กฎแห่งกรรม เด็กประถมเมืองนิวทาวน์

เอพีรายงานวันที่ 15 ธ.ค. ว่า เกิดเหตุการณ์ยิงกราดในโรงเรียนสะเทือนขวัญชาวอเมริกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้เกิดขึ้นในโรงเรียนชั้นประถมศึกษาแซนดี้ ฮุก ในเมืองนิวทาวน์ รัฐคอนเน็กติกัต มีเหยื่อเสียชีวิตถึง 26 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 20 ราย ขณะมีรายงานว่า คนร้าย ทราบชื่อภายหลังว่า นายอดัม แลนซา อายุ 20 ปี ใช้ปืน 2 กระบอกกราดยิง ก่อนยิงตัวตาย...

 

ปัญหาอยู่ที่

บทแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๒ ของรัฐธรรมนูญมะกันที่เรียกว่า The Second Amendment นั้นระบุว่า “คนอเมริกันมีสิทธิ์ที่จะมีอาวุธในครอบครอง

 

2nd Amendment บรรจุเมื่อปี 1791
ที่อเมริกา ยังมีอยู่ไม่กี่รัฐ

 

http://www.powwows.com/2011/07/american-indians-and-the-2nd-amendment/
วัตถุประสงค์คือไว้ต่อสู้กับอินเดียนแดง มีเพียงข้อ4ไว้ล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร
ที่เหลืออีก3ข้อเกี่ยวกับอินเดียนแดงเท่านั้น

นั่นคือเรื่อง 221ปีที่แล้ว

 

กลางเดือนธันวาคม ๑๘๙๐ ทหารสหรัฐได้ส่งคนมายิงทิ้งซิตติ้ง บูลล์ตายต่อหน้าลูกเมีย ข้อหาปลุกระดมมวลชน และหลังวันคริสต์มาสต์ไม่กี่วัน กองทหารได้ยกกำลังมาล้อมค่ายแห่งหนึ่งของเผ่าซูเพื่อสั่งสอน และได้ระดมยิงกระสุนปืนกลและปืนใหญ่เข้าใส่ชาวอินเดียนที่วิ่งหนีเอาตัวรอดทั้งเด็ก ผู้หญิง และนักรบผู้ยอมวางอาวุธแล้ว ใกล้กับลำธารวูนเด็ดนี

รุ่งขึ้น นับผู้เสียชีวิตกลางหิมะได้สามร้อยกว่าคน และอินเดียนที่เหลือถูกบังคับให้ขายที่ดินให้กับรัฐบาลสหรัฐ ปิดฉากการต่อสู้ของคนอินเดียนครั้งสุดท้าย แต่เป็นรอยอัปยศของรัฐบาลสหรัฐมาจนถึงทุกวันนี้

รัฐบาลมือเปื้อนเลือด จะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ก็ไม่สามารถชำระรอยอัปยศนั้นได้
One Ton - วันชัย ตัน

 

จะเป็นกฎแห่งกรรมหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้

แต่ที่แน่ๆ ประวัติศาสตร์การสร้างชาติของประเทศนี้ในอดีต ที่เคยเรียนสมัยเด็กๆ
อาจารย์ที่สอนเล่าให้ฟังถึงการที่คนผิวขาวทรมานทรกรรมชนพื้นเมืองอินเดียนจนแทบจะสูญสิ้น เผ่าพันธุ์
พวกที่มีชีวิตเหลือรอดอยู่ก็อยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี

เหตุการณ์ที่น่าเศร้าเหตุการณ์หนึ่งที่จำได้คือ เส้นทางธารน้ำตา (Trail of Tears)
เป็นการบังคับการโยกย้ายถิ่นฐานของชนพื้นเมืองอินเดียนในสหรัฐอเมริกาทั้งเชอโรคี, ชอคทอว์และอื่นๆ
จากดินแดนบ้านเกิดไปตั้งถิ่นฐานยังเขตสงวนอินเดียน (Indian Territory) ใหม่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกาที่ในปัจจุบันคือโอคลาโฮมา

“เส้นทางธารน้ำตา” มาจากคำบรรยายการโยกย้ายของชาติชอคทอว์ (Choctaw Nation)
ในปี ค.ศ. 1831 ซึ่งชนพื้นเมืองอเมริกันที่โยกย้ายต้องเผชิญกับสภาวะอากาศ เชื้อโรค และความอดอยากระหว่างการเดินทางไปยังจุดหมาย
เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งสิ้นจำนวน 4,000 คนของจำนวน 15,000 คนของเชอโรคีที่ต้องย้ายถิ่นฐาน

อ่านรายละเอียดต่อได้ที่
เส้นทางธารน้ำตา - วิกิพีเดีย

 

กฎแห่งกรรม ในแง่ที่นำเสนอ ไม่ใช่ว่้าอินเดียนแดงกลับชาติมาเกิดมายิง
พวกเด็กผิวขาวนะครับ

แต่ในแง่ของ สิ่งที่เขาเพิ่มในรัฐธรรมนูญ เรื่องสิทธิืในการครอบครองอาวุธ
อันนี้ทำให้กฎหมายลูกนั้นต้องไม่ขัด 2nd Amendment

เห็นได้จากวัตถุประสงค์ 3 ใน 4 ข้อของการให้สิทธิครอบครองอาวุธเมื่อ 200 ปีที่แล้ว คือไว้ต่อกรกับอินเดียนแดง ข้อสุดท้ายไว้ล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร
แต่เมื่ออินเดียนแดงถูก ฆ่าไปบ้าง เป็นโรคตายไปบ้าง(เพราะโรคที่ผิวขาว
นำมากเช่นพวกไข้หวัดใหญ่ อินเดียนแดงไม่มีภูมิต้านทาน) ที่เหลือก็ถูกโยกย้ายเข้าเขตสงวน (ขนาดพวกที่หนีไปแคนนาดา เพื่อที่ของอังกฤษ พวกทหารอเมริกันยังไปเอาตัวกลับมา)
ที่จริงก็น่าจะยกเลิกบทเพิ่มเติมนี้ได้แล้ว แต่ที่คงไว้ก็คงมีเหตุผลของเขา
เพราะปืนซื้อหากันง่าย แถมยังครอบครองในอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ
สุดท้ายเมื่ออาวุธอยู่ในมือของคนไม่มีธรรมะ มันก็เป็นเช่นนี้แล

 

จริงๆ ก้อไม่ได้มองกฎแห่งกรรมในเรื่องนี้ ในแง่ที่ว่าอินเดียนแดงจะกลับชาติมาเกิดแล้วมายิงพวกเด็กผิวขาวหรือไม่หรอกค่ะ (แต่ก้อไม่แน่ ?!?!?)
แต่มองว่าประเทศนี้เค้าสร้างเหตุแห่งวิบากและความวิบัติไว้กับเพื่อนร่วมโลกไว้ก็มากโดยเฉพาะกับชนพื้นเมืองอินเดียน
พอดี เห็นในโพสต์มีเรื่องการสังหารชนเผ่าซู ก้อเลยนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น(ที่เคยได้ยินมา)
กับชนเผ่าเชอโรกีว่ามีการโรยยาพิษลงในแหล่งน้ำตามเส้นทางที่พวกเชอโรกีต้องอพยพผ่าน ทำให้ผู้คนล้มตายจำนวนมาก

จะว่าไปแล้ว สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพิ่งจะอ่านพบว่าสังคมอเมริกา ตอนนี้กำลังเข้าขั้นวิกฤตอย่างมาก

“คนอเมริกันไม่ค่อยจะมีความสุข เครียดกันมาก คนอเมริกัน 90 ล้านคนเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ
เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต
รัฐต้องใช้งบประมาณมหาศาลเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ซึ่งกำลังเป็นปัญหาอย่างมาก”
ลองอ่านเพิ่มเติมจากhttp://palungjit.org/threads/การเจริญสติ-ลดความเครียดช่วยแก้ปัญหาของชาติ.395552/

มีคนที่สนิทกันทำงานด้านสังคมสงเคราะห์ อยู่ที่โน่นก็เคยเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ฆ่าตัวตาย
การสังหารหมู่และเหตุการณ์อื่นๆ ที่มาจากภาวะความเครียด ความกดดันนับวันจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้...ตามข่าวหนุ่มน้อยที่ก่อเหตุได้สังหารแม่บังเกิดเกล้าของตัวเอง
ด้วยปืนที่ลงทะเบียนในชื่อของเธอ ก่อนจะมาก่อเหตุที่โรงเรียน
รายงานกล่าวว่าขณะที่เขา อายุ 17 ปี พ่อแม่แยกทางกัน พ่อแต่งงานใหม่
ตำรวจเองก็ไม่พบประวัติของเขาในแฟ้มอาชญากร

เพื่อนบ้านที่เคยเรียนร่วมชั้นเดียวกับเขาบอกว่าเขาเป็นคนเก่งมาก
แต่เป็นคนเงียบขรึมและชอบเก็บตัว
เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่ช็อคและเธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ด้านอดีตเพื่อนร่วมชั้นบอกว่าเขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ไม่ใช่ตัวสร้างปัญหา ไม่ต่อต้านสังคม
และไม่มีอะไรจะบอกได้เลยว่าเขาจะก่อเหตุเช่นนี้ขึ้น ส่วนอดีตคนขับรถเมล์ที่รู้จักเขาบอกว่า
เขาเป็นเด็กดีและสุภาพมากๆ เหมือนกับพี่ชายของเขา

การสังหารหมู่ครั้งนี้สร้างความหวาดกลัวและรอยแผลลึกในจิตใจให้กับชาวอเมริกันทั่วประเทศ
และต่างก็มีคำถามว่า ทำไมเขาจึงทำเช่นนี้?
ที่มาข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1355631911&grpid=&catid=06&subcatid=0600

อุทาหรณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอเมริกาครั้งนี้ คงจะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะสังคมใดในโลก
ต่อไปนี้เราคงต้องหัดสังเกต เอาใจใส่และห่วงใยสารทุกข์สุขดิบคนรอบข้างกันมากขึ้นแล้วล่ะ

 

มีใครพ้นแล้วจาก"กรรมและผลแห่งกรรม"บ้าง..?...แม้นั่งนอนเฉยๆอยู่ กรรมและผลก็ำเป็นไปอยู่ตลอดเวลา..เพียงแต่จะรู้หรือไม่เท่านั้น..