กะเทาะชีวิตแม่ชีทศพร ผู้หยั่งรู้ “เกิดแต่กรรม” !!

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 27 พฤษภาคม 2010.

  1. KK1234

    KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    [​IMG]

    กะเทาะชีวิตแม่ชีทศพร
    ผู้หยั่งรู้ “เกิดแต่กรรม” !!


    กระแสหนังสือเรื่อง “เกิดแต่กรรม” บอกเล่าถึงชีวิตของแม่ชีทศพร ชัยประคอง พิธีกรรับเชิญรายการมิติพิศวง ทางช่อง 7 กำลังขายดิบขายดี เพราะคำทำนายทายทักของแม่ชีได้โดนใจกับผู้คนจำนวนมากที่ถูกทำนาย โดยเฉพาะบรรดาดารา นักแสดงต่างๆ

    แต่คำทำนายเกี่ยวกับบุญ-กรรมได้สร้างความสงสัยใคร่รู้พร้อมกับคำถามมากมาย ตามเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ต่างๆ ว่า “แม่ชี ทศพร” เป็นใคร มาจากไหน และจริงหรือไม่ที่แม่ชีทศพร สามารถหยั่งรู้ถึงอดีตชาติของคนอื่นได้ และนี่คือเรื่องราวของแม่ชีผู้นี้


    แม่ชีทศพรคือใคร ! ??

    “หลายคนอาจคิดว่า แม่ชีอุตริ หรืออยากสร้างชื่อเสียง แต่แม่ชีอยากเป็นเทียนเพียงเล่มเดียวที่ส่องสว่างบนเขาสูง หมายถึงในชีวิตทำกรรมมามาก และอยากให้คนเห็นถึงผลแห่งกรรมนั้นแม่ชีอยากให้ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เหมือน ที่แม่ชีมีโอกาส” นั่นคือคำพูดที่เป็นเสมือนการตั้งมั่นเพื่อหนทางธรรมของแม่ชีธนพร

    ก่อนที่จะบวช แม่ชีทศพรเคยใช้ชีวิตทางโลกมาแล้ว โดยการประกอบสัมมาอาชีพจนมีฐานะเข้าขั้นคหบดีคนหนึ่ง ชีวิตฆราวาสนั้นได้แต่งงานมีสามีและลูกอีก 5 คน โดยในช่วงหนึ่งได้ประสบกับปัญหาครอบครัวทำให้เกิดความทุกข์อย่างมาก จนแม่ชีต้องหันไปพึ่งศาสนา โดยการหัดสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ เพราะต้องการทำให้จิตใจที่รุ่มร้อนนั้นถูกดับลงด้วยการหันหน้าพึ่งศาสนา

    “ในสมัยที่เป็นฆราวาสนั้น แม่ไม่มีที่พึ่ง ก็อาศัยการสวดมนต์เข้าช่วย แต่เราก็สวดผิดหมดเลยเพราะแม่ไม่เคยสมาทานศีล 5 พอเราไม่สมาทานสัมมาวาจา ก็ไม่เกิดกับเสียง ตอนหลังมาทำกรรมฐานมา เข้านิโรธ เราถึงได้รู้ ซึ่งการปฏิบัติของเรานั้นต้องเกิดจากความบริสุทธิ์ใจอย่างเดียว คือ ไม่โกรธ ไม่อิจฉา ไม่อะไรเลยสักอย่าง เราก็จะสามารถเข้าสู่ความสงบได้อย่างแท้จริง”

    ในที่สุดแม่ชีทศพร ก็ตัดสินใจบวชที่วัดเขาอิติสุคโต และมีความตั้งใจที่จะบวชเพียงไม่กี่วัน แต่หลังจากได้สัมผัสกับรสพระธรรม ในที่สุดแม่ชีธนพรก็ตัดสินใจปลงผมเพื่อบวชเป็นแม่ชีที่วัดเขาอิติสุคโต โดยมีหลวงพ่อปรีชา เจ้าอาวาสวัดเขาอิติสุคโต เป็นผู้แนะนำให้นั่งสมาธิ ซึ่งในการนั่งวันแรกนั้นแม่ชีสามารถนำจิตรวมลงเป็นหนึ่งเดียวจนเกือบได้จตุ ถฌาณ (ฌาน = จิตตั้งมั่น = สมาธิขั้นสูง)

    ต่อมาแม่ชีก็สามารถได้คุณธรรมจากการเป็นผู้ปฏิบัติ จนจิตสงบเป็นสมาธิหนึ่งเดียวสามารถอนุมานจากคุณธรรมที่โดดเด่นคือคุณธรรมใน หมวดของวิชชา 3 ซึ่งแม่ชีได้ 2 ใน 3 หมวดคือ บุพเพนิวาสานุสสติ คือระลึกชาติตัวเองได้ และ 2 จตูปปาตญาณคือตาทิพย์ระลึกชาติคนอื่นได้

    สำหรับอานิสงส์สูงสุด คือการพ้นทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิด และในระหว่างที่ยังมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องก็ยังจะได้คุณธรรมพิเศษองค์ อื่นๆ เช่น หมวดที่ว่าด้วยอภิญญา 6 หมวดที่ว่าด้วยวิชชา 3 หมวดที่ว่าด้วยวิชชา 8


    วัดพิชยญาติการามสอนปฏิบัติ ธรรม

    ในปัจจุบันแม่ชีทศพร ได้จำวัดเพื่อเปิดโอกาสให้กับคนที่กำลังเผชิญความทุกข์ ได้มีโอกาสก้าวพ้นทะเลทุกข์นั้น แม้จะไม่ได้ทั้งหมด แต่แม่ชีเชื่อว่าหากมีใครสักคนคอยชี้แนะแนวทางเพื่อการพ้นทุกข์อย่างถูกต้อง ได้ สังคมก็จะน่าอยู่ขึ้น

    แม่ชีทศพรได้ขออนุญาตจากท่านเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เปิดวัดรับพุทธศาสนิกชนที่สนใจศึกษาพระธรรมเข้ามาเรียนรู้การนั่งสมาธิและ ปฏิบัติธรรม ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งในแต่ละอาทิตย์จะมีคนสนใจเข้ามาปฏิบัติธรรมมากถึง 500-1,000 คน ซึ่งคนที่เข้ามาปฏิบัติธรรมที่วัดพิชยญาติการามนี้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

    “ตอนนี้แม่ไม่รู้ว่าตัวเองได้คุณธรรมข้อไหนแล้ว แต่แม่รู้ว่าแม่รู้ได้ในระดับหนึ่ง คือบางคนสามารถพูดได้แต่บางคนพูดไม่ได้ เพราะยังติดค้างกรรมอยู่ แม่จะบอกให้เขามาใหม่ในวันหลัง ซึ่งการรู้ของแม่นั้นแม่รู้ไปที่เหตุของทุกข์ โดยพระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แม่รู้สมุทัย

    (ทุกข์ คือ ตัวปัญหา , สมุทัย คือ ตัวเหตุแห่งทุกข์ จากนั้นเราก็รู้ว่าเมื่อกำจัดเหตุแห่งทุกข์ได้ เราจะเข้าถึงจุดหมายคือนิโรธ แต่ทั้งหมดนี้จะสำเร็จได้ด้วยการลงมือทำในข้อสุดท้ายคือ มรรค เมื่อเราปฏิบัติตาม มรรค เราก็กำจัด สมุทัย แก้เหตุแห่งทุกข์ได้เราก็พ้นทุกข์)”

    นอกจากการเข้าไปปฏิบัติธรรมเพื่อหาความสงบทางใจแล้ว แม่ชีทศพรยังสามารถแนะนำลูกศิษย์ให้สามารถฝ่าฟันมรสุมชีวิต ทั้งทางร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กัน โดยการนำสัจธรรมที่ค้นพบคือ ชีวิตของมนุษย์มีความเกี่ยวพันธ์กับจิตวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วทั้ง สิ้น โดยมากมักเป็นจิตวิญญาณของญาติมิตรภายในตระกูลของตน เป็นจิตวิญญาณที่คอยดูแลบุตรหลายด้วยความเป็นห่วง จึงมักจะมาเกาะเกี่ยวกับสังขารร่างกายของญาติมิตร ซึ่งหากดวงวิญญาณนั้นมีกรรมหนัก และมีความเกี่ยวพันกับมนุษย์ ก็มักจะนำความทุกข์มาให้กับบุตรหลานได้

    คนที่ได้มีโอกาสได้ให้แม่ชีทศพรแก้ไขโรคกรรมให้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นลูกศิษย์ที่มีโอกาสเข้ามาศึกษาพระธรรมในวัดพิชยญาติในช่วงวัน หยุด ส่วนคนภายนอกจะมีเพียงส่วนน้อยซึ่งมีโอกาสได้เข้าพบแม่ชีเป็นการส่วนตัวเท่า นั้น ซึ่งมาจนถึงวันนี้วัดพิชยญาติการาม ยังเป็นวัดหนึ่งที่มีพุทธศาสนิกจำนวนมากหลั่งไหลเข้าไปศึกษาธรรมะ โดยมีแม่ชีทศพรเป็นผู้ฝึกสอน และแนะนำการใช้ชีวิตกับลูกศิษย์ที่ต้องการพ้นทุกข์ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน


    “กฎแห่งกรรม” ทำอะไร ได้อย่างนั้น !?

    แม่ชีทศพรนั้นมักจะเน้นย้ำให้ลูกศิษย์ได้สนใจและเอาใจใส่ไม่ให้สร้างกรรม ใหม่ขึ้นมาเพื่อลดกรรมที่เราเคยได้ทำมาแล้วทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยเฉพาะกรรมที่เราได้ทำกับบิดามารดา โดยได้แบ่งแยกให้เห็นอย่างชัดเจนในหนังสือ “เกิดแต่กรรม” ดังนี้


    ลูกเถียงพ่อเถียงแม่

    สำหรับผู้ที่ชอบเถียง พ่อจัดว่าเป็นการทำความชั่วที่หนักหนาสาหัส เมื่อลูกผู้นั้นเริ่มเข้าสังคมจะโดนผู้อื่นว่าร้าย ถกเถียงชนิดคำต่อคำ พ่อแม่เคยเจ็บช้ำจากการเถียงของลูกเช่นไร ลูกคนนนั้นก็จะโดนสังคมบีบคั้นเช่นกัน กรรมนี้สามารถพบเห็นในพบชาตินี้แน่นอน ส่วนทางร่างกายนั้น ลูกที่เถียงพ่อแม่ที่มีกรรมหนักมาก จะมีอาการลิ้นสั้นจุกปาก พูดจาไม่ถนัด พูดลิ้นพันกัน ลิ้นแข็ง ฯลฯ


    ลูกที่ทำร้ายพ่อแม่

    ในศาสนาพุทธนั้นสอน ว่า ลูกที่ทำร้ายพ่อแม่ตายไปแล้วจะไปเกิดในขุมนรก ชื่อตปะนรก มีลักษณะเป็นบัวกลดเผาทำลายอยู่เป็นนิจ มียมบาลคอยเอาค้อนทุบหัวอยู่ร่ำไป แต่ถ้าจะให้เห็นในชาติปัจจุบันแม่ชีทศพรบอกว่า คนที่ทำร้ายพ่อแม่อกุศลกรรมจะทำให้คนผู้นั้นถูกคนรักทำร้าย เช่นอาจจะเป็นสามี ภรรยา บุตร หรือคนที่สนิททำร้ายได้


    ลูกที่ใช้ให้พ่อแม่บริการตัวเอง

    การที่ลูกๆ ใช้พ่อแม่ให้บริการตัวเอง หรือพ่อแม่เต็มใจบริการลูกๆ เพราะรักลูกมาก เช่นซักผ้า ล้างจาน ทำกับข้าวให้ จะถือว่าเป็นกรรมที่พ่อแม่ทำให้เกิดกับลูกทั้งสิ้น ทำให้เมื่อลูกออกไปใช้ชีวิตในสังคมจะต้องไปเป็นข้าผู้อื่น ถูกคนอื่นเอารัดเอาเปรียบเป็นต้น


    การทำแท้ง

    การทำแท้งถือเป็นกรรม ในหมวดข้อการเบียดเบียนชีวิตหรือปาณาติบาต ผู้ที่กรรมนี้จะหากินไม่ขึ้นหาความสุขใจในชีวิตนี้ไม่ได้เลย เพราะโดนวิญญาณที่จะมาเกิดเป็นลูกของตัวเองนั้นจองเวรอาฆาต ซึ่งการเกิดการตายของมนุษย์นั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณและวิบากกรรมโดยตรง

    ผลกรรมอันเกิดจากการทำแท้งมี 2 ข้อคือ 1. กรรมที่ทิ้งลูกตัวเอง 2. กรรมในการฆ่าทำลายชีวิต ซึ่งอกุศลกรรมนี้พระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า ผู้ที่ทำแท้งเมื่อสิ้นใจยังต้องตกนรก พ้นจากนรกจึงเกิดมาเป็นเปรต จากนั้นจะเป็นอสุรกาย ตนเมื่อมีบุญพอจะเกิดเป็นคนแต่ต้องถูกพ่อแม่ทอดทิ้งแต่เล็ก หรือโดนพ่อแม่ของตนในชาติต่อไปทำแท้งตัวเองเสีย หรือแท้งลูกโดยอุบัติเหตุ

    ส่วนกรรมจากการปาณาติบาตหรือทำลายชีวิตลูกของตัวเองนั้น จะทำให้มีอายุสั้น มีโรคภัยเบียดเบียนมาก หากินไม่ขึ้น และกรรมจากการทำแท้งมักจะก่อผลให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ แม้ผู้ที่เกี่ยวข้องการการทำแท้งยังต้องมีอกุศลกรรมติดตัวตามไปด้วยเช่นกัน

    .........................................................................

    ผู้จัดการรายสัปดาห์ 3 ธันวาคม 2547 14:25 น.

    .........................................................................

    เว็บไซต์แม่ชี ทศพร
    http://www.thossaporn.com
    http://www.thossaporn.com/index2.html

    นำมาจาก
    ::
     

แชร์หน้านี้

Loading...