กรรมกาเม จากประวัติหลวงปู่คำคะนึง โดย สิทธา เชตวัน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 3 ธันวาคม 2009.

  1. KK1234

    KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    ประวัติหลวงปู่คำคะนิง ภาคพิสดาร ๑๐ (ตอน กรรมกาเม)<!-- google_ad_section_end -->

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- google_ad_section_start -->หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี
    บุกเมืองพญานาคและท่องนรก (๑๐)
    โดย สิทธา เชตวัน<o></o>

    ๐กรรมกาเม

    เดินไปเห็นห้องๆหนึ่ง มีนักโทษชายหญิงสองคน

    ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่นี้แก้ผ้าเปลือยกายโดยตลอดยืนเหยียบอยู่บนเหล็กแหลมแดงๆ เผาไฟเสียบทะลุฝาเท้าปากอ้ากว้างมีเหล็กเผาไฟแดงเสียบตรึงไว้ในลักษณะคล้ายเอาปากคาบไว้

    เบื้องบนศีรษะมีเหล็กแหลมเผาไฟแดงๆ เสียบตรึงกลางกระหม่อมไว้ รอบๆข้างมีเหล็กแหลมเผาไฟแดงๆ ทิ่มแทงร่างกาย

    ใบหน้าของหนุ่มสาวทั้งสองบิดเบี้ยว นัยน์ตาเหลือกถลนส่งเสียงร้องครวญครางอ้อแอ้ บอกถึงความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสสากรรจ์สุดประมาณกระดิกติงตัวไม่ได้ เพราะเหล็กแหลมเผาไฟแดงๆ ตรึงร่างกายไว้แน่นทุกด้านจะขาดใจตายก็ไม่ตาย

    เพราะการลงโทษในเมืองนรกไม่มีตายจะมีก็แค่วิสัญญีภาพไปชั่ววูบเดียว แล้วก็ฟื้นขึ้นมารับการทรมานอีกต่อไปหรือร่างกายแหลกสลายไปด้วยอานุภาพของไฟนรกแต่ชั่วพริบตาต่อมาก็จะเกิดร่างใหญ่ขึ้นมาทดแทน เพื่อรับการทรมานต่อไปซ้ำๆ ซากๆนับพันนับหมื่นปี

    หลวงปู่คำคะนิงได้ถามจ่ายมบาลดูว่าหนุ่มสาวทั้งสองนี้ทำผิดสถานใด ถึงต้องมารับโทษหนักหนาสาโหดในเมืองนรกเช่นนี้

    จ่ายมบาลกล่าวตอบให้ทราบว่า หนุ่มสาวทั้งสองนี้สมัยยังมีชีวิตอยู่โลกมนุษย์เป็นคนเจ้าชู้ ฝ่ายหญิงชอบนอกใจผัว คบชู้สู่ชายไม่เลือก ไม่นับถือศาสนาใดๆไม่เชื่อถือในศีลธรรมคุณงามความดีใดๆ

    มีความเชื่ออยู่แต่ว่า เกิดมาเพื่อกินเพื่อถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ เพื่อสืบพันธุ์ประเวณี และเพื่อนอน เท่านั้นอย่างอื่นไม่สำคัญ ชาตินี้ต้องหาความสุขใส่ตัวอย่างเดียวตายแล้วก็หมดกันไม่มีชาติหน้า ไม่ต้องใช้เวรใช้กรรมใดๆ

    หญิงสาวผู้นี้เป็นมะเร็งในมดลูกตายเมื่ออายุ 40 ปีเมื่อตายแล้วก็มาที่ศาลาพันห้องนี้ เพื่อรอการพิพากษาตัดสินจากพญายมบาลขั้นสุดท้ายแต่ก่อนตัดสินต้องจำจองทรมานแบบนี้ไว้ก่อน

    ฝ่ายชายหนุ่มเมื่อชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ เป็นคนเจ้าชู้ตลบตะแลงปลิ้นปล้อน นักเลงเหล้านักเลงผู้หญิง หลอกลวงพร่าพรหมจารีผู้หญิงและปลิ้นปล้อนเอาทรัพย์เป็นคนไม่มีศีลธรรม ไม่นับถือศาสนาใดๆ

    ถือคติว่า เกิดมาเพื่อกินเพื่อขับถ่าย เพื่อเสพกามารมณ์ และเพื่อนอน ตายแล้วก็สูญ ไม่มีชาติหน้าไม่มีนรก สวรรค์ ก่อกรรมใดไว้ ไม่ต้องใช้กรรม

    เมื่อถูกสามีของหญิงคนหนึ่งแทงตายจึงมาที่ศาลาพันห้องนี้เพื่อรอการพิพากษาตัดสินขั้นสุดท้ายจากพญายมบาล

    หลวงปู่คำคะนิงได้ฟังแล้วก็บังเกิดสลดสังเวช โธ่เอ๋ย กรรมของสัตว์หนอเพราะความโง่ความหลงผิด ความจองหอง หยิ่งทะนง อวดดื้อถือดีแท้ๆ ของมนุษย์เมื่อตายแล้วจึงต้องมารับกรรม เช่นนี้

    ขนาดยังอยู่ในระหว่างรอการตัดสินก็ถกจองจำหนักหนาสาโหดถึงเพียงนี้มิทราบว่าหากได้รับการตัดสินจากยมบาลแล้ว จะได้รับโทษทัณฑ์สถานหนักสักเพียงไหน

    หลวงปู่คำคะนิงจึงถามจ่ายมบาลว่าอยากจะสนทนากับหนุ่มสาวทั้งสองที่ถูกจองจำลงโทษนี้จะได้ไหม จ่ายมบาลตอบว่าสำหรับพระคุณเจ้าแล้ว อนุญาตให้ซักถามได้

    เมื่อจ่ายมบาลกล่าวอนุญาตแล้วทันใด เครื่องจองจำเหล็กแหลมเผาไฟแดงๆเหล่านั้นก็หลุดออกจากร่างหนุ่มสาวทั้งสองหายวับไป หนุ่มสาวทั้งสองร่างสั่นเทาๆเหมือนลูกนกตกน้ำสะอึกสะอื้นน้ำตาไหลพรากอาบหน้าพากันทรุดกายลงกราบเท้าหลวงปู่คำคะนิงอย่างสำนึกในพระคุณที่ช่วยให้หลุดจากเครื่องจำจองทรมานอันทารุณหฤโหด

    หลวงพ่อเจ้าขาช่วยดิฉันด้วย

    หญิงสาวร้องวิงวอนเสียงสั่นระริก สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารหลวงปู่คำคะนิงถามว่า

    สีกาจะให้อาตมาภาพช่วยอย่างไร

    หญิงสาวฟูมฟายน้ำตากล่าวว่า

    ดิฉันยังมีลูกที่จะต้องเลี้ยงดูอายุยังน้อย อยากกลับไปเกิดในโลกมนุษย์อีกหลวงพ่อได้โปรดช่วยให้ดิฉันกลับไปเข้าร่างเดิมที่ยังไม่ได้เผาด้วยเถิดเจ้าค่ะ

    สีกาตายแล้วยังจำชาติที่แล้วสมัยเป็นมนุษย์ได้ดีอยู่หรือ

    ยังจำได้ดีทุกอย่าง เหมือนนอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นจำตัวเองได้ จำลูกได้จำญาติพี่น้องมิตรสหายได้หมด แต่พูดจากับพวกเขาไม่ได้เวลาจะไปไหนต้องมีผู้คุมคอยควบคุมตัวไป ก่อนที่ยังไม่ตายนั้นดิฉันไม่เคยเชื่อเลยว่าความตายไม่ใช่การสิ้นสูญ

    แท้ที่จริงตายแล้วเรายังมีชีวิตอยู่ แต่เป็นอีกชีวิตหนึ่งคือร่างวิญญาณยังจำความเดิมได้ทุกอย่าง

    อาตมาภาพอยากจะช่วยแต่เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของท่านพญายมบาลอาตมาภาพจะช่วยสีกาได้อย่างเดียวคือเมื่อกลับเมืองมนุษย์แล้วจะแผ่ส่วนบุญกุศลมาให้

    หลวงปู่คำคะนิงกล่าวฉันท์เมตตาหญิงสาวรู้สึกผิดหวังที่ไม่อาจกลับไปเข้าร่างเดิมในโลกมนุษย์ได้อีกส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญโศกเศร้าน่าสังเวช หลวงปู่จึงเอ่ยถามชายหนุ่มบ้างว่า

    โยมจะให้อาตมาภาพช่วยอะไรได้บ้าง

    ร่างวิญญาณของชายหนุ่มผู้ถูกแทงตาย เพราะเป็นชู้กับเมียผู้อื่นคลานเข้ามากราบลงบนหลังเท้าหลวงปู่คำคะนิงแล้วร้องไห้คร่ำครวญว่า

    กระผมผิดไปแล้วพระคุณเจ้ากว่าจะรู้สึกตัวว่าเป็นคนชั่วช้าก่อกรรมทำเวรกับคนอื่นไว้มากก็มารู้เอาเมื่อตายแล้ว กระผมไม่ขออะไรมากขอให้พระคุณเจ้าแผ่ส่วนบุญกุศลมาให้กระผมบ้างเพื่อที่กระผมจะได้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวในยามทุกข์

    ได้...อาตมาจะแผ่ส่วนกุศลมาให้

    จากนั้นหลวงปู่ก็ออกเดินต่อไปจ่ายมบาลอธิบายให้ฟังว่า ในกรงเหล็กที่เป็นแถวแนวยาวเหยียดนี้คุมขังพวกนักโทษที่รอการตัดสินทั้งนั้น บ้างก็เคยฆ่าพ่อตีแม่ บ้างก็ปล้น ฆ่าลักขโมย หลอกลวง ปลิ้นปล้อน ต้มชาวบ้าน ฉุดคร่าอนาจาร

    บ้างที่เป็นหญิงสาวก็เกี้ยวพาราสีพระสงฆ์องค์เจ้าหลอกลวงพระสงฆ์องค์เจ้าให้สึกหาลาเพศมาเป็นผัวแห่งตน และที่ทำให้พระต้องปาราชิกก็มีบ้างก็แย่งผัวเขา วางยาพิษเมียหลวง คดีโทษต่างๆ นับไม่ถ้วน

    เพราะมนุษย์ชายหญิงทุกวันนี้พากันไม่เชื่อในบุญในบาปทำการทุกสิ่งทุกอย่างตามอำเภอไม่มียับยั้งบันยะบันบัง คำนึงถึงศีลธรรมอันดีงามคนเหล่านี้เมื่อตายแล้ว จึงต้องพากันหลั่งไหลมาสู่ศาลาพันห้องแน่นขนัดทุกวัน<o></o>


    จากหนังสือโลกทิพย์ ฉบับที่ 11 ปีที่ 2 เดือนมีนาคม 2526

    นำมาจาก
    http://palungjit.org/threads/ประวัติหลวงปู่คำคะนิง-ภาคพิสดาร-๑๐-ตอน-กรรมกาเม.156412/
     

แชร์หน้านี้

Loading...