[กฎแห่งกรรม] หญิงสองร่างนางสองชาติ และ อานิสงส์ของการขัดส้วม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย hyperz, 15 มิถุนายน 2010.

  1. hyperz

    hyperz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +3,421
    [​IMG]

    โดย พระครูภาวนาวิสุทธิ​

    เรื่องมาสร้างกุฏิกรรมฐานโดยหญิงสองร่างนางสองชาติ อาตมาเคยคิดว่ามันจะมีอย่างไรเรื่องนรกสวรรค์ แต่มีประสบการณ์กับที่วัดเรานี่เอง เมื่อตอนที่อาตมาอยู่ที่วัดนี้ พ.ศ. ๒๔๙๙ พอดี ๒๕๐๐ กุฏิกรรมฐานไม่มีเลย ยังไม่ได้มาเริ่ม เริ่มมาจาก
    ที่อื่น สอนกรรมฐานมาเมื่อ ๒๔๙๕ สอนมานาน เมื่อสอนแล้วมาอยู่ที่วัดนี้ มาเป็นเจ้าอาวาส มาประสบการณ์กับหญิงสองร่าง
    นางสองชาติ จึงได้สร้างกุฏิกรรมฐานต่อเนื่องมาตามลำดับจนบัดนี้
    <O:p</O:p
    เล่าถึงประวัติ นายปุ่น นางสอิ้ง นายปุ่นบวช ๒-๓ พรรษา สวดปาติโมกข์ได้รุ่นเก่าแก่นานมาแล้ว แล้วเจริญกรรมฐาน เมื่อสึกแล้วก็มาแต่งงานกับแม่สอิ้ง อยู่ด้วยกันมีลูก ๒ คน ตาปุ่นเป็นคนร่ำรวยอยู่ในอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ นายปุ่นนี้จิตใจเป็นมหากุศลสวดมนต์ไหว้พระตลอด แต่นางสอิ้งใจบาปหยาบช้า มีร่างกายที่เขาเขียนรูปไว้ นุ่งผ้าโจงกระเบน เสื้อเตี่ยว
    มีผมก็ทัดหู มีสร้อยใส่ ไปบ้านใครต้องลักขโมยตลอดเลา แล้วมาวันหนึ่ง นางสอิ้งไปช่วยงานหลานตาปุ่นบวชในพระศาสนา
    นางสอิ้งก็ลักทอง ลักสร้อยแล้วก็บุ้ยใบ้ไปโทษหลานตาปุ่นที่ยากจนกว่า ตีเสียหัวร้างข้างแตก แล้วยัดเยียดให้เป็นคนขโมย แท้จริงตัวที่เป็นคนขโมยแท้ ๆ ไม่มีใครเชื่อว่านางสอิ้งนี่เป็นขโมย เพราะเป็นคนรวย มีจิตใจเป็นอกุศลเป็นอย่างนี้ ทำบาปหยาบช้าเหลือเกิน สวดมนต์ก็ไม่เป็น นางสอิ้งอ่านหนังสือไม่ออก ตาปุ่นสวดคนเดียวแทน ตาปุ่นเป็นสามีที่ดีของศรีภรรยา ไม่มองภรรยาในแง่ร้ายแต่ประการใด ไม่มีการนินทาลูกเมียนี่ประการหนึ่ง ระการที่สอง เขานิยมการไปทำไร่ไถนา โฉนดไม่มี ใครอยากจะมีขยันขันแข็งก็ไปถากถางเอาเอง บุกป่า ฝ่าดงพงไพรมีนาอยู่หลายร้อยไร่ เพราะด้วยความขยัน พ่อ แม่ของเขาทำสืบเนื่องกันมาตามลำดับ

    มีบ้านทรงไทย ๒ หลังแฝด และเรือนหออีกหลังหนึ่ง มีครบทุกรายการ แล้วก็ทุกปีที่ทำนาไปปลูกโรงนาอยู่กลางทุ่งกลางนา ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขามีลูกจ้าง ๕ คน จ้างมาจากภาคอีสานคนละ ๒๐ บาท ข้าวคงจะเกวียนละ ๔๐ หรือ ๘๐ จำไม่ได้มันนานแล้ว เวลาไปอยู่โรงนา ตาปุ่นก็ต้องเฝ้าบ้านอยู่กะแม่ แต่เมียเป็นคนจัดการเสร็จไปออกไปโรงนา พอเกี่ยวข้าวเกี่ยวปลาเสร็จ แล้วเมื่อก่อนนี้มีพระแทะมีเกวียน เวลานวดข้าวเสร็จแล้วก็ใช้สากเอา ใช้ลมกลางทุ่ง เวลาก่อนจะนวดก็ใช้ลูกจ้างไปลักข้าวเขาตามโน่นตามนี่มาใส่ ทุกปีลักข้าวเขามาใส่ บาปมาก ไม่มีใครจับได้ เพราะเนื่องจากว่า ตาปุ่น นางสอิ้ง ในหมู่บ้านตำบลนั้น เป็นนายทุนให้แก่
    <O:p</O:p
    คนอื่นอีกหลายทุนด้วยกัน สามีก็ไม่ทราบว่าภรรยาเป็นขโมย ล้วปีสุดท้ายนางสอิ้งมีทอง ๒ เส้น สายสะพายหนักเส้นละ ๘ บาท
    ปีนั้นกำลังตั้งครรภ์ขึ้นอีก ก็ใจคอหงุดหงิดสังหรณ์ในใจว่าปีนี้โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ออกไปทำนาก็มีโรงนาปลูกไปประจำ
    จนเกี่ยวข้าวขายเรียบร้อย นางสอิ้งเอาทองไปฝังในโรงนา โดยที่คิดอกุศลกลัวลูกจ้างจะลัก อยู่บ้านกลัวจะไม่ปลอดภัย แล้วก็ใช้วิธีอย่างเดิมให้ลูกจ้างไปลักข้าวอีก ยังไม่ทันนวด พอดีเกิดคลอดบุตรตายทั้งกลมคานา ตายแล้ว ตาปุ่นก็จัดงานศพนางสอิ้งเล่าว่ารู้หมดไปตกนรก ๑๐๐ ปี เวลานั้นถึงวันโกนวันพระ มีพระมาลัยมาโปรดสั่งสอนในวันพระ แล้วในเมืองนรกเขาให้สวดมนต์
    ไหว้พระ นางสอิ้งไม่เคยสวดได้เมื่อตอนอยู่ในภพมนุษย์ นางสอิ้งสวดได้หมด ทำวัตรเช้าเย็น พระมาลัยได้โปรด เทศน์เรื่องกรรมในโลกของนรกนั้น ในภพนั้นได้สวดมนต์ไหว้พระเจริญวิปัสสนากรรมฐานเหมือนกันสอนอย่างนั้น
    <O:p</O:p
    กล่าวถึงภพมนุษย์ ตาปุ่นก็คิดถึงลูกเมีย เมื่อนวดข้าวเสร็จเรียบร้อยก็ขายส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เอาไปก่อพระเจดีย์ทรายข้าวเปลือกอุทิศส่วนกุศลให้แม่สอิ้งศรีภรรยาของตน พออุทิศส่วนกุศลให้แล้วก็ได้ความว่าในโลกเมืองนรกนั้นได้อภัยโทษ นางสอิ้งได้ทำคุณงามความดีสวดมนต์ไหว้พระในเมืองนรก คงจะเป็นยมบาลบอกเหตุการณ์ให้นางสอิ้งฟังว่า สามีของเธอได้เอาข้าวที่ร่วมงานกันเอามาก่อพระเจดีย์ทรายข้าวเปลือกในวัด และอุทิศส่วนกุศลมาให้เธอ ก็ขอให้อภัยโทษเธอ ๒๐ ปี เหลือ ๘๐ ปี
    <O:p</O:p
    ต่อมานายปุ่น เห็นเรือนหอคิดถึงภรรยาทุกวัน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องการเอาเรือนหอไปถวายวัด เอาไปปลูกกุฏิเป็น<O:p></O:p>
    ทรงไทยต่อไปตามลำดับ สมภารเจ้าวัดก็เห็นด้วย นายปุ่นก็สร้างกุฏิ เมื่อเสร็จแล้วก็ฉลองกันใหญ่ มีหมอลำ และมีหนังตลุง ๒ อย่าง ฉลองวันไหนรู้หมด ฉลองเสร็จแล้วก็ถวายเป็นการสงฆ์ให้แก่พระสงฆ์ทุกสารทิศทั้งที่มาจากทิศใดก็ตาม ถวายเป็นสังฆทานอุทิศแด่พระสงฆ์ เรียบร้อยแล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้แก่ภรรยาของตน ก็ได้ลดอภัยโทษอีก ๒๐ ปี เหลือ ๖๐ ปี นายปุ่นคิดว่าลูกก็โตแล้ว พ่อจะบวชในพระศาสนา บวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ภรรยาของตนต่อไป สึกขาลาเพศแล้วก็แต่งงานใหม่ ก็ได้ปรึกษาสมภาร ๆ ก็ว่าไม่ต้องสวดปาติโมกข์หรอก เคยสวดปาติโมกข์ได้ บวชแล้วก็ให้ถือธุดงควัตรปฏิบัติฉันข้าวเวลาเดียวอยู่ในป่าช้า เจริญวิปัสสนากรรมฐานเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ภรรยาของตนต่อไป ตาปุ่นก็ได้บวชในพระศาสนาอยู่ ๑ พรรษา เจริญวิปัสสนากรรมฐานอโหสิกรรม และอุทิศส่วนกุศลให้ภรรยา ก็ไม่ได้ทราบว่าภรรยาไปตกนรก หรือขึ้นสวรรค์ประการใด พอออกพรรษาก็กราบลาสมภารสึกขาลาเพศไป แล้วไปแต่งงานกับภรรยาใหม่ต่อไป เมื่อสึกไปแล้วกุศลผลบุญก็ไปถึงแม่สอิ้งในเมืองนรก

    ยมบาลก็ให้อภัยโทษอีก ๔๐ ปี บอกว่าสามีของเธอได้บวชในพระศาสนา ได้เจริญวิปัสสนากรรมฐานอุทิศส่วนกุศลมาขอให้<O:p></O:p>
    อภัยโทษ ๔๐ ปี เหลือ ๒๐ ปีนี้เพราะเธอมีโทษ หนึ่งลักทองแล้วโยนความผิดไปให้คนอื่น สองที่บาปหนักคือ ลักข้าว ให้อภัยไม่ได้<O:p></O:p>
    เธอจะเอาอย่างนี้ไหม ก็เห็นว่าเธอมีคุณงามความดีสวดมนต์ไหว้พระเป็นหัวหน้าในเมืองนรกเจริญกรรมฐานในที่สุด จะให้กลับไปอยู่เมืองมนุษย์ ๒๐ ปี ไปใช้หนี้ผัว และจะต้องไม่กลับมาที่นี่ แต่ให้สัญญานะเจ้าจะต้องรักษาอุโบสถทุกวันพระ ทำได้หรือไม่ ประการที่สอง จะต้องไปสร้างกุฏิกรรมฐานเงิน ๑ ชั่ง ไม่เกินไม่ขาดเพื่ออุทิศส่วนกุศล มิฉะนั้นจะต้องกลับมาเมืองนรกอีก อย่างนี้นางก็รับปาก ก็มาเกิดใกล้บ้านตาปุ่นประมาณ ๒ กิโลกว่า ๆ มาเกิดเป็นลูกตาแป๊ะแก่ อยู่คนละตำบล แต่รู้จักกัน แป๊ะแก่ได้ภรรยามา ๑๕ ปี ไม่มีบุตร ภรรยาสาว แต่ผัวก็ ๕๐ กว่าแล้ว แต่เกิดมามีบุตรตอน ๑๕ ปีผ่านไป บุตรนั้นได้แก่นางสอิ้งนั่นเอง นางสอิ้งคนเดิมรูปร่างเหมือนยักษ์ขะหมูขีมีไฝฝีขี้แมลงวันเม็ดเบ้อเร่อ แล้วจอนตัดทัด ใบหู ดำปี๋ นุ่งผ้าโจงกระเบน ผอมเกร็ง อาตมารู้เพราะดูรูปที่เขาแต่งงานกับตาปุ่น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เมื่อเป็นเช่นนี้ พอ ๑๑ ปีผ่านก็รำลึกชาติได้ เตี่ยหนูนี่ไม่ใช่ลูกนะ ฉันนี้เป็นนางสอิ้งภรรยาตาปุ่น ตำบลโน้น เตี่ยก็ยังไงกันก็ไปปรึกษาตำบลโน้น ตำบลนี้ เอาอย่างนี้ให้มันลืมเรื่องเสียว่าจะจริงเท็จยังไงไม่ทราบ ก็เอาไข่หลงรัง ไข่ที่ตายโคม ไข่ข้าว<O:p></O:p>
    เอามาต้มให้กินมันก็ไม่ลืม พออายุถึง ๑๕ ปีแล้ว ให้พาไปบ้านตาปุ่น เตี่ยอดรนทนไม่ได้ก็พาไป อายุ ๑๕ ปีแล้ว รูปร่างสวยขาว เพราะเป็นลูกเจ๊ก แต่วิญญาณของนางสอิ้งคนเดิม พอไปถึงบ้านตาปุ่น ก็ถามว่าพี่ปุ่นจำฉันได้มั๊ย ตาปุ่นก็อายุ ๗๘ แล้วฉันสอิ้งยังไงเล่า ตาปุ่นเข้าใจผิดคิดว่าไอ้ตาแป๊ะนี่คงจะเสี้ยมสอนลูก ให้ว่าเป็นนางสอิ้งจะมาเอาสมบัติ เพราะตาปุ่นแกรวย ตาแปะแกก็ไม่ใช่คนรวย พอมีพอใช้ มีอาชีพทางแลกข้าวขายโชห่วย ก็เล่าให้ฟังตาปุ่นก็ไม่ยอมรับเชื่อ พี่ปุ่นจำได้มั๊ยว่าตอนอยู่กับพี่ปุ่นมาตอนบวชหลาน ฉันนี้เป็นคนลักทอง แล้วไปโทษหลานข้อเท็จจริงฉันเป็นคนเอา เพิ่งมารู้ความจริงในชาตินี้ ยังไม่เชื่ออาจเป็นการเสแสร้งแกล้งเล่าก็ได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เรื่องที่ ๒ เล่าต่อไปว่า “พี่ปุ่นตอนที่ฉันออกลูกตายทั้งกลมนั้น ฉันไปตกนรกอยู่ตั้ง ๑๐๐ ปี พี่ปุ่นเอาข้าวไปถวายวัด <O:p</O:p
    ก่อพระเจดีย์ทรายข้าวเปลือก ฉันก็ได้ลดโทษมาตามลำดับ นอกเหนือจากนั้นก็เอาเรือนหอไปถวายวัด ฉันก็รู้ในวันที่เท่านั้นได้อุทิศส่วนกุศล ยังมีหมอลำและหนังตะลุง ในวันนั้น เรื่องต่อไป พี่ปุ่นได้บวชในพระศาสนา ฉันก็ได้รับส่วนบุญกุศล ลดโทษไปตามอันดับดังที่กล่าวแล้ว นอกเหนือจากนั้น ที่ฉันมาเกิดใหม่นี้ได้ลดโทษานุโทษมาแล้ว แต่ ๒๐ ปี ลดไม่ได้เนื่องจากสร้างบาปลักทอง ลักข้าวให้อภัยโทษไม่ได้ ฉันก็ต้องกลับมาอยู่กะพี่ปุ่นต่อไป แล้วได้สัญญากับทางนรกมาว่า ให้รักษาอุโบสถทุกวันพระ สวดมนต์ไม่ขาดและต้องไปสร้างกุฏิกรรมฐานด้วยเงินหนึ่งชั่ง” ตาปุ่นรับฟังเฉย ๆ ยังเชื่อแน่ไม่ได้ แม่สอิ้งในร่างใหม่จึงถามต่อไปว่า
    <O:p</O:p
    “พี่ปุ่น ทองหมั้นของฉันยังอยู่มั้ย” “ทองอะไร” “มีสายสะพาย ๒ เส้น เส้นหนักละ ๘ บาท” ตาปุ่นก็นึกไม่ออก ไม่ทราบว่ายังอยู่มั้ย แต่มันไม่มีแล้วบัดนี้ จำความไม่ได้ นางสอิ้งก็เล่าต่อไปว่า “พี่ปุ่นโรงนายังอยู่มั้ย” “โรงนาไม่มีอยู่แล้ว เพราะนาก็แบ่งให้ลูกเก่าหมดแล้ว มีเขยมีสะใภ้ไปหมดแล้ว” นางสอิ้งบอกว่าจำได้เลา ๆ “ต้นกระทุ่มมีมั้ย” “ยังอยู่” ก็พากันออกไปที่นาเดินออกไปที่นาหลายกิโล จ้างเขาขุด ในที่สุดได้สร้อยคืนมา ๒ เส้น หนักเส้นละ ๘ บาท ตาปุ่นจึงยอมรับว่าเป็นนางสอิ้งจริง ในที่สุดก็ไม่กลับไปอยู่กะเตี่ยแม่ อยู่กะตาปุ่นต่อไป แม่สอิ้งก็เล่าความให้อาตมาฟังว่า ๓ คนด้วยกัน ภรรยาใหม่ อายุ ๗๒ สามี ๗๘ ก็ปรึกษาปรองดองกันว่า ฉันรับคำมั่นสัญญาจะต้องไปสร้างกุฏิกรรมฐานให้ได้ สามคนนี้ก็เดินทางไปหาทางสร้างกุฏิกรรมฐาน เอาสร้อยไปด้วย ไปปากน้ำโพ <O:p</O:p
    ลงเรือแดงจากปากน้ำโพ มากรุงเทพฯ แสวงหาว่าที่ไหนมีสำนักกรรมฐานก็ให้เทวดาสนใจดลบันดาลสามคนนั้น ก็ลงเรือแดงมาขึ้นที่สิงห์บุรี อาตมาก็มาอยู่ที่วัดนี้ เขาก็ไปถามชาวตลาดว่า ที่ไหนเป็นสำนักวิปัสสนามีมั้ย จังหวัดสิงห์บุรีนี้ เลยพอดีไปเจอเอาญาติของโยมสุ่นหาบของไปขาย เขาก็เลยเล่าว่า อาตมาได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดอัมพวันแล้ว ลองเดินทางไปถามดูว่าจะสร้างกุฏิกรรมฐานมั้ย เห็นท่านสอนกรรมฐานมาช้านาน เลยสามคนก็ลงเรือเมล์ต่อจากนั้นก็มาขึ้นที่หน้าวัด ก็เดินเข้ามาหาอาตมาเล่า

    เหตุการณ์ให้ฟัง อาตมาก็ตกใจข้อไหนรู้มั้ย ว่าไปลักข้าว อาตมานี่ตัวลักข้าวมากกว่ายายสอิ้งอีก มันตกใจตอนเป็นเด็กเวลาโรงเรียนปิด อย่าลืมอาตมาไปกะยายเม้า ๆ เป็นหมอตำแยเก่า ถามว่าป้าเก็บข้าวตกได้วันละเท่าไร ได้วันละกระผีก แล้วเอ็งได้เท่าไหร่ ผมได้วันละ ๑๐ กว่าถัง เอ็งทำไมเก็บได้มากมายนัก ก็ยายไปเซ่อทำไมที่เป็นฟ่อนนี่ก็ใส่กระสอบเข้าซิ แล้ข้าวที่เขานวดไว้กลางทุ่งก็ใส่กระสอบเลย นี่ลักอย่างนี้ ลักมากกว่ายายสอิ้งอีก ถ้าหน้าข้าวต้องออกอย่างนี้ ตกใจแต่ไม่พูดอะไร นางสอิ้งมีประโยชน์ที่โบสถ์เก่าเวลาพระทำวัตรเขาเข้าไปด้วย มาค้างหลายคืน โยโส ภควา สวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็นได้ทั้งหมดดีกว่าพระ ได้มาจากเมืองนรก ตอนนั้นอายุ ๑๖ ปีแล้ว ตาปุ่น ๗๘ อาตมายังเย้าเลย นี่สอิ้งอยู่กะตาแก่ทำไม่ไม่อยู่กะหนุ่มดีกว่าเข้าท่ากว่า เพราะรูปร่างสวย มารยาทดี เปลี่ยนแปลงตามสภาพ ก็แม่สอิ้งได้สร้างกุฏิกรรมฐานข้างโบสถ์เป็นหลังแรก เขาบอกว่าสร้างแล้วต้องมีน้ำหล่อไม่ให้มดขึ้น อาตมาก็ทำเป็นน้ำหล่อเดี๋ยวนี้มาแปลงใหม่ สร้างเป็นหลังแรกของวัดนี้ สร้างเสร็จครบ ๘๐ บาทพอดี บ้านทายกชื่อโยมเล็ก สุขสายพงศ์ ปีเดียวกะตาปุ่นอายุ ๗๘ ต้องมาพักบ้านนี้อาศัยข้าวบ้านนี้ทาน ตอนนั้นโรงครัวไม่มี บ้านอยู่ข้างวัด เริ่มทำกรรมฐานหมดเงิน ๘๐ บาทพอดี ไม่เกิน ไม่ขาด ในเวลาต่อมา<O:p</O:p
    พอสร้างเสร็จเขาก็กลับบ้าน กลับไปแล้วอาตมาตามไปดูบ้าน ทองก็ได้เห็นขอจับดูด้วย หลังจากนั้น ตาปุ่นเริ่มเป็นอัมพาต<O:p</O:p
    ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดก้น ก็ได้นางสอิ้งปรนนิบัติ เมียใหม่ก็ไม่ได้ทำอะไร อยู่คนละหลัง ก็ปฏิบัติได้อย่างดีมาก ทั้ง ๆ ที่สาว<O:p</O:p
    กะตาแก่คนนี้ แม่สอิ้งอีก ๔ ปี ครบ ๒๐ ปีตามสัญญาในเมืองมนุษย์<O:p
    <O:p</O:p

    อาตมาก็ติดตามผลสรุปแล้วได้ความว่าพออายุ ๒๐ ปีพอดี ตาปุ่นยังไม่ตาย เป็นอัมพาต นางสอิ้งก็ปฏิบัติเรียบร้อย<O:p</O:p
    ดีทุกอย่าง พอดีวันนั้นทำกับข้าวไปวัด พอเสร็จแล้ว นาง สอิ้งก็ฟุบลงไปตายคาที่อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ อาตมายังไปเผา<O:p</O:p
    เรื่องนี้เป็นความจริงพอนางสอิ้งตาย ตาปุ่นก็ ๘๐ กว่าปีแล้ว เผานางสอิ้งเรียบร้อยก็ตาปุ่นตาย อีก ๒ ปี เมียใหม่ก็ตายหมด บัดนี้บ้านก็แยกย้ายกันไป เมื่อเร็ว ๆ นี้ อาตมาไปเทศน์ที่ตำบลท่าตะโก ยังมีคนยังรับรู้อยู่อีกคนอายุ ๙๑ ปี เจ้าคณะอำเภอเก่า <O:p</O:p
    พระครูนิพันธรรมคุต ท่านเป็นเจ้าคุณ ท่านก็มรณภาพไปนานแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เรื่องนี้ชี้ให้เห็นได้ว่า หญิง ๒ ร่าง นาง ๒ ชาติ บาปกรรมนักหนา แล้วเมืองนรกก็มีการสวดมนต์ไหว้พระ นางสอิ้งก็ถึงแก่ความตายตามสัญญา ๒๐ ปีพอดี วัดนี้ก็ได้กุฏิกรรมฐานของแม่สอิ้ง อาตมาก็กลัวเกรงไปว่า บาปกรรมจะติดพันมา เดี๋ยวจะให้อภัยโทษไม่ได้เลยสร้างกุฏิกรรมฐานเป็นการใหญ่ สร้างเป็นห้องแถวให้ท่านพัก บอกลูกหลานไว้ด้วยว่าอยากปัญญาดีมั้ย ขัดส้วมรับรองปัญญาดีทุกคน ไม่ใช่เรื่องโกหก อาตมาไปซื้อบานประตูหน้าต่างจากกำแพงเพชร ไปเจอเด็กคนหนึ่ง บอกหลวงพ่อหลานคนนี้หัวไม่เอาไหนเลย สอบตกอยู่เรื่อยอยากจะเรียนหนังสือ ทำไงจะมีปัญญาบอกว่ามาบวชเณรที่นี่ พอบวชแล้วเณรขัดส้วม บอกผมอยู่ที่บ้านไม่เคยขัด ตื่น ๘ โมงเช้า ใครหาข้าวให้กิน บอกแม่ ก็ขัดส้วมขัดไปขัดมาก็รักความสะอาด อยู่มาได้หน่อยสึก แล้วไปเรียนหนังสือต่อ เรียนไปเรียนมากลายเป็นผู้พิพากษาไป สอบได้ที่หนึ่งเลย นี่ขัดส้วม...<O:p</O:p
    <O:p></O:p>

    .........................<O:p</O:p


    ที่มา : ภาคกฎแห่งกรรม เล่ม 1
    วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี​
     
  2. รักดีทำดี

    รักดีทำดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +238
    สาธุ สาธุ นรก สวรรค์มีจริง ๆ

    --------------------------
    มารไม่มี บารมีก็สร้างได้
     
  3. tong2496

    tong2496 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +29
    อนุโมทนาสาธุกับพระเดชพระคุณเจ้าหลวงพ่อจรัญ ผู้ที่มีแต่ให้
     
  4. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ได้ความรู้เพิ่มอีกอย่างแล้ววันนี้ ขอบคุณค่ะ
     
  5. lovekling

    lovekling เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +135
    อนุโมทนาสาธุครับ
    ขอบคุณท่าน จขกท. มากครับสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่มาแบ่งปันกันนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...