กฎแห่งกรรม อสรพิษมรณะ น่ากลัวอย่าทำบาปเลย..

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย john2518, 15 พฤศจิกายน 2010.

  1. john2518

    john2518 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +561
    กฎแห่งกรรม


    อสรพิษมรณะ<O:p


    จากนิตยสารโลกลี้ลับ ปีที่ ๒๐ ฉบับที่ ๒๒๒ ประจำเดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖<O:p></O:p>


    ***********************<O:p

    พุทธภาษิตกล่าวไว้ว่า กัมมุนา วัตตตี โลโก หมายถึง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ทั้งหลายจะต้องรับผลของกรรมนั้น ๆ เป็นสัจธรรม ตราบใดที่ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร จะหลีกหนีไม่พ้น ทำดี ผลดีก็ตอบสนอง
    เมื่อผมเรียนจบระดับประถมศึกษา ก็ออกจากโรงเรียน ซึ่งในสมัยนั้นจบ ป.6 ก็ถือว่าดีถมเถแล้วในสังคมชนบทไทยทั่ว ๆ ไปที่ต้องปากกัดตีนถีบ ต่อสู้เพื่อการดำรงชีพ ไม่มีโอกาสที่จะเล่าเรียนสูง ๆ กอปรกับครอบครัวมีฐานะยากจน ทำไร่ทำนาเป็นอาชีพหลัก ผมก็เหมือนกับเด็ก ๆ ทั่วไปคนหนึ่งต้องหยุดเรียนเพื่อมาช่วยพ่อแม่ทำงาน มันเป็นวิถีชีวิตที่ไม่สามารถเลือกเกิดได้
    ช่วงนั้น ผมอายุประมาณ 14-15 ปี ที่บ้านมีควายอยู่ฝูงหนึ่ง จำนวน 13 ตัว หน้าที่ของผมในวัน หนึ่ง ๆ คือ เลี้ยงควาย ตอนสายหลังกินข้าว ต้องต้อนควายออกไปกินหญ้ากลางทุ่งริมชายป่า ตกเย็นก็ต้องกลับเข้าคอก และจะห่อข้าวใส่ถุงไปกินในมื้อกลางวันทุกวัน โดยผมจะมีอาวุธที่นำติดตัวเสมอ คือ หนังสติ๊กแขวนคอ ทำเช่นนี้อยู่เป็นประจำ ไม่เคยออกไปเที่ยวที่ไหนเหมือนเด็กสมัยนี้ อาศัยกลางทุ่งนาเป็นลานเต้นรำร้องเพลงเป็นบางโอกาส เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวก็เก่า ๆ กางเกงขาดก้น ปะแล้วก็ปะอีก ด้วยความยากจนไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าสวย ๆ หรู ๆ เลย มีแต่เสื้อหนังที่ติดกับตัวที่พ่อแม่ให้มา ผิวกร้านตัวก็ดำมะเมื่อม ตากแดดตากลมอยู่ชายทุ่งกลางป่า คอยดูแลฝูงควายป่า ไม่ให้บุกรุกเข้าไปในไร่สวนของผู้อื่น ทำให้พืชผลเขาเสียหายเกิดความเดือดร้อน บ่อยครั้งที่ผมถูกพ่อตี เพราะหลับเพลินอยู่ห้างนา ควายเข้าไร่ของเพื่อนบ้าน ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้เขา
    ตัวผมมีสมาชิกร่วมชมรมเลี้ยงควายรวมสามคน แต่ละคนจะได้รับตำแหน่งเป็นผู้ดูแลควาย มีควายคนละ 9-11 ตัว เมื่อเราทั้งหมดต้อนควายปล่อยให้กินหญ้ากลางทุ่งตามลำพังเสร็จก็จะมานั่งที่ห้าง (เพิงพัก) สร้างไม่ค่อยทนทาน เอาไว้กันแดดเท่านั้น กันฝนไม่ได้ และบางครั้งก็เดินมาที่ห้างนาของผม ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
    อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อปล่อยฝูงควายกินหญ้าตามลำพัง ที่กลางทุ่งแนวชายป่าเสร็จเรียบร้อย จึงชวนกันเดินมาเล่นที่ห้างนา ขณะที่ทั้งสี่สหายเดินทอดน่องอยู่นั้น ด้วยเหตุบังเอิญ เพื่อนผมเห็นสัตว์วิ่งเข้าพุ่มไม้ข้างทางตัวหนึ่ง จึงตะโกนขึ้นว่า “เฮ้! กระต่าย” พวกเราจึงนำอาวุธประจำกาย ที่พกติดตัวทำการปิดล้อมพงหญ้าโดยรอบทันที แต่ไม่เห็นตัวกระต่าย ต่างคนต่างก็สุมควันในป่า เพื่อให้สัตว์ทนไม่ไหววิ่งออกมา ไม่นานนักเจ้าสัตว์ดังกล่าวได้วิ่งมาหลบอยู่ในพุ่มไม้ข้างหน้าที่ผมยืนอยู่ ใบไม้บังลำตัวมัน มองไม่เห็นหน้าเห็นแต่ลำคอ ด้วยความแม่นมือฉมังจึงยืดหนังสติ๊กขึ้นยิงไปยังคอสัตว์ตัวนั้นทันที กระสุนก้อนหินส่งออกไปจากหนังสติ๊ก ถูกบริเวณลำคออย่างจัง ได้ยินเสียงร้องแบบเจ็บปวด เสียงแหลม ๆ ดิ้นอยู่ในพงหญ้าแล้วเสียงนั้นจึงเงียบ
    ผมและเพื่อน ๆ ไปเปิดพงหญ้าดูสัตว์ที่เพื่อนเห็นครั้งแรกว่ากระต่าย แต่ไม่ใช่มันคือ แมวนอนลิ้นจุกปากตาย ต่างคนต่างหัวเราะชอบใจไม่ได้คิดถึงบาปบุญใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วพากันมาเล่นที่กระท่อมห้างนาของผมต่อตามประสาเด็ก
    จากนั้นไม่นาน พ่อของผมเดินมายังกระท่อมที่พวกผมกำลังเล่นกันอยู่ พร้อมกับแบกปืนแก๊ปอยู่บนบ่าเพื่อนำยามารักษาควายในฝูงตัวหนึ่งที่เท้าเจ็บ เพราะเหยียบของแข็งเกิดการอักเสบบวม พ่อผมนำปืนแก๊ปวางพิงเสาบนห้างนา บริเวณพื้นห้างจะปูด้วยไม้ปีกเรียงห่างกันไม่มีฝา ขณะที่ผมและเพื่อนเล่นกระโดดขึ้นห้างลงห้าง วิ่งเล่นไล่กันอยู่นั้น เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น เมื่อเพื่อนไล่จับผม ผมก็ได้กระโดดลงไปข้างล่างห้าง ปืนของพ่อที่ได้บรรจุกระสุน ดินดำ และแก๊ปไว้ล้มลงมาที่ห้าง กระสุนวิ่งออกจากปากลำกล้อง 1 นัด ผมรู้สึกชา บริเวณต้นคอด้านหลัง มึนงงถึงหัวสมอง เลือดอุ่น ๆ ไหลเปรอะบ่าซ้ายขวา ผมนั่งลงอาเจียนหน้ามืดที่พื้นดินทันที
    ร่วมครึ่งเดือนที่ผมมานอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และแพทย์ได้ตัดหนังที่ขานำมาปิดบริเวณใต้ท้ายทอย ต้นคอส่วนบน ซึ่งถูกกระสุดเฉียดเนื้อฉีกขาดหายไป
    เมื่อแผลเริ่มตกสะเก็ด อาการป่วยก็หายเป็นปกติ จึงได้มาเลี้ยงควายเหมือนเดิม ด้วยความเป็นเด็กก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เลี้ยงควายดูควายต้อนควายไปวัน ๆ
    วันหนึ่ง หลังจากปล่อยฝูงควายเสร็จเรียบร้อย เพื่อนๆ ก็ชักชวนกันไปยิงนกที่มากินผลไม้บนต้นไฮ เป็นต้นไม่ใหญ่ขึ้นอยู่ชายทุ่ง นกจำนวนมากส่งเสียงร้องได้ยินแต่ไกล อยู่ห่างจากฝูงควายประมาณกิโลกว่า ๆ จึงพากันเดินลัดเลาะชายป่าไป ระหว่างเดินไปจะเป็นเนินเตี้ย ๆ ไม่สูงนัก บนเนินจะมองเห็นต้นไม่ที่ตายผุล้มอยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งมีลำต้นใหญ่มากขนาด 2 คนโอบได้
    ขณะเดินอยู่นั้น เพื่อนผมเหลือบไปเห็น งูเหลือมตัวหนึ่ง กำลังเลื้อยเข้าไปในโพรงต้นไม้ที่ล้มอยู่ จึงพากันวิ่งขึ้นไปดูพบว่า งูกำลังเลื้อยเข้าไปได้ครึ่งตัว และอีกครึ่งหนึ่งมันก็พยายามดันตัวเข้าไป แต่เข้าไม่ได้ อาจเป็นเพราะโพรงไม้ตันหรือว่าตีบ ผมไม่อาจทราบได้ เพื่อนผมจึงเอามีดพร้าที่นำติดตัวไปฟันฉับ ๆ เข้าที่ตัวงู 2 ครั้ง ลำตัวถูกตัดขาดครึ่งด้วยคมมีดพร้า เลือดพุ่งแดงฉานเปรอะติดขอนไม้ ส่วนลำตัวและหัวงูนำออกมาไม่ได้ เพราะหดเข้าไปในโพรงไม้ คงได้แต่ส่วนกลางและส่วนหางที่มีขนาดใหญ่มาก สามารถกลืนแมวตัวโต ๆ หรือไก่ตัวใหญ่ ๆ ลงท้องได้อย่างสบาย
    ด้วยขนาดที่ใหญ่และน้ำหนักที่มากของงู เพื่อนจึง ใช้มีดตัดเป็นท่อนๆ 4 ท่อนเท่า ๆ กันแล้วแบ่งกันนำกลับบ้าน วันนั้นจึงไม่ได้ไปยิงนก ครั้นถึงเวลา 3-4 โมงเย็น ผมกับเพื่อนต้อนควายกลับบ้านเร็วกว่าปกติ เพื่อนำเนื้องูไปให้พ่อแม่ประกอบอาหาร เมื่อนำควายเข้าคอกเสร็จปรากฏว่า พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน จวบกับวันนั้นผู้ใหญ่บ้านทำบุญขึ้นบ้านใหม่และจัดผ้าป่าไปถวายวัด ซึ่งบ้านผู้ใหญ่บ้านและบ้านผมอยู่ห่างกันประมาณ 300 เมตร ทุกคนจึงไปรวมกันบ้านผู้ใหญ่
    พ่อตะโกนถามผมว่าได้งูมาหรือ ผมตอบรับแล้วเล่าให้ฟัง จากนั้นพ่อก็นำงูไปประกอบอาหารที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ผมมาทราบตอนหลังว่า งูที่ได้มา 4 ส่วนนั้น ได้นำเอาไปทำอาหารกินรวมกันที่บ้านผู้ใหญ่ เพื่อนผมอีกสามคนก็ไปกินร่วมด้วย แต่ผมไม่ได้ไปเพราะไม่ชอบกินเนื้องู กอปรกับต้องเฝ้าบ้าน
    เวลาประมาณ 6 โมงถึงทุ่ม ผมได้ยินเสียงรถแห่กลองยาววิ่งตามกัน 3-4 คัน ออกจากบ้านผู้ใหญ่บ้าน เพื่อนำผ้าป่าไปถวายที่วัด ซึ่งตอนนั้นผมกำลังสุมไฟไล่ยุง เหลือบ ริ้น ให้ควายอยู่ในคอกข้างบ้าน พ่อเมามากมีเพื่อนพยุงปีกพาขึ้นบ้าน จากนั้นเพื่อนพ่อที่มาส่ง ตะโกนพูดกับผม“ช่วยดูแลพ่อหน่อย พ่อเมามากแล้ว” และยังบอกอีกว่า “เพื่อนอีก 3 คนเป็นมือฆ้องมือกลองไปกับเขาด้วย”ผมไม่ได้คิด หรือ สังหรณ์ใจอะไร แม้แต่น้อยทำงานตามปกติ
    หลังจากถวายผ้าป่าที่วัดเสร็จเวลาประมาณ 2-3 ทุ่ม ขากลับได้เกิดอุบัติเหตุรถ 6 ล้อของผู้ใหญ่บ้านที่ขับด้วยความเร็วสูงชนกับรถกระบะ 4 ล้อ แล้วแฉลบลงข้างทางไปปะทะกับต้นไม้ใหญ่พลิกคว่ำ
    นับเป็นอุบัติเหตุสูญเสียชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ ผลคือตายคาที่ 21 ศพ บาดเจ็บรวม 10 คน ครอบครัวของผมต้องสูญเสียแม่ พร้อมกับเพื่อนอีก 3 คนเป็นที่น่าหดหู่เศร้าใจยิ่งนัก ผมและพ่อทำใจไม่ได้ ต่อมาพ่อจึงขายควายทั้งหมดไปและออกบวช เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แม่ และผู้ที่เสียชีวิต
    ท่านผู้อ่านที่รักครับ เหตุการณ์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นกับตัวผมและครอบครัว ในส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามันเป็น กฎแห่งกรรมที่ผมและเพื่อน ๆ ได้ก่อกรรมทำเวรขึ้นมา กรรมจึงมาสนอง แต่ผลของกรรมที่ครอบครัวของผมได้สัมผัสนั้น ช่างทรมานแสนสาหัสมาก กว่าผมจะทำใจได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร
    ปัจจุบันนี้ครอบครัวผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แม้แต่ปืนแก๊ปพ่อก็ให้อาไป และหนังสติ๊กผมได้โยนเข้ากองไฟ ผมและพ่อตั้งสัจจะอธิษฐานว่าจะเลิกเบียดเบียนสัตว์ทุกชนิด ตลอดถึงการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เลิกทำบาปกรรม ก่อนนั้นคอของผมหันซ้ายขวาไม่ได้ แต่ปัจจุบันหายเป็นปกติ
    นี่แหละครับเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ดังพุทธภาษิตพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ให้ทุกแก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว กรรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง ขอให้ทุกท่านจงละเลิกทำบาปกรรม รักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ สร้างบุญสร้างกุศลอยู่เนืองนิจ ชีวิตก็จะประสบสุขชั่วนิรันดร์
    <O:p></O:p>
     
  2. john2518

    john2518 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +561
    สาธุ

    ชีวิตใครใครก็รักแม้แต่สัตว์ดังนั้นเราควรรักมันด้วยหัวใจครับ.สาธุ
     
  3. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,061
    การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตถือว่าเป็นบาป ผิดศีลข้อ1
    หากกรรามนั้นตามทันก็จะส่งผลเร็วเหมือนดังเรื่องเล่าข้างบนค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...