การชำระหนี้สงฆ์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ผาแดง, 3 มิถุนายน 2006.

  1. ผาแดง

    ผาแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,640
    ค่าพลัง:
    +10,719
    ผู้ถาม : ทำกรรมอะไรถึงลงอเวจีคะ...?
    หลวงพ่อ : อเวจีนี่ทำกรรมหนักมากมันถึงจะลง ก็มี อนันตริยกรรม อาจิณกรรม ขโมยของสงฆ์ ของสงฆ์นี่แตะนิดเดียวลงอเวจีเลยนะ แม้แต่เศษเล็กๆ
    ( เรื่องอนันตริยกรรม ฆ่าพ่อแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ยุให้สงฆ์แตกแยกกัน เป็นต้น พระยายมมาบอกหลวงพ่อว่า " ทุกคนอย่าได้ทำเด็ดขาด ท่านช่วยไม่ได้เลย "
    ส่วน อาจิณกรรม เช่น แม่ครัวทุบหัวปลาแกงเป็นประจำ เป็นต้น สำหรับขโมยของสงฆ์ หลวงพ่อได้ยกตัวอย่างให้ฟังดังนี้ )
    หลวงพ่อ : มีญาติพระเจ้าพิมพิสาร เป็นทายก ในตอนต้นก็ดีซื่อตรงต่อการบุญการกุศล แต่มาตอนกลางๆมือถึงท้ายมือไม่ค่อยดีเริ่มหยิบแล้ว ทีแรกเป็นทายก ต่อมาก็เป็นทายัก ของอะไรดีๆ ก็ยักเอาไปเสียบ้าง เอาไว้ให้ลูกเมีย เอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียบ้าง ของที่เขาจะถวายสงฆ์ เขาตั้งใจจะทำอาหารถวายพระสงฆ์ เนื้อดีๆ ก็ยักเอาไว้บ้าง แกงดีๆ ก็ยักเอาไว้บ้าง บางทีไม่ยักของสด ไอ้ของที่สำเร็จรูปที่เขาไม่ทันที่จะถวายพระ ก็ยักเอาไว้เสียบ้าง
    ญาติของพระเจ้าพิมพิสารเป็นทายักแบบนี้ ตายแล้วลงนรก สิ้นระยะเวลา ๑ กัป พ้นจากนั้นแล้วก็มาตก ยมโลกียนรก คือผ่านนรกบริวาร ๔ ขุม แล้วก็มาตกยมโลกียนรกตามลำดับมาเป็นเปรต ๑๑ จำพวก สุดท้ายก็เป็นเปรต พวกที่ ๑๒ สมัยพระพุทธเจ้าเรานี่เอง
    และอีกเรื่องหนึ่ง กากะเปรต สมัยที่เกิดเป็น กา แย่งข้าวในขันที่จะนำไปถวายพระข้าวสุกนั้น เขานำไปยังไม่ถึงพระ ยังไม่ใช่ของสงฆ์ จะถือว่าเป็นของชาวบ้านก็ไม่ได้ เพราะเขาตั้งใจถวายสงฆ์แล้ว กรรมเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ตายแล้วไปลง อเวจี แล้วแถมเกิดมาเป็นเปรต
    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ คนที่กินข้าวที่พระอนุญาติแล้ว ทำไมถึงตกนรก และ พระที่ให้ก็ต้องตกนรก ด้วยครับ...?
    หลวงพ่อ : ถ้าอาหารที่พระให้ต้องเป็นของที่ญาติโยมถวายเฉพาะองค์นั้น ไม่มีโทษแน่ แต่ที่เป็นอย่างนี้เพราะเป็นอาหารที่เขาถวายเป็นส่วนกลางคือ เป็นของสงฆ์ ของสงฆ์นั้นพระองค์ใดองค์หนึ่งไม่มีสิทธิ์ให้ นอกจากสงฆ์จะประชุมตกลงให้พระองค์เป็นผู้จ่ายแทนสงฆ์เช่น อาหารวันพระ ที่มีข้าวใส่บาตรเหลือมากๆ แล้วทายกใส่ถ้วยเอาไปบ้าน โดยที่คณะสงฆ์ไม่มีส่วนรู้เห็น อย่างนี้แม้แต่เจ้าอาวาสเอง ยังไม่มีสิทธิ์ให้ตามลำพัง
    บางทีกินอาหารที่พระฉันเหลือ ถ้าพระอนุญาติแล้วไม่มีโทษ ( สำหรับญาติโยมที่ไปในงาน ทางวัดเขาตั้งใจเลี้ยงก็ไม่เป็นไร ) แต่บางท่านก็หยิบของที่พระฉันแล้วเอามาเฉยๆ บางท่านก็ขอเอาดื้อๆ ให้หรือไม่ให้ก็ตามถือว่าออกปากแล้วยกไปเลย พระยังไม่ทันอนุญาติ ท่านทายกแบบนี้ ท่านช่วยยก คนที่กินกับท่านลงอเวจีแบบสะดวก เมื่อจะขอต้องดูว่า อาหารมากไหม ถ้ามากจนเหลือเฟือ ก็ขอให้พระท่านเป็นผู้ให้ ตามความพอใจของท่าน เพราะท่านอาจจะมีกังวลนำอาหารไปให้ใครก็ได้ ที่ท่านมีภาระต้องเลี้ยง ถ้าถือเอาตามความพอใจก็ต้องถือว่าแย่งอาหารจากพระมีโทษ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
    และ อาหารถวายพระพุทธรูป ก็เหมือนกัน อาหารประเภทนี้ดูเหมือนจะเป็นเหยื่อล่อให้ทายก ลงอเวจีสะดวกสะบายมาก อาหารที่เขานำมาวัด เขาตั้งใจถวายพระสงฆ์ การนำไปถวายพระพุทธรูปนั้นเป็นความดี เพราะเป็น พุทธานุสสติ ด้วย เป็น พุทธบูชา ด้วย แต่อาหารประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มาก เพราะพระพุทธรูปไม่ได้ฉัน ท่านจะฉันหรือไม่ฉันก็ตาม อาตมาคิดว่าทายกทายิกาไม่มีสิทธิ์จะกิน หลายวัดหรือส่วนใหญ่ ทายกมักจะเอาอาหารดีๆ และมากๆ ไปทุ่มเทถวายพระพุทธรูป
    เมื่อพระฉันเสร็จแล้ว ต่างก็ยกเอามากิน ตอนนี้ไม่ถูกด้วยประการทั้งปวง ต้องเอาไว้ถวายพระตอนเพล จึงจะถูก ทายก ทายิกาจะกินได้เฉพาะอาหารที่เหลือเป็นเดนจากพระเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์สถาปนาตนเอง เป็นลูกศิษย์พระพุทธรูป แต่ประการใด
    รวมความว่า ของที่เป็นของสงฆ์นั้น คือของในวัดทุกประเภทที่เขาถวายเป็นของสงฆ์แล้ว แม้แต่ดอกไม้ผลไม้ในวัด เศษไม้ที่คิดว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว เอามาทำฟืนบ้าง ทำอย่างอื่นเล็กๆน้อยๆบ้าง จงอย่าคิดว่าไม่บาป แม้แต่เศษกระเบื้องที่ทิ้งแล้ว ก็เป็นของสงฆ์ มีผลเสมอกัน เว้นแต่ดอกไม้ผลไม้ที่พระหรือท่านผู้ใดปลูกในวัด ถ้าท่านเจ้าของยังอยู่ในเขตวัดนั้นและท่านอนุญาติอย่างนี้เอามาได้ไม่บาป ด้วยท่านเจ้าของมีสิทธิ์สมบูรณ์ให้ได้ รับมาได้ไม่มีโทษ ถ้าท่านผู้ปลูกออกไปจากวัดนั้นหรือตายไปแล้ว ของนั้นตกเป็นของสงฆ์โดยตรง ไปเอามามีโทษตามกำลังบาป ขโมยของสงฆ์
    และอีกประการหนึ่ง วัดร้างที่ไม่มีพระอยู่ แต่มีสภาพเป็นวัด กับที่ของสงฆ์ที่เป็นไร่นาแล้ว ไม่มีสภาพเป็นวัด ถ้าเราไปนำมานิดเดียว แม้แต่หญ้าตนเดียว เขาถือว่า เป็นหนี้สงฆ์ อันนี้อันตรายมาก สมัย หลวงพ่อปาน ท่านแนะนำให้คน ชำระหนี้สงฆ์ บาทสองบาท สลึงสองสลึง บางคนไม่มีเงิน เอามาทำงานแทน ทำอะไรก็ได้ไม่บังคับ คือดายหญ้าก็ตามไม่เอาค่าแรง
    ( ใครก็ตามได้รู้อย่างนี้ก็ใจเสียแล้ว เวลาไปเอามาไม่รู้เท่าไหร่ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ก็มีคนหัวดี กล้าถามหลวงพ่อว่าถ้าจะชำระหนี้สงฆ์ทั้งหมดตั้งแต่ที่เคยทำมาตั้งแต่ต้นจนปัจจุบันจะทำอย่างไร เราจึงได้รู้เรื่องการสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ขึ้นมา )
    คัดลอกจากหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑ โดยพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    สำหรับวิธีการสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ขออนุญาติเป็นกระทู้หน้านะครับ
     
  2. anko

    anko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    972
    ค่าพลัง:
    +8,252
    สงสัยว่า แล้วเราจำเป็นต้องไปชำระหนี้สงฆ์ที่วัดที่เราเอาของมาหรือเปล่าคะ เช่นไปเด็ดดอกไม้หรือเก็บเศษกิ่งไม้มาจากวัดก.ไก่ เรามาสามารถชำระหนี้สงฆ์ที่วัดข.ไข่ได้หรือเปล่า หรือว่าต้องไปทำที่วัดก.ไก่
     
  3. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ขอยืนยันว่าไม่จำเป็น วัดไหนก็ได้ บางครั้งการชำระหนี้สงฆ์ก็จะมีการสร้างพระพุทธรูปชำระหนี้สงฆ์ เราก็ไปร่วมทำบุญกับเค้าด้วยก็ได้ คราวนี้เราไม่รู้ว่าเผลอไปนำของสงฆ์มาเมื่อไร อย่างที่หลวงพ่อบอกไว้ เศษกระเบื้องนิดเดียวก็ไม่ได้นะ หรือบางทีเป็นวัดร้าง เราไม่รู้มาก่อนว่าเป็นวัดร้าง หรือถึงแม้จะรู้ แต่ก็นึกว่าไม่เป็นไร แต่ที่ไหนได้ ถูกปรับโทษไปแล้ว ในส่วนตัวผมกลัวตรงนี้มาก ก็เลยพยายามทำบุญในลักษณะชำระหนี้สงฆ์ให้เป็นอาจิณกรรม คือการซ่อมพระพุทธรูปชำรุดของมูลนิธิบูรณะปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปชำรุด ทำทุกเดือนๆ ทีนี้อาจิณกรรมตรงนี้มีผลสองอย่าง คือ หนึ่งชำระหนี้สงฆ์ที่เราอาจเผลอไปล่วงละเมิดเข้า สองจิตใจมีจุดเกาะเกี่ยวว่า เอ้อ เดือนนี้ถึงเวลาที่เราต้องทำบุญตรงนี้แล้วนะ

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  4. anko

    anko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    972
    ค่าพลัง:
    +8,252
    ขอบคุณมากค่ะคุณkhomeraya อนุโมทนาในธรรมทานครั้งนี้ด้วยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...