กฎแห่งกรรม ตอน สาวผิวตุ๊กแก..

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย J.Sayamol, 22 กันยายน 2008.

  1. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    กฏแห่งกรรม : ตอน...สาวผิวตุ๊กแก


    <HR SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->
    เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เจ้าตัวยินดีให้เปิดเผยชื่อจริง ด้วยหวังว่าจะให้เป็นบทเรียนเป็นสิ่งเตือนใจ เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้ผู้อ่านได้รู้จักบาปบุญคุณโทษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎแห่งกรรม ที่มักเกิดขึ้นทันตาเห็น โดยไม่เลือกปฏิบัติ และสอนให้คนซึ่งเป็นสัตว์อันประเสริฐเหนือกว่าสัตว์ทุกด้าน อย่าได้ข่มเหงรังแกเข่นฆ่าสัตว์ที่ไม่มีทาง สู้มนุษย์ได้ เพราะเขาก็รู้จักเจ็บ รู้จักปวด รู้จักกลัวตาย และต้องการสู้ทุกวิถีทางเพื่อให้รอดพ้น จากความตายเช่นเดียวกับคนเหมือนกัน

    คนกับสัตว์อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข แม้จะสื่อสารกันด้วยคำพูดไม่ได้ แต่ดวงตาท่าทางสื่อ สารถึงกันได้อย่างซาบซึ้งที่สุด นอกจากนั้นแล้วยังมีความผูกพัน มีเมตตาต่อกัน การให้ความรักต่อกัน เอื้ออาทร เลี้ยงดูให้ความสุข ให้ท้องอิ่ม เขาก็จะให้ความซื่อสัตย์ ความผูกพัน จงรักภักดีตายแทนได้ เชื่องดีเสียกว่าคน ซึ่งให้และขุน เท่าไรไม่มีวันอิ่ม ไม่มีวันพอ ไม่มีวันเชื่อง ซ้ำยังแว้งกัดข้างหลัง เมื่อเวลาหิว เมื่อเวลาที่เกิดกิเลส ตัณหาโลภะขึ้นอีกด้วย

    เจ้าของเรื่องนี้คืออาจารย์ก้านกูร อิศรางกูร ณ อยุธยา หรืออาจารย์ปุ๊ อดีตสาวรัฐศาสตร์ จากรั้วจุฬาฯ และนิติกร รพช. ซึ่งปัจจุบันเป็นข้าราชการ บำนาญ ต้องลาออกจากราชการก่อนกำหนดเกษียณอายุ เพื่อมารักษาตัว เนื่องจากป่วยด้วยโรคผิวหนัง เป็นที่น่ารังเกียจต่อผู้พบเห็น

    ผิวหนังทั้งตัวของอาจารย์ปุ๊ ยกเว้นใบหน้าจะเป็นแผลถลอกเหมือนกับถูกไฟไหม้ดำเกรียม แตกระแหง น้ำเหลืองไหลออกมา ผิวลายแดงเป็นปื้น ๆ เหมือนกับผิวตุ๊กแก คัน และปวดแสบปวดร้อนมาก แถมบางทียังมีอาการบวม จับไข้ ความร้อนสูงขึ้นมาทันที อาจารย์ปุ๊รับประทานอาหารได้เพียงไม่กี่อย่าง เช่น พวกธัญพืช ซึ่งบาง ตัวมีราคาแพง และอาหารมังสวิรัต ยกเว้นไข่ นม เห็ด อีกด้วย นอกนั้นแพ้หมด รับประทานไม่ได้ นอกจากนี้เธอยังได้เอาเปลือกกล้วยน้ำว้ามาปะทั่วตัว เพราะมีผู้บอกว่าเป็นตัวยาดี ทำให้เย็น สามารถดูดซับความปวดแสบปวดร้อนลงได้บ้าง

    อาจารย์ปุ๊เล่าให้ฟังว่าแพทย์แผนปัจจุบันบอก ว่าเธอเป็นโรคเกี่ยวกับภูมิแพ้ แต่แพทย์แผนไทย บอกว่าเกี่ยวกับประดงเลือดประดงลมอะไรจำ พวกนั้น เธอก็เลยรักษาทั้ง 2 หมอ และต้องรับประทานยาเป็นกำมือ ๆ แทนข้าว ค่ายาเดือน ๆหนึ่ง ตกเป็นหมื่น ๆ บาท เงินบำนาญแทบจะหมด ดีว่าสามีเลี้ยงดีจึงรอดตัว เมื่อใดที่ยา ที่อาหารตัวใดตัวหนึ่งหมด หรือกินอาหารที่แพ้ ก็จะมีสภาพที่น่าเวทนามาก นอนน้ำตาไหลพรากๆด้วยความปวดแสบปวดร้อน ผื่นขึ้นแดงเป็นปื้นๆ ผิวลายเป็นตุ๊กแก น้ำเหลืองไหลออกมาตามแผล เธอกำหนดจิตสู้กับความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานตลอดเวลา พออาการทุเลาความปวดแสบปวดร้อนเบา บางลง ก็ออกไปทำงานต่อ เป็นอย่างนี้เสมอมา

    สาเหตุที่มีอาการทุกข์ทรมานเช่นนี้ เธอเล่าให้ฟังว่าจากการเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เจริญสติปัฏฐานสี่ ก็ได้นิมิตเห็นจิ้งจก ตุ๊กแก แย้ ตัวบึ้ง มด หนู พากันเดินผ่านหน้ายั้วเยี้ยไปหมด หลังแผ่เมตตาขออโหสิกรรมกันแล้ว ก็ระลึกได้ว่า สมัยเป็นเด็ก ๆ ได้ย้ายตามคุณพ่อไปรับราชการ ยังภาคใต้ มีพี่เลี้ยงเป็นคนภาคใต้นั่นเอง ตอนนั้นตัวผอมเล็ก ๆ ซุกซนมาก พี่เลี้ยงพาไปเที่ยวตามบ้านนอก และเห็นว่าเธอตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ เกร็ง ๆ หวังดี ก็หายากินแก้เป็นซาง มาให้กิน และยาแก้ ซางสมัยก่อนก็คือการจับตัวตุ๊กแกบ้าง แย้บ้าง บึ้งบ้างเป็น ๆ เอามาปิ้ง มาย่างให้กิน และก็กินตุ๊กแก จิ้งจก แย้ บึ้งเป็น ๆ ย่างแก้ซางหลายต่อหลายตัวจนนับไม่ถ้วน เธอบอกว่าเนื้อหวานอร่อยมาก สมัยโบราณเด็ก ๆ มักจะได้กินยาแก้เป็นซางขนานนี้ทั้งนั้น จึงเป็นที่รู้จักกันดี เมื่อไปจับเขาเอามาปิ้งกินเป็น ๆ โดยไม่มีความจำเป็น เพราะยาแก้เป็นซางมีเยอะแยะ ทำไมจะต้องไปรังแกไปฆ่าด้วยกรรมวิธีแสนทรมานโหดร้ายเผาทั้งเป็นอย่างนั้น

    นอกจากนั้นเธอเห็นมดเป็นไม่ได้ เพราะเคยถูกมดคันไฟกัด จึงผูกเวรสร้างกรรม แม้กระทั่งรังมด ถ้าทำรังอยู่บนต้นไม้ต่อให้ลำบากยากเย็นเพียงไร จะต้องปีนขึ้นไปหักกิ่งไม้ที่เป็นรังมดทุกชนิด เอามาสะบัดใส่กองไฟที่ก่อขึ้นมาเอง เผาจนหมด หรือไม่ก็ใช้น้ำร้อนเดือด ๆ เทใส่รังมดที่อยู่ในรูตายไม่มีเหลือ นอกจากนั้นแล้วก็คือหนู เธอเห็นเป็นไม่ได้ ทั้งเกลียดทั้งกลัว จะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ วิธีการคิดกำจัดหนูนอกจากการใช้กับดักให้ตายทันทีแล้ว ก็คือการใช้กาวดักหนูใส่ลงไปในจาน เมื่อหนูวิ่งมาติดกาว ก็พยายามดิ้น รนสุดชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นไปจากกาวที่เหนียวหนืด ยิ่งดิ้นเพื่อให้ตัวหลุด หนังที่หุ้มห่อตัวหนูกลับยิ่งถลอกหลุดออกจากตัวหนูแทน ทำให้หนู ได้รับความเจ็บปวดดิ้นสุดชีวิต ยิ่งดิ้นรนหนังเลิก เปิดอ้าออกจากตัวมากเท่าไร ก็ยิ่งตายด้วยความ ทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ทั้งๆที่เขาก็อยู่ของ เขาดี ๆ ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนทุกข์เข็ญให้ใคร เลย แต่ทำไมจึงจับจ้องแต่จะข่มเหงรังแก เข่นฆ่า ทั้งๆที่เขาก็ไม่มีทางต่อสู้ แม้แต่จะพูดเรียกร้อง ขอชีวิต ดังนั้น เขาจึงต้องตามล้างตามผลาญจอง เวรจองกรรม ทวงหนี้กรรมให้ต้องชดใช้ ให้ต้อง รับผิดชอบและสำนึกถึงบาปกรรมที่ทำกับพวกเขา ให้รู้จักบาปบุญคุณโทษกฏแห่งกรรมจนได้ ไม่ว่าจะหลบลี้หนีไปไหนเขาก็จะต้องตามไปทวง คืนจนได้ พร้อมด้วยดอกเบี้ยกรรม

    ทุกวันนี้อาจารย์ปุ๊เองก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก จึงพยายามสร้างแต่กรรมดี สร้างบุญกุศล เพื่อช่วยให้บาปกรรมความผิดนั้นบรรเทาเบาบางลงบ้าง เพราะเจ้ากรรมนายเวร อาจใจอ่อนยอมให้อโหสิกรรม แต่เมื่อใดก็ตามถ้าประมาท มีทีท่าว่า จะลืมนึกถึงบาปกรรมที่เคยทำไว้ ผิวหนังก็จะมีอาการผื่นเป็นปื้นแดงเป็นหย่อม ๆ น้ำเหลืองไหลออกมา ทำให้เจ็บปวดแสบร้อนทุกข์ทรมานขึ้นมา ทันที เหมือนๆกับกำลังถูกไฟเผา เป็นสัญญาณเตือนภัยทุกครั้งไป

    อาจารย์ปุ๊ได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และได้อธิษฐานจิตเอาไว้ว่า ถ้าหายป่วยจะสอนวิปัสสนาฯ เป็นการทำบุญไถ่บาป อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และบูชาคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปตลอดชีวิต

    ที่มา http://www.manager.co.th/Dhamma/View...=9480000132990
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำสาระ ดี ๆ มาให้อ่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p



    _____________________________<O:p</O:p
    เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O:p</O:p
     
  3. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุบุญ


    ละความชั่วด้วยศีล ทำความดีด้วยทาน จิตเบิกบานด้วยภาวนา
     
  4. ปิยธรรมโม

    ปิยธรรมโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +349
    โอ..ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน กฏแห่งกรรมนั้นเที่ยงตรง และ ยุติธรรมเสมอ ไม่มีผู้ใดเลยที่จะหนีกฏแห่งกรรมพ้น พึงละเว้นความชั่วทั้งปวง ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ผ่องใส ขอให้อาจารย์ปุ๊หายจากโรคที่เป็นอยู่โดยเร็ววันนะครับ และ ขออนุโมทนากับอาจารย์สำหรับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่ปฏิบัติอยู่..สาธุครับ[​IMG] ,
    อนุโมทนาท่านเจ้าของกระทู้กับเรื่องราวเตือนสติดี ๆครับ..สาธุ[​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2666_2.jpg
      2666_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.4 KB
      เปิดดู:
      115
    • index.jpg
      index.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.5 KB
      เปิดดู:
      95
  5. samusunn

    samusunn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    517
    ค่าพลัง:
    +878
    น่าสงสารจริงๆ ค่ะ ขอให้อาจารย์ปุ๊ หายเร็วๆ นะคะ ตั้งใจทำความดีต่อไปค่ะ

    อนุโมทนาค่ะ
     
  6. อุตสาหะ

    อุตสาหะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +89
    อนุโมทนาค่ะ ตอนเด็กๆก็เคยกินตุ๊กแกแม่บอกเป็นยาแก้ซาง ก็ไม่ได้กินบ่อยอ่านแล้วก็กลัวเหมือนกัน ขอบคุณเรื่องราวดีๆนะค่ะ คงต้องอุทิศบุญกุศลให้เจ้าตุ๊กแกซะแล้ว
     
  7. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +506
    อนุโมทนาสาธุค่ะ ขอให้อาจารย์ปุ๊ตั้งใจทำความดีต่อไปนะคะ
     
  8. wong3210

    wong3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    553
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,392
    อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงผมตอนสมัยเด็กๆชั้นประถม เห็นจิ้งจกเป็นไม่ได้ ด้วยความที่เห็นผิวหนังมันแล้วรู้สึกขยะแขยง ชอบเอาหนังยางยิง หรือไม่ก็เอาไม้กวาดหลังคาตี ให้มันตกลงมา แล้วก็รีบจับมัน บางทีก็ตายทันที บางทีก็ยังไม่ตาย เสร็จแล้วก็จะเอาเข็มฉีดยาใส่น้ำมาฉีดมันเป็นๆ จนตัวมันโป่ง สักพักมันก็ตาย ซึ่งเวรกรรมนี้ทำให้ตอนมัธยม ผมเป็นโรคกลากเกลื้อนโดยไม่มีสาเหตุ แม้จะรักษาความสะอาดแค่ไหนก็ตาม เอายาทาอย่างไรก็ไม่หาย ยาที่ทาก็แสบมากๆ ทั่วแผ่นหลังผมผิวหนังไหม้หลุดลอกเพราะยา ผมต้องทนอยู่เป็น10ปี โรคนี้จึงหายไปเองอย่างน่าประหลาดและตอนนี้แม้จะสกปรกอย่างไรก็ไม่เคยเป็นอีกเลยครับ

    ผมอ่านเรื่องนี้จึงเชื่อว่านี่คือ กฏแห่งกรรม กับการที่ขยะแขยงการเห็นผิวหนังจิ้งจก และทำร้ายให้ได้รับความเจ็บปวด จึงได้รับผลกรรมเช่นนี้ ขอให้ทุกๆท่านจงทำแต่กรรมดี คิดถึงใจเขาใจเราต่อทุกสรรพชีวิต

    อนุโมทนาครับ
     
  9. wong3210

    wong3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    553
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,392
    [​IMG]


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.408475/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. yook16

    yook16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +132
    เคยฆ่าแมงเม่าตายเป็นจำนวนมาก ที่บ้านเป็นบ้านไม้ ฆ่าไปเยอะมากเวลาเห็นแมงเม่าก็อยากจะอ้วก ไม่รู้ว่าจะโดนผลกรรมอะไรมั้ย เพราะทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตตอนนี้ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี เราก็พยายามที่จะมีความสุขกับมัน แต่ทำใจไว้แล้วล่ะ สิ่งไหนจะเกิดก็ต้องเกิด
     
  11. arrin123

    arrin123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +1,759
    อนุโมทนาค่ะ

    น่าสงสารสัตว์มากเลยค่ะ

    __________________________

    สุขใดเหมือนแม้นการไม่เกิดไม่มี

    จะไม่ละความเพียรถ้ายังไม่ถึงซึ่งนิพพาน
     
  12. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    เวรกรรมตามทันจริงๆ

    ตอนประถม ผมก็ชอบเล่นบุ้งที่ขนปุยๆเป็นสีๆ สวยดี

    เล่นจนมันตายก็ไปหาตัวใหม่มาเล่น

    จนพอโตมาก็เป็นโรคผื่นแพ้ อยู่ๆก็ขึ้นมาที่มือ เป็นแผลหรือโดนอะไรข่วนไม่ได้

    พอขึ้นมาหนอง 1 เม็ด พอไปโดนบริเวณใกล้เคียงก็แพร่ลามไปทั่ว

    ปวดมากๆเลย หมอก็ได้แต่บอกว่าภูมิแพ้ เป็นมาตลอดไม่เคยหาย

    ตั้งแต่ได้เข้าทางธรรม รักษาศีล แล้วก็ขออโหสิกรรมเป็นประจำ เป็นระยะเวลานึง

    มารู้ตัวอีกที โรคนั้นก็หายไปแล้ว และก็ไม่เป็นอีกเลย

    น่าแปลกใจมากๆ แต่ก็เป็นเรื่องจริง
     
  13. maxready

    maxready เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +402
    ครับ อนุโมนทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...