กายของเรามีอยู่ 4 กายซ้อนกันอยู่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ไผ่มรกต, 10 พฤศจิกายน 2012.

  1. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    กายของคนเรามีกายซ้อนกันอยู่ถึง๔กาย

    กายของคนเรานี้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือว่าเป็นชาย ก็มีกายทั้ง๔ซ้อนกันอยู่ทั้งนั้น กายแรกคือสะรีระกาย หรือกายเนื้อเรียกว่าสะรีระกาย แล้วก็กายที่๒คือเทพกายหรือกายเทวดา กายที่๓คือพรหมกาย หรือกายพรหม กายที่๔คืออรหันตกาย หรือกายอรหันต์ ในกายของเราท่านทั้งหลายนี้ มีกายซ้อนกันอยู่ แต่โดยมากแล้ว คนเรามักจะไม่รู้ว่ากายของตัวนั้นมีอยู่๔กาย กายเนื้อเป็นกายที่ แก่ เจ็บ ตาย

    เป็นกายเน่า กายเปื่อย กายผุพัง กายเน่าเหม็น กายอันประกอบไปด้วย กองกระดูก คือปฎิสนธิในครรณ์ คลอดออกมาจากครรณ์ของมารดา แล้วเจริญขึ้นด้วยนม ข้าวสุกขนมสด เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงเรื่อยมา อันนี้เป็นกายเนื้อ กายเนื้อนี้เป็นกายหยาบ จึงว่าเป็นสะรีระกาย กายอันนี้ต้องเน่าเปื่อย เสื่อมสลายอยู่ในโลกนี้ กายที่๒เป็นกายทิพย์ หรือกายเทวดา หรือกายทิพย์อันนี้เป็นกายที่ไม่ตาย กายที่ไม่ตายอันนี้ก็ออกจากร่าง คือทิ้งร่างไปเมื่ิอกายตัวนอกมันหมดอายุ สิ้นอายุ หมดลมหายใจ กายตัวในอันเป็นกายทิพย์ก็ต้องละทิ้งร่างไป กายทิพย์ก็ไปปฎิสนธิใหม่ หรือไปถือเอาภพเอาชาติใหม่ ถ้าทำดีก็ไปถือเอาภพเอาชาติที่ดี มีความสุข ถ้าทำกรรมไว้ไม่ดีหรือมีจิตใจเศร้าหมอง ก็จะไปถือเอาภพเอาชาติที่พบกับทุกขเวทนามาก แม้จะเป็นกายทิพย์หรือกายเทวดา แต่ด้วยอำนาจจิตที่มืดดำ หรือด้วยอำนาจกรรมที่ทำไว้ ก็ไปถือเอาภพเอาชาติที่เลว หรืออบายภูมิ ส่วนกายที่๓คือกายพรหม กายพรหมนั้นก็คล้ายๆกับกายเทวดาเหมือนกัน กายอรหันต์หรือกายพระอริยะบุคล ก็อยู่รวมกันในกายทิพย์นั่นเอง
    ก็เพราะฉะนั้นในที่นี้พอจะย่อกายเข้ามาได้เป็น๓กาย ย่อลงมาเหลือเป็น๓กาย คือกายเนื้อ กายทิพย์ และกายพระอรหันต์หรือธรรมกาย ท่านผู้ฟังทั้งหลาย นี่ก็คือกายอันมีอยู่ในตัวคนเรานี้ซ้อนกันอยู่ แต่มนุษย์เราก็ใช้แต่ร่างกายที่เป็นมนุษย์ กายที่เป็นเทวดาก็เอามาใช้น้อย กายที่เป็นพรหมก็เอามาใช้น้อย กายที่เป็นพระอรหันต์ก็ไม่ได้เอามาใช้เสียเลย แต่ถ้าเราเอากายเทวดามาใช้ เอากายพรหมมาใช้ก็จะปรากฎ เป็นกายเทวดา เป็นกายพรหม เป็นกายพระอรหันต์ กายดีซึ่งไม่ปรากฎก็เพราะว่า คนเรามัวเมาอยู่ด้วยความโลภ ด้วยความโกรธ ด้วยความหลง กายที่เป็นกายเทวดาก็ไม่ปรากฎ เหมือนกับไม่มี ก็เพราะที่ว่าในกายของคนเรานี้ มีกายเทวดา มีกายพรหม มีกายพระอรหันต์ เกิดขึ้นเป็นไปตามลำดับขั้นของการปฎิบัติ เช่นกายเทวดาก็จะปรากฎเมื่อ คนเรามีหิริโอตัปปะ รู้จักละเว้นบาป รู้จักการทำบุญ รู้จักการไม่ประกอบกรรมอกุศล กายเทวดาก็จะปรากฎ ถ้าเจริญเมตตา ภาวนา มีเมตตา กรุณาต่อคนต่อสัตว์ทั้งหลาย กายพรหมก็จะปรากฎ ถ้าเป็นผู้ที่ปราศจาก โลภะ โทสะ โมหะ กายพระอรหันต์ก็จะปรากฎ กายอันมี๓กายซ้อนกันอยู่ ถ้าจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับต้นไม้ ชั้นนอกเป็นเปลือกไม้ ชั้นกลางเป็นกระพี้หรือเนื้อไม้ ชั้นในเป็นแก่นไม้ ต้นไม้มีแก่นอยู่ข้างใน มีกระพี้หุ้มห่อแก่นอยู่ แล้วก็มีเปลือกหุ้มห่อกระพี้อยู่อีกชั้นหนึ่ง แก่นนั้นแข็งที่สุดคือเป็นแก่นใน ท่านผู้ฟังทั้งหลายคนเราก็อย่างเดียวกันเหมือนกัน ถ้าจะเปรียบอีกอย่างหนึ่ง คนเรานี้เหมือนมีน้ำมันหรือเปรียบเหมือนมะพร้าว มะพร้าวนี้มีน้ำมันอยู่ในเนื้อมะพร้าวหรือในกาบในเปลือกมะพร้าว ที่เป็นมะพร้าวแก่ถ้าเราเอามาผ่าออกไป ก็จะเห็นเนื้อมะพร้าว แต่เนื้อมะพร้าวนั้นยังไม่ใช่น้ำมันมะพร้าว เนื้อมะพร้าวนั้นต้องเอาไปขูด เมื่อขูดแล้วก็เอาไปคั่นจึงจะได้กระทิ ส่วนเปลือกเมื่อทิ้งเสีย มันก็เปรียบเหมือนกายมนุษย์นั่นแหละ ส่วนกระทิก็เปรียบเหมือนกับกายทิพย์ แต่กายทิพย์นั้นก็มีกายธรรมหรืออรหันตกายซ้อนกันอยู่ มีลักษณะใสบริสุทธิ์ เป็นน้ำมันใสสะอาด เราต้องเอาไปเคี่ยวอีกทีหนึ่ง ! จึงจะออกมาเป็นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันสุดท้ายนั่นแหละ หลังจากที่เราเอากระทิไปเคี่ยว มันก็จะปรากฎมาเป็นน้ำมันมะพร้าว ในขั้นสุดท้าย ฉันใดก็ดีกายในขั้นสุดท้ายก็จะปรากฎมาเป็นธรรมกาย หรือกายพระอรหันต์ คือกายที่สาม ก็สรุปได้ว่าการปฎิบัติธรรม เราจะถึงความเป็นเทวดา ถึงความเป็นพรหม ถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ด้วยการปฎิบัติ เจาะลึกเข้าไปด้วยการปฎิบัติของเรานี้แหละ หรือว่าคั่นเข้าไป เคี่ยวด้วยสติปัญญา พยายามปลดเปลื้อง จากตัญหาอุปาทาน ความยึดมั่นในสะรีระร่างกายเรานี้ออกไป กายทิพย์ก็จะปรากฎ แต่ถ้าหมดกิเลส กายพระอรหันต์ก็จะปรากฎ เพราะฉนั้นท่านผู้รู้จึงกล่าวว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. มเหศวร

    มเหศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2012
    โพสต์:
    2,776
    ค่าพลัง:
    +792
    ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอนุโมทนา ใน ธรรมะทาน นี้ ให้ขจรขจาย ส่งกลิ่นหอมบริสุทธิ์แห่งธรรมอันไม่มีที่สื้นสุด อันไม่มีประมาณ ในโลกนี้ตลอดไปเทอญ และขอเป็นปฎิบัติบูชาทั้งภายและภายนอก บูชาพระรัตนตรัย มี หลวงปู่ดาบส สุมโน เป็นที่สุด
    ขอความสุข ความถึงพร้อมด้วย มนุษย์สมบัติ มนุษย์สมบัติ มนุษย์สมบัติ ความเจริญรุ่งเรือง ในสัมมาอาชีพ และปัจจัยสี่ จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า นายพิทักษ์ โฆษวิฑิตกุล และครอบครัวของข้าพเจ้า ทั้งตระกูลพ่อ ตระกูลแม่ ตระกูลปู่ ตระกูลย่า ตระกูลตา ตระกูลยาย และวงวาล ของข้าพเจ้า รวมไปถึง ทุกพยัญชนะตัวอักษรทุกตัวทุกภาษาที่ถ่ายทอดธรรมมะ จงบังเกิดความสำเร็จ สมปราถนา ทุกประการแก่ท่าน ผู้เจริญในธรรมทั้งหลาย โดยฉับพรรณทันใจ ทุกประการด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    (smile)(smile)(smile)(smile)(smile)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ที่อธิบายมาผมเข้าใจ ไม่ได้มาแย้ง แต่แสดงความคิดเห็นนิดหนึ่ง และผมก็ไม่เคยได้ยิน ๔ แบบนี้ครับ สมมุตินะนะครับ มันมีอยู่จริง จะต้องไปทำอะไรมันอีก แต่ที่อ้างมามันมีเหตุผลดีครับ จะต้องไปสร้างบุญ กุศลผลบุญต่างๆ ทำไม ทาน ศิล เจริญภาวนา ก็ไปนิพพานกันก็หมดเรื่อง ไม่ต้องมาวนเวียน ตายเกิด กันวุ่นวายไปหมด แต่อยากเข้านิพพาน ก็ไม่ต้องทำให้มันเหนื่อย มากขนาดนี้

    ไม่ต้องมาสร้างบารมี ถ้าพระโพธิสัตว์ ที่จะไปเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ต้องมี บำเพ็ญ ๓ ขั้น ๓ แบบ ปัญญาธิกะ ๔ อสงไขย อีกกำไลยแสนมหากัป ปัญญษธิกะ ๘ อสงขัย อีกกำไลยแสนมหากัป วิริยาธิกะ บำเพ็ญ บารมี ๑๖ อสงไขยกำไลยแสนมหากัป จนกว่าบารมีจะเต็ม ถ้าเราลองไม่สร้าง ไม่ทำ มันจะเกิดไหม กายนี้กายเดียว มันไปเกิด เป็น สัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน สัตว์อื่นอีกไม่รู้เท่าไหร่ นี่ไม่เห็น พูดเลย ไอ้ตัวทำดีทำชั่ว ให้ไปเกิดเป็นสัตว์ นั้นๆต่างหาก โน้นแหละ ตัดกิเลส ฟอกจิตตัวเอง ให้ตัดกิเลสได้ จบกิจเป็นพระหันต์ได้เมื่อไหร่ จึงไปนิพพาน หลวงปู่บุดดา ท่านพูดว่า กายเดียว จิตเดียว เกิดมาตั้ง ๕ แผ่นดิน

    ถ้ากายมี ๔ กายซ้อนกันอยู่ กายจริง คงต้องเพิ่ม กายสัตว์นรก กายเปรต อสูรกาย กายสัตว์ เดรัชฉานเข้าไปด้วยครับ เพราะสิ่งเหล่านี้ ไปจากจิต ของคน กายในนั่นเองครับ และ ก็ไอ้จิต ดวงนี้แหละ ที่เกิดมาเป็นคน ทำดี ก็ไป เป็นเทวดา ไปเป็นพรหม ตัดกิเลสได้ ก้เป็นพระอรหันต์ไปนิพพาน ขออธิบายจิตคนเรา เมื่อทำชั่ว ไปเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน แล้วไอ้จิตตัวนี้มันมาจากไหนครับ อธิบายหน่อย ต้องเพิ่มไปอีก ๕ ร่างแล้วมั่งครับ อีกร่างคือ อรูปพรหม ๔ ชั้นน่ะ ดวงจิต ลอยอยู่เฉยๆ ไปด้วยอำนาจ กำลังอรูปฌาณ ไม่มีอยาตนะ ไม่มีรูปนั่นเอง แค่นี้แหละครับ
     
  4. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    หลักธรรมจริงๆแล้วท่านยึดองค์สามหรือไม่อย่างไร

    หากเราจะนำมาสื่อเราจะสื่ออย่างไรให้มีสี่
    คือมีกาย เวทนา จิตและธรรมหรือไม่อย่างไรขอรับ

    กายของเรานี้กลายไหม
    เปลี่ยนแปลงไหม

    วิญญานที่หลุดออกไป ไปไหน

    ไปหลงทางหรือไม่

    หลงในโลกของวิญญานที่ยังมีอะไรเป็นตัวหลอก

    บางคนพอได้อะไรมาเราหลุดแล้วหรือไม่อย่างไร
    น่ากลัวเพราะจะหลงอยู่ในโลกวิญญานกันอีกเยอะมาก

    บางท่านหลุดไปจิตหลงน้องจิตเสียชาติเกิดไปเลยก็มี

    บางท่านไปเจอธรรมแต่นึกว่าเป็นธรรมของพุทธองค์
    แต่เป็นของปริพาชก
    มุนี
    โยคีตนไหนไม่รู้
    แต่ไม่คีย์
    เอามาแต่มแต้มเติมเพิ่มระบายสีและป้ายสีว่าเป็นของกูเฉยเลยขอรับ

    หากจะกล่าวว่ามีกายเวทนาจิตและธรรมมีสี่
    อย่างนี้หรือไม่อย่างไรขอรับ

    แต่หากจะกล่าวว่ามีสี่กาย
    แล้วหากเราเอาสิ่งที่มีรูปน้อยหรือไม่มีรูปหรือสื่อรูปยาก
    ท่านที่บอกไม่ได้ว่าตายแล้วเป็นอย่างไร เขาจะเข้าใจได้อย่างไรว่ามีสี่กาย
    เราจะสื่อกับเขาอย่างไร
    เอาอะไรมาเป็นสื่อขอรับ

    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ
     
  5. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    แต่ถ้าเราเอากายเทวดามาใช้ เอากายพรหมมาใช้ก็จะปรากฎ เป็นกายเทวดา เป็นกายพรหม เป็นกายพระอรหันต์ กายดีซึ่งไม่ปรากฎก็เพราะว่า คนเรามัวเมาอยู่ด้วยความโลภ ด้วยความโกรธ ด้วยความหลง กายที่เป็นกายเทวดาก็ไม่ปรากฎ เหมือนกับไม่มี ก็เพราะที่ว่าในกายของคนเรานี้ มีกายเทวดา มีกายพรหม มีกายพระอรหันต์ เกิดขึ้นเป็นไปตามลำดับขั้นของการปฎิบัติ เช่นกายเทวดาก็จะปรากฎเมื่อ คนเรามีหิริโอตัปปะ รู้จักละเว้นบาป รู้จักการทำบุญ รู้จักการไม่ประกอบกรรมอกุศล กายเทวดาก็จะปรากฎ ถ้าเจริญเมตตา ภาวนา มีเมตตา กรุณาต่อคนต่อสัตว์ทั้งหลาย กายพรหมก็จะปรากฎ ถ้าเป็นผู้ที่ปราศจาก โลภะ โทสะ โมหะ กายพระอรหันต์ก็จะปรากฎ กายอันมี๓กายพระระดับนี้แล้วจะไม่รู้อะไรเลยเป็นไปไม่ได้
    ท่านคงเขียนถึงอทิสมานกายฝ่ายกุศลจิตโดยประมาณเท่านั้น
     
  6. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    อีกหนึ่งเสียงน่ะครับถือว่ามาสนทนาแลกเปลี่ยนธรรมกันน่ะครับ สิ่งใดเป็นธรรมที่พุทธองค์ท่านสอนไว้ดีแล้ว สิ่งนั้นถูกต้องที่สุดครับ กายนั้นเราจะอุปมาเป็นกี่กายกี่แบบก็ได้ครับที่ผ่านมาเราก็รู้แล้วครับว่ามีกายอยู่ 2แบบ กายหยาบ กายละเอียด แต่ผู้มีปัญญาอบรมวาระจิต หรือสั่งสมบารมีมาแล้วในอดีต ก็สามารถแยกธรรมออกมาได้เป็นข้อย่อยของการสืบทอดพระพุทธศาสนาหรือบรรยายธรรม ฉนั้นไม่ได้อยู่ที่ว่าถูกหรือผิดครับ มันอยู่ที่ความเข้าใจอย่างละเอียด ลึกซึ้งแบบแจ่มแจ้งครับ อย่างไรสิ่งนั้นก็คือสภาวะธรรมอย่างหนึ่งที่เข้าใจว่าเป็นสิ่งนี้ มีเท่านี้ เป็นอย่างนั้น แต่จะมีผู้ที่เข้าใจและเอาธรรมนั้นจำแนกออกมาว่าต้องมีอีกเท่านี้ เป็นอย่างนี้ ละเอียดเข้าไปอีก " กาย " นี้ก็เป็นที่ตั้งของจิตก็เท่านั้นเอง จิตที่มันยึดติดนี้ ต้องมีแดนเกิด แล้วแต่ว่าจะพาไปเกิดที่ใด เหมือนที่พี่บุญทรงบอกนั่นแหละครับ เมื่อไม่มีความยึดติดหมดสิ้นแล้ว สิ่งเดิมก็คือนิพพานอย่างที่รู้สืบทอดกันมานั่นแหละครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ขอแลกเปลี่ยนความเข้าใจด้วยคนนะครับ.

    ประเด็นแรก.
    ผมเห็นว่ากายเทวดากับกายพรหมที่นำมาลงเป็น กายละเอียดหรือเรียกว่าอทิสมากายคับ.
    ซึ่งสามารถจัดเป็น
    กลุ่มกายเดียวกันได้และรวมกับส่วนภพภูมิกายสัตว์นรก
    กายเปรต อสูรกาย กายสัตว์ เดรัชฉานเข้าไปด้วย(ตาม พี่บุญทรงพระเครื่องบอกไว้ครับ)ขึ้นอยู่กับวาระจิตของเราขณะนั้น



    ประเด็นที่สอง คือ ธรรมกายหรือกายคล้ายๆพระพุทธรูป เป็นกายจากบารมีธรรม ซึ่งความแต่ต่างสังเกตุได้ยาก
    ต้องสังเกตุจากความสูง ลักษณ์รอยยิ้ม และสัดส่วนบางอย่างหรือ เอกลักษณะเฉพาะ.หรือไม่ก็เห็นกายนี้ก่อนแล้วท่านเปลี่ยนเป็นกายมนุษย์
    ให้ทราบเราถึงจะรู้ว่าเป็นธรรมกายของท่านใดมาก่อน


    ประเด็นที่สาม คือ กายแบบมนุษย์ หรือกายที่เกิดเป็นมนุษย์ เช่นพระเกจิอาจารย์ต่างๆ

    ประเด็นที่สี่ คือ กายทิพย์พิเศษ สำหรับท่านที่เป็นพระโพธิสัตว์ ต้องเป็นกายที่เห็นแล้ว
    สามารถบอกได้ทันทีว่าท่านเป็นใคร เพราะเป็นกายที่ไม่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา.เช่น เจ้าแม่กวนอิม..

    ผมเห็นว่าหลักๆมีอยู่ 4 กายประมาณนี้ครับ
     
  8. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    จริงๆ มันก็มีกายเดียวจิตเดียว เท่านั้นแหละ ไอ้ที่ต้องมีกายนั้นกายนี้ ก็จิตตัวนี้แหละ มันไปเกิด ไปตามกำลังบุญและบาปที่กระทำ ดังที่กล่าวมาแล้ว และทุกท่านได้กล่าวมา ตั้งแต่อบายภูมิ ทั้ง ๔ แดน มาแดนกลางคือ มนุษย์ เมื่อเริ่ม ทำความดี ก็ทำให้ไปเกิด เป็น เทวดา นางฟ้า ไปเป็นพรหม ซึ่งไม่มีเพศ ตัดกิเลสได้ ก็เป็นพระอรหันต์ แต่ถ้าพระอรหันต์ ที่ทรงอภิญญา กับพระอรหันต์ ปฏิสัมภิทาญาณ ท่านจะแสดงตน ได้ นับร้อยๆ หมื่อน แสน องค์ก็ยังได้เลย เอาแค่เทวดา นี่แหละ ท่านมีกายเป็นทิพย์ ซึ่งทำบุญ ไปจากคน ถ้าท่านจะไปหาใคร ท่านจะแสดง กายมนุษย์ ให้ดู นี่สมัยเราเป็นมนุษย์ น่าตาอย่างนี้นะ ถ้าจิต คนนั้นหยาบ จะเห็น หยาบ ถ้าจิต ผู้นั้นละเอียด ก็เห็นละเอียด

    ท่านจะทำกายได้กี่กายก็ได้ นั้นเป็นเรื่องของท่าน ที่ทำถึงแล้ว แต่ถ้าอย่างเราๆ มันก็ได้แค่นึก ว่า กายที่เราอาศัยอยู่ กับจิต คือตัวเราแท้ เมื่อกายแตกดับ ก็คือ ธาตุ ๔ ลมหายใจหมด ธาตุไฟเริ่ม เผาผาญ กาย น้ำเลือดน้ำหนองน้ำเหลืองไหลไปตามลำดับ ธาตุดินก็เริ่มพัง ทลาย กายเปรียบเหมือนบ้านเช่าชั่วคราว ตายแล้ว จิตออกจากร่างก็ไปสู่ภูมิ ภพ อื่น เลือกเอาครับ แดนมนุษย์คือ แดนกลาง จะเป็น สัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์ เดรัชฉาน แดนกลางมนุษย์ ดีขึ้มาหน่อย เทวดา ดีขึ้นไปอีก พรหม ตัด โลภ โกรธ หลง ได้เมื่อไหร่ นั่น เราเป็นผู้ชนะ อย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัย กายที่เจ้าของกระทู้ว่ามา ถ้าทำถึง มันก็ผ่านดังท่านว่า นั่นแหละครับ ถ้าไม่ผ่าน ก็ต้องไปว่า กันที่ต่ำ ก่อนแล้วค่อยขึ้นมาที่สูง ตามลำดับครับ ขอออกความเห็นแค่นี้แหละครับ ขอบคุณ
     
  9. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    ผมว่าถ้าเป็นพระอรหันต์ พระอริยเจ้า ท่านอธิบายในธรรมน่ะ คงถูกของท่าน แต่ผู้นำมาลง อาจไม่เข้าใจในคำสอนของท่านหรือเปล่า ถ้าพูดมาแบบนั้น มันทำให้ไขว้เขวได้ ขนาดผม ยังงง แม้พระโพธิสัตว์ บำเพ็ญมามาก ที่มีบารมีต้น และกลาง มีสิทธิ ตกนรกถึง ๙๙ เปอร์เซ็น ส่วนใหญ่ ครูบาอาจารย์ ท่านสอนมาดี มาตีความหมายผิด แต่ท่านที่ยังมีกิเลส มาก ไม่พูดถึงน่ะ เชื่อได้ คือพระอริยะเจ้า เท่านั้น ตั้งแต่พระโสดาบัน ขึ้นไป คนเรา เอาคำสอน ครูบาอาจารย์เบี่ยงเบน เปลี่ยน แปลง หรือนำมาผิดพาด อาจทำให้มีโทษ ได้มากเชียวน่ะ (ผมสังเกตุ ตัวเองนะ) อย่าเข้าใจผิด ขนาดเราไม่พอใจใคร มันดันเสือก ไปตำหนิ ถึงครูบาอาจารย์ องค์นั้นๆเลยนะ เนี่ย มันจะมีโทษตรงนี้ ขนาดผมเอง ยังเป็น แล้วคนอื่น มันจะไม่ไม่เป็นเลยหรือ ผมขอให้ท่าน ทั้งหลาย นำไปเก็บคิด ดูนะครับ พิจรณา ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  10. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    คุณบุญทรงฯพูดมานั้นผมเข้าใจ จิตของคนเรามีทั้ง มนุสสเนรยิโก มนุษย์สัตว์นรก

    มนุสสเปโต มนุษย์เปรต มนุสสติรัจฉาโน มนุษย์สัตว์เดรัจฉาน มนุสสภูโต มนุษย์แท้ๆ

    มนุสสเทโว มนุษย์เทวดา ฯ เมื่อท่านเขียนมาแนวนี้ซึ่งต่างจากที่เราเคยรู้มาอาจทำให้

    เข้าใจคลาดเคลื่อนได้เป็นธรรมดาเมื่อทำความเข้าใจได้แล้วมันก็จบ ขอบคุณครับ
     
  11. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    เพราะฉนั้นท่านผู้รู้จึงกล่าวว่าถ้าอยากเป็นพรหมก็ปฏิบัติเอา อยากเป็นเทวดาก็ปฏิบัติเอา อยากเป็นมนุษย์ก็ปฏิบัติเอา ถ้าไม่ปฏิบัติมันก็จะไม่ได้ ถ้าปล่อยไปตามอำนาจ ความโลภ ความโกรธ ความหลง มันก็จะไปสู่อบาย แต่เมื่อปฏิบัติละส่วนหยาบ หรือกิเลสทั้งหลาย ดังที่กล่าวมาข้างต้น ก็จะถึงกายละเอียดเป็นชั้นเป็นชั้นไปจนถึงกายอรหันต์ หรือธรรมกาย ความจริง มันก็อยู่ไม่ไกล เราท่านทั้งหลาย ถ้าเราปฏิบัติกันจริงๆจังๆ มันก็จะถึงได้ แต่ถ้าไม่ปฏิบัติกันจริงๆจังๆ มันก็จะไม่ถึงกายอันเป็นกายทิพย์มีอยู่ ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่เรา กายพรหมมีอยู่เราไม่ปฏิบัติมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่เรา ธรรมกายหรือกายพระอรหันต์ถ้าเราไม่ปฏิบัติให้หมดกิเลส มันก็ไม่ก็ได้ประโยชน์อะไรแก่เรา ก็เพียงสักแต่ว่ากายเท่านั้นเอง ในที่นี้ท่านพระคุณเจ้าได้กล่าวถึงกายอันมี สามกายโดยย่อๆก็ขอยุติลงเพียงเท่านี้ เมตตาธรรมโดย ท่านพระคุณเจ้าดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต จ.เชียงราย วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๙
     
  12. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    อย่างแรกกระผมว่า
    ทำให้ไม่มีกายก่อน
    แล้วลงไปยังโลกของวิญญาน
    แล้วตามต่อด้วยจิต
    จึงจะเข้าใจและศึกษาธรรมได้อย่างใกล้เคียงและสมดุลย์ที่สุด

    แต่หากมุ่งทางใดทางหนึ่งมาเพือ่ถึงจุดหมายไม่แปลกขอรับ
    ละเอียดดีในทางสายนั้น
    ถึงเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน
    เห็นต่างกันแต่เรามีเจตนาเดียวกัน

    วงกลมมีสามวงวงที่สี่นิ้วยาวสาวไปไม่ถึง

    ขอทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ
     
  13. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ไม่แย้งแต่ไม่เชื่อคั๊บ รู้แต่การยึดติดในรูปและนามใดๆล้วนแล้วแต่เป็นทุกข์ หากสิ่งทั้งหลายล้วยเป็นสมมุติในความเป็นจริง ดังนั้นความเป็นจริงก็คือการสมมุติ หากสมุติในสมมุติอีกก็จะไม่อาจเห็นความเป็นจริงได้ เพราะนั่นมันเรื่องของมีและไม่มีไม่ใช่เรื่องของเราสักกะหน่อย ว่าไหมครับ สรุปว่าไม่เชื่อคั๊บผม แต่ไม่ได้ลบหลู่นะแค่ไม่เชื่อคั๊บผม
     
  14. เล็กชิ้นสด

    เล็กชิ้นสด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +178
    ต้องขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้มาโต้แย้งหรือเห็นด้วย นะครับ

    ลองอ่านดูดีๆก่อนอย่าอ่านแบบผิวเผิน

    ผมว่าน่าจะสืบคำเทศน์ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ท่านเทศน์เนื่องในโอกาส สถานที่ เวลาใด
    เพราะบางที อาจเป็นเพียงแค่ การอุปมา อุปไมยเท่านั้นเอง แล้วไปตัดเฉพาะข้อความบางข้อความ
     
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ผมว่าไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะเราไม่ได้นำมาอรรถถาธิบายมา ทั้งหมด จะทำให้ผู้อื่นเกิดโทษโดยไม่รู้ตัว เรื่องของธรรมมะชั้นสูง มันเป็นเรื่องของพระอริยะเจ้าท่าน หลวงปู้ดาบส ผมเคารพ แต่ไม่มีโอกาศ ไปกราบท่าน เนี่ยตรงนี้ ถ้าผู้อื่น ไม่เข้าใจ ใจเรานั้น อาจโกรธ หรือไม่พอใจ มันทำให้ ไปนึกถึง ครูบาอาจารย์ไปด้วย การขึ้นต้นของจ่าติ๊ก กับมาตอบให้ลงตัวตอนท้ายตอบข้อที่ ๒ มันค้านกันอยู่ ไปเรียกายซ้อนกาย ๔ กาย ถ้าเรียกภพ ภูมิ ถึงจะถูก เมื่อทำถึง ผมได้อธิบายตอนต้น แล้วจ่าติ๊กมาอธิบายตอนหลังนี้ ผมว่าถูกต้องดีแล้ว แต่มันไม่เข้าหัวข้อด้านบนครับ
     
  16. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    หัวข้อนี้ถูกต้อง แต่มันไม่เข้ากับหัวข้อ ด้านบน ตั้งกระทู้ครับ ทำให้คนไข้วเขว ควรพิจรณาเป็นอย่างยิ่ง การปฏิบัติใครๆก็ทำได้ แต่มันยากยิ่งนัก คนปฏิบัติ หนึ่งหมื่นคน จะได้ ทิพย์ขุญาณ สักคนก็แสนยาก การจะได้มรรคผล แสนคนจะได้ สักคนก้แสนยาก อ่านประวัติหลวงปู่หลวงพ่อต่างๆ กว่าจะได้มรรคผลกันง่ายๆ คงมีพระอรหันต์เต็มเมืองแล้ว ท่านทำกันมานานแสนนาน ล้วนเอาชีวิตเป็นเดิมพัน กันทั้งนั้น กว่าจะได้ธรรมะมา และมาสั่งสอนพวกเรา การปฏิบัติ ไม่ใช่ภาษาพูด แต่มันเป็นภาษาปฏิบัติ จริงๆสายหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านสอนวิชา ธรรมกาย กายหยาบกายละเอียด กายซ้อยกาย มีมากกว่านี้ ท่านนำมาสอนละเอียด ในผลของการปฏิบัติ เคยอ่านมาแต่ไม่ละเอียด แต่ส่วนใหญ่ลืมไปเกือบหมด และท่านอธิบายถึงภพภูมิต่างๆไว้หมด ถ้าอย่างนั้นเข้าใจได้ง่ายครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...