[กฎแห่งกรรม] อานิสงส์ของการมีสัจจะ โดย หลวงพ่อจรัญ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย hyperz, 28 พฤษภาคม 2010.

  1. hyperz

    hyperz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +3,421
    [​IMG]


    มีสองตายายเขาพากันเดินจงกรมบนนอกชานเรือนตอนเดือนหงาย ไอ้ขโมยมาลักควาย นี่เรื่องตก ๓๐ ปีแล้ว สองคนตายายเดินจงกรมที่นอกชานเดือนหงาย ถ้าไม่ได้ชั่วโมงไม่เลิก ต้องได้ชั่วโมง ก็ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ช้า ๆ ใครจะไปเหนือมาใต้ข้าไม่สนใจ ใครจะเรียกข้าก็ไม่รับปาก แหมเดินดี เดินจงกรมมีสัจจะว่าเดินหนึ่งชั่วโมง ควายอยู่ใต้ถุน ขโมยมา ๔ คนก็มาลักควาย คนหนึ่งก็เฝ้าเจ้าของไว้ คนหนึ่งก็ไปเฝ้าทางปากตรอกไว้ คนหนึ่งตัดคอกใต้ถุนแล้วเอาควายออก มีความ ๓ ตัว ควายอ้วน ๆ เอาควายไปแล้วเปิดเลย คนที่มันเฝ้าเจ้าของมันยังอยู่ สุนัขหลับหมด ไม่รู้มันใช้สะกดหรืออย่างไรเราก็ไม่ทราบ หรือดาวหมามันขึ้นเราไม่รู้ เรียนหรือเปล่าดาวหมาขึ้นลักขโมยตอนนั้น ถ้าไม่เรียนจะบอกให้เอาไหม ดาวหมาขึ้นหลับหมดเลย ลักของได้ตอนนั้นนะ
    <O:p</O:p
    อานิสงส์การเดินจงกรม ความออกนอกบ้านไปแล้ว คนที่มันเฝ้าอยู่ใต้ถุนบ้านเจ้าของดูว่าเจ้าของจะตื่นหรือเปล่า เดือนมันหงายนี่มันก็อะไรไม่รู้ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ เอ๊ะ ผีสิงหรือยังไง ก็เดินดูจนควายออกไปตั้งเยอะแล้ว ออกปากตรอกไปแล้ว เอ อะไรกัน นี่ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ขโมยที่เฝ้าคอกมันก็ถอยหลังเรื่อย มันอยากดู ถอยหลังมาเรื่อย ๆ ถอยหลังออกมาจากใต้ถุนเรื่อย ๆ ก็ดู อะไรกัน นึกว่าผีเรือนหรือยังไง เพราะไปลักควายมาหลายเจ้าไม่เคยมีผีอย่างนี้ ขโมยไม่ได้เรียนเดินจงกรม ถ้าขโมยมาเรียนซะแล้วก็ไม่เป็นอะไรนะ จะได้รู้ว่าเขาเดินจงกรม มันไม่รู้นี่ ถอย ๆ มาเหยียบเอาหมาเข้า หมาตื่นหมดบ้าน หมามีอยู่ ๑๐ ตัวเห่ากันใหญ่ เลยควายที่เอาไปแตกกันหมด ควายไม่หาย นี่อานิสงส์เดินจงกรมนะ มีข้าวของอะไรไม่ต้องไปจ้างใครเขาเฝ้า สองคนตายายก็เดินจงกรมไปซี ถ้าไม่เดินก็หลับเลย อันนี้เรื่องจริงที่ผ่านมา ๓๐ ปีแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มีเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องคล้ายกัน บ้านตาแป๊ะแก่คนหนึ่ง อยู่กันสองคนกับยายซิ้ม เขานัดหมายกันนั่งชั่วโมงหรือสองชั่วโมงจำไม่ได้ เวลานั่งแล้ว ใครจะเรียกมาหาใครจะมาลักขโมยไม่สนใจไม่ต้องฟังเสียง ถ้านาฬิกาไม่กริ๊งไม่เลิก ตั้งสัจจะและพระที่คล้องคอก็ไม่มี เมียนั่งโน้นผัวนั่งนี่ บ้านนั้นมีเครื่องลายครามเยอะแยะหมด แล้วก็มีลูกสาวคนหนึ่งผอม สะโพก ๒ ศอกได้มั้ง ขณะนี้ลูกสาวน่ะ สามีเป็นนายพันเอก อย่าไปออกชื่อเขาเลย เป็นลูกอาจารย์กองทัพอากาศ เดี๋ยวนี้ยังอยู่แต่ปลดเกษียณแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ก็ได้ความว่าลูกสาวมาเยี่ยมเตี่ยกับแม่ แล้วทีนี้เตี่ยกับแม่ก็นั่งบริกรรมพองหนอยุบหนอ ถ้าไม่ได้กำหนดไม่ออก ถือสัจจะ พอดีรถปิคอัพเข้ามา ขโมยปล้นมีเอ็ม ๑๖ มาก็ยิง ยิงเลย ยิงไม่ออก ยิงโด่งออก แล้วโจรก็มาคลำดูที่คอ สองคนก็ภาวนาพองหนอยุบหนอตลอด ลูกสาวกำลังรับประทานอาหารอยู่ กำลังจิ้มไก่ย่างใส่ปาก เคี้ยวไปยังไม่ทันกลืนนะ พอเสียงปืนโป้งปั้งทำไง ก็รีบเข้าไปใต้เตียง ไม่ชิงชันสูงคืบเดียวนะ เข้าไปได้สะโพกเบ้อเร่อเข้าได้สบายมาก แล้วก็ไก่ย่างยังอยู่ในปาก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มันเป็นเรื่องอัศจรรย์อันหนึ่ง ยิงก็ไม่ออก มันจะมาฆ่าตาแป๊ะคนนี้ มีเครื่องลายครามขนใส่รถหมด ข้าวของเงินทองขนใส่รถ ยายซิ้มพองหนอยุบหนอ คิดหนอ ๆ ก็พองหนอยุบหนอต่อไป แหมเขาแน่จริง ๆ ขโมยก็ขึ้นรถไปออกไปถึงตรอกนั้น ร้อนถึง จักรินเทวราช สั่งมาตุลีเทพบุตรบอกให้สารวัตรใหญ่เข้าไปในตรอกนี้ให้ได้ เกิดสังหรณ์ในใจ ตำรวจสารวัตรใหญ่เป็นพันตำรวจโทก็สั่งลูกน้องเข้าในตรอกนี้ซิ มันสงสัย ก็สวนกันรถขโมยพอดีเลย พอสวนรถขโมย มันเปิดไฟเห็นตำรวจมันก็โดด ตำรวจโดดตาม พอตำรวจโดดตามจับได้หมด<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เลยผลสุดท้ายก็ถามว่า เอามาจากบ้านใคร โจรก็บอกกับตำรวจว่าเอามาจากบ้านตาแป๊ะนี่ เลยถอยหลังกลับไป พอรถขโมยไปจอดรถ รถสารวัตรใหญ่ไปจอด สองคนนั่งพองหนอยุบหนอ ยังไม่ออกจากกรรมฐานเลย เลยตำรวจก็ปลุกตาแป๊ะ ไม่ลุก สักประเดี๋ยวนาฬิกากริ่ง ตาแป๊ะก็ออกพอดีเจอตำรวจบอกว่า เอ...ไอ้ผู้ร้ายบอกว่าเอาปืนยิงไม่ออก เลยคลำที่คอบอกว่าไม่มีพระ ไม่มีพระเครื่องรางของขลังแต่ยิงไม่ออก บอกนี่โดนปล้นรู้ไหม ตาแป๊ะบอกรู้ แต่กำหนดได้ว่าอย่างนี้นะ รู้นะไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่เข้าพลสมาบัติ รู้เลยอย่าได้เอาไป รู้หนอ ๆ พองหนอ ยุบหนอต่อไป อยากได้เอาไป ๆ ถ้าเป็นของลื้อ ๆ เอาไป ถ้าเป็นของอั๊วอยู่ พองหนอ ยุบหนอ ๆ อยากได้เอาไป ๆ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พอพูดกันสักพัก ก็มีเสียงเรียกให้ช่วย ตำรวจก็มองหา เอ...อยู่ที่ไหนแปลก อยู่ใต้เตียงเวลาเข้าได้ออกไม่ได้ สะโพกตั้งศอก เลยเข้าไปยกเตียงไม่ชิงชันออกมา ไก่ยังอยู่ในปาก จะกลืนก็ไม่กลืน ไม่มีพองหนอ ยุบหนอ เตี่ยกับแม่ทำ ลูกสาวไม่ได้ทำ ในที่สุดก็ได้ของคืนหมด แต่เตี่ยกับแม่ในที่สุดก็บอกตำรวจว่าไม่เอาเรื่องเอาความ ไม่ติดตามฝากหลวงไป แล้วแต่เถอะว่าเสียสละแล้ว บอกว่าจะติดคุกติดตะราง อโหสิกรรม แล้วพวกขโมยก็มากราบตาแป๊ะกราบยายซิ้ม แล้วตำรวจก็ถามว่า เป็นยังไงถึงยิงไม่ออก มีพระอะไร ตาแป๊ะบอกมีพระพองหนอยุบหนอ ลื้อเอาไปใช้เถอะยิงไม่ออกแน่ พระพองหนอ พระยุบหนอ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในที่สุด ตำรวจมาที่วัดนี่ เดี๋ยวนี้เป็นนายพันเอก เป็นนายพลตรีไปแล้ว ตำรวจบอกเอาพระตาแป๊ะพองหนอยุบหนอขลังจริง ๆ ปืนยังยิงไม่ออก เพราะว่าคุณนายชื่อว่าสะโพกศอกกว่า ๆ นี้นะเข้าไปได้บอกว่าคุณนายเข้าไปได้ยังไง บอกว่าฉันก็ไม่รู้ ตกอกตกใจพรวดเข้าไปใต้เตียง เตียงไม้ชิงชัน เวลาออกออกไม่ได้ สะโพกติดก็ต้องไปช่วยกันยกเตียงไม้ชิงชันออกมาเห็นไหม มันก็เป็นได้อย่างนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ปืนยิงไม่ออกก็คือสัจจะ ความจริง และก็ว่าคล้องพระไปเป็นกิโลนะ โป้งตายไปหลายราย เพราะไม่นึกถึงคุณพระอยู่ในใจเลย ไม่มีสัจจะ เสียสัจจะ เอาพระไปคล้องเสียเวลาเปล่า ๆ พระพุทธเจ้าไม่ช่วยแน่ อาตมาขอยืนยัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อาตมาไปชายแดน ถามหัวหน้าหน่วยเป็นพันตรี บอกมีไหมปืนยิงไม่ออกยิงไม่เข้า มีคนเดียว นอกนั้นตายเรียบ โดนปืนตายทั้งนั้น แต่คนนี้ไม่ตาย โดนเอ็ม ๑๖ หล่นจากเข้าค้อเป็นเวลานานแล้ว ตอนนั้นเป็นสิบโท เดี๋ยวนี้เป็นร้อยเอกแล้ว อาตมาบอกขอมาสัมภาษณ์ซิ แต่นายพันตรีก็ไม่รู้หรอกว่ามันอยู่ด้วยอะไร<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อาตมาก็มากล่าวอีกถึงอิสลาม เป็นชาวอิสลาม พ่อเขาเป็นแขกแม่เป็นชาวพุทธ ก็เอาตะกรุดมาให้อาจารย์ดู ถักเสียสวยเลยคล้องคอไว้ นายพันตรีก็ไม่รู้ว่ามีอะไรดีเป็นอิสลาม ทำไมมันเหนียว ทำไมทหารไทยตายซะเรียบ ในเขาค้อนี่เองเลยเพชรบูรณ์ไปนี่ ติดต่อกับพิษณุโลก อาตมาไปมา ที่ไปนี่ก็เอาของไปแจกไม่ใช่เอาเหรียญไปแจกนะ เอาขนมเอากระยาสารท ขนมเปี๊ยะ เอาพวกน้ำปลาไปแจกทหารชายแดน ๒๔ ลังเรียบไม่พอแจก ทหารชอบไม่ใช่ไล่แจก อาตมาถามบอกขอดูซิ อิสลามบอกหลวงพ่ออย่าจับ เอาไม่จับได้ไง คนละศาสนาถือหรือ ไม่ใช่หรอกครับ เดี๋ยวผมจะเล่าถวาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พอผมจะมาสนามรบนี้ผมก็ไปลาลุง ๆ ผมเป็นทายกพระ แต่ทีนี้แม่ผมได้กับป๋าที่มาจากเมืองนอก ก็ต้องตามป๋าไปอิสลาม แล้วก็บอกมาขอของดีลุงจะให้อะไร ลุงบอกเอาผ้านุ่งแม่เจ้ามา แล้วลุงจะทำให้ เอาผ้านุ่งมาตัด ๆ เข้าแล้วก็เอาเชือกถักเสียสวยเลย แล้วก็ให้คล้องคอ แล้วบอกให้หลานตั้งนะโมเอาแบบพุทธ ท่อง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ๓ หน แล้วนึกถึงพระเจ้าของเจ้าก็ตามใจ บิดามารดาปกปักรักษา คุณครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณทั้งหลายแค่นี้แหละแล้ว เจ้าอิสลาม ๑. เหล้าหยดเดียวไม่กิน ๒. การพนันไม่เล่น ๓. ผู้หญิงไม่เที่ยว สามอย่างเท่านั้น หล่นจากภูเขาก็ไม่เป็นไร เขาเลิกเสื้อให้ดู บอกบอบช้ำไปเลย แต่ทีนี้เพื่อนทหารของผมก็กินเหล้าเข้าไปในหมู่บ้าน กลับไปก็ไปเหยียบกับระเบิดตาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นี่แค่ผ้านุ่งแม่ ปืนยังยิงไม่เข้า เขาไปทำเป็นตะกรุดคล้องคอ อาตมาจับเขาถึงไม่ให้จับ บอกว่านี่เป็นผ้านุ่งแม่ผม เลยให้นายพันตรี บอกอยู่ด้วยกันมานาน ไม่รู้ไม่เห็นเล่าให้ฟัง กลัวทหารจะล้อว่าเอาผ้านุ่งมาคล้องคอ ว่าอย่างนี้ เดี๋ยวทหารบางคนก็ว่าไม่ใช่ผ้านุ่งแม่ เอาผ้านุ่งเมียมาคล้องคอ นี่บางทีแม่มาหาก็หาว่าเมียมาหา ทหารที่นั่นเป็นอย่างนี้เขาเล่าให้อาตมาฟัง นี่ก็เรื่องจากชีวิตปฏิบัติธรรม ถึงจะเป็นอิสลามหรือไม่ก็ตามเขามีสัจจะของเขา เหล้าไม่กันเลยแม้แต่หยดเดียว พระเจ้าก็ช่วยได้ นี่ผ้านุ่งแม่ก็ช่วยได้ เดี๋ยวนี้ไม่เอาแล้ว ผ้านุ่งแม่ก็ซักให้ไม่ได้ ทีผ้านุ่งเมียซักได้นะ เห็นบางคนเขาพูดกัน ข้อเท็จจริงอย่างไรไม่รู้ เห็นบางคนเขาพูดกัน บางคนถูกผ้าผู้หญิงไม่ได้เพราะกลัวเสื่อม อาตมาว่าไม่จริง อยู่ที่ใจ เสื่อมไม่เลื่อมอยู่ที่ใจ ไม่อยู่ที่ผ้านุ่งผู้หญิงหรอก
    <O:p</O:p
    โดย พระภาวนาวิสุทธิคุณ
    เล่มที่ 3 ภาค กฎแห่งกรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...