การปฏิบัติสมาธิเพื่อสุขภาพกายและจิตให้เหนือธรรมดาตามในทางพุทธศาสนา

<a href="http://picture.in.th/id/f578ab2a6b7a899f8343426bff99024a" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/iz/160320062733.gif" alt="images by free.in.th" /></a>


ภายในวงกลมที่เห็น ประกอบด้วยโลกมนุษย์ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร พุท พฤหัส ศุกร์ เสาร์

ทั้งดาวมีแสงสว่าง และไม่มีแสงสว่าง อุกกาบาต ตลอดจน หมู่ดาวอีกนับจำนวนล้านดวง และรวมไปถึง

ยานอวกาศ ดาวเทียมที่มนุษย์ส่งขึ้นไป ทุกอย่างต่างตั้งสถิต และได้อาศัยอยู่ภายในวงกลมสีดำนี้แล้ว

ทั้งสิ้น(จักรวาล) คำถามของผมมีอยู่ว่า มีใครเคยเห็น ภายนอกหรือรอบนอก ของวงกลมนี้บ้างครับ

 

<a href="http://picture.in.th/id/d1ff27ffcc1132bbb4c14b0782d20048" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/if/160322033044.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

 

<a href="http://picture.in.th/id/7b0efb1a233c019758f5a1aae08a359c" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/iz/160323050020.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

อย่าเอาแต่หมกแต่มุ่น ให้มันมากนะครับ จะเคียดๆๆๆไปซะป่าวๆ

 

เมื่อช่วงค่ำ ผมนอนกลิ้งตามประสาคนขี้เกียจ แล้วคิดมาถึงตรงที่ว่า เอ ที่ตาซ้ายใสใสเป็นลูกกลมๆ

ที่ตาขวามีเพ็ชรจิ๋วๆหนึ่งเม็ดที่กลางลูกตา คิดต่อไปอีกว่ามันจะเกี่ยวข้องกับการถูกเขียนสัญลักษณ์

(จาร)สองครั้งที่กลางหน้าผากไหม แล้วเหมือนมีการสแกนระบบของร่างกายจากล่างขึ้นบนอะไรเนี่ย

แล้วคล้ายกับมีผงอะไรเย็นๆ มาโยนใส่ทั้งตัว แล้วเหมือนตัวเรากลายเป็นแสงจุดเล็กๆ อยู่บนอวกาศ

คือมันเหมือนจะให้เราดูว่า ตาซ้ายที่เป็นลูกกลมๆ กับตาขวาที่เป็นเพชร เมื่อรวมกันแล้วหน้าตาจะออกมา

อย่้างไร แต่พอดีเจ้าสุนัขชิสุ(หมา) เขาจะขอไปฉี่ พอเห็นเข้าก็ลุกไปเปิดประตู แบบที่เรียกว่า ฉันห่วงหมา

ของฉันนะ แต่ฉันไม่เคยห่วงเธอ หวงผลลัพท์ที่จะได้ว่า จะออกมาอย่างไร คือทิ้งตรงนั้น แบบไม่ใยดี

 

<a href="http://picture.in.th/id/f5698c88b29746deaadbb34541d031ce" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ig/160323060101.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

ความเจริญของพุทธศาสนานั้น ไม่ได้วัดกันที่มีวัดใหญ่โต มีคนนับถือ

มากมาย แต่อยู่ตรงที่ว่า อริยมรรคอันมีองค์ ๘ ประการนั้น ได้ถูกนำมา

ใช้จริงๆในวิถีชีวิต ของมนุษย์จริงๆหรือไม่ พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ตราบ

ใดที่ยังมีผู้เจริญอริยมรรค อันมีองค์ ๘ โลกนี้จะไม่ว่างจากพระอรหันต์

 

<a href="http://picture.in.th/id/f7ed9927a09521d5f5d240026cae2a8a" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ie/160324025343.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

<a href="http://picture.in.th/id/a80956d10fa981bb5b3753bd7ef8a02e" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/iq/160324025554.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

เมื่อประมาณสามเดือนที่แล้ว ผมและครอบครัว ตลอดจนญาติมิตรธรรมใก้ลเคียง ได้ถวาย
พระพุทธรูปแด่วัดที่บังคลาเทศ โดยองค์ยืนสูง 2 เมตร และ พระแก้วมรกตหน้าตักกว้าง 16 นิ้ว


<a href="http://picture.in.th/id/7ad4d6c8b25f2a1df5bae9e43a32c04d" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/il/160324025747.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

<a href="http://picture.in.th/id/d458ef38664107d05f28528e8bbcb000" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ix/160324025942.jpg" alt="images by free.in.th"/></a>

พระภิกษุองค์กลางใส่แว่น เป็นพระชาวบังคลาเทศที่มาจำพรรษา ณ วัดพรหมรังษี เขตดอนเมือง เป็นผู้ที่
รับการถวายพระ เสร็จแล้วนำพระที่ถวาย เดินทางสู่บังคลาเทศ(ทางเรือ) ขณะนี้ท่านกำลังศึกษาระดับปริญญาเอก
ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ วังน้อย


<a href="http://picture.in.th/id/3797a5e003e640e2e56009abdd74c0c7" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/io/160324030203.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>​

 

<a href="http://picture.in.th/id/32ae6480f98f422bbd441203012bbf3e" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ig/160324034007.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

<a href="http://picture.in.th/id/010cd1339d4082cedeebe1de0376afdd" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ir/160324034118.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

<a href="http://picture.in.th/id/598858dcdc779e4463aed08c53f3e2d0" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/id/160324034155.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

<a href="http://picture.in.th/id/b7deb3d312f5b5542b4900e789face5a" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ie/160324034233.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>​

พระชาวบังคลาเทศ ชื่อพระลาบลู ท่านได้เดินทางกลับสู่ประเทศไทย จึงนำรูปมาฝากที่บ้าน เมื่อวานครับ

สอบถามท่านว่า ทำไมคนจึงมากมายปานนี้ เขามาทำอะไรกัน ท่านตอบว่า มาเพื่่อฉลองสมโภชพระเพียง

อย่างเดียว เนื่องจากกว่า 20 ปีมาแล้ว ไม่มีผู้ที่นำพระมาถวาย เนื่องจากที่บังคลาเทศ ไม่มีโรงหล่อพระ

จึงต้องอาศัยชาวพุทธที่ประเทศไทย​

 

<a href="http://picture.in.th/id/0147f9259a29e88b7a30a9a6026046df" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/iu/160324044357.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

 

<a href="http://picture.in.th/id/33d4c067047bd09f9d0d463c88dcd7ff" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ib/160324045038.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

 

ขออนุโมทนาในบุญทั้งหมดทั้งมวลกับคุณมังกรและครอบครัวด้วยครับ
สาธุ สาธุ สาธุ

 

ช่วงประมาณกลางกุมภาพันธ์ ผมนอนลงไปที่โซฟา เห็นกงจักรที่เป็นวงล้อพลังงาน(สีขาว) ส่วนที่เป็น

รูกลมๆ ของตัวจักรได้แตะเข้าที่กะโหลกศรีษ่ะ กะโหลกแตกเป็นผงเถ้าธุลี กระจายหายไปในอากาศ แล้วตัว

กงจักรได้เลื่อนผ่านไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย(กระดูก) เลื่อนไปส่วนไหน ล้วนแตกกระจายไปเป็นผงธุลี

ต่อมา เห็นชิ้นส่วนภายใน ตับ ไต ลำไส้ ม้าม ปอด หัวใจ คืออวัยวะน้อยใหญ่ หลุดหายไปในอากาศ ต่อมา

เห็นกายทิพย์ลอยออกจากร่าง ในลักษณะนอนหงายขึ้นข้างบน และมีอีกกายหนึ่งหน้าตาเหมือนกัน อยู่ในท่า

นอนคว่ำ คล้ายกับจะลอยลงมา (เห็นตัวผมเองที่เป็นศพนั่นหนึ่งล่ะ อีกตัวหงายขึ้นนั่นสองล่ะ อีกตัวจะลอย

ลงมา นั่นสามล่ะ) พอต่อมา เห็นจักรวาลอันเป็นที่ตั้งของหมู่ดวงดาวน้อยใหญ่ เสร็จแล้วตัวจักรวาลนั้นได้ม้วน

ตัวหดกลับ(ไม่รู้จะบรรยายยังไง) เป็นลูกกลมๆดำๆ ประมาณเท่าลูกฟุตบอล และมีสีขาวหลายๆจุด แปะๆๆ แปะ

ไปโดยรอบของเจ้าลูกกลมๆ เสร็จแล้วไอ้เจ้าลูกกลมๆ ก็ดิ่งลงมาที่แถวเหนือสะดือประมาณสองนิ้วมือ ได้ภาพ

ที่ผุดขึ้นมาใหม่ นั่นคือน้ำครับ น้ำนั้น แตกกระจายออกโดยรอบเป็นวงกลม เสร็จแล้วกลับมานิ่ง แล้วก็หายไป


ป.ล. น้ำที่เห็นจะเหมือนกับน้ำในที่มืด เหมือนตอนเราไปลอยกระทง

 

เรื่องที่ยังไม่ได้เล่า นึกออกแล้วจึงเล่า

จำวันไม่ได้ครับ แต่เกิดหลังจากที่เห็นทะลุสามกาย คือเห็นสายฝนตกลงมาจากกลางอากาศ

แล้วฝนนั้นก็หยุดค้างกลางอากาศ คือตกมาไม่ถึงพื้น เห็นหมู่แมกไม้ในป่าใหญ่ เห็นภูผาสูง นั้น

ตั้งอยู่ น้ำผุดขึ้นที่ยอดภูผา น้ำนั้นได้ไหลตกลงมาเป็นสายยาวประมาณครึ่งหนึ่ง แล้วน้ำก็หยุด

หยุดค้าง ตกมาไม่ถึงเบื้องล่าง(ภาพในนิมิตค้าง/หยุด) พอตอนนั่งทานข้าวกับแฟน เอื้อมมือไป

เพื่อตักอาหาร มือหยุดค้างกลางอากาศ พอเวลาจะพูด คำพูดค้างๆๆพูดต่อไม่ได้ เป็นแบบนี้หลาย

ครั้งหลายหน จนแฟนเห็นเป็นเรื่องปรกติ พอมาอีกวันหนึ่งล้มตัวลงไป คือยังคุยกับแฟนอยู่ เห็นจาก

ส่วนคอถึงหัว เนื้อไหม้ละลายจนเห็นหัวกะโหลก แล้วผมก็นอนไปทั้งแบบนั้นแหล่ะ เอาหัวกะโหลก

นอนแนบหมอน นอนไปยิ้มไป งงไป สงสัยว่ามาได้ไง พอต่อมาฝึกไปอีก จิตอยู่ที่ฐานเหนือสะดือ

เห็นจากฝ่าเท้าถึงหัวเข่า พอต่อมาฝึกอีกเห็นจากฝ่าเท้าถึงหน้าแข๊ง แล้วต่อมาฝึกอีก เห็นจากฝ่าเท้า

ถึงประมาณตาตุ่ม

 

จิตเป็นบุญ ได้ใบเบิกทาง สาธุธรรมครับ

 

ผมหลอก...พระพุทธเจ้า

ขอตั้งชื่อไปตามความรู้สึกจริง ในขณะนั้นนะครับ หลังจากที่เห็นน้ำที่เหนือสะดือหายไป ผมจึงลุกขึ้นจากโซฟา

แล้วขึ้นไปกราบพระชั้นบน ในลักษณะที่ อึ้ง เงียบ ขรึม เหมือนคนพูดอะไรไม่ออก พอวันต่อมา ขึ้นไปกราบพระอีก

(ขอไม่เล่า) กราบไป ร้องไห้ไป กราบไป ร้องไห้ไป ๆ ๆ ร้องแบบ ชนิดที่จำความได้ว่า ไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้

มาก่อน พอเสร็จ ผมเดินพ้นประตูห้องพระ ความรู้สึกหนึ่งวิ่งเข้ามา กุนี่มันเลวจริงๆ กุนี่มันตอแหลมากๆ กล้าหรอก

พระพุทธเจ้าได้ขนาดนั้นเชียวหรือ ก็เมื่อตะกี๊ เพิ่งร้องไห้แล้วก็กราบๆๆ ซ้ำไปซ้ำมา แต่พอพ้นประตู ดูเหมือนไม่มี

อะไรเกิดขึ้น เหมือนผมไม่ได้เสียใจ เหมือนผมไม่ได้ร้องไห้ อะไรทั้งนั้น แล้วผม ก็พกความรู้สึกนี้ ติดตัวไปตลอด

จนมาอีกวันหนึ่ง มีเหตุการณ์เกิดขึ้นใหม่ (มีต่อ)

 

<a href="http://picture.in.th/id/217e676be659b11467f8f50165ef5242" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ie/160402062432.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>​

 

วันนั้นผมและครอบครัวมีเหตุจำเป็นไปเยี่ยมผู้ป่วย และต้องไปทานข้าวแถวเยาวราช โดยผมไม่จำใจ แต่ ต้องไป

ในระหว่างโต๊ะอาหารผมได้คุยกับแฟน ถึงได้รู้ว่าในตัวบ้านและสนามนอกบ้าน ไม่ได้เปิดไฟแม้แต่ดวงเดียว ปล่อยให้

บ้านทั้งหลังมืดสนิท และเจ้าหมาชิสุห์ตาบอด ต้องเผชิญกับความมืดมิดยิ่งเข้าไปอีก คือไม่มีแสงสว่างเหลืออยู่ คุยไป

คุยมา อารมณ์พุ่งกระฉูด กลายเป็นความโกรธทวีคูณ ต้องกัดฟัน บีบที่นิ้วมือตัวเอง กร๊อบๆ เพื่อเก็บความรู้สึก เสร็จแล้ว

เดินทางกลับบ้าน มาทะเลาะเถียงกันอีก เถียงกันไม่หยุด อารมณ์พุ่งๆๆขึ้น จนผมลุกออกไปนั่งที่นอกบ้าน หย่อนก้นแตะถึง

พื้นปั๊บ เพียงแค่แป๊บที่ก้นหย่อนลงไป ความสว่างโล่งเข้ามาในจิต จิตสว่างหายโง่ กลายเป็นความเข้าใจ ในสิ่งที่เราฝึกมา

ว่าคืออะไร มัน ไม่มีอะไรติดมาที่จิต ที่ร้องไห้ ที่โกรธ พอเราออกจากเหตุการณ์นั้นปุ๊บ ไม่มีอะไรติดมาที่จิต คือตัด คือละ

คือวาง คือปล่อยทันที โดยไม่มีใครไปทำอะไร ซึ่งไม่เหมือนในสมัยก่อน ที่โกรธหรือโมโห จะเป็นอารมณ์ติดค้างข้ามวัน

ข้ามคืน (ผมไม่เก่งปริญัติ อ่านแล้วลองแปลเป็นภาษาธรรมมะ เขาเรียกอะไร)

 

มีเรื่องเล่าให้ฟังครับ...

เมื่อ5วันที่แล้ว ผมนอนหลับแล้วฝันในทำนองว่าต้องการที่พักอาศัย แล้วเห็นพ่อของผมเดินนำ เพื่อพาผม

ไปยังที่พักแห่งหนึ่งซึ่งต้องขึ้นลิพไปที่ชั้น7 พอลิฟวิ่งถึงชั้นที่7 ผมมองลงไปข้างล่างปรากฏว่าเห็นปล่องลิฟ

(ช่องที่ลิฟวิ่งขึ้นลง)แล้วก็คิดไปว่าขืนตกลงไปตายแหง! เสร็จแล้วผมก็เดินข้ามคานนั้นด้วยความหวาดเสียว

ในระหว่างที่กำลังก้าวข้ามคาน ผมเห็นตัวของผมเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่ง พอก้าวข้ามคานเสร็จ มองไปยังที่ๆผม

จะอยู่อาศัย โอ้โฮ ทำไมมันเก่าๆ ดำๆ แลดูสกปรกขนาดนี้ ผมเลยถามพอว่า ตกลง ห้องที่ผมจะอยู่หมายเลข

อะไร พ่อได้ตอบผมว่าหมายเลข 770 ครับ...ความฝันของผมเมื่อ5วันก่อนจบลงแค่นี้


พอมาเมื่อวานถึงได้รู้ข่าวจากไทยรัฐว่า จะมีการบวชพระทั้งหมด 770 รูป เพื่อเป็นการถวายแด่สมเด็จพระเจ้า

อยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ



คำว่า"คาน"จะอยู่ระหว่างตัวลิฟ กับตัวที่พัก


บวช 770 รูปถวาย ในหลวง-ราชินี - thairath.co.th

 

แถมเรื่องให้นิดนึงก่อนนอนครับ

คืนที่ผมโพสท์ข้อความข้างบนเสร็จ ผมกราบพระแล้วก็นอนพลิกไปตามประสาคนนอนไม่หลับ สักพัก

เหมือนมีจุดเล็กๆ ประมาณเม็ดทรายแทรกเข้ามาที่ชายโครงขวา ประมาณแนวเดียวกับหัวใจ(ถ้าจำไม่ผิด)

จากนั้นก็เจ็บแถวหน้าอกซีกขวา เจ็บขนาดต้องนอนเกร็งและตัวงอ เจ็บมากๆ เจ็บแล้วหาย เจ็บแป็บๆ ๆ

แล้วก็มาเจ็บต่ออีก ผมมองดูอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายผม แล้วในที่สุดผมมองเห็นหัวใจ คิดว่าน่าจะใช่

ซีกซ้ายเป็นสีเขียว ซีกขวาเป็นสีชมภู คือมีสองสีอยู่ในหัวใจ แล้วความเจ็บนั้นก็หายราวปลิดทิ้ง

 

<a href="http://picture.in.th/id/5cce51ebe2cdb24ae128f434276e2b79" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/iu/160402062744.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

ธรรมชาติของจิตและนํ้า

จิตนั้นเปรียบประดุจดั่งนํ้า อันไร้รูปร่าง และแปรปรวนไปตามภาชนะ จิตนั้นก็ไร้ตัวตนแปรปรวนไปตามสิ่ง

แวดล้อม(อายตนะภายนอก)ที่กระทบสัมผัส(ผัสสะ) นํ้าประกอบด้วยเหตุปัจจัยต่างๆคือ H และ O มา

ประชุมรวมกันชั่วระยะหนึ่ง จิตก็ประกอบด้วยเหตุปัจจัยอันมากหลายมาประชุมกัน ดังเช่น เวทนา สัญญา

สังขาร วิญญาณ แม้กระทั่งกาย ฯลฯ นํ้ามีคุณสมบัติไหลลงสู่ที่ตํ่าเพราะแรงดึงดูดโลก จิตก็มีคุณสมบัติ

เหมือนดั่งนํ้าที่ย่อมไหลลงสู่ฝ่ายที่ตํ่ากว่าคือตามแรงดึงดูดของความเคยชิน(สังขารในปฏิจจสมุปบาท)

หรือกิเลสตัณหาแลอุปาทานที่ได้สั่งสมไว้นั่นเอง ถ้าเราต้องการนํ้าให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้น ย่อมต้องออกแรง

พยายามฉันใด จิตก็ย่อมต้องการความเพียรพยายามปฏิบัติให้สูงขึ้นฉันนั้น การยกระดับนํ้าโดยใช้ภาชนะ

หรืออุปกรณ์ที่ถูกต้องย่อมยกระดับนํ้าได้รวดเร็วฉันใด จิตก็ย่อมต้องการการปฏิบัติอันถูกต้องจึงยกระดับ

จิตให้สูงขึ้นเร็วฉันนั้น ธรรมชาติของนํ้าเดือดพล่านเพราะไฟฉันใด ธรรมชาติของจิตย่อมเดือดพล่านเพราะ

ไฟของกิเลสตัณหาอุปาทานฉันนั้นนํ้าบริสุทธ์คือนํ้าที่ไม่มีสิ่งเจือปน จิตบริสุทธ์ก็คือจิตเดิมแท้ที่ไม่เจือด้วย

กิเลสตัณหาอุปาทานนั่นเอง หรือจิตเดิมแท้นั่นแหละคือจิตพุทธะ อันมีอยู่แล้วในทุกผู้คน เพียงแต่ถูกบดบัง

หรือครอบงําด้วยกิเลสตัณหาอุปาทาน

 

<a href="http://picture.in.th/id/95266b5a1ff36ee8326935565d96e9bc" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ia/160402064115.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>