การค้นพบมนุษย์โบราณสายพันธุ์ใหม่ขนาดจิ๋ว บนเกาะฟลอเรส อินโดนีเซีย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย pongsiri, 17 มีนาคม 2005.

  1. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    <HTML>
    <table width="100%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="3" align="center" bgcolor="#FFFFFF">
    <tr>
    <td>
    <b> หน้าที่ 1 - การค้นพบที่เกาะฟลอเรส ในประเทศอินโดนีเซีย</b><br>
    <br>
    <table cellspacing="0" cellpadding="0" width="100%">
    <tr><td>
    <img src="http://www.vcharkarn.com/reurnthai/pictures/A280p1x1.gif"><br> <i>ผังแสดงสายพันธุ์ที่วิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ปัจจุบัน ก่อนที่จะมีการค้นพบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2005
  2. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    <html>
    <table width="100%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="3" align="center" bgcolor="#FFFFFF">
    <tr>
    <td align="center"><br><b><font size="+2">การค้นพบมนุษย์โบราณสายพันธุ์ใหม่ขนาดจิ๋ว บนเกาะฟลอเรส อินโดนีเซีย</font></b><br>
    <br>
    </td>
    </tr>
    <tr>
    <td> <b> หน้าที่ 2 - ตั้งเป็นสปีชี่ใหม่ในสายพันธุ์มนุษย์</b><br>

    <br>

    <table cellspacing="0" cellpadding="0" width="100%">
    <tr><td align="right">
    <img src="http://www.vcharkarn.com/reurnthai/pictures/A280p2x1.jpg" align="right"> โครงกระดูกของมนุษย์แคระนี้ ก็ยังรวมลักษณะแปลกๆแต่ที่เราคุ้นตามาจากกลุ่มอื่นอีกหลายอย่าง เช่น กระดูกสะโพกคล้ายกับพวกกึ่งลิงก่อนที่จะวิวัฒนาให้คล้ายมนุษย์จากทวีปอัฟริกา ชื่อ <b>australopithecines</b> (แปลว่า ลิงจากทางใต้ เช่น การค้นพบกระดูกของ <b>ลูซี่(Lucy)</b>) แต่กระดูกมนุษย์จากเกาะฟลอเรส มีกระดูกขาที่ตรงกว่า สภาพของโครงกระดูกมีรายละเอียดมากพอที่จะยืนยันได้ว่า มนุษย์พวกนี้ เดินสองขา อย่างแน่นอน <br><br><br>
    <i>ภาพกระดูกขาท่อนบน(คู่ซ้ายมือ) ด้านหน้าและหลัง และกระดูกขาท่อนล่าง ด้านหน้าและหลัง วงสีขาว คือ ภาคตัดขวางของกระดูก แสดงให้เห็นว่ากระดูกหนาพอที่จะรับน้ำหนักในการเดินสองขาได้ ภาพโดย ศจ. Peter Brown ซึ่งลงตีพิมพ์พร้อมบทความในนิตยสาร Nature</i><br><br>
    ในเมื่อมนุษย์จากเกาะฟลอเรส มีกระดูกสะโพกคล้าย พวกลิงใต้ แต่สภาพกะโหลก กลับคล้ายพวก H. erectus ซึ่งมีการพัฒนาสูงกว่า นักมานุษยวิทยาจึงตัดสินใจตั้งให้เป็นสปีชี่ใหม่ เรียกว่า <b>Homo Floresiensis</b> แปลตรงๆว่า มนุษย์(เพศชาย)จากฟลอเรส ทั้งๆที่จากลักษณะของกระดูกสะโพก บอกได้ว่าเป็นมนุษย์เพศหญิง และการวัดอายุของกระดูกก็พบว่า เจ้าของมีอายุ ๒๕ ปี และเพิ่งจะตายไปเมื่อ <b>๑๘,๐๐๐ ปีมาแล้ว</b>นี่เอง เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อขึ้นไปอีก ที่มนุษย์เผ่าเก่าแก่โบราณ จะอยู่รอดมาได้นานขนาดนั้น แต่คงจะเป็นเพราะความโดดเดี่ยวของที่ตั้งเกาะ ทำให้ไม่มีการกล้ำกรายจากสังคมภายนอก และพวกมนุษย์ฟลอเรส ก็คงผสมพันธุ์กันเองจากความที่มีกันน้อย ก็ทำให้สายพันธุ์แคระแกร็นลง ดังที่เป็นไปได้กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเผ่าพันธุ็์อื่นๆ ที่เดี่ยวโดดบนเกาะทางทะเล จนนักมานุษยวิทยามีคำเรียกว่า <b>island dwarfing</b> จากการคัดพันธุ์ทางธรรมชาติที่ถูกจำกัด
    </td></tr></table>
    <!--VSegment--><br>
    <table cellspacing="0" cellpadding="0" width="100%">
    <tr><td>
    <img src="http://www.vcharkarn.com/reurnthai/pictures/A280p2x2.gif" align="left"> <i>อนิเมชั่นแสดงถึงขั้นตอนการวิวัฒนาของมนุษย์ จากฟอสซิลและกระดูกที่พบ โดย talkorigins.org</i><br><br>
    ในหมู่มนุษย์ปัจจุบัน มนุษย์ที่มีร่างเล็ก มักจะพบได้ในเขตร้อนแถบศูนย์สูตรในทวีปอัฟริกา เหตุุผลที่น่าเชื่อถือก็คือว่า คนที่มีร่างขนาดเล็ก มีความได้เปรียบทางกายภาพที่ร่างกายสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่า และความร้อนที่เกิดจากการเผาผลาญภายในก็มีต่ำกว่า ในพวกพิกมี่แห่งอัฟริกานั้น มีการแคระแกรนหลังการถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว โดยมีความผิดปกติในส่วนของสมองที่มีการสร้างฮอร์โมนควบคุมการเจริญเติบโต ทำให้ร่างกายแคระแกรนลงหลังจากที่หัวโตเต็มที่แล้ว พวกพิกมี่ จึงมีขนาดหัวไม่ต่างกับคนทั่วไปเท่าไรนัก เพียงแต่ตัวเล็กกว่าเท่านั้น<br><br>
    และในป่าเขตร้อนชื้นนั้น มีอาหารที่คนจะอาศัยยังชีพได้น้อยมาก หากไม่ได้ทำการกสิกรรมเสริม คนตัวเล็กกินน้อยกว่า จึงมีความได้เปรียบที่จะอยู่รอดได้นานกว่า
    </td></tr></table>
    <!--VSegment--><br>
    <table cellspacing="0" cellpadding="0" width="100%">
    <tr><td align="right">
    <img src="http://www.vcharkarn.com/reurnthai/pictures/A280p2x3.jpg" align="right">
    <i>กะโหลกที่ค้นพบในถ้า เลียงบัว บนเกาะ Flores จึงได้รับสมญาว่า Homo Floresiensis ซึ่งแปลว่า มนุษย์จากเกาะฟลอเรส</i>
    <br><br><p>
    เมื่อมีข่าวการค้นพบมนุษย์ฟลอเรสออกมา ก็ยังมีนักมานุษยวิทยาบางท่าน แย้งว่า กระดูกที่พบ อาจจะไม่ใช่มนุษย์พันธุ์ใหม่ที่มีขนาดเล็ก แต่อาจจะเป็นมนุษย์โบราณเผ่าพันธุ์ที่มีอยู่แล้ว แต่กระดูกมีความผิดปกติธรรมชาติไป อาจจะเป็นเพราะเกิดโรคร้ายที่ทำให้แคระแกร็น เช่นโรคทางสมองที่ทำให้กะโหลกและสมองไม่ยอมโต เรียกว่า โรค <b>microcephaly</b> หรืออาจจะเป็นกระดูกของคนแคระอย่างพวกมนุษย์พิกมี่ที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว ก็เป็นได้<br><br>
    </td></tr></table>
    <!--VSegment--><br>
    <table cellspacing="0" cellpadding="0" width="100%">
    <tr><td>
    <img src="http://www.vcharkarn.com/reurnthai/pictures/A280p2x4.jpg" align="left"> <i>กระดูกของ <b>Australopithecus afarensis</b> หรือ ลูซี่ เปรียบเทียบกับกระดูกของมนุษย์ปัจจุบัน ภาพจากคณะมานุษยวิทยา แห่ง Washington State University</i>
    </td></tr></table>
    </td></tr></table</html>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2005
  3. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    <html>
    <table width="100%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="3" align="center" bgcolor="#FFFFFF">
    <tr>
    <td align="center"><br><b><font size="+2">การค้นพบมนุษย์โบราณสายพันธุ์ใหม่ขนาดจิ๋ว บนเกาะฟลอเรส อินโดนีเซีย</font></b><br>
    <br>
    </td>
    </tr>
    <tr>
    <td> <b> หน้าที่ 3 - งานวิจัยสมองของศาสตราจารย์ดีน ฟอล์ค</b><br>
    <br>
    <table cellspacing="0" cellpadding="0" width="100%">
    <tr><td>
    <img src="http://www.vcharkarn.com/reurnthai/pictures/A280p3x1.jpg" align="left"> <i>ภาพ ศาสตราจารย์ Dean Falk คณบดีคณะมานุษยวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยประจำรัฐฟลอริดา กับแบบหล่อสมองของมนุษย์ฟลอเรสในมือขวา และแบบจำลองหัวกะโหลกทำด้วยวัสดุโปร่งแสงในมือซ้าย ที่วางบนโต๊ะทำงาน คือแบบจำลองสมอง และกะโหลกของมนุษย์และลิงต่างๆ ที่ใช้ในการศึกษาเปรียบเทียบกับของมนุษย์ฟลอเรส เพื่อหาคำตอบว่า มนุษย์ฟลอเรส เป็นสายพันธุ์มนุษย์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองหรือไม่ ถ่ายภาพโดย Michele Edmunds แห่งFlorida State University และ นิตยสาร National Geographic สงวนลิขสิทธิ์</i>
    <br /><br />
    ศาสตราจารย์ Dean Falk คณบดีคณะมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยแห่งรัฐฟลอริดา สหรัฐ นักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของโลกในสาขาวิชา โบราณประสาทวิทยา(Paleoneurology) ได้นำทีมนักวิทยาศาสตร์หลายแขนง ตีพิมพ์บทความในนิตยสาร Science ฉบับวันที่ ๔ มีนาคม ๒๐๐๕ นี้ พิสูจน์ว่า แม้ชาวฟลอเรส จะมีสมองขนาดเล็ก โดยมีปริมาตรเพียง ๔๑๗ ซีซี แต่โครงสร้างของสมอง แสดงว่า มีรูปแบบของสมองที่พัฒนาแล้วของมนุษย์ชั้นสูง จึงน่าจะเป็นไปได้มากว่า เครื่องมือหินที่พบที่ในถ้ำแห่งเดียวกับที่พบกระดูก จะเป็นเครื่องมือที่มนุษย์ฟลอเรสประดิษฐ์ขึ้นมาใช้สอยได้เอง และยังพบกระดูกของสัตว์ประเภทเดียวกับช้างแต่มีขนาดเล็กที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ชื่อว่า Stegodon ราวกับว่า มนุษย์ฟลอเรสนี้ รู้จักร่วมมือกันไปล่าช้างป่ามากินเป็นอาหาร จากการวิเคราะห์กระดูกของช้างโบราณนี้ ก็แสดงว่า ชาวฟลอเรสเลือกล่าเอาแต่ช้างที่เพิ่งย่างเข้าวัยรุ่นมาทำอาหาร แล้วยังเป็นการลบล้างข้อข้องใจของนักมานุษยวิทยาบางท่าน ที่แคลงใจว่า กระดูกชุดนี้ อาจจะเป็นกระดูกของมนุษย์ปัจจุบันที่เป็นโรคทำให้กะโหลกไม่ยอมโต และมีร่างกายแคระแกร็น ไปได้<br /><br />

    </td></tr></table>
    <!--VSegment--><br>
    <table cellspacing="0" cellpadding="0" width="100%">
    <tr><td align="right">
    <img src="http://www.vcharkarn.com/reurnthai/pictures/A280p3x2.jpg" align="right"> <i>ภาพโดยคอมพิวเต้อร์ ของแบบ endocast ภายในกะโหลกที่เป็นส่วนใสของมนุษย์ฟลอเรส โดย Kirk E. Smith แห่งสถาบันรังสีวิทยา Mallinckrodt มหาวิทยาลัย Washington</i><br /><br />
    การศึกษาสมองของมนุษย์ฟลอเรสนี้ อาศัยเทคนิคการสแกนภาคตัดขวาง คือ 3D Computed Tomography แล้วใช้คอมพิวเตอร์ประกอบเป็นภาพสามมิติ แล้วนำข้อมูลตัวเลขไปเข้าเครื่องหล่อ หล่อแบบสมองที่เรียกว่า Endocranial cast ออกมาได้สัดส่วนเหมือนสมองของจริง
    <br /><br />
    Endocranial cast หรือ เรียกสั้นๆว่า Endocast คือแบบหล่อของช่องโพรงในกะโหลกที่แสดงลักษณะพื้นผิวนอกของสมองได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนจากสมองจริงๆ มักจะเกิดตามธรรมชาติ ในซากฟอสซิลของกะโหลกสัตว์ ที่เมื่อสัตว์ตายลงแล้วถูกฝังในโคลนหรือทราย โดยที่เนื้อเยื่อต่างๆไม่ทันได้เน่าเปื่อย ทำให้ดินหรือทรายพิมพ์แบบของจริงได้อย่างเที่ยงตรง เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เนื้อเยื่อก็เปื่อยหลุดไปก่อน ดินหรือทรายก็แทรกตัวเข้ามาแทนที่ เมื่อกระดูกที่สลายไปช้ากว่ามากๆ ค่อยๆสลายไปทีหลัง ดินทรายก็เข้ามาแทนที่ส่วนกระดูก ทำให้ส่วนที่แทนที่กระดูก กับส่วนที่แทนที่เนื้อเยื่อ แบ่งแยกกันได้อย่างชัดเจน ถ้าเราเอาแบบหล่อโพรงสมองออกมาศึกษาได้ ก็จะช่วยให้เราเข้าใจสัตว์ชนิดนั้นได้ว่า สมองมีการพัฒนาอย่างไรบ้าง เพราะสัตว์โบราณที่สูญพันธุ์ไปแล้วนั้น จะไม่มีเนื้อเยื่อสดให้เราวิเคราะห์ได้ เมื่อมีแบบหล่อแทนที่เช่นนี้ ก็ช่วยให้เราได้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนั้ได้ดีขึ้น
    <br /><br />
    หากไม่มีแบบหล่อหรือ endocast ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมาศึกษา นักวิทยาศาสตร์ก็ใช้วิธีอื่นมาแทน เช่น เทเลเท็กซ์ลงไปให้แข็งตัวแต่อ่อนพอที่จะดึงออกมาได้
    <br /><br />
    </td></tr></table>
    <!--VSegment--><br>
    <table cellspacing="0" cellpadding="0" width="100%">
    <tr><td>
    <img src="http://www.vcharkarn.com/reurnthai/pictures/A280p3x3.jpg" align="left">แต่กะโหลกของ ฮอบบิท นั้น มีสภาพบอบบาง และมีค่ามากกว่าที่จะเสี่ยงเทยางหล่อลงไปได้ จึงใช้เครื่องสแกนมาวัดสัดส่วน โดยใช้เทคนิค 3D computed tomography มาวิเคราะห์สัดส่วนในสามมิติ แล้วเอาข้อมูลไปสร้างแบบหล่อ แทนการหล่อลงไปในโพรงกะโหลกโดยตรง
    <br /><br />
    Tomography มาจากภาษากรีก คำว่า tomo แปลว่า ผ่า graphen แปลว่าภาพ รวมกันแล้วหมายถึงภาพตัดขวาง แต่เราใช้รังสีเอ็กสเรย์มาฉายทะลุเข้าไปดูโครงสร้างภายใน เหมือนกับตัดขวางตัวอย่างจะเห็นภาพหน้าตัดหนึ่งๆ หากฉายภาพจากหลายๆหน้าตัด ก็จะสามารถนำมาประกอบกันเป็นภาพสามมิติได้
    <br /><br />
    ศจ. Falk ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการศึกษาของมนุษย์โบราณชั้นนำของโลก โดยศึกษาเฉพาะด้านนี้มากว่า ๓๐ ปีแล้ว ท่านได้นำแบบหล่อสมองของมนุษย์ฟลอเรส มาเปรียบเทียบกับสมองของมนุษย์และลิงพันธุ์ต่างๆคือ มนุษย์ฮอมินิน(ลิงรุ่นแรกที่เดินด้วยสองขา) ๒ หัว คือ พวกลิงใต้่ Australopithecus africanus, Paranthropus aethiopicus กัีบลิงจริงๆคือ ชิมแปนซีตัวเมียขนาดโตเต็มที่ ๑๘ หัว ลิงกอริลล่า ๑๐ หัว และสมองของผู้หญิงมนุษย์ปัจจุบันที่ปกติ ๑๐ หัว และสมองของผู้หญิงชาวยุโรปเป็นโรคสมองฝ่อ ที่เรียกว่า microcephaly แล้วยังเปรียบเทียบกับตัวอย่างแบบหล่อสมองของ มนุษย์แคระเผ่าพิกมี่ และจากแบบหล่อสมองของมนุษย์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว คือ Homo erectus ที่พบในประเทศจีนและประเทศอินโดนีเซีย อีก ๕ ตัวอย่างด้วย โดยย่อขนาดลงให้มีปริมาตร ๔๑๗ ซีซี เท่ากับแบบหล่อสมองของ มนุษย์ฟลอเรส เพื่อจะได้เปรียบเทียบในสเกลเดียวกัน <br><br>
    <i>ภาพกะโหลกของมนุษย์ฟลอเรส ถ่ายจากของจริง โดย ศจ. Peter Brown ซึ่งลงตีพิมพ์ในนิตยสาร Nature ในเดือน ตุลาคม 2004</i>
    </td></tr></table>
    <!--VSegment--><br>
    <table cellspacing="0" cellpadding="0" width="100%">
    <tr><td>
    <img src="http://www.vcharkarn.com/reurnthai/pictures/A280p3x4.jpg" align="right"><i>ภาพ Thomas Sutikna แห่ง Indonesian Centre for Archaeology ผู้เป็นคนพบกระดูกฮอบบิทเป็นท่านแรก ถ่ายภาพโดย Ira Block ด้วยความเอื้อเฟื้อจาก National Geographic สงวนลิขสิทธิ์</i><br>
    </td></tr></table> </td></tr></table></html>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2005
  4. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    <html>
    <table width="100%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="3" align="center" bgcolor="#FFFFFF">
    <tr>
    <td align="center"><br><b><font size="+2">การค้นพบมนุษย์โบราณสายพันธุ์ใหม่ขนาดจิ๋ว บนเกาะฟลอเรส อินโดนีเซีย</font></b><br>
    <br>
    </td>
    </tr>
    <tr>
    <td> <b> หน้าที่ 4 - งานวิจัยสมองของศาสตราจารย์ดีน ฟอล์ค(ต่อ)</b><br>
    <br>
    <table cellspacing="0" cellpadding="0" width="100%">
    <tr><td>
    <img src="http://www.vcharkarn.com/reurnthai/pictures/A280p4x1.jpg" align="left"> ภาพเปรียบเทียบสมองของมนุษย์ฟลอเรส(ซ้ายมือ) กับสมองของ<b>มนุษย์พิกมี่</b>(ขวามือ) แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างที่แตกต่างกันมาก โดยสมองของมนุษย์ฟลอเรส มีลักษณะผสมผสานกันทั้ง ลักษณะของมนุษย์ดึกดำบรรพ์กับมนุษย์สมัยใหม่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน คือ ลักษณะของสมองที่กว้างและแบน กับมีความลาดของส่วนหน้าเหมือนมนุษย์สมัยแรกๆที่สมองยังไม่พัฒนามาก กับการที่มีรอยขดรอยหยักมากมาย โดยเฉพาะในส่วนหน้า ซึ่งเป็นลักษณะของมนุษย์ปัจจุบัน ภาพโดย <b>Kirk E. Smith</b>, Mallinckrodt Institute of Radiology of Washington University ด้วยความเอื้อเฟื้อจาก นิตยสาร National Geographic (สงวนลิขสิทธิ์)<br /><br />
    <br /><br />
    ผลปรากฏว่า สมองของมนุษย์ฟลอเรส ต่างจาก สมองของมนุษย์พิกมี่่มาก เพราะพวกพิกมี่ จะมีหัวโตแต่ตัวเล็ก และเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่เป็นโรคสมองฝ่อ ก็ไม่เหมือนกันเลย แต่งานวิจัยนี้ก็มีจุดอ่อนตรงที่ว่า มีตัวอย่างของคนที่เป็นโรคสมองฝ่อเพียงตัวอย่างเดียว ทำให้ข้อสรุปยังอ่อนอยู่ เพราะขาดความหลากหลายของตัวอย่างไป แต่หากใครจะแย้งผลงานวิจัยครั้งนี้ ก็ต้องหาหลักฐานแน่นหนากว่ามากมายันหลายๆจุดที่ ศจ. ฟอล์ค นำมาสนับสนุนข้อสรุปที่ว่า มนุษย์ฟลอเรส เป็นเผ่าพันธุ์ต่างหากออกไปจากที่เราเคยพบมาก่อน
    </td></tr></table>
    <!--VSegment--><br>
    <table cellspacing="0" cellpadding="0" width="100%">
    <tr><td align="right">
    <img src="http://www.vcharkarn.com/reurnthai/pictures/A280p4x2.jpg" align="right"> <i>ภาพเปรียบเทียบสมองจากด้านหน้าตรง ของ<b>มนุษย์ปัจจุบัน</b>(ซ้ายมือ) กับของมนุษย์ฟลอเรส(ขวามือ) ถึงแม้โครงสร้างของสมองจะต่างกัน คือของ มนุษย์ปัจจุบัน จะหนากว่าและขนาดใหญ่กว่า แต่รูปรอยขดรอยหยักต่างๆ ของสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นแหล่งที่บอกถึงความก้าวหน้าทางสติปัญญา จะมีร่องรอยคล้ายคลึงกันมาก</i>
    <br><br>
    สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดจากผลการศึกษาชิ้นนี้ก็คือ แม้ขนาดสมองมนุษย์ฟลอเรสจะเล็ก แต่ลักษณะของสมอง ก็แสดงระดับการพัฒนาสูงมาก โดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่า temporal lobes นั้นนูนออกมามาก ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการพูดและการฟัง ยิ่งไปกว่านั้น สมองส่วนหน้า (frontal lobe) ก็มีรอยขดรอยหยักมาก ซึ่งแสดงว่า มีสติปัญญาสูง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2005
  5. psy

    psy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    แบบฮอบบิทมั๊ง ม่ายก็พวกดร๊าฟ
     
  6. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    พวกคนแคระอย่างที่เราเห็นในนิยายอาจะมีจริงก็ได้แต่ว่าปัจจุบันนี้สูญพันธุ์ไปหมดทำให้นึกว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา
     
  7. น้องไข่แมงสาบ

    น้องไข่แมงสาบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +501
    ตื่นเต้นจัง ในโลกนี้ยังมีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะแยะ

    น้องไข่แมงสาบ
     
  8. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    จิตนาการอ่ะ อย่าคิดว่าบ้านะ

    ช่วงที่ 2ล้านปีก่อนเป็นช่วงที่มีการพัฒนาเป็นมนุษย์ (HoMo) ช่วงนี้จะมีอาจมี homo อยู่หลายสายพันธ์ และระยะเวลาจากจุดนั้นถึงปัจจุบันใช้เวลา 2 ล้านปี เป็นไปได้ไหมที่อาจมีสายพันธ์มนุษย์ที่ฉลาดกว่าเรา ๆ เกิดขึ้นมาก่อน แล้วใช้เวลาพัฒนาความรู้และเทคโนโลยี หลายแสนปีจนหลุดพ้นจากโลกได้ จนเหลือแต่เราที่พึ่งจะเกิดขึ้นมาตามหลัง และพวกเขาเหล่านั้นคือมนุษย์ต่างดาวที่เราเห็น ๆ กันอยู่ (เนื่องจากว่า ดาวแต่ละดวงมันไกลจนเกินจะเดินทางด้วยความเร็วแสงได้)

    เขาเหล่านั้นอาจเป็นสายพันธ์ HoMo เดียวกับเราก็ได้ และก็เกิดจากโลกใบเดียวกับเรา ส่วนทำไมถึงไปอยู่นอกโลกนั้น อาจเป็นปัญหาของเขาเอง (เช่นสายพันธ์เริ่มอ่อนแอลง ต้านทานโรคใหม่ ๆ ไม่ได้)

    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
    ภาพข้างบนหัวอาจถูกแสงเลเซอร์ยิงก็ได้

    [​IMG]
    สังเกตดูสมองเขาก็เริ่มใหญ่แล้วนะ

    หาอ่านได้ที่นี้

    นี้ด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...