เหมาะสมหรือไม่? ไปดูกันหน่อยครับ

เหมาะสมหรือไม่ ลองไปดูกัน

http://www.tantranewyork.com/

 

ไม่เหมาะสมแน่นอนครับ...มันเหมือนเอาเท้าเหยียบใจชาวพุทธ

 

ถือเป็นการลบหลู่ แต่คิดอีกทางคนที่ทำอย่างนี้ก็น่าสงสาร เขาได้ทำกรรมเพราะความไม่รู้ ผมอยู่ต่างประเทศได้เห็นการกระทำที่ไม่สมควรกับพระพุทธรูปหลายครั้ง เช่นการนำไปประดับสระว่ายน้ำในบ้านเป็นต้น ก็ได้แต่ปลง

 

นี่เป็นภาพ ยับยัม หมายถึงพ่อแม่ ของพุทธศาสนานิกาย ตันตระยาน แบบธิเบต มิได้แสดงความลบหลู่แต่อย่างใด แสดงถึง ความเมตตา และ ปัญญา

ภาพที่เห็นคนชาวพุทธแบบเถรวาท ต้องรับไม่ได้อย่างแน่นอน

 

...ฝรั่งส่วนใหญ่มักรู้จักศาสนาพุทธ..ซึ่งเป็นพุทธแบบวัชรยาน(ตันตระ)กันซะส่วนมาก..เหตุผลบางส่วนเพราะพุทธแบบวัชรยานมีพระพุทธรูป+รูปปั้นที่แปลกตามากมาย...ศาสนาพุทธในความคิดของฝรั่งจึงมุ่งตรงไปสู่ศิลปะวัตถุเป็นหลัก...อีกทั้งพุทธศาสนานิกายวัชรยานก็มีพิธีกรรมที่แหวกแนวอยู่หลายอย่าง เช่น แล่เนื้อมนุษย์(ศพ)ให้แร้งกิน - เอากระดูกไปทำเครื่องดนตรีสำหรับเป่า และเครื่องประดับ....เฮ้อ!!!..คงต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ชาวโลกรู้จักพุทธแบบของเราให้มากขึ้นซะแล้ว...(รายละเอียดพุทธศาสนานิกายวัชรยาน+พระพุทธรูปปางเสพสม ตามลิงค์ไปเลยครับ)


http://palungjit.org/showthread.php?t=9288

 

คล้ายกับการเผยปพร่คำสอนหรือได้รับฟังแบหนึ่งแต่ดันไปเข้าใจอีกอย่างหนึ่งอีกอย่างหนึ่งจนเพี้ยนไปจากเดิมจนบานปลายกลายเป็นสิ่งที่คิดว่าถูกไม่ผิดคิด
เป็นธรรมดาไม่รู้จะใช่หรือปาวความคิดเห็นของผมอาจผิดก็ได้

แต่อีกนัยหนึ่งผมเคยได้ยินว่าการให้สมสู่กันมากจนทำให้เกิดความเบื่อหน่ายในเรื่องกามทำจนถึงขีดสุดเพื่อให้เบื่อละออกจากกาม
ผมไม่แน่ใจนะครับเคยอ่านมาว่าทำแบบนี้มากเพื่อได้เบื่อจนคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นปฏิบัติที่ถูกหรือดีแล้วทั้งที่คำสอนของพระพุทธเจ้าดีแล้วแต่ดันทำแบบนี้เบื่อให้ละ
ผมก็ไม่เข้าใจ แต่ที่ทำกับพระพุทธรูปแบบนี้ผมว่าลงนรกชัวเพราะพระพุทธเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ปราสจากกิเลศ แบบว่าพระองค์ทรงละจากขยะกิเลศอันสกปรกแล้วนำรูปลักษณ์พระองค์มาทำในรูปแบบที่ไม่ดีอย่างนี้ไม่สมควรพระองค์ทรงตัดขาดจากิเกศแล้ว ถ้าเป็นรูปสมมุติอย่างอื่นที่ไม่ใช่รูปพระพุทธเจ้าไม่ค่อยเท่าไหร่แต่นี่น่าเกีลยดมาก เฮ้อ.........

 

ตามไปอ่านในลิงค์มาแล้วครับ อ่านแล้วมึนเลย

เหมือนเป็นความเชื่อของคนกลุ่มใหญ่กลุ่มนึง แล้วสังคมยอมรับ แต่รวมๆแล้วดูเป็นความเชื่อที่ค่อนข้างมั่วซั่วมากทีเดียว เช่น

การมีเทวีของพระศิวะ พระวิษณุ แสดงถึงศักดิ์และศรีของเทพผู้สูงศักดิ์

เลยพาให้พระพุทธองค์ต้องมีเทวีกับเขาด้วย เพื่อความมีศักดิ์ ศรี

และนางตาราผู้นี้เป็นผู้บันดาลให้คนตรัสรู้ธรรมได้ บางทีก็อ้างว่านางคือองค์อวตารพระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งชาวจีนที่มีความรู้จะอธิบายให้ทราบว่า กวนอิม คือ อวโลกิเตศวร และเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง จึงไม่เกี่ยวข้องกัน

"พุทธรูปเหล่านี้ไม่เป็นเรื่องของ การลบหลู่พระพุทธเจ้าหรือ พระพุทธศาสนาแต่ประการใด เขาถือว่าเป็นเรื่องของการสมมุติ เพื่อแสดงสภาวะธรรมในระดับปรมัตถ์ให้คนธรรมดาเข้าใจได้ การไปโกรธต่อว่าหาว่าเขาดูหมิ่นพระพุทธเจ้านั้นย่อมทำให้เขาเกิดความรู้สึกว่า เราไม่เข้าใจความละเอียดอ่อนของสภาวะธรรม และมรดกธรรมที่บรรพบุรุษของเขารับตกทอดกันมากว่าพันปี "

พระพุทธรูปปางนี้ เรียกเป็นภาษาธิเบตว่า "ยับ ยุม"
"ยับ" หมายถึงพ่อ
"ยุม" หมายถึงแม่
(ยับและยุมนี้เป็นคำศัพท์สุภาพ)
พระพุทธรูปปางนี้เป็นเพียงสัญลักษณ์
เพศชาย เป็นสัญลักษณ์แห่งความกรุณา
เพศหญิง เป็นสัญลักษณ์แห่งปัญญา
เมื่อปัญญาและกรุณารวมตัวกัน จึงเกิดการหลุดพ้น
คนธิเบตเชื่อว่า หากมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะหลุดพ้นไม่ได้

พระพุทธรูปปางนี้ไม่เกี่ยวกับการเสพสมแต่อย่างใด !​

สัญลักษณ์ คือสิ่งที่พ้นไปจากสัญลักษณ์นั้นเอง อย่างที่อาจารย์ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ เคยกล่าวว่าเราจะปลดทุกข์ตรงป้ายบอกทางไปห้องน้ำไม่ได้ !

อานี ซัมโดรล<!-- / message -->

ปล.ปลงจริงๆครับ เขาว่าเขาไม่ผิด ไม่ผิดจริงๆนะ - -"

 

ไม่เหมาะสมแน่นอนอยู่แล้วคร้า
<img src=http://dl6.glitter-graphics.net/pub/534/534926a868c6zioc.gif width=127 height=159 border=0></a>

 

...ขออนุญาตตอบนิดนึงครับ (ตอนแรกว่าจะไม่เขียนอะไร..เกรงใจเจ้าของกระทู้..เอาแบบสั้นๆละกัน)...คือธิเบตในยุคก่อนที่พระพุทธศาสนาจะแผ่เข้าไป เป็นยุคที่ชาวธิเบตนับถือเทพเจ้าและภูติผีปีศาจครับ (หมายถึงเทพเจ้า+ภูติผีปีศาจดั้งเดิมของชาวธิเบตเอง) ต่อมาศาสนาพราหมณ์ฮินดูได้ขยายอิทธิพลไปถึงธิเบต...จึงเกิดการผสมผสานความเชื่อเรื่องเทพพระเจ้าแบบผสม ระหว่างพระเจ้าดั้งเดิมของตน+พระเจ้าองค์ใหม่ของพราหมณ์ฮินดูครับ...ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนาแผ่ไปถึงธิเบต(..กล่าวกันว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงเสด็จไปเผยแผ่ธรรมด้วยพระองค์เองเลยทีเดียว..)...ชาวธิเบตก็เลยนับถือศาสนาพุทธมาจนถึงทุกวันนี้..แต่ยังงั๊ยยังงัยก็ไม่ยอมละทิ้งความเชื่อดั้งเดิม เกี่ยวกับพระเจ้าของตนและพระเจ้าของศาสนาพรหมณ์ฮินดู..ไปๆมาๆจึงกลายมาเป็นพระพุทธศาสนาแบบวัชรยาน(ตันตระ)ตามที่เห็นนี่แหละครับ...ต่อมาจีนเข้ายึดครองธิเบตและเปิดให้เป็นเมืองท่องเที่ยว...ทีนี้สนุกกันใหญ่เลย ชาวโลกจากหลากหลายประเทศ ต่างก็แห่กันเข้าไปเที่ยวที่ธิเบต (เพราะค่าใช้จ่ายราคาไม่แพง)...จึงเป็นมูลเหตุให้ฝรั่งรู้จักศาสนาพุทธกันมากขึ้น (และต่างพากันเข้าใจว่าศาสนาพุทธมีเพียงแบบเดียวคือแบบวัชรยานครับ)..นี่ยังไม่นับรวมชาวธิเบตที่ลี้ภัยสงคราม และกระจายไปทั่วโลกอีกจำนวนหนึ่งนะครับ....พอแค่นี้ก่อนนะครับ (ไม่กล้าเขียนมาก..เกรงใจเจ้าของกระทู้ครับ)
...ผมขอสรุปสั้นๆว่า Tantra New York มั่วครับ...เอาพุทธศาสนาแบบตันตระมาเป็นสิ่งดึงดูด(แถมบอกว่าไม่ใช่ศาสนาอีกตางหาก)..แล้วพยายามเชื่อมโยงไปสู่การมีSEXแบบกามาสุตา (โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์เป็นข้ออ้าง)...อืมม์..พูดไม่ออกบอกไม่ถูกครับ

http://www.tantranewyork.com/faq.html
http://www.tantraattahoe.com/?carlatantra
http://www.tantraattahoe.com/free-tantric-sex-info.htm

 

อย่างนี้ชัดอยู่แล้ว...ว่าไม่แหมาะสมที่สุดค่ะ

 

สงสารคนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างภาพนี้
ดูแล้วอย่าให้ใจเราเศร้าหมองนะครับ

อันนี้ก็เป็นวิธีปรับใจไม่ให้จิตเกิดโทสะจากการดูภาพเหล่านี้
http://www.budpage.com/ba94.shtml

 

อันนี้ต่างกันตรงมุมมองของแต่ละบุคคล ครับ

ถ้าถามพวกนิกานเถรวาท อย่างพวกเราก็ต้องว่าไม่เหมาะสม

แต่พอดีพวกนี้เป็นมหายาน ลัทธิตันตระริก....ซึ่งมีอยู่จริงในแถบธิเบต เขานับถือของเขามาแบบนั้น น่ะครับ และมีคตินิยมเป็นของเขาเอง จึงไม่ผิดอะไร

ฝรั่งส่วนมากนับถือพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ตามแบบฉบับของดาราฝรั่งเป็นส่วนมาก เช่น ริชาร์ด เกียร์ ดังนั้นพิธีกรรม และ ความเชื่ออาจจะแตกต่างออกไป ครับ

ส่วนจะได้มรรค-ผล นิพพาน อย่างไร ก็ไปว่ากันเอง น่ะ

 

คิดเหมือนกับคุณ Nirvana ครับ ต่างนิกายต่างความเชื่อครับ
ถ้ามองในมุมของเถรวาท พระจีนที่ฝึกวิทยายุทธนี่ก็คงไม่เหมาะสมด้วยครับ

แต่ถ้าคนเค้าไม่เข้าใจแล้วดันไปโยงเกี่ยวกับกามาสุตราอย่างที่คุณ T-1970 ว่ามามันคงไม่เหมาะแล้วครับ เพราะความหมายของพระพุทธรูปปางนี้มันไม่ได้ตั้งใจจะสื่อไปอย่างนี้ครับ

ตามข้อมูลที่คุณ Imagine ว่ามา มันเหมือนเป็นสัญลักษณ์มากกว่า

 

น่าจะเป็นความเข้าใจผิดนะครับ เพราะตันตระเองจริงๆแล้วก็จะไม่สร้างเป็นรูปพระพุทธนะครับสำหรับปางนี้ แต่จะสร้างเป็นรูปพระโพธิสัตว์กับเทวีแทน โดยเชื่อว่าพระโพธิสัตว์จะมีเทวีประจำองค์ท่านอยู่ หรือก็คือคู่บารมีของชาวพุทธเถรวาทนั่นแหละครับ

เพราะพระพุทธเจ้าไม่ว่าพระองค์ใดท่านเป็นผู้ตรัสรู้หมดมลทินแล้วท่านไม่จำเป็นต้องมีเทวีอีกแล้วล่ะครับ และคำว่าตันตระจริงๆไม่ได้หมายถึงการมีอะไรกัน(XXX) กันจริงๆนะครับ

แต่เป็นการฝึกกรรมฐานที่เน้นการต่อสู้กับกิเลสด้วยการดูไปที่ตัวกิเลสโดยตรง เช่น ถ้ามีราคะหรือโทสะเกิดขึ้น ตันตระจะสอนว่าเราไม่ต้องหนีหรือไปพิจารณาธรรมอย่างอื่น แต่ให้มีสติอยู่กับราคะและโทสะนั้น เพียงแต่ให้อยู่อย่างมีสติอย่าไปหวั่นไหวกับกิเลสนั้น ถ้าเราสามารถทำได้ก็จะเกิดญาณปัญญามองเห็นกิเลสตามความเป็นจริงจนสามารถขจัดกิเลสให้หมดไปได้เช่นกันครับ(ตรงกับการดูจิตของพุทธเถรวาท)

โดยตันตระจะเน้นที่การดูกิเลสนั่นเองไม่ให้หนีกิเลส ตันตระไม่ได้สอนตามหลักพื้นฐานทั่วไปเช่น ให้แผ่เมตตา ให้ทำบุญสร้างความดี นึกถึงอารมณ์ที่เป็นกุศลต่างๆ โดยเชื่อกันว่าถ้าปฏิบัติด้วยการเพ่งเล็งไปที่กิเลสโดยตรงจะสามารถบรรลุธรรมได้รวดเร็วครับ แต่ว่าการปฏิบัติเช่นนี้ก็มีข้อที่ต้องระมัดระวังคือ ถ้าเผลอสติแทนที่จะเกิดญาณปัญญา อาจจะคล้อยตามกิเลสเข้ารกเข้าพงกันไปใหญ่เลยก็เป็นได้น่ะครับ

(นี่คือที่มาของรูปเคารพที่สร้างพระโพธิสัตว์(ไม่ใช่พระพุทธเจ้า)กับเทวีอยู่ด้วยกัน เป็นกุศโลบายที่ว่า ญาณปัญญาอาจพบได้แม้ในกิเลส น่ะครับ)

 

ดีครับและขออนุโมทนากับทุกๆท่าน เข้ามาอ่านแล้วรู้แล้ว เห็นแล้ว เท่านั้นครับ สาธุ