สำนักวัดนาป่าพงคึกฤทธิ์และสาวกพลาด! สร้าง" พุทธวจน " ปลอม

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย เสขะปฎิสัมภิทา, 7 กรกฎาคม 2015.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    สัทธรรม ๓

    สัทธรรม แปลว่า ธรรมของสัตบุรุษ ใช้ หมายถึงพระพุทธพจน์หรือคำสอนของพระพุทธเจ้า เรียกโดยเคารพว่า

    พระสัทธรรมสัทธรรม แบ่งเป็น ๓ อย่าง คือ

    ๑. ปริยัติสัทธรรม คือคำสอนที่แสดงถึงหลักสำหรับศึกษาเล่าเรียน ทรงจำ แนะนำสั่งสอนกัน ได้แก่ พระสูตร คาถา ชาดก เป็นต้น

    ๒. ปฏิปัตติสัทธรรม คือ คำสอนที่แสดงถึงหลักปฏิบัติตามที่ศึกษามา แสดงวิธีปฏิบัติสูงขึ้นไปตามลำดับ คือระดับศีล ระดับสมาธิ ระดับปัญญา

    ๓. ปฏิเวธสัทธรรม คือคำสอนที่แสดงถึงผลที่เกิดจากการปฏิบัติ ได้แก่ มรรค ๔ ผล ๔ และนิพพาน ซึ่งเรียกว่า โลกุตรธรรมเรียกพระสัทธรรม ๓ อย่างนี้ย่อๆ ว่า ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ก็ได้

    อ หมายถึง ไม่ ไม่มี

    **********

    สัทธรรมปฏิรูป จึงไม่มี ใน 2 สิ่งเหล่านี้

    ๒. ปฏิบัติสัทธรรม คือปฏิปทาอันจะต้องปฏิบัติ ได้แก่การน้อมนำเอาหลักธรรมคำสอนที่ได้ศึกษาปริยัติธรรมมาประพฤติปฏิบัติ ด้วยการเจริญศีล สมาธิ ปัญญา (ไตรสิกขา) อันเป็นธรรมที่ควรเสพให้มาก เจริญให้ยิ่ง

    ๓. ปฏิเวธสัทธรรม เป็นผลอันจะพึงเข้าถึงหรือบรรลุได้ด้วยการปฏิบัติ ผลของการปฏิบัติธรรมในที่นี้ มิได้หมายถึงวิปัสสนาญาน อันเป็นโลกียธรรม แต่หมายถึงการบรรลุธรรมขั้นพระอริยบุคคล ตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกิธาคามี พระอนาคามี จนถึงพระอรหันต์ ด้งนั้นปฏิเวธสัทธรรมจึงหมายถึงโลกุตรธรรม ๙
    คือมรรค ๔ ผล ๔ และนิพพาน ๑

    *****************

    สัมมาทิฐิ ความเห็น + ที่ถูกต้อง

    มิจฉาทิฐิ ความเห็น + ไม่ ถูกต้อง


    ความเห็น คือ การรู้จริง รู้แจ้ง

    ที่ถูกต้อง คือ เห็นว่า...ตัวตนที่เห็นอยู่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง
    เห็นว่า .....เป็นสุญญตา เป็นอนัตตา.....
    เห็นว่า .....เห็นว่า เป็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา....

    ส่วน มิจฉา ที่แปลว่า ผิด.....คือ เห็นผิดจากความเป็นจริงตามสิ่งเหล่านี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2016
  2. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ ๕
    ราตรียาวแก่คนผู้ตื่นอยู่ โยชน์ยาวแก่คนผู้เมื่อยล้า สงสาร
    ยาวแก่คนพาลผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม ถ้าว่าบุคคลเมื่อเที่ยวไป
    ไม่พึงประสบสหายประเสริฐกว่าตน หรือสหายผู้เช่นด้วย
    ตนไซร้ บุคคลนั้นพึงทำการเที่ยวไปผู้เดียวให้มั่น เพราะว่า
    คุณเครื่องความเป็นสหาย ย่อมไม่มีในคนพาล คนพาล
    ย่อมเดือดร้อนว่า บุตรของเรามีอยู่ ทรัพย์ของเรามีอยู่ ดังนี้
    ตนนั่นแลย่อมไม่มีแก่ตน บุตรทั้งหลายแต่ที่ไหน ทรัพย์แต่
    ที่ไหน

    ผู้ใดเป็นพาลย่อมสำคัญความที่ตนเป็นพาลได้ ด้วย
    เหตุนั้น ผู้นั้นยังเป็นบัณฑิตได้บ้าง ส่วนผู้ใดเป็นพาลมีความ
    สำคัญตนว่าเป็นบัณฑิต ผู้นั้นแลเรากล่าวว่าเป็นพาล ถ้าคน
    พาลเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตแม้ตลอดชีวิต เขาย่อมไม่รู้แจ้งธรรม
    เหมือนทัพพีไม่รู้จักรสแกง ฉะนั้น ถ้าว่าวิญญูชนเข้าไปนั่ง
    ใกล้บัณฑิตแม้ครู่หนึ่ง ท่านย่อมรู้ธรรมได้ฉับพลัน เหมือน
    ลิ้นรู้รสแกงฉะนั้น

    คนพาลมีปัญญาทราม มีตนเหมือนข้าศึก
    เที่ยวทำบาปกรรมอันมีผลเผ็ดร้อน บุคคลทำกรรมใดแล้วย่อม
    เดือดร้อนในภายหลัง กรรมนั้นทำแล้วไม่ดี บุคคลมีหน้า
    ชุ่มด้วยน้ำตา ร้องไห้อยู่ ย่อมเสพผลของกรรมใด
    กรรมนั้นทำแล้วไม่ดี บุคคลทำกรรมใดแล้ว ย่อมไม่เดือดร้อน
    ในภายหลัง กรรมนั้นแลทำแล้วเป็นดี บุคคลอันปีติโสมนัส
    เข้าถึงแล้ว [ด้วยกำลังแห่งปีติ] [ด้วยกำลังแห่งโสมนัส]
    ย่อมเสพผลแห่งกรรมใด กรรมนั้นทำแล้วเป็นดี

    คนพาล
    ย่อมสำคัญบาปประดุจน้ำหวาน ตลอดกาลที่บาปยังไม่ให้ผล
    แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น
    คนพาล
    ถึงบริโภคโภชนะด้วยปลายหญ้าคาทุกเดือนๆ เขาย่อมไม่ถึง
    เสี้ยวที่ ๑๖ ซึ่งจำแนกออกไปแล้ว ๑๖ หน ของพระอริย
    บุคคลทั้งหลายผู้มีธรรมอันนับได้แล้ว ก็บาปกรรมบุคคล
    ทำแล้วยังไม่แปรไป เหมือนน้ำนมในวันนี้ยังไม่แปรไป
    ฉะนั้น บาปกรรมนั้นย่อมตามเผาคนพาล เหมือนไฟอันเถ้า
    ปกปิดแล้ว ฉะนั้น ความรู้นั้นย่อมเกิดแก่คนพาลเพื่อสิ่งมิใช่
    ประโยชน์อย่างเดียว ความรู้ ยังปัญญาชื่อว่ามุทธาของเขา
    ให้ฉิบหายตกไป ย่อมฆ่าส่วนแห่งธรรมขาวของคนพาลเสีย


    ภิกษุผู้เป็นพาล พึงปรารถนาความสรรเสริญอันไม่มีอยู่ ความ
    ห้อมล้อมในภิกษุทั้งหลาย ความเป็นใหญ่ในอาวาส และ
    การบูชาในสกุลของชนเหล่าอื่น ความดำริย่อมบังเกิดขึ้นแก่
    ภิกษุพาลว่า คฤหัสถ์และบรรพชิตทั้งสองฝ่าย จงสำคัญ
    กรรมที่บุคคลทำแล้วว่า เพราะอาศัยเราผู้เดียว คฤหัสถ์และ
    บรรพชิตเหล่านั้นจงเป็นไปในอำนาจของเราผู้เดียว ในบรรดา
    กิจน้อยและกิจใหญ่ทั้งหลาย กิจอะไรๆ อิจฉา [ความริษยา]
    มานะ [ความถือตัว] ย่อมเจริญแก่ภิกษุพาลนั้น ภิกษุ
    ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้ารู้ยิ่งแล้ว ซึ่งปฏิปทา ๒ อย่าง
    นี้ว่า ปฏิปทาอันเข้าอาศัยลาภเป็นอย่างหนึ่ง ปฏิปทาเครื่อง
    ให้ถึงนิพพานเป็นอย่างหนึ่ง ดังนี้แล้ว ไม่พึงเพลิดเพลิน
    สักการะ พึงพอกพูนวิเวกเนืองๆ ฯ

    จบพาลวรรคที่ ๕

     
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    จะรู้ได้อย่างไรว่า....นี้คือคำสอนของพระพุทธเจ้า

    หากภิกษุยกเอาพระพุทธเจ้าขึ้นอ้าง (พุทธาปเทส)
    หากภิกษุยกเอาคณะสงฆ์ขึ้นอ้าง (สังฆาปเทส)
    หากภิกษุยกเอาพระเถระจำนวนมากขึ้นอ้าง(สัมพหลัตเถราปเทส)
    หากภิกษุยกเอาพระเถระรูปหนึ่งขึ้นอ้าง(เอกเถราปเทส)

    แม้อ้างว่านี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นสัตถุสาสน์
    เธอทั้งหลาย ยังไม่พึงชื่นชม ยังไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของผู้นั้น

    พึง เรียนบทและพยัญชนะ (ทั้งข้อความและถ้อยคำ) เหล่านั้นให้ดี

    พึง ตรวจสอบดูในพระสูตร -เทียบดูในพระวินัย

    หลักการสันนิษฐานว่า สิ่งนี้ใช่ หรือ มิใช่ พระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้า

    ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น ตรวจสอบดูในพระสูตรก็ไม่ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้

    พึงลงสันนิษฐานว่า นี้มิใช่พระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าแน่นอน


    ภิกษุนี้ (สงฆ์นั้น พระเถระเหล่านั้น พระเถระรูปนี้) ถือไว้ผิด พึงทิ้งเสีย

    ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น ตรวจสอบดูในพระสูตรก็ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ได้
    พึงลงสันนิษฐานว่า นี้เป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าแน่แท้


    ภิกษุนี้ (สงฆ์นั้น พระเถระเหล่านี้ พระเถระรูปนั้น) รับมาด้วยดี
     
  4. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เราคือผู้เดินทางมาเพื่อรักษา พระปริตร " อภยปริตร " ในยุคกึ่งพุทธกาล ซึ่งเป็นสัญญานเตือน อันจักเกิดเหตุการณ์ธาตุอันตรธานปริวัตต์ ๕ ซึ่งเป็นเช่นนี้มาในหลายช่วงพุุทธันดร ที่มีพระสูตร พระธรรมคำสั่งสอน ที่เกี่ยวเนื่องกับ " อภยปริตร "ที่พอปะติปะต่อเรื่องราวอันเกี่ยวเนื่องกันได้ และจะมีพาลเวรภัย สำนักใดกันเล่าที่ ก้าวเข้ามา ทำลาย "อภยปริตร" ให้กลายเป็นเดรัจฉานวิชา โดยที่ไม่มีสติปัญญารวบรวมพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ถึงคุณประโยชนฺ์และคุณค่าความหมายของการดำรงอยู่ซึ่งพระสูตรนี้

    สำนักวัดนาป่าพง คือ มารศาสนาที่จะทำให้เกิด ธาตุอันตรธานปริวัตต์ ๕ ในห้วงกึ่งพุทธกาล โดยการนำของ มหาเทวะคนที่สอง คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
    ซึ่งเป็น อสัตบุรุษและได้นำฝูงอสัตบุรุษผู้โง่เขลาเข้าสู่เส้นทางแห่งความหายนะ โดยการทำลาย{พระสัทธรรม}ให้พินาศไป เพราะบุพกรรมที่สร้างไว้และเริ่มสร้างขึ้นใหม่โดยแท้

    ห่วงใยเหล่ากัลยาณมิตรที่ไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้ ได้กลายเป็นผู้หลงผิด ดังที่เคยเกิดเหตุนี้ในสมัยอดีตล่วงมาแล้วจริงๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2016
  5. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ขออีกสักเรื่องที่เน้นๆ ว่าด้วย "ปฎิสัมภิทาญาน" การที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสด็จไปโปรดสั่งสอนเวไนยสัตว์ แม้ในโลกธาตุอื่นๆ ซึ่งบริษัทเหล่านั้นใช้ภาษาถิ่น ภาษาอื่นๆ ในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งพระองค์ก็ทรงทราบวาระจิต แม้จะเป็นอรรถภาษากิริยาวาจาลักษณะใดก็ตาม

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไร อย่างนั้นหรือ ? เราบอกแล้วว่า สิ่งที่เราได้วิสัชนาจะเกี่ยวโยงกันเป็น อิทัปปัจจยตา แสดงถึง การผูกขาด สร้างหนังสือ พุทธวจน ของสำนักวัดนาป่าพง ที่หมายให้โลกทั้งใบนี้ มีเพียงแค่หนังสืออย่างนั้น มาแทนที่พระไตรปิฎกอันบริสุทธิ์คุณ เป็นเรื่องแหกตาและเรื่องโอ้อวดอย่างโง่ๆ ของ คึกฤทธิ์ผู้ไม่รู้จัก องค์คุณของ"ปฎิสัมภิทาญาน"

    {O}ผู้เห็นธรรมมีเพียง ๓ สถานะ{O}เท่านั้น (เป็นเรื่องอจินไตยหากจะกล่าวถึงการกำเนิดของพระธรรมคัมภีร์)

    " ผู้เห็นธรรม๑ คือเห็นธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์,พระปัจเจกพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้เห็นโดยตรง" ซึ่ง"พระธรรมแม่บท"โดยปฎิสัมภิทาญาน"
    " ผู้เห็นธรรม๒ คือการพิจารณาธรรมตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรงด้วยพระประสงค์ให้เห็นตามด้วยพระทศพลญาน
    " ผู้เห็นธรรม๓ คือการพิจารณาธรรมตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สืบทอดจารึก ท่องจำมุขปาฐะตีพิมพ์กันมาด้วยความเพียรพยายาม ด้วยสภาวะบุญอันเข้าถึงในอดีตชาติที่สั่งสมการพิจารณาใคร่ครวญปฎิบัติมาดีแล้ว


    "จงพิจารณาให้เห็นความเป็นจริงเถิดว่า"

    องค์สมเด็จพระบรมมหาศาสดาทรงจำแนกพระธรรมคำภีร์คำสั่งสอนออกมาเป็นทางสายกลางสายเดียวไม่มีแปลกแยกเป็นอื่น ผู้ที่ถือพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บทโดยปฎิสัมภิทาญานได้ "เปรียบเสมือนผู้ถือแท่งทองชมพูนุช"เป็นแม่แบบ เป็น"รัตนมหาธาตุ"ย่อมสามารถมองล่วงรู้เห็นว่า ทองคำแท่งใดปลอมปน วัสดุอื่นตามได้อย่างละเอียด ว่ามีเหล็กบ้าง ตะกั่วบ้าง เป็นต้น ถ้าถึงกาลเวลานั้น คือมีผู้สามารถรวมรวมการแตกแยกของนิกายทั้งหมดมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้เมื่อไร ด้วย ปาฎิหาริย์ ๓ ตอนนั้นจักรวรรดิธรรม ก็จะพร้อมเรียกชื่อ นิกาย อันมีนามแท้"ดั้งเดิม" อันเป็นนามที่แท้จริงของพระศาสนา เหมือนกับสมัยพุทธันดรก่อนๆ นั้นแล


    {การบรรลุปฎิสัมภิทาญาน ย่อมเห็นธรรมที่ทรงตรัสรู้เห็นเรียกว่าได้ตรัสรู้ตาม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา }

    "ดูก่อนอานนท์ ก็เราเข้าไปหาขัตติยบริษัทหลายร้อย ย่อมรู้เฉพาะแล ว่า ในบริษัทนั้น พวกเขามีวรรณะเช่นใด เราก็มีวรรณะเช่นนั้น พวกเขามีเสียงเช่นใด เราก็มีเสียงเช่นนั้น และเราให้เห็นแจ้งให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริง ด้วยธรรมมีกถา และพวกเขาไม่รู้เราผู้กล่าวอยู่ว่า ผู้กล่าวนี้เป็นใครหนอ เป็นเทวดาหรือมนุษย์ และครั้นให้เห็นแจ้งแล้ว ให้สมาทานแล้ว ให้อาจหาญแล้ว ให้รื่นเริงแล้ว ด้วยธรรมีกถาก็หายไป และพวกเขาไม่รู้เราผู้หายไปว่า ผู้ที่หายไปนี้เป็นใครหนอแล เป็นเทพหรือมนุษย์ ดังนี้.

    เหล่ากษัตริย์ทรงประดับประดาด้วยสังวาลมาลา และของหอมเป็นต้น ทรงผ้าหลากสี ทรงสวมกุณฑลแก้วมณี ทรงโมลี ฝ่ายพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประดับพระองค์เช่นนั้นหรือ กษัตริย์แม้เหล่านั้นมีพระฉวีขาวบ้าง ดำบ้าง คล้ำบ้าง แม้พระศาสดาทรงเป็นเช่นนั้นหรือ. พระศาสดาเสด็จ ไปด้วยเพศบรรพชิตของพระองค์เอง แต่ทรงปรากฏเป็นเช่นกับกษัตริย์เหล่านั้น ครั้นเสด็จไปแล้วทรงแสดงพระองค์ซึ่งประทับนั่งบนพระราชอาสน์ ย่อมเป็นเช่นกับกษัตริย์เหล่านั้นว่า ในวันนี้พระราชาของพวกเรารุ่งโรจน์ยิ่งนักดังนี้.

    ถ้ากษัตริย์เหล่านั้น มีพระสุรเสียงแตกพร่าบ้าง ลึกบ้าง ดุจเสียงกาบ้างพระศาสดาก็ทรงแสดงธรรมด้วยเสียงแห่งพรหมนั้นเทียว ก็บทนี้ว่า เราก็มีเสียงเช่นนั้น ตรัสหมายถึงลำดับภาษา. ก็มนุษย์ทั้งหลายได้ฟังเสียงนั้นแล้วย่อมมีความคิดว่า วันนี้ พระราชาตรัสด้วยเสียงอันอ่อนหวาน. ก็ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วเสด็จหลีกไป เห็นพระราชาเสด็จมาอีก ก็เกิดการพิจารณาว่า บุคคลนี้ใครหนอแล. พระองค์จึงตรัสพระดำรัสนี้ว่า บุคคลนี้ใครหนอแล อยู่ในที่นี้ บัดนี้ แสดงด้วยเสียงอ่อนหวาน ด้วยภาษามคธ ด้วยภาษาสีหล ฯ หายไป เป็นเทพหรือมนุษย์ ดังนี้. ถามว่า ทรงแสดงธรรมแก่บุคคลทั้งหลายผู้ไม่รู้อย่างนี้เพื่ออะไร. ตอบว่า เพื่อประโยชน์แก่วาสนา. พระองค์ทรงแสดงมุ่งอนาคตว่า ธรรมแม้ได้ฟังอย่างนี้ ย่อมเป็นปัจจัยในอนาคตนั้นเทียว.


    "แล้วสำนัก พุทธวจน วัดนาป่าพงจะเอาปัญญาอะไรไปสอนบริษัทเหล่านั้น ! หนังสือ พุทธวจน เหรอ เดี๋ยวเขาก็เอาไปเผาอีกหรอก "


    "หรือต้องไปเรียนภาษาต่างดาว ใช้เครื่องช่วยแปลภาษาก่อน"

    พังไหม?ล่ะงานนี้ ความใฝ่ฝันที่ลมๆแล้งๆ จะให้โลกใบนี้มีเพียงหนังสือ พุทธวจน
    * มหาสีหนาทสูตร ว่าด้วยเหตุแห่งการบันลือสีหนาท*
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2016
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,048
    อ่านแล้วเหนื่อยแทน_Hi__
     
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สังฆเภท คืออะไร?


    หลายคนคิดว่า สังฆเภท ต้องมีการทะเลาะกันรุนแรง หรือยุยงให้สงฆ์แตกแยกกัน
    แท้จริงแล้ว ไม่ใช่เลย แม้ไม่มีการทะเลาะกันเลย ไม่มีการยุยงอะไรกันเลย ก็จัดว่า
    เป็นสังฆเภทได้ เราต้องไปดู "ความหมายของคำว่าสังฆเภท" ขออ้างอิง ดังนี้ครับ

    [​IMG]

    โดยเฉพาะข้อ 3 และข้อ 4 นี่ต้องระวังให้ดีครับ
     
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พระคึกฤทธิ์ ถ้าจะทำให้ถูก ควรทำอย่างไร?


    1 สึกจากพระ แล้วกระทำในฐานะ "อุบาสก" แทน
    2 ตั้งกลุ่มศึกษาในมุมมองของตัวเอง เสนอต่อสังคม
    3 สนับสนุนพระที่ปฏิบัติถูกต้อง ตามความคิดของตน

    การที่พระคึกฤทธิ์ คิดต่างจากพระอื่นๆ ในทาง ปชต. มันไม่ผิดอะไร เราคิดต่างกันได้
    แต่มาผิดตรงที่ เราคิดต่างแล้วเราไปนำพาคนอื่นให้มาเชื่อ มาปฏิบัติตามเรา อันส่งผล
    ให้เกิดการปฏิบัติแตกต่างกัน ในระดับธรรมวินัย เช่น กล่าวสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมว่าเป็นธรรม
    กล่าวสิ่งที่เป็นธรรมว่ามิใช่ธรรม กล่าววินัยว่าเป็นอวินัย กล่าวอวินัยว่าเป็นวินัย ฯลฯ ซึ่ง
    เข้าข่าย "สังฆเภท" ได้ กรณีที่ไม่ใช่พระ ก็ไม่เป็นสังฆเภทครับ คนเราคิดต่าง มองต่าง
    มุมกันได้ แต่พอเป็นพระแล้ว จำต้องปฏิบัติตาม "ธรรมวินัยขององค์กรฯ ที่ตนสังกัดอยู่"
    อยู่นิกายไหนละ? ธรรมยุติ หรือมหานิกายก็ปฏิบัติไปตามนั้นครับ จะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
    ไม่ได้ จะทำให้เกิดการปฏิบัติแตกต่างกัน แล้วกลายเป็นสังฆเภทได้ ดังที่ได้กล่าวแล้ว

    จุดเด่นของพระคึกฤทธิ์จริงๆ แล้วอยู่ที่ การมองเห็นว่า "คนหลงอาจารย์มากกว่า พพจ."
    จึงพยายามให้คนมายึดคำสอนของพระพุทธเจ้า อย่าไปหลงคำสอนของหลวงปู่ ครูบา
    อาจารย์ตัวเอง เพราะการหลงแบบนั้น จัดเป็น "อาจาริยวาท" เป็นลัทธิๆ หนึ่งที่เคยได้
    แพร่หลาย จนส่งผลกระทบต่อนิกายเถรวาท (เถรวาทนับถือพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญแต่
    อาจาริยวาท นับถือครูบาอาจารย์ของใครของมัน เป็นสำคัญ) มุมมองนี้ของพระคึกฤทธิ์
    ถือว่าใช้ได้ "แต่ไปไม่ถึงดวงดาว" คือ ไปไม่ถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ อาศัยว่า
    ไป "อ้างอิงตำรา" ตรงนั้นมาบ้าง ตรงนี้บ้างว่าเป็น "พุทธวจนะ" ตรงนี้แหละ ที่พลาดไป


    คำว่า "พุทธวจนะ" จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อ "เราไปได้ยินได้ฟังมาจาก พพจ." ด้วยตัวเองครับ
     
  9. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201


    คึกฤทธิ์ ได้ปาราชิก นานแล้วครับ ไม่ต้องรอสงฆ์สวดสมมุติเป็นคฤหัสถ์ รอพระอรหันต์สักรูปจุติธรรมขึ้น ไปนั่งร่วมทำพระปาฎิโมกข์ก็กระอักเลือดตายคาที่ได้แล้ว

    ผลจากการปาราชิก จะไม่สามารถเจริญในพระสัทธรรมได้ เวลาสอนวิสัชนาธรรมก็จะผิดๆเพี้ยนๆมากขึ้นเรื่อยๆ จนลูกศิษย์ก้นกุฎิของสำนักร้องเหวอขึ้นมา ว่า ไม่ใช่ละ ตอนนั้นล่ะ ฮาตรึม ถอนตัวก้มกราบขอขมาพระรัตนตรัยแทบไม่ทัน

    วัดนาป่าพง ไม่ใช่สาขาวัดหนองป่าพง
    4 มีนาคม 2014 เวลา 3:05 น.
    ด้วยปัจจุบัน ยังมีความเข้าใจผิดเรื่องการเป็นสาขา
    และการสอบถามเรื่องต่างๆของวัดนาป่าพงในเพจนี้อยู่เนืองๆ

    จึงขอชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน

    แถลงการณ์รายงานการประชุม ครั้งที่ 1/2553 วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2553 ณ วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี มีใจความว่า

    ตามระเบียบวาระการประชุมข้อที่ 2 เรื่อง วัดนาป่าพง ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยมีพระอธิการคึกฤทธิ์ โสตถิผโล เป็นเจ้าอาวาส ได้กระทำสังฆกรรมทางพระวินัย โดยสวดพระ ปาฏิโมกข์เพียง 150 ข้อ โดยเป็นที่ทราบกันแล้วนั้น จวบจนปัจจุบัน พระอธิการคึกฤทธิ์ โสตถิผโล ได้กระทำสังฆกรรมทางพระวินัย โดยสวดพระปาฏิ โมกข์ 150 ข้อเหมือนเดิม ไม่สามารถที่จะกระทำตามมติของคณะสงฆ์วัดหนองป่าพงได้ โดยที่ประชุมคณะสงฆ์วัดหนองป่าพง มีมติรับทราบดังนี้ ให้ตัดวัดนาป่าพง ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยมีพระอธิการคึกฤทธิ์ โสตถิผโล เป็นเจ้าอาวาส ออกจากสาขาวัดหนองป่าพง ถือว่าการกระทำใดๆ ของพระอธิการคึกฤทธิ์ อันจะก่อให้เกิดความเสียหาย ทางคณะสงฆ์วัดหนองป่าพงจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
    https://www.facebook.com/notes/สาขาวัดหนองป่าพง/วัดนาป่าพง-ไม่ใช่สาขาวัดหนองป่าพง/398846816918230


    สวดปาฏิโมกข์ ลดเอาแค่ ๑๕๐ ข้อได้ไหม/พระพรหคุณาภรณ์ วัดญาณเวศกวัน
    http://www.watnyanaves.net/th/clip_detail/456

    ไฟล์เสียง
    http://www.watnyanaves.net/uploads/File/sounds/buddhism-inside/buddhism-inside_01.mp3


    ขออนุโมทนาฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2016
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ทำแบบนี้ ผมว่าทำอะไรพระคึกฤทธิ์ ไม่ได้หรอก


    อดีตชาติเขามีวิชาไทเก๊ก (แต่เขาไม่ใช่จางซานฟงนะ) ยิ่งเราใส่ๆๆ เขาด้วยพลัง
    เขาก็จะยิ่งมีพลัง เพราะเขาจะอาศัยหยิบยืมพลังของเรานี่ละ แล้วหวนกลับมาเล่น
    งานเราเอง หรือไม่ก็ยิ่งเอาพลังเราไปใช้ ในแนวทางเดิมๆ ของตัวเอง ถลำลึกไป
    ใหญ่ คุณสังเกตุเห็นไหมละ ยิ่งใครไปว่าอะไรเขา เขาก็ยิ่งมีพลังดื้อด้านทำไปยิ่ง
    ขึ้น บางทีเขาอ่อนกำลัง อ่อนแรงลงแล้ว เขาก็อาศัยคนที่ไปว่า ไปใส่ๆๆ เขานี่ละ

    ดังนั้น คุณต้องหยุดเส้าหลินใส่เขาเพราะเขาจะไท้เก๊กใส่คุณ (ยิ่งคุณไปใส่ๆ เขา
    เขาก็จะยิ่งมีพลังดื้อรั้นต่อไปมากยิ่งขึ้น เขายิ่งถลำลึกไปมากยิ่งขึ้น) วิชาบู๊ตึ้ง มัน
    แก้ทางวิชาเส้าหลินได้หมดแบบนี้แหละ ยิ่งเราใส่เขาด้วยความเชื่อมั่นว่า "เราถูก"
    เขาก็ยิ่งยืมพลังความเชื่อมั่นของเราไปใช้ สังเกตุสิ เขาไม่สนใจหรอกว่าเราพูดว่า
    อะไร เขามีแต่จะดื้อรั้นมากขึ้น มีพลังความเชื่อมั่นสูงขึ้น (แต่เป็นไปในทางที่ผิดๆ)


    เราต้องใส่เขาด้วย "ความไม่เชื่อมั่น" ไม่ใช่ใส่ๆๆๆ เขาด้วยความมั่นใจแบบนี้ครับ
     
  11. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201

    โย ทณฺเฑร อทณฺเฑสุ
    อปฺปทุฎฺเฐสุ ทุสฺสติ
    ทสนฺนมญฺญตรํ ฐานํ
    ขิปฺปเมว นิคจฺฉติ ฯ


    ผู้ทำร้ายลงทัณฑ์แก่บุคคล
    ผู้ไม่เบียดเบียน ไม่ทำร้ายใคร
    ย่อมได้รับผลสนองกลับอย่าง
    อย่างใดอย่างหนึ่งทันตาเห็น


    เวทนํ ผรุสํ ชานึ
    สรีรสฺส จ เภทนํ
    ครุกํ วาปิ อาพาธํ
    จิตฺตกฺเขปํว ปาปุเณ ฯ


    ได้รับเวทนาอย่างรุนแรง
    ได้รับความเสื่อมเสีย
    ถูกทำร้ายร่างกาย
    เจ็บป่วยอย่างหนัก
    กลายเป็นคนวิกลจริต

    ราชโต วา อุปสคฺคํ
    อพฺภกฺขานํ ว ทารุณํ
    ปริกฺขยํ ว ญาตีนํ
    โภคานํ ว ปภงฺคุณํ ฯ


    ต้องราชภัย
    ถูกกล่าวหาอย่างรุนแรง
    ไร้ญาติพี่น้อง
    ทรัพย์สมบัติก็พินาศสิ้น


    อถวาสฺส อคารานิ
    อคฺคิ ฑหติ ปาวโก
    กายสฺส เภทา ทุปฺปญฺโญ
    นิรยํ โส อุปปชฺชติ ฯ


    หรือไม่บ้านเรือนของเขาย่อมถูกไฟไหม้
    ตายไป เขาผู้ทรามก็ตกนรก

    เราเห็นสิ่งนี้ตามจริตธรรม

    {O}ธาตุทัณฑ์{O} <การลงทัณฑ์ ของ พระพุทธศาสนา> - Pantip

    ขอบคุณที่แนะนำเคล็ดวิชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2016
  12. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    "จงพิจรณาให้รู้ตามความเป็นจริง" แปลว่า กระทู้นี้ มีสาระ
     
  13. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ยังไงฮะ ใส่เขาด้วยความไม่เชื่อมั่น
    ช่วยมาแจงหน่อยครับ ด้วยการใช้ความเท็จโจมตีเขาหรือฮะ
     
  14. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สหายธรรมผู้มาใหม่ ที่เป็นสหชาติผู้ใคร่สนใจในพระสัทธรรมจะได้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้มาก่อน ขอให้ท่านทั้งหลายเจริญในพระสัทธรรมยิ่งขึ้นไปเถิด

    ขอจงนอบน้อมและสรรเสริญแด่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั่นเทอญฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    กระทู้ต่อเนื่อง อ้างอิงถึงการมีอยู่ของ " พระสัทธรรม พระธรรมราชา พระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่พระไตรปิฏกดั้งเดิม ทิพยวิเศษบริสุทธิธรรม "

    http://palungjit.org/threads/ขอส่งข...ฎิรูป**-เปลี่ยนเป็นคำอื่นเสียจะดีกว่า.561522/

    http://palungjit.org/threads/เรื่อง...ระสัทธรรมและคำสั่งสอนคาถาครูบาอาจาร์ย.560832/

    http://palungjit.org/threads/ประกาศ...ัมภิทาญานให้เช็คอินแสดงตนที่กระทู้นี้.553107/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เรื่องนี้น่ะ เข้าใจผิดกันทั้งโลก ตราบใดที่ไม่มีผู้ประกาศตนโดย สามารถใน ปฎิสัมภิทาญาน และถ้าท่านไม่แสดง{O}ทิพยภาษา{O} เราจะไม่มีทางรู้ อักขระ พยัญชนะนั้นอย่างแท้จริง สิ่งที่คึกฤทธิ์สำนักวัดนาป่าพง ทำคือการทำลายอรรถกถา จึงเป็น พุทธวจนะปลอม คือแปลบาลีไม่ให้เป็น บาลี ปากบอกรักษา พุทธวจน แต่ทำลาย ภาษาที่รักษาไว้ซึ่งพุทธวจนะ เพราะไม่รู้จักปฎิสัมภิทา ๔ และเข้าใจว่า พระไตรปิฏกทั้งหลาย ล้วนสืบทอดมาจากการจารึกบันทึกทรงจำของพระสงฆ์สาวก ว่าด้วยสาวกจดจำมาจากพระดำรัสตรัสสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่ออีกทอดหนึ่ง นี่จึงแสดงให้เห็นว่าคึกฤทธิ์ไม่รู้จัก ปฎิสัมภิทา ๔ อันมี นิรุตติทัสสนญาน และ วิมุตติทัสสนญาน (ใครเคยฟังย่อมรู้ สัตตานัง และ พุทธวจน faq วิมุตติญาณทัสสนะ และ อวิชชาเกี่ยวข้องกันอย่างไร อะไรนั่น) บอกตามตรงก็คือ ไม่เคยได้เสวยวิมุตติสุข แม้ของโลกียะ ความละเอียดอ่อนลึกซึ้งของภาษาธรรม เอาเพียงแค่ พุทธภาษิตเดียว อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ หมดสำนักวัดนาป่าพง เปิดตำราหนึ่งล้านบท อธิบายสามล้านหน้ากระดาษ ก็ไม่มีทางแสดงพุทธภาษิตนี้ได้เทียมเท่า พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระอรหันต์ผู้ทรงปฎิสัมภิทาญานได้เลย


    ขนาดทางสวนโมกขพลารามยังต้องเรียกทีมงานสำนักวัดนาป่าพงมาตรวจสอบ ตำหนิ ชี้แจงให้ยุติการแก้ไขการบิดเบือน ตัดต่อเพิ่มเติม ไม่ให้เหมือนดังต้นฉบับหลายครั้งหลายครา อันเป็นเจตนาลอกเลียนแบบและพยายามแก้ไขเพื่อให้ได้มาซึ่ง หนังสือตามแบบฉบับของสำนักของตนเอง โดยเปลี่ยนแปลงรายละเอียด และชื่อของหนังสือใหม่ พร้อมระบุว่าเป็นสำนักที่ประเสริฐที่สุดในโลก หมายตั้งใจจะให้หนังสือของสำนักตน ไปแทนที่พระไตรปิฏกที่มีอยู่ดั้งเดิมเก่าก่อนอยู่แล้วในโลก ซึ่งเป็นการกระทำอันจาบจ้วงของสำนักวัดนาป่าพง โดยใช้ถ้อยคำอย่างละมุนละม่อมกล่อมน้ำใจ ดังเอกสารที่แนบมา


    สุดท้ายก็มั่วนิ่มไปอีก "ว่าได้สร้างพุทธวจนมาจากบันทึกเสาอโศก"
    ท่านพุทธทาสยังไม่เคยกล่าวเลยว่า ท่านจัดสร้างงานจากพระโอษฐ์ได้มาจากบันทึกเสาอโศก

    เสาอโศกต้นไหนที่มีพระสูตรตามที่อ้างว่านำมาทำพุทธวจนปิฎก คึกฤทธิ์หลอกลวงพุทธบริษัท


    1. เสาอโศกที่อัลลาหะบาด (Allahabad) เดิมทีเชื่อว่าตั้งอยู่ที่เมืองโกสัมพี
    2. เสาอโศกที่พุทธคยา (Bodhgaya)
    3. เสาอโศกที่เดลี (Delhi) จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ต้น เดิมทีนั้นเสาทั้งสองตั้งอยู่ที่เมืองเมรัฐ และ เมืองโทปรา ในรัฐหรยานะ ต่อมา พระเจ้าเฟโรซ ชาห์ ตุฆลัก (Firuz Shah Tughlug) กษัตริย์ราชวงศ์โมกุล ทรงมีพระบัญชาให้ย้ายเสาทั้งสองต้นมาไว้ที่ กรุงเดลี เมื่อพ.ศ.1899 (ค.ศ.1356)
    4. เสาอโศกที่เลาริยะ-อเรราช (Lauriya-Areraj)
    5. เสาอโศกที่เลาริยะ-นันทครห์ (Lauriya-Nandangarh)
    6. เสาอโศกที่สวนลุมพินี (Lumbini) เมืองกุสินารา (กุสินคร)
    7. เสาอโศกที่นิกาลีสการ์ (Nigalisagar)
    8. เสาอโศกที่รามปุรวะ (Rampurva) หรือ รามปุระ(Rampur)
    9. เสาอโศกที่สาญจี (Sanchi) เมืองโภปาล
    10. เสาอโศกที่สันกิสาร์ (Sankissa) หรือ สังกัสสะ(Sankasa)
    11. เสาอโศกที่สารนาถ (Sarnath) ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี
    12. เสาอโศกที่สาวัตถี (Sravasti)
    13. เสาอโศกที่เวสาลี (Vaishali)


    สรุปไม่มีสักต้น จึงเป็นการนำข้อมูลเท็จมาเผยแผ่สู่พุทธศาสนิกชน


    สรุป ก๊อปปี้ ดัดแปลง แต่งเติม ยกเมฆ มาตะกุยใส่เข้าเล่ม จนได้เป็น "พุทธวจนปิฏก" ฯลฯ
    ไหนล่ะที่ว่ารู้ธรรมคล่อง

    จากใจศิษย์สำนักวัดนาป่าพง
    "การที่จะให้ใครช่วยงานธรรม จะเป็นพระ หรือฆราวาส ถ้ารู้ธรรมของพระองค์อย่างคล่องปากขึ้นใจ แทงตลอดอย่างดีด้วยความเห็นแล้ว..จะเป็นใครก็ได้ เพราะธรรมะจะฆราวาส หรือภิกษุ ธรรมะของพระองค์ก็ความหมายเดียวกันไม่เป็นอื่น เพราะผู้ที่จะทำได้ ปัญญาต้องมีอย่างมากเช่นกัน"
    ----------------------------------------------------------------------------------

    คล่องจนเขาออกมาตำหนิ ติเตียนว่าไปแต่งเติมบิดเบือนต้นฉบับของเขา ช่างน่าเวทนานักความแน่นหนักอัตตามารครอบของสำนักวัดนาป่าพงนี้

    อ้างสยามรัฐ,อ้างงานท่านพุทธทาส,อ้างเสาอโศก ,สุดท้ายอ้างพระพุทธศาสนา จนถึงอ้างพระบรมมหาศาสดาถ้าไม่มีใครเชื่อ!!

    กว่าจะออกมาเป็น "พุทธวจนปิฏก" ช่างโกลาหลจริงๆ

    ไคล์แมกซ์!!! ที่ออกตัวว่าลดคำแต่งใหม่ สรุปไปตัดต่อ ย่อความ ปรุงแต่ง ยกเครื่อง ใส่เพลา จากตำราคัมภีร์สำนักไหนมาบ้างนะอย่างที่รู้ๆกัน มีหลายสำนัก จะเอาจากทุกนิกายเลยไหม วัดนาป่าพง นี่หรือสติปัญญาของผู้นำสำนักวัดนาป่าพงที่คิดว่าเลิศเลอที่สุดในสหโลกธาตุ จะรวมนิกายพุทธศาสนาเป็นหนึ่งเดียว ด้วยหนังสือที่ทำที่สร้างที่ยกเมฆมาด้วยน้ำมือคนไร้สติอย่างตนเอง คึกหนอคึก
    https://youtu.be/wuoCdnxRKcs
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2016
  17. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ธรรมทานนี้มีอานิสงส์มากดังที่มีการพรรณนาคุณไว้ในอรรถกถาธรรมบทว่า...

    - แม้ทายกจะถวายจีวรอย่างดีที่สุดแด่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันตเจ้าทั้งหลายที่นั่งติดๆ กันเต็มห้องจักรวาลนี้ก็ยังมีอานิสงส์น้อยกว่าการอนุโมทนาของพระพุทธเจ้า ด้วยพระคาถา(๒) เพียง ๔ บาท และจีวรทานนั้นมีค่าไม่ถึงเศษส่วน ๑๖ แห่งพระคาถาที่พระพุทธองค์ทรงอนุโมทนา

    - แม้ทายกจะถวายโภชนะข้าวสาลีกอปร ด้วยสูปะพยัญชนะอันประณีต เป็นต้น ให้เต็มบาตรพระพุทธเจ้าก็ดี จะถวายเภสัชทาน มี เนยใส เนยเหลว น้ำผึ้ง เป็นต้นให้เต็มบาตรพระพุทธเจ้าที่นั่งติดๆ เต็มห้องจักรวาลก็ดียังมีอานิสงส์น้อยกว่าธรรมทานที่พระพุทธเจ้า อนุโมทนาด้วยพระคาถาเพียง ๔ บาท

    - อนึ่งทายกจะถวายเสนาสนะ มีมหาวิหาร หรือโลหปราสาทหลายแสนหลังยังมีอานิสงส์น้อยกว่าธรรมทานที่พระพุทธเจ้า อนุโมทนาด้วยพระคาถาเพียง ๔ บาท

    - การแสดงธรรม การบอกธรรม การฟังธรรมมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่และประเสริฐกว่าจีวรทาน บิณฑบาตทาน เสนาสนทาน ทุกอย่าง เพราะว่าชนทั้งหลายจะทำบุญมากมายขนาด นั้นได้ ก็ต่อเมื่อได้ฟังธรรมแล้ว ถ้าไม่ได้ฟังธรรมมีศรัทธาแล้ว จะถวายข้าวสวยสักทัพพี ข้าวต้มสักกระบวยก็ยังยาก แม้บุคคลสำเร็จมรรคผล จะสำเร็จอัครสาวกภูมิ ก็ต้องอาศัยการฟังธรรม

    - อีกประการหนึ่ง ยกเว้นพระพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว แม้พระสาวกทั้งหลาย มีพระสารีบุตร เป็นต้น ผู้เป็นเลิศด้วยปัญญาญาณ สามารถนับเม็ดฝนที่ตกอยู่ตลอดกัปได้ ก็ยังไม่สามารถจะบรรลุอริยผล มีโสดาปัตติผล เป็นต้น โดยลำพังตนเองได้ ต่อเมื่อได้ฟังธรรม จากพระอัสสชิเป็นต้นแล้ว จึงทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล และบรรลุธรรมสูงสุด ด้วยพระธรรมเทศนาของพระบรมศาสดา เพราะเหตุนี้ "ธรรมทานจึงประเสริฐที่สุด"ดังเรื่องปัญหาของท้าวสักกเทวราช (๓)

    ในสมัยหนึ่ง ท้าวสักกเทวราชพร้อมด้วยเทวดาหมื่นจักรวาลมาเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้นถึงแล้วจึงน้อมนมัสการทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
    "การให้อะไร ชนะการให้ทั้งปวง รสแห่งอะไร ชนะรสทั้งปวง ความยินดีในอะไร ชนะความยินดีทั้งปวง ความสิ้นไปแห่งอะไร ชนะทุกข์ทั้งปวง"
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตอบปัญหาท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพยดา ปรากฏใน ตัณหาวรรค ธรรมบท ว่า



    สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
    สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ

    การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง
    รสแห่งธรรมชนะรสทั้งปวง
    ความยินดีในธรรมชนะความยินดีทั้งปวง
    ความสิ้นไปแห่งตัณหาชนะทุกข์ทั้งปวง
    ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้พระนิพพานแก่คนทั้งหลาย


    ถือเป็นธรรมทาน วัน มาฆบูชา แก่ท่านทั้งหลายฯ ที่ยังไม่ทราบถึงการมีอยู่ของ พระสัทธรรม


    {กัลยาณมิตรธรรม}
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    “ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ เป็นคุณอันลึก เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก
    เป็นธรรมสงบ ประณีต ไม่หยั่งลง สู่ความตรึก ละเอียด
    เป็นวิสัยของบัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง
    ฐานะคือความที่อวิชชาเป็นปัจจัยแห่งสังขารเป็นต้นนี้
    เป็นสภาพอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นนี้ แม้ฐานะคือธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง
    เป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหา เป็นที่สิ้นกำหนัด เป็นที่ดับสนิท
    หากิเลสเครื่องร้อยรัดมิได้ นี้ก็แสนยากที่จะเห็นได้
    ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม สัตว์เหล่าอื่นก็จะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา
    ข้อนั้นจะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อยเปล่าแก่เรา
    จะพึงเป็นความลำบากเปล่าแก่เรา”

    ปฏิสัมภิทามรรค

    " ผู้ที่มีจิตไม่มั่นคง ไม่ทราบพระสัทธรรม
    มีความเลื่อมใสรวนเร ย่อมมีปัญญาบริบูรณ์
    ไม่ได้"



    {O}ผู้เห็นธรรมมีเพียง ๓ สถานะเพียงเท่านั้น{O}
    " ผู้เห็นธรรม๑ คือเห็นธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์,พระปัจเจกพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เห็นโดยตรง ตลอดจนพระอริยะสงฆ์สาวกและอุบาสกและอุบาสิกา ตรัสรู้เห็นโดยตรง" ซึ่ง"พระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บท"โดยปฎิสัมภิทาญาน"
    " ผู้เห็นธรรม๒ คือการพิจารณาธรรมตามพระธรรมคำสั่งสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง อันสำเร็จด้วยพระพุทธประสงค์ให้เห็นตามด้วยพระทศพลญาน
    " ผู้เห็นธรรม๓ คือการพิจารณาธรรมตามพระธรรมคำสั่งสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่สืบทอดด้วยมุขปาฐะและการจารึกตีพิมพ์ กันมาด้วยความเพียรพยายาม ด้วยสภาวะบุญอันเข้าถึงในอดีตชาติที่สั่งสมการพิจารณาใคร่ครวญปฎิบัติมาดีแล้ว

    ปฏิสัมภิทัปปัตตะ ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ๔ คือ
    ๑) อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในอรรถหรือปรีชาแจ้งเจนในความหมาย
    ๒) ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม หรือปรีชาแจ้งเจนในหลัก
    ๓) นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในนิรุตติ หรือปรีชาแจ้งเจนในภาษา
    ๔) ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ หรือปรีชาแจ้งเจนในความคิดทันการ

    ผู้ที่ได้ปฎิสัมภิทาญานคือเป็นผู้เห็นยังพระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บทโดยขอให้คำจำกัดความตามจริงว่า ได้เห็นจริงตรองตามนี้ได้
    ๑.จะรู้และเข้าได้ทันที่ว่า ตีมุมกลับ "พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายตลอดจนพระอริยะสงฆ์สาวกและอุบาสกและอุบาสิกาเป็นผู้ทรงปฏิสัมภิทารู้แจ้งเห็นธรรมอันเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นซึ่งรูปแบบหนึ่งเดียวของพระสัทธรรม
    ๒.จะรู้แล้วเข้าใจได้ทันทีว่า ในช่วงที่ว่างเว้นคือ ว่างจากการเสด็จมาตรัสรู้ในพุทธันดรนั้น พระสัทธรรมนี้ก็ยังคงอยู่ ไม่ได้เลือนหายไปไหน
    ๓.จะรู้และเข้าใจได้ทันที่ว่า เพราะเหตุใดพระพุทธเจ้าทั้งหลายจึงทรงเคารพพึ่งพิงสรรเสริญแด่พระธรรม นั้นเพราะการตรัสรู้พระธรรมนั้นทำให้พระองค์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ๔.จะรู้และเข้าใจในสิ่งที่ไม่มีจารึกเลยว่า ที่พระองค์จะสั่งหรือเคยบอกการใดใด เลยว่าพระธรรมที่พระองค์ตรัสรู้เห็นนั้น เป็นพระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บทฉบับดั้งเดิม เพราะเป็นสิ่งที่เกินวิสัยสามัญมนุษย์ธรรมดาจะพึงเห็นได้ นอกจากที่ทรงตรัสเอาไว้ซึ่งบทธรรมนั้น แต่ก็ไม่มีผู้ใดในยุคปัจจุบันที่สามารถเข้าใจและรู้คุณความหมายอันเป็นปัตจัตตังโดยเฉพาะนี้ได้
    ๕.จะรู้และเข้าใจในสิ่งที่ไม่มีจารึกเลยว่า ในพระปัจฉิมโอวาททรงเน้นย้ำให้ถือว่า พระธรรมคำสั่งสอนและพระธรรมวินัยเป็นศาสดา และจงพึ่งพาตนเอง พร้อมตรัสปลอบให้กำลังใจ ในหลายต่อหลายครั้งในเรื่องการปฎิบัติ เช่นในเรื่อง หากยังมีผู้ปฎิบัติตามธรรมนี้อยู่ โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์ แต่ไม่ทรงถือตัวพระองค์เองเลยว่า หากขาดพระองค์ไปแล้ว ย่อมขาดผู้หยั่งสภาวะธรรมด้วยพระทศพลญาณ๑๐ อันเป็นกำลังแห่งพระพุทธเจ้า ที่จะสามารถแก้ไขข้อติดขัดในการพิจารณาธรรมของพระสงฆ์สาวกได้อย่างดีที่สุด ฉนั้นการที่ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นก็คือ ความวิบัติ ขาดสูญ ในการสำเร็จธรรมของเหล่าพระสงฆ์สาวกโดยแท้ เพราะไม่มีผู้ใดจะปรีชาญาณเทียมเท่าพระองค์อีกแล้ว
    ๖.ผู้ได้พบได้เห็นพระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บท ย่อมจักเป็นผู้ได้เสวยวิมุตติธรรมตั้งแต่ระดับ วิกขัมภนวิมุตติ ตทังควิมุตติ ตลอดจนขึ้นไปถึง สมุจเฉทวิมุตติ ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ นิสสรณวิมุตติ
    ๗.ปริยัติอันตรธาน ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นและอันตรธานหายไปอย่างแน่นอน และต่อพระปริยัติหายไปจากโลกธาตุ แต่ก็จะยังคงอยู่เหมือนเดิม ด้วยสภาวะสูญญตาธรรม เรื่องปฎิสัมภิทาญาน นั้นขึ้นอยู่กับว่า ท่านใด มีบุญบารมีทรงจำได้มากหรือน้อย นี่คือความแตกต่างของ ระดับการทรงจำ ปฎิสัมภิทาญานจึงมีความแตกต่างกันอย่างเดียวคือ การทรงจำได้มาก หรือ น้อย เพียงเท่านั้น นั่นก็หมายถึงความสามารถในการแจกแจงแสดงธรรมทั้งมวลนั่นเอง

    "จงพิจารณาให้เห็นความเป็นจริงเถิดว่า"
    องค์สมเด็จพระบรมมหาศาสดาทรงจำแนกพระธรรมคำภีร์คำสั่งสอนออกมาเป็นทางสายกลางสายเดียวไม่มีแปลกแยกเป็นอื่น ผู้ที่ถือพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บทโดยปฎิสัมภิทาญานได้ "เปรียบเสมือนผู้ถือแท่งทองชมพูนุช"เป็นแม่แบบ เป็น"รัตนมหาธาตุ"ย่อมสามารถมองล่วงรู้เห็นว่า ทองคำแท่งใดปลอมปน วัสดุอื่นตามได้อย่างละเอียด ว่ามีเหล็กบ้าง ตะกั่วบ้าง เป็นต้น ถ้าถึงกาลเวลานั้น คือมีผู้สามารถรวมรวมการแตกแยกของนิกายทั้งหมดมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้เมื่อไร ด้วย ปาฎิหาริย์ ๓ ตอนนั้นจักรวรรดิธรรม ก็จะพร้อมเรียกชื่อ นิกาย อันมีนามแท้"ดั้งเดิม" อันเป็นนามที่แท้จริงของพระศาสนา เหมือนกับสมัยพุทธันดรก่อนๆ นั้นแล

    ในกาลนี้ที่ประเทศนี้หรือในต่างประเทศยังไม่มีผู้ใดไม่ว่าจะเป็นคฤหัสถ์หรือบรรพชิต หรือแม้แต่นักบวชนอกพระพุทธศาสนาเหล่าอื่นใด ที่สามารถบ่งบอกสถานะการมีอยู่ ของพระสัทธรรมได้เทียมเท่ากับเราแม้แต่เพียงผู้เดียว ผู้ใดเห็นและรู้ตามเราผู้นั้นคือผู้เห็นธรรมอันแสนจะเห็นได้ยากโดยแท้ และแม้พระไตรปิฏกธรผู้ทรงจดจำ ก็ไม่สามารถเห็นธรรมนั้น และไม่สามารถสงเคราะห์เหล่าธรรมต่างๆ เพื่อแยกแยะแจกแจง ลงได้ในมหาปัฏฐานปกรณ์และธาตุกถาโดยหลักในพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ได้แม้แต่เพียงผู้เดียว ในโลกนี้ตอนนี้ไม่มีผู้สามารถทำเช่นนั้นได้ ถือว่าเป็นงานที่ยากที่สุดและมีคุณค่าความหมายเป็นที่สุด นี่จึงเป็นการแสดงการแจกแจงแสดงพระสัทธรรมทั้งมวลฯ อันยอดเยี่ยมยิ่งขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงธรรมโปรดต่อพระพุทธมารดาและเหล่าเทพยดาเทวาทั้งหลายฯ พุทธบริษัท ๔ สาวกใดเมื่ออ่านข้อความนี้จากเราแล้ว และจักเป็นประโยคอันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่จักเคยได้อ่านผ่านตา ซึ่งคุณอันลึกซึ้งนี้ คงจะพอทราบฐานะธรรมและจักรู้และได้ประโยชน์ในธรรมที่เราแสดงไว้นี้สืบไปชั่วกาลนาน

    จงค้นหาตนเองให้เจอ แล้วมากับเรา
    อสัทธรรม คัมภีร์อหังการวิเศษมาร คือศัตรูที่มองไม่เห็นนั้น ได้เริ่มก่อการอย่างเงียบๆและได้ปรากฎขึ้นแก่เรามาตั้งแต่ ๒,๕๕๔ แล้ว ผู้ใดมีภาระหน้าที่เช่นเราและเกี่ยวข้องกับเรา จงจดจำภาษิตนี้เอาไว้
    ขอมอบเป็นธรรมทานเข้าพรรษาปีนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2016
  19. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
    สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ
    การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง
    รสแห่งธรรมชนะรสทั้งปวง
    ความยินดีในธรรมชนะความยินดีทั้งปวง
    ความสิ้นไปแห่งตัณหาชนะทุกข์ทั้งปวง
    ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้พระนิพพานแก่คนทั้งหลาย


    Like Dhamma and 1105 people like this. Be the first of your friends.
    facebook member and others like this.

    ขอขอบคุณสำหรับน้ำใจที่ดีงาม และขออนุโมทนาในบุญฯนั้นด้วย ที่เหล่าสหชาติสหายธรรมกัลยาณมิตร ทุกท่านผู้หวังความเจริญใน{พระสัทธรรม}ทั้งหลายฯ ที่ได้กรุณาช่วยเผยแผ่ตีแผ่เรื่องราว การมีอยู่ของ{0}พระสัทธรรม{0} อันเป็น ธรรมทานนี้ เพื่อเปิดทางสว่างให้กับผู้ที่ยังไม่รู้{0}พระสัทธรรม{0} ปิดทางอันมืดมนชี้ทางสว่างให้กับผู้ที่หลงผิดและกำลังจะหลงผิดไปกับสำนักวัดนาป่าพง ขอให้ความปิติสุขสว่างสดใส เรืองรองของแสงทองเรืองรองแห่ง{0}พระสัทธรรม{0}จงขจรขจายไปทั่วทั้งดินแดนพุทธภูมิ

    ร่วมกันแชร์เพื่อกระจายข่าวสารอันเป็นประโยชน์สุขแก่พุทธศาสนิกชน




    กัลยาณมิตรธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2016
  20. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ไม่ว่าจะเป็นกัลยาณมิตรหรือมิตรปฎิรูป ที่ได้มาสอดส่องแวะเวียนมาศึกษาพิจารณาในกระทู้ที่ข้าพเจ้าได้แสดงไว้นี้ ขอให้ท่านทั้งหลายฯจงเจริญในพระสัทธรรมยิ่งขึ้นไป ตามจริตธรรมและมรรคผลตามที่ตนได้สั่งสมไว้แล้วนั่นเทอญฯ


    สมาชิกที่ได้อ่านกระทู้นี้แล้ว : 626 (Set)
    (JD), *Superman*, ---สมส่วน---, 108man, 123, a5g1aeka, ab-normal, aeziss, agentlight555, AKR, alkuwaiti, amonsri, ann@namaste, Anomee, anumota, anuruth, aoomo, apichart123, Apotamkin, argokarien, arnusit, arrow3322, arsasrianan, art2498, asdf_g123, Attraction, aumpaiwun, AYACOOSHA, b62, B738, Bar, benicel, BhasavannO, bigbangpakok, biox, BJTing, bkk_cnx, blackangel, bloodcloak, blueduck, bluesky32, BOE-BOE, boonnippan, btme, busoh2524, buytona, Candle_9, Candle_Flame, center-in-center, chaiyaput, chai_yai, champnutt, chan2510, channarong_wo, charoenrat, chaumka, Chdeemitr, chermelot, chinapat somtanaree, chomkamon, choo9, choto, chromosome x, chuancap, chura, Chutha, chutpolsu, ckj_tong1, cnsya, color999, coolice, cs2555, darkphantom, datchanee, dawlong, DeathStriker, deep listening, Dekwat09, Dis-esp, DMZ_ZONE, donki_hote, duangjaij, dudun2527, D_monday, d_thep, eiab234, elmaun, Eric99, EUROPE, excella, FarawayHome, fg400a, final_lab, fordkorat, friendforever, frozen flower, GaoRaek, gednana, GenerationXXX, gledthong, goldwater, golfveee, goodarz, gordberk, grandki, gratrypa, greenice, guawn, guide97, harkenjo, HeadlightPJ, HeartBound, Higtmax, Hotarubi, hughang, I'm da ?, I'm hope, iamtheds, icecoffee, illanzer, ilovemom, im.peet, intharabud, IP-UPD, ironman, Isreal, J47, jacobp, jae in, janjar, jarupa1977, java108, jaya, jedsada tumnum, jeib55, jikkiijang, jirarad, jityim, jkung04, joni_buddhist, jotaro4s, Joypor, jsso, jt77, jttm, Just another day, k.tip, kainpd, kamoochi, kapookmeetang, kemnote, kengjingjung, ketpirune, Khun Tuktik 32456, kiad, kidspj, kim9, kindghost, kiw22743, KKRI, kolopsky, komsan_china, korea_me, korn95, kriskrisda9, Kritsaeree, Krutook, ksuchet, kulkeratiyut, Kwanruen, KY2, K_Benjamas, lay-out, leehonza, Leopud, lista, Louis SLC29, lowprofile, Lo_olLo, mai321, Mali Loi, mali1163, mam_2012, manas, markdee, mee-choke, meephoo, MigmanC, Mikas, mjaidee84, Moon of Wanpan, mooom, Moo_จุ๋ม, mps007, mummamman, muntra_living, naic, naiyaa, nai_joe, namdangza, namitta, Namui, nangkeaw, nao7310, napasawan, naproxen, nasana, nataraja, natt_bow, naw, Neoworld, Newzamak555, Ngab, nightgt, ning nutchanun, Nirankar, Nirvana, nite, nitric, noinid0209, nopphakan, Nuch1972, nui99, Nui_nawa, Nutchakul, ObaFemI, obniti, odie42, omkanez, OSR, ouam, Ouioui, p1wichai, paetrix, pakkrid, Palat, Palilai, pasit_ok, Passumol, Pattarakorn2010, payavanol, peekmaii, peesut, Peet, Pei-panwad, pental41, ph240, phraedhammajak, Piagk3, pinkyrainbow, pintongpun, PinyaPucth, pisi, Placebo, pmntr, pmods, poldhamma, polich68, poon-pan, PooPowerZ, posopa, Powernext, powerza, Pranikai, preechaniy, preuk, preyaporn, Pringles, propoj, pum_anatta, Q(^_^Q), ragpon, raming2555, Rikatae, ritta, Rosarin, roselove, rsuw, rubian, rung15, Saber, sageA, sakkamol, samarin_140, samrung, sanyachim, seekerpunch, seento, shaj, shanan, Sillys, SIR2010, siritach, sirwilliams, sitta, smart-mu, smile072, smokerclub999, somkiatvunnasoot, somkun62, Songsarid, sornsill, spharm, Sriaraya5, sriharaj_wit, sritrang, ssuksan18, ss_solomon, Stefa Stefa, Stradale, suekong, sukijsa, sumpun108, sun009, sun78, supaaie, Supachai_22, suparush, Supergirl^^, superหนุมาน, SUPOJ507, suthipongnuy, sutongperd, suvanna, suwi, takka, talien, tamonwun, Tanakrit1234, Taravill, Tassanan, tavilak, tchaikovsky, tchalat, teakone, Templeboy99, Teppanom, teraprat, thaiboy74, thaicat_2013, than930, THANARATH, Thanitanont, TheVisionMind, thitiwatyu, thongchat, tidmag, TiewThiraphat, TIGERYELLOW, timon4, tim_jintana, TO-9198, TonSimma, too370, topff, toplus99, toranakin, totto99, toyhonda, trsn, tuan-tuan, tumdidi, tummayut, tunoishi, Tusinqiqu, UAbhijat, uit, upun2, uuuu0010, vegetarian, Vensure Tumdee, VERAJAK, visut_p, Vkan65, vutti8340, wangwang, warintaweewat, warodomsathan, wawa, wawana, weeravit, whitenaga, winterball, wiraphat1, wisakha, witoon009, woot9999, woralak, xam, Xtrem, yai344, yammies, Yostro1310, yothin4213, yoyonoinoi, yupha, yuth seacon, zagio, zalievan, Zema, zeusfurious, Zigor, ZIGOVILLE, ZUTE, _nnn_123, ~หัตถ์oBuddha~, กรึงไกร, กสิณดิน, กฮ, กันตสีโล, กานโถม, กาละมังบุญ, กิมลี้, กิ่งสน, ขมิ้นชัน, ขวัญพิภพ, ขอปัญญาญาณ, ขันธ์ 5, ขุนพล., คงหมิง, คนรักควาย, คนวิเศษ, คนเฝ้าดู, คนโง่โง่, คือคนไทย, คุณตุ๊ก, ฅนโคกว่าน, จริงนะ, จันทรวิชิต, จารุวณณร, จิ-โป, จิตซื่อตรง, จิตตรา, จิตตานุปัสสนา, จิตวาง, จื่อหลิง, จ่ายักษ์, ฉันทปาโล, ชัชชลี, ชาลี(ตรี), ชาวพุทธแท้, ช่อวันทา, ณฉัตร, ดอกกุหลาบ, ดอกไม้ป่่า, ดับขันธ์5, ดาราเทวี, ตราใจ, ตั้มจ๊ะ, ตามหาพุทธะ, ต้นแปะ, ถิ่นธรรม, ทรงกลด999, ทองสุก, ทามปายได้, ธณต, ธรรม-ชาติ, ธรรมมนุษย์, ธรรมสุตตะ, ธารทอง, นกฮูกน้อย, นะมะนะอะ, นักพรต, นัมรว, นางสาวอยู่จ้ะ, นายสติ, นาๆจิตตัง, นิวัตร์, น้องมาร์ค, น้ำเกลี้ยง, บัวบูชา, บัวแรกแย้ม, บุญทรงพระเครื่อง, ปรสิทธิ์, ประสกใต้โพ, ปาตละปุตโต, ผู้ตามธรรม, ผู้พันจุ่น, ผู้มาใหม่, ผู้เตือน warn, ผู้เฝ้าดู, ผ่านทาง, ผ่านมาเฉยๆ, พญายา, พญาเสือดาว, พยงค์, พรหมณี, พรหมประกาศิต, พระสารทะ, พระโตชิ, พิชญชนม์, พิมพ์ดา, พี่ซุ่น, พุดน้ำบุศ, พุทธวัจนะ, พุทธาวตาร, ภคทัศ, ภราดรภาพ, มงคล พิมพา, มนุษย์835, มะลิดำ, มิสเตอร์บี, ยอดคะน้า, ยักไฮโล, รักแม่, รัชนีพร, ราตรีมณี, ริวตะ, ลมหายใจสุดท้าย, ลุงจิ๋ว, ลุงมหา๑, ลูกพญานาค, ลูกหลวงปู่, วรสกุล, วัดชรา, วิชัย มณี, วิมุตติ, วิหคเพลิง, ศนิวาร, ศรศิลป์, ศีเลนะ, สตางค์แดง, สมพงษ์97, สักการะ, สัจจะวาจา, สันตุฏฐี, สาสนี, สุชีโว, หมวดดิน, หมูไม่น้อย, หวังปู้เลี่ยว, ห่านป่า, อนุรุทธ, อัคนีวาต, อาจีฟา, อาทิตย์03, อุตสาหะ, อโนรธา, เกราะธรรม, เกริกไกร, เก่ง-เฮง, เก่งดี, เจอราด, เซณา, เดือนสิบ, เด็กบางบัว, เตรียมตัว, เทวธํมโม, เบอร์นิต, เพชรพญาธร, เพียงพอnee, เมิล, เมืองบังบด, เว็บบอร์ด, เส้าหลิน, เห็ดถอบ, เอกรถไฟ, เอมมา, เอ๋เชียงใหม่, แก่นตะวัน, แก้วทิพย์, แก้วประพาฬ, แก้วษิตา, แม่กะเต้ย, แสงอุ่น, โกตูน, โซดาเย็น, โปฐิละ, โรส Imagine, โลกนี้คือละคร, ใจเดิม, ไทร, ไม้ขีด, ไร้กรอบ, ์Nanthawat, ๑๕ ค่ำ

    https://youtu.be/4VzhGhusKAo

    คิดคำนึงถึงอยู่ ถึงผู้อ่านแต่มิได้เป็นสมาชิกในเว็บพลังจิตนั้นด้วย ไม่ว่าจะมาในฐานะมิตร หรือ มิใช่มิตรก็ตาม

    เรื่องอื่นเป็นไปด้วยความรักและเมตตาเหมือนเดิม พระพุทธเจ้าท่านวางใจเสมอกัน โดยเห็นว่าเป็นสัตว์ จะดีจะชั่วท่านก็เมตตา
    พระราหุล กับเทวทัต ฯลฯ ท่านก็มีเมตตากรุณาเสมอกัน เพราะท่านเล็งต้นเห็นปลายโดยกาลพุทธพยากรณ์แล้ว

    แต่เรื่องการทำลาย พระธรรมคำสั่งสอน ในพระไตรปิฏก โดยแอบอ้าง เปิดธรรมที่ถูกปิดสร้างสัทธรรมปฎิรูป บิดเบือนทำลายภาษาที่รักษาไว้ซึ่งพระสัทธรรม เรามิอาจยอมได้ ถ้าเราไม่บอกธรรมนี้ ตระหนี่ธรรมที่เราแสดงไว้ตรงนี้ เราก็ผิดและไม่อาจเจริญในธรรมอันลึกซึ้งอันจักเจริญในมรรคผลต่อไปได้อีก นี่จึงสุดปัญญาเราตามกาลแล้วสหธรรมิกชนทั้งหลายฯ ท่านจงพิจารณาธรรมตามกาลเถิด


    หากจะมีอกุศลกรรมใดเกิดขึ้น จากอันตรายิกธรรมนี้ที่เราแสดงไว้เป็นเหตุ เราขอรับอกุศลกรรมนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว


    ขอขอบคุณเว็บสโนว์และทีมงานผู้ดูแลเว็บบอร์ดที่เอื้อเฟื้อสถานที่

    ว่าที่พระภิกษุ ฉายา " พระธรรมบุตร ธรรมราชา "
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2016

แชร์หน้านี้

Loading...