททองคำ ท่านก็แปลกใจ

     คราวนี้ท่านเป็นคนมีปัญญา รู้ว่าของไม่แพงขนาดนี้ให้แพงขนาดนี้ก็โก่งราคา บอกราคาแค่นี้ไม่ขาย เค้าก็ให้ ๒,๔,๘,๑๖ กหาปณะ ไล่เข้าไปจนถึง ๑๐๐๐ ก็ไม่ขาย แต่แปลกใจมาก ถามว่าจะเอาไปทำอะไรให้แพงขนาดนี้ ชาวบ้านก็เล่าให้ฟัง เจ้านายของเราจะทำบุญแข่งกับพระราชา งานนี้พระราชาต้องแพ้เราแน่ เพราะเรามีของครบทุกอย่าง แต่ขาดอยู่อย่างเดียวก็คือ น้ำผึ้งสดจากรวงที่ท่านมีอยู่ถึงได้ขอซื้อ ท่านบอกว่า ถ้าอย่างนั้นไม่ขายหรอก แต่ถ้าอนุญาตให้ร่วมบุญด้วย ก็จะเอาน้ำผึ้งสดจากรวงถวายร่วมบุญด้วย เขาก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นต้องไปถามเจ้านายเราก่อน พอไปถามมหาเศรษฐี ท่านก็ตกลงยินดีด้วย พระสีวลีท่านก็นำเอารวงผึ้งไปคั้นน้ำ ไม่น่าเชื่อว่าน้ำผึ้งที่คั้นออกมาไม่ทราบเหมือนกันว่าเทวดาท่านช่วยอีท่าไหน มีจำนวนพอถวายพระภิกษุสงฆ์ทั้งแสนรูป

     คราวนี้กองทานของเขานั่น มันขาดอยู่อย่างเดียวก็คือน้ำผึ้งสดจากรวง พระสีวลีท่านไปทำบุญปิดท้ายเขาก็เลยกลายเป็นรวบยอด เกิดมากี่ชาติ กี่ชาติ รวยไม่รู้เรื่องเลย ชาติที่ท่านเป็นพระสีวลี ท่านก็เกิดอยู่ในท้องของ พระนางสุปวาสา ปรากฎว่าแม่ท้องตั้ง ๗ ปี ๗ วัน อานิสงส์กรรมเก่า ชาติหนึ่งท่านเป็นพระมหากษัตริย์ไปล้อมเมืองเขาอยู่ ๗ ปี กับ ๗ วัน คลอดออกมาก็โตเป็นหนุ่มเลย

     คราวนี้ก็มีการเชิญเลี้ยงนิมนต์พระเข้าไปในวัง ไปฉัน พระสีวลีท่านออกมาก็ ๗ ขวบกว่า ท่านก็ประเคนของได้เลย พระสารีบุตรก็ถาม เป็นไงกุมารอยู่ในท้องแม่สบายมั้ย ? พระกุมารบอก สบายอย่างไรได้พระคุณท่าน ต้องขดงอก่องอขิงอยู่ ๗ ปีกว่า นั่งเฉยๆ อย่างเดียวก็เมื่อยจะแย่อยู่แล้ว ก็บอกว่าในเมื่อมันทุกข์ขนาดนี้แล้ว จะบวชมั้ยเล่า ? เพราะบวชแล้วปฏิบัติพ้นทุกข์ได้ พระสีวลีก็บอก ถ้าบวชแล้วปฏิบัติพ้นทุกข์ได้ก็จะบวช ก็ไปถามพระนางสุปวาสา ท่านก็โมทนาด้วยก็ตกลง พระสารีบุตรก็เลยบวชให้ เขาบอกว่า มีดโกนจรดศีรษะครั้งแรกท่านเป็นพระโสดาบัน ครั้งที่สองท่านเป็นพระอนาคามี ครั้งที่สามเป็นพระอรหันต์ไปเลย คนทุกข์มา ๗ ปีกว่าๆ มันเห็นชัดมากเลย ไม่ต้องเสียเวลาพิจารณามาก

     คราวนี้จุดนั้นก็เลยกลายเป็นว่าชาวบ้านชนะพระราชา พระราชาหาของไม่ได้เยอะขนาดนั้น ก็เลยกลายเป็นอสทิสทาน ท่านที่ไม่มีใครเขาเปรียบได้ แต่แปลกมาก การถวายอสทิสทานหัวหน้าทีมต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น เป็นผู้ชายอด มีหน้าที่เป็นลูกน้องอย่างเดียว มีหน้าที่วิ่งไปหาของอย่างเดียว จะร่วมบุญจะอะไรก็ได้ แต่ว่าหัวหน้าทีมเจ้ามือใหญ่เป็นผู้หญิง ในศาสนาของสมเด็จพระสมณโคดมของเราก็พระนางมัลลิกาเทวีถวายอสทิสทาน แม่ถวายก็เป็นของเราอยู่แล้ว

    ถาม : อสทิสทานในศาสนาของเราก็จะมีได้แค่หนเดียว ?

    ตอบ: หนเดียว

    ถาม: เพราะจะไม่มีใครทำเทียบได้อีกแล้ว

    ตอบ : ตัวเองทำอีกก็ไม่ได้ดีกว่านั้น คงจะได้แค่นั้น มันมีเกร็ดขำๆ อยู่ตอนหนึ่ง ก็คือว่าเขาหาช้างได้ ๔๙๙ เชือก ขาดอีก ๑ เชือก เป็นช้างตกมันหาไม่ได้ หมดประเทศแล้ว เสร็จแล้วจะทำอย่างไร ก็ไปทูลพระราชา

     คราวนี้พระเจ้าปเสนทิโกศลก็เลยเข้าไปทูลถาม พระพุทธเจ้าว่า ช้างตกมันเอามากั้นกลดถวายพระจะมีอันตรายมั้ย ? พระพุทธเจ้าบอกว่า เอาไปกั้นกลดถวายพระองคุลีมาลเถระเถอะ เป็นยังไง มันต้องเจอคนที่สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย เขาบอกว่ามหาชนทั้งหลายเห็นว่าช้างนั้นเอางวงจับกลดกั้นยืนนิ่งอยู่เหมือนดั่งรูปปั้น พอถึงเวลาฉันเสร็จ กล่าวอนุโมทนาเสร็จพระจะกลับ ภิกษุที่เป็นปุถุชนก็สงสัยเข้าไปเรียนถามพระมหาเถระว่า รู้สึกอย่างไรที่มีช้างตกมันยืนกั้นกลดให้ พระองคุลีมาลเถระบอกว่า ไม่รู้สึกอะไรหรอก นอกจากว่าเรารักเขาๆ ก็เลยรักเราด้วย คือท่านแผ่เมตตาเป็นปกติแล้วทีนี้กำลังท่านสูง กระทั่งช้างตกมันรับตัวเมตตาท่านได้ก็เลยหายตกมัน ยืนกั้นกลดเป็นตุ๊กตาไปเลย


    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมกราคม ๒๕๔๗(ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ




    .
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...