ข้อความจากต่างมิติ - ข้อความชุด Morning messages จาก The Team

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 13 มีนาคม 2015.

  1. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 72: แมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือน (Vibrational Matrix)"

    a.png
    (credit the picture from internet)

    ก่อนอื่นพวกเราอยากจะขอบอกพวกคุณว่าพวกเรามองเห็นพวกคุณเป็นคลื่นความสั่นสะเทือน, เป็นพลังงานที่ถักทอกันอยู่, เป็นแสงสว่างและเป็นเสียง ซึ่งรูปแบบเหล่านี้ และสิ่งทอเหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลง และเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา มีทั้งช่วงเวลาที่ราบเรียบสม่ำเสมอ และช่วงเวลาที่ขึ้น ๆ ลง ๆ แมทตริกซ์ความสั่นสะเทือนของพวกคุณนั้น ทำให้ลักษณะปรากฎของกาแล็กซี่มีความงดงามจนน่าทึ่งอย่างที่มันเป็นอยู่

    วิชาควอนตั้มฟิสิกส์บอกพวกคุณว่าร่างกายเนื้อของมนุษย์นั้นประกอบไปด้วยช่องว่างซะเป็นส่วนใหญ่ มันไม่ได้เป็นของแข็งแต่อย่างใดเลย แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าและรู้สึกราวกับว่ามันเป็นของแข็งก็ตาม มันก็เหมือนกับอวกาศที่อยู่ภายนอกนั่นแหละ ที่อะตอมของพวกคุณจะส่องแสงสว่างแวววาวดุจดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรีเลยทีเดียว

    พวกเราอยากขอเชิญชวนพวกคุณให้มายืดขยายความตระหนักรู้ของตัวเองเข้าไปในขอบเขต ที่พวกคุณจะสามารถมองเห็นร่างกายเนื้อของตัวเองในแบบที่พวกเรามองเห็นกันบ้าง

    มีพวกคุณบางคนที่มีความสามารถในการมองเห็น “แมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือน” (Vibrational Matrix) ได้ พวกเขาสามารถมองเห็นพลังงานที่ถักทอกันเป็นสีสันต่าง ๆ, เป็นเสียงต่าง ๆ และเป็นแสงต่าง ๆ ได้ และอีกหลายคนก็สามารถที่จะสัมผัส, รู้สึก หรือแม้แต่ได้ยินเสียงของแมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือนของคนอื่น ๆ ได้ด้วยซ้ำไป

    ซึ่ง “แมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือน” ที่ว่านี้ ก็มีชื่อเรียกอยู่หลายชื่อด้วยกัน เช่น ออร่า (aura), บุญบารมี (charisma), หรือ อำนาจแม่เหล็ก (magnetism) เป็นต้น และความสามารถในการมองเห็น หรือการได้ยินเสียงของแมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือนของคนอื่นดังกล่าวนี้ ก็จะกลายไปเป็นเรื่องปกติธรรมดามากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย เมื่อมนุษย์โลกสามารถขยายความตระหนักรู้ของตัวเองเข้าไปสู่ความเป็นหลากมิติของตัวเองได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว

    วันนี้พวกเราอยากจะขอแบ่งปันข้อมูลกับพวกคุณว่า..เจ้าแมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือนอันนี้ มันบรรจุอะไรเอาไว้อยู่?
    และว่า..มันก่อรูปก่อร่างขึ้นมาได้อย่างไร?


    ทันทีที่ร่างกายเนื้อของมนุษย์เริ่มถูกสร้างขึ้นมาในครรภ์ของมารดา พลังงานก็จะเริ่มถักทอขึ้นมาในทันทีด้วยเช่นเดียวกัน ร่างกายเนื้อของมนุษย์แต่ละคนคือที่ชุมนุมของคลื่นความสั่นสะเทือนต่าง ๆ จำนวนมากมาย ที่ถักทอกันขึ้นมาเป็นรูปแบบทางพลังงานรูปแบบต่าง ๆ และเครือข่ายของความสั่นสะเทือนอันนี้ (แมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือน – ผู้แปล) ก็ถูกสร้างขึ้นมาจากอารมณ์, ความคิด และประสบการณ์ต่าง ๆ ของมนุษย์ผู้นั้นเองด้วย

    เพราะว่าประสบการณ์ชีวิตของมนุษย์ทุก ๆ ประสบการณ์จะถูกแปลความหมายไปเป็นแมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือนอันนี้ หรือเป็นสิ่งทอทางพลังงานผืนนี้ แต่ว่าประสบการณ์ชีวิตในมิติที่ 3 และ 4 นี้ ก็ไม่เอื้ออำนวยต่อความแข็งแกร่ง และการขยายตัวของแมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือนของมนุษย์โลกเท่าใดนัก เพราะว่าความผิดเพี้ยน และความไร้จิตสำนึกที่แพร่หลายไปทั่วโลกท่ามกลางมนุษยชาติอยู่นี้ ได้สร้างความยุ่งเหยิง และสิ่งอุดตันขึ้นมาในสนามพลังงานที่ถักทอกันขึ้นมาอันนี้อย่างมากมายเหลือเกิน

    แล้วพลังงานที่ยุ่งเหยิงอันนี้ก็จะไปชะลอหรือไปขัดขวางกระแสการไหลของพลังงานชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์จากเบื้องบนจนหมดสิ้น จนส่งผลให้มนุษย์โลกค่อย ๆ ตายลงไป เพราะว่า “แมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือน” อันนี้ คือสิ่งที่เก็บรักษารูปแบบของร่างกายเนื้อของมนุษย์เอาไว้ และคือสิ่งที่เก็บรักษาสิ่งทอทางพลังงาน สำหรับการก่อขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างของร่างกายเนื้อของมนุษย์พร้อมด้วยธาตุต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกัน และที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันทั้งหมดเอาไว้

    เซลล์ทุกเซลล์และอะตอมทุกอะตอมในร่างกายเนื้อของพวกคุณ จะสั่นสะเทือนอยู่ด้วยอัตราความสั่นสะเทือนของตัวมันเอง กระดูก, เลือด, อวัยวะน้อยใหญ่ทั้งหลาย และทุก ๆ ส่วนของร่างกายเนื้อของพวกคุณ จะถูกจัดวางให้เข้าที่ และจะถูกสร้างขึ้นมาจาก “แมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือน” อันนี้ ดังนั้น ร่างกายเนื้อของพวกคุณ จึงมีคุณสมบัติทุกอย่างสอดคล้องกับ “แมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือน” ของพวกคุณเองอย่างพอเหมาะพอดี นี่คือวิธีการอธิบายที่ง่ายที่สุด สำหรับเรื่องที่มีความสลับซับซ้อนอย่างมากแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็พอจะช่วยทำให้พวกคุณอยากจะค้นหาคำตอบให้มากกว่านี้ได้

    จงเล่นกับแนวความคิดนี้ และจงเล่นกับความหมายโดยนัยทั้งหมดของมัน จงสังเกตดู “แมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือน” ของตัวเอง ว่ามีส่วนไหนบ้างที่มีการขยายตัวดีแล้ว และส่วนไหนบ้างที่อาจจะยังมีความยุ่งเหยิงของพลังงานอยู่

    จงเล่นสนุก และจงเพลิดเพลินกับการค้นหาและการค้นพบวิธีการอ่านแมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือน
    ของตัวพวกคุณเอง และของคนอื่น ๆ


    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    ...........................................................
    Source: Morning Messages
    ...........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  2. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 73: การบำบัดรักษาจากมิติที่ 6"
    a.png
    (credit the picture from internet)

    แมทตริกซ์ที่เป็นต้นแบบ (seed matrix) ของมนุษย์โลกแต่ละคน เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องได้รับความเข้าใจอย่างมากเพื่อที่จะได้เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของตัวเราเอง เพราะว่ามันคือสิ่งที่เป็นต้นกำเนิดหรือเป็นผู้ก่อเกิดรูปร่างรูปทรงทั้งหลาย ในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพอันนี้ มันคือสิ่งที่บรรจุพลังงานแห่งการสั่นสะเทือนของรูปร่างรูปทรงทางกายภาพทุก ๆ รูปแบบเอาไว้ ดังนั้น มันจึงมีประโยชน์อย่างมาก และมีความสำคัญอย่างมาก ที่จะต้องมีความเข้าใจและมีความรู้อย่างแจ่มแจ้งเกี่ยวกับแมทตริกซ์ทางพลังงานอันนี้

    แมทตริกซ์แม่บทอันนี้ (master matrix) หรือแมทตริกซ์ต้นแบบอันนี้ (seed matrix) ของมนุษย์โลกแต่ละคน จะมีพิมพ์เขียวศักดิ์สิทธิ์บรรจุอยู่ และบันทึกทุก ๆ บันทึก, ประสบการณ์ทางอารมณ์ทุก ๆ ประสบการณ์, ลายเซ็นทางพลังงานทุกๆลายเซ็น ก็จะถูกถักทอเข้าไว้ด้วยกันและเก็บเอาไว้ในแผ่นผืนพลังงานอันนี้ด้วย

    ภายในแมทตริกซ์ต้นแบบ (seed matrix) หรือแมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือนของมนุษย์โลกแต่ละคนนี้ จะเก็บสะสมความไม่สมดุลด้านกายภาพ, ด้านอารมณ์ และด้านจิตวิญญาณทั้งหมดเอาไว้

    โรงพยาบาลของพวกคุณ และผู้ที่มีหน้าที่รักษาพยาบาลผู้ป่วยทั้งหลาย จะดำเนินการแตกต่างไปจากที่ทำอยู่ในตอนนี้มาก ถ้าพวกเขาสามารถอ่าน หรือสแกน หรือมองเห็นแมทตริกซ์ต้นแบบ หรือ ลายเซ็นทางพลังงานของผู้ป่วยแต่ละคนได้ และพวกเขาก็อาจจะใช้มันเป็นวิธีการแรกและเป็นวิธีการหลักในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสุขภาพร่างกายให้กับผู้ป่วยก็ได้

    ลองจินตนาการดูสิว่า ถ้าพวกคุณมีความสามารถในการสแกนดูแมทตริกซ์ทางพลังงานของผู้ป่วยแต่ละคนได้ พวกคุณก็จะสามารถมองเห็นได้ว่าตรงบริเวณไหนของสิ่งทอทางพลังงานอันนี้ ที่มีความยุ่งเหยิงทางพลังงานอยู่ หรือมีสิ่งอุดตันอยู่ จนทำให้กระแสการไหลของพลังงานชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์จากเบื้องบนไม่สามารถไหลผ่านเข้ามาได้โดยสะดวก แล้วจากนั้นพวกคุณก็จะสามารถค่อย ๆ คลี่คลายความยุ่งเหยิงอันนั้นให้หมดไปได้

    และเมื่อใดที่รูปแบบที่เป็นต้นแบบอันนี้ ได้ถูกฟื้นฟูให้กลับมาเป็นแมทตริกซ์แม่บท (master matrix) ใหม่อีกครั้งหนึ่งแล้ว ร่างกายเนื้อของมนุษย์ก็จะกลับคืนมาสู่ความสมดุลใหม่อีกครั้งหนึ่ง และกลับมาทำงานอย่างสอดประสานกลมกลืนกันใหม่อีกครั้งหนึ่งตามไปด้วย เพราะว่าสมบูรณ์ภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของร่างกายเนื้อของมนุษย์จะถูกหวนกลับคืนมาใหม่อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง นี่แหละคือการบำบัดรักษาจากมิติที่ 6 โดยแท้หละ

    การบำบัดรักษาแมทตริกซ์นี้โดยใช้ยาที่เป็นคลื่นความสั่นสะเทือนต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูความมีสุภาพอนามัยที่ดีให้กลับคืนมานั้น จะต้องจำไว้ว่า มันเป็นเรื่องของความสั่นสะเทือนล้วน ๆ เลย! และแต่ละแมทตริกซ์ทางพลังงานก็จะมีคลื่นความถี่ของเสียง หรือคลื่นความถี่อื่น ๆ ที่มีค่าเฉพาะตัวเป็นของตัวมันเองด้วย

    แมทตริกซ์ของมนุษย์โลกแต่ละคนจะมีคลื่นความถี่ของเสียงเฉพาะตัวอยู่ค่าหนึ่ง ซึ่งคลื่นความถี่ดังกล่าวนี้ ถ้าไม่สั่นสะเทือนสอดคล้องกับ หรือคล้องจองกับ ความมีสุขภาพที่ดี และความมีชีวิตชีวาแล้วหละก็ มันก็จะสั่นสะเทือนขัดแย้งกับ หรือผิดเพี้ยนไปจากความมีสุขภาพที่ดี และความมีชีวิตชีวาไปเลย

    มีมนุษย์โลกหลายคนแล้วที่เข้าใจในเรื่องนี้ และก็มีมนุษย์โลกอีกจำนวนหนึ่งที่มีความสามารถในการมองเห็น และรู้สึกถึงแมทตริกซ์ของพลังงานอันนี้ได้ แต่นี่ก็เป็นความสามารถตามธรรมชาติของมนุษย์โลกทุก ๆ คน ที่ได้ก้าวเข้ามาสู่อาณาจักรแห่งการเป็นรูปธรรมชีวิตหลากมิติเรียบร้อยแล้ว ที่จะสามารถทำเช่นนี้ได้ ซึ่งการตื่นรู้ดังกล่าวนี้กำลังเกิดขึ้นกับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้
    ของมวลหมู่มนุษยชาติอยู่ทุกหนทุกแห่งในขณะนี้


    มนุษย์โลกผู้ที่ช่วยบำบัดรักษาผู้อื่นโดยใช้วิธีการทางพลังงาน, หรือโดยการใช้เสียง, หรือโดยการใช้ดนตรีบำบัด และโดยการใช้วิธีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคลื่นความสั่นสะเทือนทั้งหลาย คือผู้ที่กำลังช่วยคลี่คลายความยุ่งเหยิงของพลังงานด้านอารมณ์, หรือพลังงานด้านความคิด/จิตใจ ที่มีอยู่ภายในแมทตริกซ์ของความสั่นสะเทือนของคนผู้นั้นให้หมดไปอยู่

    แต่พวกเราก็อยากจะขอย้ำเตือนพวกคุณอีกครั้งหนึ่งว่า “พลังงานจะคล้อยตามความคิดเสมอ” (energy follows thought) และพวกเราก็อยากจะขอย้ำเตือนถึงความสำคัญของของความมุมานะพยายาม และความตั้งใจที่จะทำให้งานบำบัดรักษานี้มันสัมฤทธิ์ผลลงได้

    เพราะฉะนั้นแล้ว จงหมั่นสังเกตดูตัวเองตั้งแต่วันนี้ว่า พวกคุณกำลังสั่นสะเทือนอยู่อย่างสอดคล้องกับความสุข-ความเบิกบาน, ความรู้สึกซาบซึ้งใจ และความรู้สึกชื่นชมยินดีอยู่หรือไม่? เพราะว่าความสั่นสะเทือนเหล่านี้ หรือความรู้สึกเหล่านี้จะนำพาความสมดุล และความมีสุขภาพที่ดีกลับคืนมาสู่พวกคุณได้

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    .......................................................
    Source: Morning Messages
    .......................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  3. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 74: สนามเด็กเล่นที่ใหญ่กว่าเดิม"

    a.jpg
    (credit the picture from internet)

    พวกคุณกำลังถูกเชื้อเชิญให้มาฝึกฝนวิธีการโต้คลื่นพลังงานที่มีความเข้มข้นมาก ๆ ที่กำลังถูกสร้างขึ้นมาจากดวงดาวทั้งหลายอยู่

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณรับรู้สัมผัสว่ามันเป็นของแข็ง และ “เป็นจริงเป็นจัง” นั้น ล้วนคือ พลังงานที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าพวกมันกำลังถูกโอบอุ้มอยู่ หรือถูกล็อกเอาไว้กับที่อยู่โดยระบบความเชื่อของพวกคุณเองเท่านั้นเอง แต่ถ้าพวกคุณสามารถวางโปรแกรมด้านความคิดทั้งหมด ที่มีต่อโลกแห่งความเป็นจริงของตัวเองลง แล้วเอาไว้ข้างๆก่อนได้ พวกคุณก็จะได้เห็นและได้ประสบกับโลกแห่งความเป็นจริงในแบบที่แตกต่างออกไป เพราะว่ามันจะมีมิติต่าง ๆ และกรอบของกาลเวลาต่าง ๆ (time frames) อยู่มากมาย ที่พวกคุณจะสามารถมีประสบการณ์กับมันได้และท่องเที่ยวไปได้

    ลองจินตนาการถึงเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งดูสิ ผู้ที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ขึ้นมาในบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ ๆ มีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการทั้งหมดแล้ว และเขาก็มีความสุขดี เพียงแต่ว่าโลกทั้งโลกของเขามีก็แต่เพียงบ้านหลังเล็ก ๆ หลังนี้เท่านั้น ดังนั้นตั้งแต่เล็กจนโต เขาจึงไม่เคยออกไปผจญภัยกับโลกภายนอกเลย และเขาก็เลยเชื่อว่าบ้านหลังเล็ก ๆ ของเขาหลังนี้คือโลกทั้งหมดที่มีอยู่-เป็นอยู่ เขามองไม่เห็นอะไรอื่นเลย ดังนั้น ความเชื่อทั้งหมดของเขา และโปรแกรมทางความคิดของเขาจึงบอกเขาว่าโลกแห่งความเป็นจริงของเขามีเพียงบ้านเล็ก ๆ หลังนี้หลังเดียวเท่านั้น

    แต่หลังจากนั้น ก็มีบางสิ่งเกิดขึ้น และเขาก็ถึงกับช๊อคกับความเชื่อและกับจุดยืนของตัวเอง เพราะว่าเขาบังเอิญเหลือบไปเห็นโลกแห่งความเป็นจริงที่ใหญ่กว่าที่อยู่นอกบ้านหลังเล็ก ๆ ของเขา และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของการขยายตัวของความตระหนักรู้ของเขา

    และสิ่งเดียวกันนี้เองที่กำลังเกิดขึ้นกับดาวเคราะห์โลกของพวกคุณอยู่ เพราะว่าชาวโลกเริ่มช็อคกับจุดยืนของตัวเองที่เกี่ยวกับว่าอะไรจริงหรือไม่จริงแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่น่ากลัว และน่าตื่นตระหนกอย่างมาก และพวกเขาก็มีแนวโน้มว่าจะวิ่งหนีกลับเข้าไปอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ของตัวเองเหมือนเดิม เพราะมันเป็นที่ ๆ ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย เมื่อได้มาหลบอยู่ในความเชื่อที่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงของพวกเขาที่พวกเขาคุ้นเคย

    พวกเราขอสนับสนุนพวกคุณให้ก้าวเดินออกมาจากประตูบ้านหลังเล็ก ๆ หลังนั้น แล้วโอบกอดโลกแห่งความเป็นจริงอื่น ๆ ที่มีอยู่จำนวนมากมายก่ายกองจนนับไม่ถ้วนเอาไว้ ซึ่งก็อยู่แค่ช่วงคลื่นความถี่ถัดไป หรืออยู่ในคลื่นความสั่นสะเทือนถัดไปนี้เท่านั้นเอง

    จงยินยอมให้ตัวเองจินตนาการเห็นว่าตัวเองกำลังท่องไปในดวงดาวต่าง ๆ อยู่ จงยินยอมให้ตัวเองมองเห็นพลังงานที่อยู่ในรูปแบบอื่น ๆ ที่แตกต่างออกไปจากเดิมบ้าง โดยไม่เอาความเชื่อเดิมของพวกคุณเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เช่น จงยินยอมให้ตัวเองมองเห็นว่า “ดนตรี” นอกเหนือจากที่มันจะมีเสียงอย่าไรแล้ว มันน่าจะมีรูปร่างลักษณะอย่างไร หรือมันน่าจะมีกลิ่นอย่างไรด้วย? เป็นต้น

    จงยินยอมให้ตัวเองยืดขยายความคิดของตัวเองออกไปอีก จนเข้าไปอยู่ในจุดที่ พวกคุณเริ่มตั้งคำถามกับความเชื่อทั้งหลายของตัวเอง และเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า พวกคุณรับรู้และเข้าใจชีวิตของตัวเองว่ามันเป็นอย่างไร?

    พวกคุณผู้ที่ตื่นรู้สู่โลกแห่งความเป็นจริงอันหลากหลายจนเหลือคณานับแล้ว กำลังได้รับความช่วยเหลืออยู่แล้ว

    โลกแห่งความเป็นจริงคือสนามเด็กเล่นที่มีขนาดใหญ่โตมากกว่าและมีอิสระมากกว่านี้ โลกแห่งความเป็นจริงกำลังขี่อยู่บนกระแสพลังงานที่กำลังหลั่งไหลอยู่ตลอดเวลา โลกแห่งความเป็นจริงกำลังอ่านลายเซ็นทางพลังงานของชั่วขณะนั้น ๆ อยู่ตลอดเวลา และโลกแห่งความเป็นจริงก็กำลังขยายตัวอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

    จงยกระดับความสั่นสะเทือนของตัวเองให้สูงขึ้นไปอีกระดับจนน่าพึงพอใจ และจงรู้ไว้ว่าความสมดุล, เสียงหัวเราะ, ความสุข-ความเบิกบาน และความรู้สึกซาบซึ้งใจ คือบัตรผ่านประตูที่จะยินยอมให้พวกคุณสามารถท่องเที่ยวเข้าไปในโลกแห่งความเป็นจริงใหม่ ๆ ที่ยอดเยี่ยม และน่าพิศวงเหล่านี้ได้

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    ........................................................
    Source: Morning Messages
    ........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  4. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 75: การเดินทางเข้าไปในโฮโลเกมอื่นๆ"
    a.png
    (credit the picture from internet)

    นี่คือช่วงเวลาแห่งการตื่นรู้แล้ว เพราะว่าโลกแห่งความเป็นจริงนี้ หรือโฮโลเกมนี้ เป็นแค่เพียงหนึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงจำนวนมากมายก่ายกอง ที่พวกคุณกำลังมีส่วนร่วมอยู่เท่านั้นเอง เพราะว่าพวกคุณในฐานะของรูปธรรมชีวิตแห่งดวงดาวหลากมิติรูปธรรมหนึ่งกำลังดำรงอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอื่น ๆ และในโฮโลเกมอื่น ๆ อีกจำนวนมากมายก่ายกองในขณะเดียวกันด้วย ซึ่งโลกแห่งความเป็นจริงเหล่านี้ หรือโฮโลเกมเหล่านี้ จะมีการซ้อนทับกันอยู่เป็นชั้น ๆ หรือถักทอกันอยู่ หรือซ้อนเหลื่อมกันอยู่เป็นชั้น ๆ

    ตัวอย่างต่อไปนี้จะทำให้พวกคุณสามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สมมุติว่าพวกคุณกำลังอยู่ที่นี่ อยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองตัวนี้ และกำลังจดจ่ออยู่กับพวกเราและข้อความของพวกเราอยู่ ดังนั้น “ที่นี่” จึงคือ “เหลี่ยมมุมหนึ่ง” ของโฮโลเกมหรือโลกแห่งความเป็นจริงที่พวกคุณกำลังดำรงอยู่

    แต่พวกคุณก็สามารถที่จะก้าวเดินออกมาจากโฮโลเกมนี้ หรือแมทตริกซ์นี้ได้ด้วย ด้วยการลุกขึ้นจากโต๊ะตัวนั้น แล้วเดินทางไปที่บ้านเพื่อนของพวกคุณ เพื่อที่จะได้ไปอยู่ในแมทตริกซ์อื่น หรือในโฮโลเกมอื่น ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

    หรือไม่ก็..พวกคุณก็อาจจะเลือกที่จะไปอยู่ในศูนย์การค้าที่ไหนซักแห่งหนึ่ง ซึ่งก็เป็นการไปอยู่ในโฮโลเกมอื่น หรือในแมทตริกซ์อื่นที่แตกต่างออกไปจากสิ้นเชิงเช่นเดียวกัน

    ดังนั้น ทุก ๆ ครั้งที่พวกคุณนำพาตัวเองออกไปอยู่ในเหตุการณ์อื่น หรือในกิจกรรมอื่นที่แตกต่างออกไปจากเดิมแล้ว ก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังเปลี่ยนโฮโลเกมของตัวเองอยู่ แม้ว่าในจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ มันจะรับรู้ว่าการเปลี่ยนโฮโลเกมดังกล่าวนี้ มันก็จะเป็นแค่การเปลี่ยนไปอยู่ในสถานที่อื่นบนโลกใบเดิมนี้เท่านั้นก็ตาม

    คราวนี้ เราจะมาขยายขอบเขตของแนวความคิดนี้ออกไปอีก ให้กว้างไกลจนเท่าขอบเขตของกาแล็กซี่โน่นเลยทีเดียว ซึ่งมันก็จะเหมือนกันอีกนั่นแหละ คือชีวิตทั้งหมดของพวกคุณบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ มันก็จะอยู่ในหนึ่งโฮโลเกมหรือหนึ่งโลกแห่งความเป็นจริงเท่านั้น เพียงแต่ว่าในกรณีนี้ มันจะมีโลกแห่งความเป็นจริงอื่น ๆ และระนาบอื่น ๆ ที่พวกคุณกำลังดำรงชีวิตอยู่อย่างเต็มรูปแบบด้วยเช่นเดียวกัน และในโลกแห่งความเป็นจริงเหล่านั้น พวกคุณก็มีสติสัมปชัญญะรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน และพวกคุณก็มีสนามพลังงานที่แอ๊คทีฟ และมีความสั่นสะเทือนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงเหล่านั้นด้วยเช่นเดียวกัน

    และโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมดนี้ก็จะเหลื่อมซ้อนกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ หรือถักทอกันอยู่ หรือซ้อนทับกันอยู่เป็นชั้น ๆ เหมือน ๆ กับบนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ ที่พวกคุณกำลังมีกายเนื้ออยู่ในภพชาตินี้นั่นแหละ

    กุญแจสำคุญก็คือ “การวางความตระหนักรู้ของพวกคุณ” ว่าตอนนี้พวกคุณกำลังวางความตระหนักรู้ของตัวเองเอาไว้ ที่โต๊ะทำงาน หรือที่บ้านเพื่อน หรือที่ Office หรือที่ศูนย์การค้า เพราะว่าพวกคุณคือผู้ที่ทำกิจกรรมทั้งหมดนี้ และก็คือผู้ที่เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ และกิจกรรมทั้งหมดนี้ ในฐานะที่กิจกรรมเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของชีวิตของพวกคุณ

    ชีวิตในระดับกาแล็กซี่ของพวกคุณก็เช่นเดียวกัน เพราะว่าพวกคุณกำลังมีส่วนร่วมอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติอยู่, และกำลังมีส่วนร่วมอยู่ในกิจกรรมต่าง ๆ, เหตุการณ์ต่าง ๆ และโฮโลเกมต่าง ๆ อยู่ ส่วนโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณที่กำลังอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ในขณะนี้นั้น เป็นแต่เพียงหนึ่งในโฮโลเกมเหล่านั้นเท่านั้นเอง

    มันอาจจะฟังดูเหลือเชื่ออยู่สักหน่อย ที่จะต้องมาคิดว่าพวกคุณกำลังมีชีวิตอยู่แบบเป็นจริงเป็นจัง ในโลกแห่งความเป็นจริงต่าง ๆ และในกรอบของกาลเวลาต่าง ๆ มากมายก่ายกอง และทั้งหมดนี้ก็กำลังเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันอยู่ซะด้วย

    แต่อย่างไรก็ตาม จงยินยอมให้แนวความคิดนี้ทำให้ใจของพวกคุณเปิดกว้างออกไปอีกเสีย จงเล่นกับความเป็นไปได้อันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกคุณกำลังอยู่ตามลำพังโดยไม่มีใครรบกวน จงยินยอมให้จินตนาการและจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณท่องเที่ยวไปอย่างไร้ขีดจำกัด แล้วจงสังเกตดูว่ามีภาพอะไร, ความรู้สึกอะไร, ความคิดอะไร และประสบการณ์อะไรปรากฎขึ้นมาบ้าง

    จงปล่อยวางจิตใจที่ชอบตัดสินและขี้สงสัยของตัวเองไว้ในที่ ๆ ปลอดภัย แล้วออกไปเล่นอย่างมีอิสระเสรีเหมือนกับเด็ก ๆ ของจักรวาล อย่างที่พวกคุณเป็นกันจริง ๆ เพราะว่ากาแล็กซี่ทั้งกาแล็กซี่นี้คือสนามเด็กเล่นของพวกคุณ

    จงฝึกฝนการแผ่ส่งคลื่นความถี่อันบริสุทธิ์แห่งความสุข-ความเบิกบาน, ความรู้สึกซาบซึ้งใจ และความรู้สึกชื่นชมยินดี ออกไปสู่โลกภายนอกอย่างมีสติสัมปชัญญะ เพราะว่าคลื่นความถี่เหล่านี้คือสมอเรือของพวกคุณ, คือบัตรผ่านประตูของพวกคุณ, คือพรมวิเศษของพวกคุณ, คือสิ่งที่จะปกป้องพวกคุณ และคือปีกของพวกคุณ ไม่ว่าพวกคุณจะไปอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงไหน ๆ หรือในโฮโลเกมไหน ๆ ก็ตาม

    ขอให้เดินทางด้วยความราบรื่น, นุ่มนวล และปลอดภัย


    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    ............................................................
    Source: Morning Messages
    ............................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  5. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 76: กาลเวลามีลักษณะยืดหยุ่นได้ (Time is Elastic)"

    a.jpg
    (credit the picture from internet)

    ในขณะที่มนุษย์โลกแต่ละคนกำลังย้ายจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวเองไปสู่มิติอื่น ๆ อยู่นี้ พวกเขาก็กำลังเผชิญหน้ากับความเชื่อเก่า ๆ เกี่ยวกับกาลเวลาในมิติที่ 3 ของตัวเองไปด้วย

    มนุษย์โลกพากันจดบันทึกกาลเวลา, ประวัติศาสตร์ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตเอาไว้ โดยอาศัยนาฬิกา, ปฏิทิน และมาตรวัดต่าง ๆ ทั้งหมดเท่าที่พวกเขามีอยู่

    แต่ลองจินตนาการดูสิว่า ถ้าพวกคุณย้ายเข้าไปอยู่ในคลื่นความถี่อื่น ที่ไม่มีกาลเวลาแบบที่พวกคุณรู้จักดำรงอยู่หละ มันจะเป็นยังไง? แล้วลองจินตนาการดูอีกซิว่า ถ้าในระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ที่สูง ๆ ระดับหนึ่ง ความคิดของพวกคุณ หรืออารมณ์ที่พวกคุณแสดงออกมา จะถูกเนรมิตออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณโดยทันทีทันใดเลย โดยที่ไม่มีช่องว่างของกาลเวลามากางกั้นแต่อย่างใดเลย มันจะเป็นอย่างไร? เพราะว่าเมื่อพวกคุณคิดถึงอะไรซักอย่างแล้ว สิ่งนั้นมันก็จะปรากฎขึ้นมาต่อหน้าพวกคุณโดยทันทีทันใดเลย

    มีชาวโลกจำนวนหนึ่งที่ได้อธิบายแนวคิดนี้เอาไว้แล้ว ในหลากหลายลีลา เช่น เรื่องราวที่เขียนโดย Richard Bach ที่มีชื่อเรื่องว่า Jonathan Livingston Seagull ได้บอกเล่าถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี..ว่า..
    ถ้าจะบินไปให้เร็วเท่ากับความคิด และถ้าจะไปอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่งให้ได้หละก็ ก่อนอื่นคุณจะต้องรู้ซะก่อนว่า คุณได้ไปอยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว”
    (To fly as fast as thought, to be anywhere there is,
    you must first begin by knowing that you have already arrived)


    พวกคุณกำลังมีความขัดแย้งภายในตัวเองอยู่ เกี่ยวกับแนวคิดด้านกาลเวลา และเกี่ยวกับการได้ประจักษ์ว่าพวกคุณเป็นอะไรที่มากกว่าร่างกายเนื้อนี้ของตัวเอง

    เพราะว่าอันที่จริงแล้ว พวกคุณคือรูปธรรมชีวิตที่ไร้ขีดจำกัด ที่มีจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ที่วิวัฒน์แล้วพวกคุณสามารถท่องกาลเวลาได้, เปลี่ยนกาลเวลาก็ได้, คล้อยตามกาลเวลาก็ได้, ติดอยู่ในกาลเวลาก็ได้, สะสมกาลเวลาก็ได้, พยายามที่จะเกาะติดกาลเวลาไปก็ได้ด้วย

    แต่พวกคุณก็สามารถเลือกที่จะผ่อนคลาย และยอมรับการเปลี่ยนแปลงทางพลังงานที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ภายในจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณเองอยู่นี้ รวมถึงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ภายในจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของรูปธรรมชีวิตที่มีความรู้สึกนึกคิดทุก ๆ ชนิดอยู่นี้ก็ได้ด้วย

    พวกเรากำลังเปิดโปงระบบความเชื่อที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพวกคุณระบบหนึ่งอยู่ และพวกเราก็เข้าใจว่าพวกคุณจะรู้สึกต่อต้าน และรู้สึกสับสน

    พวกเราขอเชิญชวนพวกคุณให้มาเล่นสนุกกับสิ่งที่เรียกว่า “กาลเวลา” นี้ดู ลองสมมุติว่าพวกคุณสามารถยืดมันออกไปได้, ขยายมันออกไปก็ได้ และม้วนมันเข้ามาใหม่ก็ได้ด้วย เพื่อให้มันพอเหมาะพอดีกับวันของพวกคุณและ โปรเจ็กต์ของพวกคุณ

    พวกคุณกำลังเรียนรู้ที่จะใช้จิตสำนึกของตัวเองในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาอยู่ ดังนั้น ถ้าพวกคุณรู้สึกเครียดขึ้นมาหละก็พวกคุณก็จะยิ่งสร้างความเครียดขึ้นมาให้มากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้น ถ้าพวกคุณกำลังรู้สึกว่ากาลเวลาคือผู้ที่กักขังหน่วงเหนี่ยวพวกคุณเอาไว้อยู่หละก็ ก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังสร้างโลกแห่งความเป็นจริงของตัวเอง ที่มีกาลเวลาไม่เพียงพอขึ้นมาอยู่แล้วหละ

    เพราะฉะนั้น เรามาทำให้กาลเวลากลายเป็นเพื่อนของพวกคุณกันดีกว่า เพราะว่ามันยืดหยุ่นได้อย่างมาก และมันก็ยืดหดได้มาก ๆ ซะด้วย จงเล่นกับมันด้วยวิธีการใหม่ ๆ ดู จงผ่อนคลายในการทำภาระกิจของตัวเอง จงหายใจ, จงหัวเราะ และจงร่าเริงแจ่มใส

    The Team

    ผู้รับสาส์น Peggy Black
    ..............................................................
    Source: Morning Messages
    ..............................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  6. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 77: กาลเวลาเป็นดั่งของไหลที่กำลังไหลอยู่"

    a.png
    (credit the picture from internet)

    กาลเวลาอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่มันดำรงอยู่แต่ในปัจจุบันขณะเท่านั้น แต่ความเชื่อและสิ่งที่พวกคุณถูกปลูกฝังมาทั้งหลาย รวมถึงพลังงานแห่งการชอบดิ้นรนต่อสู้ของพวกคุณเองด้วย ก็ไปทำให้กาลเวลากลายเป็นสิ่งที่มีขอบเขตข้อจำกัดไปเสียแล้ว

    “กาลเวลา” ในโฮโลเกมบนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณนั้น คือระบบความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ระบบหนึ่ง ซึ่งระบบความเชื่อนี้ได้หยั่งรากลึกและฝังแน่นอยู่ในแมทตริกซ์ของพวกคุณอย่างมาก และรวมถึงฝังแน่นอยู่ในโปรแกรมทุก ๆ โปรแกรมที่ควบคุมกิจกรรมทางด้านความคิดของพวกคุณอยู่อีกด้วย

    มนุษย์โลกส่วนใหญ่จะมีความเชื่อที่เหนียวแน่นแบบนี้เกี่ยวกับกาลเวลาอยู่ ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง พร้อมทั้งจะมีกฎและมีวิธีการต่างๆมากมายจนนับไม่ถ้วน ในการวัดกาลเวลาด้วย

    มนุษย์โลกทุกๆคนต่างก็เคยมีประสบการณ์กับการเลื่อนไหลของกาลเวลามาบ้างแล้ว เช่น ในขณะที่พวกคุณกำลังทำงานที่น่าเบื่ออะไรซักอย่างอยู่ พวกคุณก็จะรู้สึกว่ากาลเวลามันช่างผ่านไปเชื่องช้าเหลือเกิน เป็นต้น แต่ในช่วงขณะที่พวกคุณกำลังมีความสุขอยู่กับกิจกรรมอะไรซักอย่างอยู่ พวกคุณก็จะรู้สึกว่ากาลเวลามันผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน จนพวกคุณนึกสงสัยว่า “กาลเวลามันหายไปไหน?”

    นี่แหละคือการรับรู้กาลเวลาของพวกคุณหละ และโปรดอย่าลืมว่า “พลังงานจะคล้อยตามความคิดเสมอ”(energy follows thought) เพราะฉะนั้น กาลเวลาจึงคล้อยตามความคิดด้วยเช่นกัน แต่ว่าความคิดของพวกคุณที่เกี่ยวกับกาลเวลานั้น ก็จะผุดขึ้นมาจากระบบความเชื่อเกี่ยวกับกาลเวลาของพวกคุณเองอีกต่อหนึ่ง

    ในฐานะที่เป็นมนุษย์โลกคนหนึ่ง พวกคุณจึงต้องติดอยู่ในแมทตริกซ์ของกาลเวลานี้ แต่ในฐานะที่พวกคุณเป็นรูปธรรมชีวิตหลากมิติรูปธรรมหนึ่ง พวกคุณก็สามารถที่จะก้าวออกมาจากแมทตริกซ์ของกาลเวลาของโลก ที่มีข้อจำกัดอันนี้ได้ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็ขึ้นอยู่กับความตระหนักรู้ของพวกคุณเอง และก็ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของพวกคุณด้วย

    ลองมองดูความเชื่อทั้งหลายของพวกคุณเองดูสิ แล้วลองตั้งคำถามกับความเชื่อของตัวเองเกี่ยวกับกาลเวลาดูสิ

    ลองสังเกตดูซิว่าพวกคุณพากันเคารพบูชากาลเวลาได้อย่างไร?, พวกคุณพากันปราถนากาลเวลาได้อย่างไร?, พวกคุณพากันตีกรอบกิจกรรมต่าง ๆ ของตัวเองด้วยกรอบของกาลเวลาได้อย่างไร?

    แล้วจากนั้นก็ลองมาสังเกตดูว่า การดิ้นรนต่อสู้ของพวกคุณ และสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นความเครียดของพวกคุณนั้น พวกมันถูกสร้างขึ้นมาจากความเชื่อเหล่านี้ได้อย่างไร? ต่อจากนั้นก็ให้ลองสังเกตดูอีกว่า จิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก (mass consciousness) ได้บรรจุความเชื่อที่เกี่ยวกับกาลเวลาเหล่านี้เอาไว้ได้อย่างไร?

    ถ้าจะขอให้พวกคุณลองมองดูแมทตริกซ์ของกาลเวลาด้วยวิธีการใหม่ ๆ บ้าง ก็คงจะเหมือนกับการไปถามปลา เกี่ยวกับน้ำที่มันว่ายอยู่นั่นแหละ หรือเหมือนกับการไปถามนกเกี่ยวกับอากาศที่มันบินอยู่นั่นแหละ เพราะว่าปลาก็จมอยู่แต่ในน้ำเหลือเกิน ส่วนนกก็จมอยู่ในอากาศเหลือเกิน จนพวกมันไม่สามารถรับรู้ถึงความแตกต่างได้

    ดังนั้น ใครก็ตามที่ต้องการจะเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับกาลเวลานี้ คน ๆ นั้นก็จะต้องรู้ซะก่อนว่า และจะต้องสืบสวนให้พบซะก่อนว่า แมทตริกซ์ของพลังงานของกาลเวลานี้ กำลังควบคุมและบงการชีวิตของตัวเขาเองอยู่อย่างไร

    ลองสังเกตดูว่าตรงไหนบ้างที่กาลเวลาสะดุดสำหรับพวกคุณ และตรงไหนบ้างที่พวกคุณปล่อยให้มันไหลไปตามปกติ และลองสังเกตดูว่าบ่อยครั้งแค่ไหนที่พวกคุณสามารถดำรงอยู่ในปัจจุบันขณะได้อย่างแท้จริง

    จงฝึกฝนการนำเอาความตระหนักรู้ของตัวเองเข้าไปอยู่ในปัจจุบันขณะ และจงเฝ้าสังเกตดูว่าพวกคุณพูดถึงกาลเวลาว่าอย่างไรบ้าง? เช่นว่า “ฉันไม่เคยมีเวลาพอเลย”, “เวลากำลังจะหมดแล้ว”, “เวลาเร่งเข้ามาอีกแล้ว” เป็นต้น และลองสังเกตดูว่าพวกคุณแชร์ความเชื่อที่มีข้อจำกัด เกี่ยวกับกาลเวลานี้ร่วมกันได้อย่างไร?

    จงเล่นกับสิ่งนี้ จงทำให้มันเป็นเรื่องสนุกไปเลย เพราะว่าพวกคุณไม่จำเป็นจะต้องไปซีเรียสกับมันก็ได้ เพราะว่ากาลเวลาไม่ได้มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างที่พวกคุณอุปโลกมันขึ้นมาหรอก! เพราะว่ามันสามารถเลื่อนไหลและยืดหยุ่นได้! เพราะฉะนั้น จงยินยอมให้ตัวเองยืดขยายความคิดเข้าไปอยู่ในแมทตริกซ์ของพลังงานของปัจจุบันขณะอันยิ่งใหญ่อลังการและไร้ขีดจำกัดนั้นเสีย

    และจงจำไว้ว่า จากปัจจุบันขณะนี้เอง ที่พวกคุณจะสามารถก้าวออกมานอกกาลเวลาได้ และถ้าเมื่อใดที่พวกคุณได้ประสบกับกาลเวลาในแบบที่เป็นความเวิ้งว้างอันกว้างใหญ่ไพศาลแล้วหละก็ ก็จงยอมรับตัวเองเสีย และถ้าเมื่อใดที่พวกคุณได้ประสบกับปรากฎการณ์ synchronicity แล้วหละก็ ก็จงยอมรับมันด้วยเช่นเดียวกัน เพราะว่านี่ก็เป็นการเลื่อนไหลของกาลเวลาด้วยเช่นกัน

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    ............................................................
    Source: Morning Messages
    ............................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  7. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 78: แมทตริกซ์ของกาลเวลาที่ไร้ขีดจำกัด"

    a.png
    (credit the picture from internet)

    กาลเวลาคือสิ่งที่เลื่อนไหลได้ (time is fluid) กาลเวลาไม่ได้อยู่ในนาฬิกา หรือในปฏิทินของพวกคุณ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นแค่เพียงเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เพื่อใช้ในการวัดค่าของกาลเวลาเท่านั้นเอง ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่พวกคุณจะต้องสืบสวนหาความจริง และตั้งคำถามกับแมทตริกซ์ของกาลเวลาของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าสิ่งเหล่านี้คือความเชื่อที่พวกคุณถูกปลูกฝังมาจากครอบครัว และจากสังคม และพวกมันก็เป็นเพียงโปรแกรม ๆ หนึ่งที่อยู่ภายในระบบของพวกคุณเท่านั้นเอง

    ไฟล์ความเชื่อส่วนตัวของพวกคุณเกี่ยวกับกาลเวลา ก็เป็นแค่ข้อตกลงหนึ่งที่พวกคุณพากันสมมุติขึ้นมาเท่านั้นเอง เพราะว่าที่พวกคุณรู้สึกว่ามันเชื่อถือได้ ก็เพราะว่าทุก ๆ คนบอกว่ามันเชื่อถือได้เท่านั้นเอง และในโฮโลเกมของดาวเคราะห์โลกดวงนี้ กาลเวลาคือส่วนหนึ่งของกฎกติกาของเกม ๆ นี้ และทุก ๆ คนก็จะต้องเคารพเชื่อฟังกาลเวลาด้วย และยกพลังอำนาจในการกำกับการแสดงให้กับมันด้วย

    แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้ากาลเวลาสามารถเลื่อนไหลได้? และมันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและการมามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ของพวกคุณอย่างไร? เราลองมาจินตนาการดูกันสักครู่ว่า ถ้าอดีต, ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนกำลังเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันอยู่ และก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กันอยู่ในขณะเดียวกันหละ มันจะเป็นอย่างไร? มันเป็นเพราะการรับรู้ของพวกคุณจึงทำให้อดีต, ปัจจุบัน และอนาคตมันแยกกันอยู่แบบตายตัว

    ลองจินตนาการดูสิว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ใน “อนาคต” ของพวกคุณ ก็สามารถที่จะไปทำให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ใน “อดีต” ของพวกคุณ เกิดการเปลี่ยนแปลงไปได้ด้วย ซึ่งผลจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ ก็จะไปทำให้เหตุการณ์ใน “ปัจจุบัน” ของพวกคุณ เกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งในฐานะที่พวกคุณเป็นรูปธรรมชีวิตหลากมิติ นี่จึงคือวิธีการที่พวกคุณจะสามารถอธิบายแนวคิดเรื่องกาลเวลาได้

    แต่ในฐานะของมนุษย์โลกที่ถูกล็อกอยู่ในมิติที่ 3 และ 4 แห่งนี้แล้ว ความเชื่อที่เหนียวแน่นทั้งหลายของพวกคุณเกี่ยวกับกาลเวลา และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่พวกคุณถูกสั่งสอนมาเกี่ยวกับกาลเวลา เป็นแค่เพียงโปรแกรมอย่างหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์ชีวภาพของพวกคุณเท่านั้นเอง
    (สมองของพวกเราเอง – ผู้แปล)


    กฎและเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่ในชีวิตของพวกคุณ บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ล้วนถูกจัดแจงให้เกี่ยวข้องอยู่กับกาลเวลาทั้งสิ้น ซึ่งพวกเราก็สามารถได้ยินเสียงบ่นของพวกคุณเกี่ยวกับการไปตามนัดสาย หรือเกี่ยวกับการตื่นสาย หรือเกี่ยวกับการไปขึ้นเครื่องบินในเวลานั้นเวลานี้ หรือเกี่ยวกับวันสำคัญและเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในวันเวลาที่กำหนด เป็นต้น

    กาลเวลาในแบบที่พวกคุณรู้จักบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้นั้น ก็มีความสำคัญและจำเป็นที่พวกคุณจะต้องรู้จักและตระหนักรู้ด้วย เพราะว่ามันทำให้การเล่นเกมบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ดูมีเหตุมีผลสามารถเข้าใจได้ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ระบบกาลเวลาเพียงระบบเดียวที่เป็นที่รู้จักกันในจักรวาลแห่งนี้หรอกนะ
    เพราะว่ามันเป็นแค่ระบบเล็ก ๆ และมีข้อจำกัดระบบหนึ่งเท่านั้นเอง


    ลองหยั่งความรู้สึกเข้าไปในความเชื่อที่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับกาลเวลาของพวกคุณเองดูสิ แล้วจากนั้นก็ให้ค่อย ๆ ยินยอมให้จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวเองมีลักษณะเป็นของไหลมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจากนั้นก็ให้คอยจับตาดูว่าการรับรู้เกี่ยวกับกาลเวลาของพวกคุณจะค่อย ๆ กลายเป็นของไหลตามไปด้วยได้อย่างไร

    แล้วจากนั้นก็ให้ค่อยๆขยายจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวเองออกไปอีก จนเข้าไปอยู่ในแมทตริกซ์ของกาลเวลาที่ไร้ขีดจำกัดซึ่งเป็นที่ ๆ เพียงพวกคุณใช้ความคิดเพียงความคิดเดียว พวกคุณก็จะสามารถไปอยู่ที่ไหนก็ได้ในกรอบของกาลเวลา (timeline) แห่งนี้ได้แล้ว ลองจินตนการดูสิว่าเพียงพวกคุณจดจ่อความคิดลงไปแค่ความคิดเดียว พวกคุณก็จะสามารถไปปรากฎอยู่ในเหตุการณ์ไหนก็ได้, ที่ไหนก็ได้ และกาลเวลาไหนก็ได้ เท่าที่ต้องการ

    จงจำไว้ว่าภายนอกโลกแห่งความเป็นจริงแห่งนี้นั้น กาลเวลาจะมีลักษณะเป็นของไหล ดังนั้น พวกคุณจึงสามารถที่จะใช้จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ ที่วิวัฒน์แล้วของตัวเองจดจ่อลงไปเพื่อท่องกาลเวลาได้ จงเล่นสนุกกับแนวความคิดนี้ และลองจินตนาการดูซิว่าถ้าพวกคุณสามารถท่องกาลเวลาได้จริง ๆ แล้ว พวกคุณจะทำอะไร? จงทำให้มันเป็นเรื่องสนุกสนานและรื่นเริงเสีย

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    ............................................................
    Source: Morning Messages
    ............................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  8. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 79: จงฝึกฝนความสงบนิ่ง"

    a.png
    (credit the picture from internet)

    คราวนี้ พวกเราจะมาพูดถึง “ความสงบนิ่ง” (stillness) กันบ้าง

    พวกคุณจะสามารถนำเอาความสมดุลกลับคืนมาได้ ก็ต่อเมื่อพวกคุณอยู่ในชั่วขณะแห่งความสงบนิ่งเท่านั้น


    ในวันข้างหน้าเมื่อพลังงานที่กำลังถาโถมดาวเคราะห์โลกดวงนี้อยู่ในขณะนี้ได้เพิ่มระดับความเข้มข้นมากขึ้นไปอีกแล้ว ชาวโลกทั้งหลายที่กำลังเดินอยู่ในกรอบของกาลเวลานี้ ก็จะประสบกับความโกลาหลอย่างมาก และก็จะพบกับสิ่งที่ดูเหมือนว่าคือความไร้สมดุล ทั้งในชีวิตประจำวัน และในระดับโลกมากขึ้นไปอีกด้วย

    ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก และก็สำคัญมากที่สุดด้วย ที่พวกคุณจะต้องพัฒนาทักษะการดำรงอยู่ในความสมดุลของตัวเองให้ได้อย่างชำนาญ ท่ามกลางความยุ่งยาก และท่ามกลางช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

    พวกเราขอเชิญพวกคุณให้มาฝึกฝนการอยู่ในความสงบนิ่ง โดยการอยู่เงียบ ๆ เพียงไม่กี่นาที วันละหลาย ๆ ครั้ง เพราะว่าเมื่อพวกคุณฝึกฝนเช่นนี้แล้ว และใช้เครื่องมือง่าย ๆ ชิ้นนี้แล้ว มันก็จะทำให้พวกคุณสามารถเข้าสู่ความสมดุลได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพราะความสงบนิ่งนี้จะช่วยให้ร่างกายเนื้อ/จิตใจ/อารมณ์/วิญญาณของพวกคุณ อยู่ในความสอดประสานกลมกลืนกัน

    เมื่อใดที่พวกคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังเครียดอย่างมากที่สุดอยู่ หรือกำลังถูกรบกวนอย่างหนักที่สุดอยู่ นั่นแหละคือช่วงเวลาที่พวกคุณจะต้องหยุดพักจริง ๆ แล้วหละ แล้วอยู่เงียบ ๆ แล้วก็พักผ่อนเสีย

    จงฝึกฝนอยู่ในความสงบนิ่งอย่างมีสติสัมปชัญญะ ซึ่งการฝึกฝนนี้จะช่วยให้วงจรไฟฟ้าของพวกคุณเปิดรับการชี้นำทางจากเบื้องบนอยู่ตลอดเวลา แล้วในซักวันหนึ่งการอยู่ในความสงบนิ่ง ก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับพวกคุณไป พอ ๆ กับการหายใจเลยทีเดียวหละ แล้วพวกคุณก็จะมีสนามพลังงานที่สมดุล ซึ่งมันก็จะช่วยให้พวกคุณสามารถเผชิญหน้ากับประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวของตัวเองได้ และมันจะช่วยให้แมทตริกซ์ทางพลังงานของโลก หรือสนามพลังงานของโลกสั่นสะเทือนอยู่ด้วยความสมดุลด้วย

    และก็เหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในโฮโลเกมแห่งนี้นั่นแหละ ที่การฝึกฝนเข้าสู่ความสงบนิ่งนี้ จะสามารถช่วยยกระดับพลังงานของโลกทั้งโลกให้สูงขึ้นได้ เพราะว่าการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข-ความเบิกบาน, ความรู้สึกซาบซึ้งใจ และความรู้สึกชื่นชมยินดีใด ๆ ก็ตาม จะสามารถแผ่ส่งคลื่นความสั่นสะเทือนออกไปสู่ภายนอก แล้วไปยกระดับ และไปเปลี่ยนรูปแบบของพลังงานทุก ๆ ชนิดที่มันไปแตะต้องสัมผัสได้เสมอ

    พวกคุณคนใดที่ฝึกฝนการเข้าสู่ความสงบนิ่งนี้ได้อย่างมีสติสัมปชัญญะแล้ว ก็จะกลายเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น ๆ และจะกลายเป็นท่าเรือที่ปลอดภัยให้คนอื่น ๆ ได้พึ่งพา และจะกลายเป็นคลื่นความถี่ที่สมดุล ให้คนอื่น ๆ ได้สั่นสะเทือนตาม แล้วจากนั้นจำนวนของพวกคุณก็จะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพวกคุณเหนี่ยวนำให้สนามพลังงานของผู้ที่พวกคุณเข้าไปเกี่ยวข้องสัมผัสด้วย ในชีวิตประจำวัน เข้าสู่สมดุลตามไปด้วย

    พวกเราขอสนับสนุนให้พวกคุณฝึกฝนการเข้าสู่ความสงบนิ่งอย่างมีสติสัมปชัญญะดังกล่าวนี้ เพราะว่าการฝึกฝนนี้จะช่วยเปิดประตูแห่งความตระหนักรู้บานใหม่ ๆ ให้กับพวกคุณมากมาย และจะช่วยให้การเชื่อมต่อกับผู้นำทางของพวกคุณมีความแข็งแกร่งมากขึ้น

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    ........................................................
    Source: Morning Messages
    ........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  9. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 80: พิธีกรรม (Ritual)"

    a.png
    (credit the picture from internet)

    พวกเราขอนำเสนอความรู้ความเข้าใจในขั้นที่สูงกว่า เกี่ยวกับศิลปะอันศักดิ์สิทธิ์แห่งการทำพิธีกรรมให้กับพวกคุณสักหน่อย

    ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆแล้ว พิธีกรรมก็คือสิ่งที่ใช้เปิดและปิดกิจกรรมหนึ่ง ๆ นั่นเอง

    ซึ่งพิธีกรรมหนึ่ง ๆ อาจจะเรียบง่าย เพียงการใช้ถ้อยคำเพื่อกล่าวขอบคุณสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนั้นก็ได้
    (เช่น การกล่าวขอบคุณพระเจ้าก่อนการรับประทานอาหาร เป็นต้น – ผู้แปล) หรืออาจจะสลับซับซ้อนมากเท่าที่พวกคุณจะสามารถจินตนาการได้ก็ได้


    ซึ่งแต่ละคนก็จะหาจุดที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำพาเอาพิธีกรรมเข้ามาสู่ชีวิตของตัวเอง หรือเข้ามาสู่กิจวัฒน์ประจำวันของตัวเองให้มากขึ้น

    พิธีกรรม และเจตจำนงค์ คือสิ่งที่จะไปเชื้อเชิญให้ความสั่นสะเทือนของสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะอันนั้น ให้เข้ามาสู่ความตระหนักรู้ของพวกคุณเอง และการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ ในโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณ ก็จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสั่นสะเทือน และอย่างมีสติสัมปชัญญะ

    พิธีกรรมง่าย ๆ พิธีกรรมหนึ่งก่อนรับประทานอาหาร จะช่วยเตรียมความพร้อมให้กับร่างกายและจิตใจของพวกคุณได้ ให้มันยอมรับอาหารที่กำลังจะรับประทานเข้าไปนั้น ส่วนการสวดมนต์เพื่อแสดงความรู้สึกขอบคุณหลังรับประทานอาหาร (closing prayer) หรือโดยการแค่โค้งศรีษะลงนั้น จะช่วยทำให้การรับประทานอาหารนั้นเสร็จสิ้นสมบูรณ์ลง ส่วนพิธีกรรมที่พวกคุณสร้างขึ้นมาในขณะที่อาบน้ำนั้น ก็มีพลังอันยิ่งใหญ่ในการทำความสะอาดสนามพลังงานและร่างกายเนื้อของพวกคุณด้วย

    พิธีกรรมสามารถที่จะใช้เพื่อกำหนดขอบเขตของกิจกรรม, event หรือการชุมนุม ที่ถูกจัดขึ้นมาได้
    (เช่น พิธีกรรมตอนเปิดและปิดงานต่างๆ เป็นต้น – ผู้แปล) และมันก็มีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการตาย และพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอยู่มากมายอีกด้วย


    เพราะฉะนั้น จงเริ่มต้นทำความเข้าใจพิธีกรรมต่าง ๆ ที่พวกคุณมีอยู่แล้วในชีวิตประจำวันของตัวเองให้ดี เพราะว่าบางพิธีกรรมพวกคุณก็อาจจะทำจนเป็นนิสัยไปแล้วก็ได้ ดังนั้น จงมองดูมันใหม่ และจงค้นหาให้เจอว่าพวกคุณจะสามารถเปลี่ยนแปลง และยกระดับพิธีกรรมที่ทำจนกลายเป็นนิสัยไปแล้วเหล่านี้ ให้กลายไปเป็นกิจกรรมทางจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรบ้าง

    เพราะว่าพวกคุณสามารถที่จะยกระดับ หรือนำพาเอาความสั่นสะเทือนที่สูงกว่ามาใส่ไว้ในงานปกติธรรมดาที่พวกคุณทำในแต่ละวันได้ด้วย

    มันมีพิธีกรรมบางอย่างที่พวกคุณจะสามารถสร้างขึ้นมาได้ เพื่อที่จะใช้แสดงความเคารพต่อแต่ละช่วงเวลาของวัน เช่น:

    ในตอนเช้า พวกคุณก็อาจจะมีพิธีกรรมง่าย ๆ ด้วยการท่องบทสวดมนต์อะไรซักอย่างหนึ่งก็ได้ หรือพวกคุณอาจจะเลือกที่จะทำพิธีกรรมให้มันใหญ่โตขึ้นอีกหน่อยก็ได้ เพื่อให้ช่วงเวลานี้ของวันของพวกคุณ มีอะไรที่ดี ๆ เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจมากขึ้นไปอีก

    เช่น พวกคุณอาจจะจุดเทียนไขขึ้นมาซักเล่มหนึ่ง แล้วท่องบทสวดมนต์ แล้วนำเอาความตระหนักรู้แบบเต็มพิกัดของตัวเอง เข้าไปใส่ไว้ในร่างกายเนื้อของตัวเอง แล้วจากนั้นก็ดื่มด่ำกับพลังงาน, และเสียง และของขวัญที่ตอนเช้านำพามาให้ เป็นต้น เพราะว่าในช่วงเวลาเช้าเช่นนี้ คือช่วงเวลาแห่งความรู้สึกขอบคุณ และเป็นช่วงเวลาแห่งการตั้งเจตจำนงค์ และรวมถึงเป็นช่วงเวลาแห่งการเชื่อมต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย

    ต่อจากนั้นในตอนเที่ยงวัน..พวกคุณก็จะต้องตระหนักรู้ว่า พวกคุณได้เข้ามาสู่อีกช่วงเวลาหนึ่งของวันนี้แล้ว ดังนั้น ก็ขอให้พวกคุณทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อเช้านี้ เอาไว้เบื้องหลัง แล้วก้าวเข้าไปสู่ท่วงทำนองใหม่และพลังงานใหม่ของช่วงเวลานี้เสีย

    ส่วนช่วงเวลาก่อนนอนนั้น อีกครั้งหนึ่ง..พวกคุณอาจจะทำพิธีกรรมเพื่อแสดงความเคารพต่อวันที่ได้ใช้ชีวิตมาทั้งวันนี้ก็ได้ และเพื่อแสดงความขอบคุณตัวเอง และเพื่อปลดปล่อยสิ่งที่จำเป็นจะต้องปลดปล่อยออกไปด้วย เพราะว่าช่วงเวลานี้ คือช่วงเวลาแห่งการให้อภัยและรู้สึกขอบคุณ

    ซึ่งด้วยการตระหนักรู้อย่างมีสติสัมปชัญญะ และด้วยการฝึกฝนอย่างทุ่มเทของพวกคุณ ไม่นานพิธีกรรมประจำวันเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ ถักทอเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกคุณอย่างราบรื่น แล้วพวกมันก็จะไปช่วยเติมมิติใหม่ ๆ ให้กับชีวิตของพวกคุณ

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    .........................................................
    Source: Morning Messages
    .........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  10. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 81: พิธีกรรม - ตอนที่ 2"

    a.png
    (credit the picture from internet)

    พิธีกรรมจะช่วยดึงเอาความเป็นจิตวิญญาณออกมาให้อย่างเต็มที่ มันมีพิธีกรรมอยู่หลายอย่างที่พวกคุณจะสามารถทำได้ เพื่อแสดงความเคารพต่อฤดูกาลต่าง ๆ ของปี แล้วโครงสร้างของพลังงานของฤดูกาลนั้น ๆ ที่พวกคุณได้เรียกออกมาแล้วนั้น ก็จะมาช่วยปรุงแต่งวันเวลาที่จะตามมาของพวกคุณ

    ร่างกายเนื้อ/จิตใจ/อารมณ์และวิญญาณของพวกคุณจะจดจำความสำคัญของฤดูกาลต่าง ๆ ได้ และจะจดจำคุณสมบัติ และคุณลักษณะต่าง ๆ ของช่วงเวลานี้ของปีได้ด้วย และก็จะหลั่งไหลไปตามมันได้อย่างสอดประสานกลมกลืนกันมากขึ้น

    มันมีพิธีกรรมบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรของดวงจันทร์ และเกี่ยวข้องกับรอบการโคจรของมันที่ส่งผลกระทบ ต่อร่างกายเนื้อของพวกคุณอยู่ ซึ่งพวกคุณจะสามารถสังเกตเห็นจังหวะการดึงดูดและการขึ้นลงของมันได้

    และในขณะที่พวกคุณกำลังเคลื่อนที่ผ่านวัยต่าง ๆ และผ่านฤดูกาลต่าง ๆ บนเส้นกาลเวลาของพวกคุณไปอยู่นี้ มันก็มีพิธีกรรมบางอย่าง สำหรับแต่ละช่วงเวลาของชีวิตของพวกคุณเองด้วยนะ ซึ่งถ้าพวกคุณแสดงความเคารพต่อแต่ละช่วงเวลาที่ผ่านไปเหล่านี้ โดยการใช้พิธีกรรมบางอย่างแล้วหละก็ พวกคุณก็จะสามารถก้าวไปสู่ช่วงถัดไปของชีวิต ด้วยความสะอาดหมดจดได้

    จงสร้างพิธีกรรมบางอย่างขึ้นมาเพื่อแสดงความเคารพต่อช่วงเวลาที่พวกคุณกำลังจะจากมันไป เพราะว่ามันได้เสร็จสิ้นภาระกิจ ในการนำพาบทเรียนและของขวัญทั้งหลายมาสู่ชีวิตของพวกคุณเรียบร้อยแล้ว และรวมถึงเพื่อปลดปล่อยสิ่งที่ได้จบสิ้นลงไปแล้วออกไปเสีย ซึ่งด้วยการทำพิธีกรรมดังกล่าวนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะของพวกคุณ พวกคุณก็จะมีสติอยู่ในแต่ละช่วงเวลาของชีวิตของตัวเองได้อย่างเต็มที่มากขึ้น

    มันมีพิธีกรรมอยู่หลายอย่างที่พวกคุณจะสามารถทำได้เพื่อแสดงความเคารพต่อฤดูกาลต่าง ๆ ของปี แล้วโครงสร้างของพลังงานของฤดูกาลนั้น ๆ ที่พวกคุณได้เรียกออกมาแล้วนั้น ก็จะมาช่วยปรุงแต่งวันเวลาที่จะตามมาของพวกคุณ

    ด้วยการทำพิธีกรรมเหล่านี้ พวกคุณก็จะมองเห็นว่าทุก ๆ การกระทำของตัวเอง ล้วนเป็นการกระทำที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดแล้ว ทุก ๆ การกระทำของพวกคุณก็จะกลายเป็นการกระทำที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมอาหาร หรือว่าการทำความสะอาดบ้านประจำวันก็ตาม พวกคุณก็จะสามารถนำเอาแก่นแท้ด้านจิตวิญญาณของตัวเองเข้าไปใส่ไว้ในแต่ละกิจกรรมได้อย่างเต็มที่

    ด้วยการทำพิธีกรรมเหล่านี้ พวกคุณก็จะสามารถคงอยู่ในความมีสติมากขึ้น, และอยู่ในปัจจุบันได้มากขึ้น และมีชีวิตชีวามากขึ้น ในทุก ๆ สิ่งที่พวกคุณกระทำ และในทุก ๆ กิจกรรมที่พวกคุณกระทำ

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    ........................................................
    Source: Morning Messages
    ........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  11. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 82: การคิดออกนอกกรอบ"

    a.png
    (credit the picture from internet)

    มิติต่าง ๆ เป็นแค่เพียงคลื่นความถี่และระดับความสั่นสะเทือนที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง และมนุษย์โลกก็มีการท่องเที่ยวไปในมิติต่าง ๆ จากมิติหนึ่งไปสู่มิติหนึ่ง วันละหลาย ๆ ครั้งอยู่แล้วด้วย เพียงแต่ว่าอะไรก็ตามที่มันไม่ได้อยู่ในระบบความเชื่อของมนุษย์โลก มนุษย์โลกก็จะไม่ตระหนักรู้ถึงเรื่องนั้น ๆ เลย และก็จะไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าสิ่งนั้น ๆ มันกำลังเกิดขึ้นอยู่ เพราะว่าสำหรับพวกเขาแล้ว มันไม่มีอยู่จริง

    พวกคุณจะสามารถมองเห็นเฉพาะสิ่งที่พวกคุณเชื่อเท่านั้น เพราะว่าโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณจะสอดคล้อง กับความเชื่อของพวกคุณเองเสมอ ซึ่งนั่นแหละคือปัญหาหละ

    เพราะว่าเมื่อพวกคุณมองออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของตัวเองแล้ว และเห็นประสบการณ์บางประเภทแล้ว พวกคุณก็จะเข้าใจว่ามันคือความจริง เพราะว่าพวกคุณกำลังมองเห็นมันอยู่ และมันก็จะดูเป็นจริงเป็นจัง และรู้สึกเป็นจริงเป็นจังอย่างมากซะด้วย และคนอื่น ๆ ก็จะเห็นด้วยเช่นกันว่า มันคือความจริงจริง ๆ เพราะฉะนั้นแล้ว พวกคุณจึงสรุปว่ามันจะต้องเป็นความจริงจริง ๆ

    แล้วพวกคุณก็จะพยายามรวบรวมหลักฐานและข้อพิสูจน์ต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อที่จะบอกว่ามันเป็นความจริง จริง ๆ และพวกคุณก็อาจจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับความเป็นจริงของมันขึ้นมาด้วยซ้ำไป ซึ่งพวกคุณก็ได้พากันสร้างระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริงของมันขึ้นมาแล้วมากมายซะด้วย แล้วพวกคุณก็จะต่อสู้เพื่อความเป็นจริงของมัน

    แต่ว่า..สิ่งที่พวกคุณเรียกมันว่าความจริงนั้นหนะ มันจะเป็นความจริงขึ้นมาได้ ก็ต่อเมื่อพวกคุณกำลังปฏิบัติการอยู่ในคลื่นความถี่ หรือในความเชื่อที่ทำให้มันเป็นความจริงขึ้นมาเท่านั้นเอง นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่า “ความเป็นจริงที่ถูกล็อคเอาไว้” (locked down reality) หละ

    เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจึงมีแต่จะไปทำให้มายาการอันนี้มันแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีกเท่านั้น และก็จะไปทำให้ความเชื่อที่เกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงลวงอันนี้ มันเหนียวแน่นมากขึ้นไปอีกเท่านั้นเอง

    ดังนั้น กุญแจสำคัญก็คือการยืดขยายความเชื่อของพวกคุณออกไปอีก และก็คือการยืดขยายความรู้ของพวกคุณออกไปอีก ซึ่งพวกคุณก็มีคำศัพท์ที่ดีมาก ๆ ที่ใช้เรียกการยืดขยายดังกล่าวนี้อยู่แล้วว่า “การคิดออกนอกกรอบ” นั่นเอง (think out of the box)

    ลองสังเกตดูสิว่าเมื่อใดที่พวกคุณรู้สึกว่าประสบการณ์ชีวิตของตัวเองช่างมีข้อจำกัดเหลือเกิน, ลองสังเกตดูสิว่าเมื่อใด ที่ความคิดของพวกคุณไม่ได้ช่วยให้พวกคุณรู้สึกมีพลังขึ้นมาเลย, ลองสังเกตดูสิว่าเมื่อใดที่พวกคุณรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงลง, ลองสังเกตดูสิว่าเมื่อใด ที่พวกคุณมีความอยากมากขึ้น แต่กลับยิ่งติดขัดมากขึ้น, ลองสังเกตดูสิว่าเมื่อใดที่พวกคุณรู้สึกว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้นอยู่อีก ที่สามารถเป็นไปได้

    ซึ่งเมื่อใดที่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับพวกคุณ นั่นแหละคือช่วงเวลาที่พวกคุณกำลังชนขอบของกล่องความคิดของตัวเอง ที่มีข้อจำกัดอันนั้นอยู่หละ

    แต่ในช่วงเวลานั้น พวกคุณก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงคลื่นความถี่ของตัวเองได้ พวกคุณยังสามารถยกระดับความสั่นสะเทือนของความคิดของตัวเองให้สูงขึ้นมาได้ แล้วหันมาเริ่มต้นยินยอมให้โลกแห่งความเป็นจริงอื่น ๆ เปิดเผยตัวเองออกมา พวกคุณจะสามารถฝึกฝนการยืดขยาย หรือขยายขอบเขตของการมองเหตุการณ์ของตัวเองออกไปได้

    ให้พวกคุณจินตนาการว่าตัวเองกำลังอยู่เหนือเหตุการณ์เหล่านั้น หรืออยู่นอกขอบเขตของเหตุการณ์เหล่านั้น แล้วปรับเปลี่ยนการรับรู้ของตัวเอง หรือมุมมองของตัวเองไปสักเล็กน้อย

    ให้พวกคุณยินยอมให้ด้านต่าง ๆ ของกล่องความเชื่อของตัวเองขยายใหญ่โตขึ้นมาได้อีก จนสามารถครอบคลุมไปถึงบางสิ่งบางอย่าง ที่แตกต่างออกไปเล็กน้อยได้ หรือครอบคลุมไปถึงบางสิ่งบางอย่าง ที่ใหม่กว่านั้นอีกเล็กน้อยได้ หรือครอบคลุมไปถึงบางสิ่งบางอย่างที่ “โดยปกติแล้ว” พวกคุณจะไม่ไปนึกถึงมันเลย ว่ามันจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ เพราะว่ามันอยู่ไกลเกินไป หรือเพราะว่ามันไม่จริงจนเกินไปนั่นเอง “แต่จงจำไว้ว่าพวกคุณจะมองเห็นเฉพาะสิ่งที่พวกคุณเชื่อเท่านั้นเอง”

    การสร้างการเชื่อมต่อกับมิติอื่น ๆ ก็คือการเดินออกมาจากกล่อง ๆ นั้นเท่านั้นเอง เพราะว่ามันเป็นกล่องของความคิดหรือ อารมณ์ที่มีข้อจำกัด, การสร้างการเชื่อมต่อกับมิติอื่น ๆ ก็คือการสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง หรือก็คือการก้าวออกมาจากความเชื่อเก่า ๆ ที่มีข้อจำกัดเหล่านั้น แล้วเปิดใจรับเอาความตระหนักรู้หลากมิติของตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ในฐานะที่เป็นรูปธรรมชีวิตแห่งดวงดาวหลากมิติ เข้ามาเท่านั้นเอง

    จงยินยอมให้มิติต่าง ๆ สามารถผสานรวมเข้าด้วยกันได้อย่างแผ่วเบา จงยินยอมให้คลื่นความถี่และความสั่นสะเทือนต่าง ๆ สามารถยกระดับขึ้นได้อย่างราบรื่น, นุ่มนวล และรื่นไหล ซึ่งกุญแจทองก็คือการฝึกฝนอย่างมีสติสัมปชัญญะ เพื่อให้สามารถดำรงอยู่ในคลื่นความสั่นสะเทือนของความสุข-ความเบิกบาน, ความรู้สึกซาบซึ้งใจ และความรู้สึกชื่นชมยินดีได้ในทุก ๆ ชั่วขณะ เพราะว่าคลื่นความถี่แห่งความสั่นสะเทือนเหล่านี้ จะทำให้กล่องแห่งความคิดที่มีข้อจำกัดของพวกคุณมลายหายไป

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    .......................................................
    Source: Morning Messages
    .......................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  12. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 83: การเปลี่ยนแปลง vs โลกแห่งความเป็นจริง"

    a.png
    (credit the picture from internet)

    นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณรู้แล้วว่าโลกที่พวกคุณรู้จักกันอยู่นี้และโลกที่อยู่รอบ ๆ ตัวพวกคุณนี้ มีความผันผวนทางพลังงานอยู่เสมอ มันมีทางเลือกและโลกแห่งความเป็นจริงอยู่มากมาย ให้พวกคุณได้เลือกกันในแต่ละชั่วขณะของพวกคุณ

    วิชาควอนตั้มฟิสิกส์ ได้ทำให้พวกคุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติแล้ว เพราะวิชาควอนตั้มฟิสิกส์ ได้แสดงให้พวกคุณเห็นแล้วว่า พลังงานสามารถเป็นได้ทั้งอนุภาคและคลื่น

    ทุก ๆ “ความคิด” (thought) ของพวกคุณจะประทับตราพลังงานเอาไว้เสมอ ไม่ว่าพวกคุณจะคิดโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม และแต่ละชั่วขณะ ก็คือชั่วขณะที่สดและใหม่เสมอ ซึ่งมันกำลังรอคอยให้พวกคุณสั่งการมันอยู่
    (ด้วยการประทับตราพลังงานความคิดและอารมณ์ความรู้สึกของพวกเราเองลงไป - ผู้แปล)


    แต่ว่ามนุษย์โลกมักจะยึดติดกับวิธีการมองชีวิตของตัวเองเสมอ และมักจะยึดติดกับ “ผู้ที่พวกเขาคิดว่าพวกเขาเป็น” เสมอ และก็..จะยึดติดกับเรื่องที่ว่าพวกเขาควรหรือไม่ควรจะทำอย่างไร หรือควร/ไม่ควรจะเป็นอย่างไรเสมอด้วย

    มนุษย์โลกส่วนใหญ่จะไม่ตระหนักรู้ว่าพวกเขากำลังพากันประทับตราพลังงานของตัวเองลงไปในโลกแห่งความเป็นจริงของตัวเองอยู่ทุกชั่วขณะ และพวกเขาก็ยังถูกล็อคเอาไว้ให้อยู่แต่ในกรอบของความเชื่อที่ถูกปลูกฝังมาว่า โลกแห่งความเป็นจริงของพวกเขาต้องมีลักษณะอย่างนั้นหรือย่างนี้เท่านั้นอีกด้วย

    เพราะฉะนั้นแล้ว โลกแห่งความเป็นจริงของพวกเขาจึงมีลักษณะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ และเพราะฉะนั้นแล้ว พวกเขาจึงพากันสร้างแต่โลกแห่งความเป็นจริงแบบเดิม ๆ ขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยู่อย่างนั้น

    การเข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ ยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่ตลอดเวลานั้น คือมายาการอย่างหนึ่ง เพราะว่าอันที่จริงแล้ว โลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณ กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

    การประทับตราพลังงานความคิดและอารมณ์ความรู้สึก ลงไปในสนามพลังงานของโลกนี้ ถูกกระทำโดยชาวโลกทุก ๆ คนทั้งในระดับบุคคล และในระดับจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก เพราะฉะนั้นแล้ว ภายในสนามพลังงานของ “จิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก” (collective consciousness) จึงเต็มไปด้วยความเชื่อต่าง ๆ และความคิดต่าง ๆ ที่ถูกปลูกฝังมาให้เชื่ออย่างเหนียวแน่น เพราะว่าความเชื่อเหล่านี้ และแนวความคิดเหล่านี้ กำลังถูกประทับตราลงไปในโฮโลเกมนี้ หรือแมทตริกซ์นี้ หรือสนามพลังงานนี้ อยู่ทุกชั่วขณะนั่นเอง

    เพราะฉะนั้นแล้ว โลกแห่งความเป็นจริงที่พวกคุณกำลังเล่นกันอยู่นี้ จึงยังคงมีลักษณะเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้นตลอด เพราะว่าภายในความเหมือนเดิมที่ว่านี้ มันทำให้พวกคุณรู้สึกสะดวกสบายนั่นเอง และภายในความเชื่อที่เหมือนเดิมดังกล่าวนี้ มันทำให้พวกคุณรู้สึกสะดวกสบายนั่นเอง และเพราะว่าความเชื่อแบบกลุ่ม และความเชื่อร่วมกันของคนทั้งโลกดังกล่าวนี้ มันทำให้พวกคุณรู้สึกสะดวกสบายนั่นเอง นี่แหละคือส่วนหนึ่งของความผิดเพี้ยนที่เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้หละ

    ดังนั้น พวกคุณจึงพากันต่อต้านการเปลี่ยนแปลง เพราะว่ามันน่ากลัวสำหรับพวกคุณ เพราะฉะนั้นแล้ว มนุษย์โลกแต่ละคน จึงเลือกที่จะยึดติดอยู่กับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่เป็นประโยชน์เอาซะเลยอยู่ หรือแม้แต่เลือกที่จะยึดติดอยู่กับสถานการณ์ที่สร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเองซะด้วยซ้ำไป เพียงเพราะว่าพวกเขากลัวการเปลี่ยนแปลงเท่านั่นเอง ส่วนในระดับของจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลกนั้น ก็มีพฤติกรรมคล้าย ๆ กันนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

    แต่ในตอนนี้สังคมมนุษย์เริ่มมองเห็น และเริ่มรู้สึกถึงความผิดเพี้ยนดังกล่าวนี้แล้ว และสังคมมนุษย์ก็กำลังถูกท้าทาย ให้ทำการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสติสัมปชัญญะอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเริ่มอิ่มตัวกับเหตุผลที่จะต้องไปกลัวการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นแล้ว

    มนุษย์โลกแต่ละคนกำลังเติมพลังงานแห่งความกลัวและความรู้สึกไม่ปลอดภัยของตัวเอง เข้าไปในสนามพลังงานของคนทั้งโลกอยู่ แล้วเจ้าความรู้สึกกลัว และความรู้สึกไม่ปลอดภัย และความเชื่อทั้งหลาย ของจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลกนี้แหละ ก็จะไปทำให้โลกแห่งความเป็นจริงที่ผิดเพี้ยนนี้ ยังคงผิดเพี้ยนอยู่ต่อไป ในทุกชั่วขณะที่เกิดขึ้นมาใหม่

    ในตอนนี้ มีชาวโลกจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ที่รู้แล้วว่าการประทับตราพลังงานของโลกแห่งความเป็นจริงแบบใหม่ลงไปในแต่ละชั่วขณะแห่งปัจจุบันขณะนั้น คือของขวัญอันล้ำค่าอย่างหนึ่ง และพวกเขาก็กำลังตื่นขึ้นมาสู่ความเป็นจริงแล้วว่า พวกเขาเป็นอะไรที่มากกว่าที่พวกเขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นซะอีก

    เพราะว่าแท้ที่จริงแล้ว พวกเขาคือรูปธรรมชีวิตหลากมิติ และพวกเขาก็รู้แล้วว่า โลกแห่งความเป็นจริงแห่งนี้นั้น แท้ที่จริงแล้วก็คือความคิด ๆ หนึ่งเท่านั้นเอง หรือคืออนุภาค ๆ หนึ่ง หรือคือคลื่น ๆ หนึ่งเท่านั้นเอง

    รูปธรรมชีวิตเหล่านี้กำลังเริ่มต้นขี่พลังงานด้วยวิธีการใหม่ ๆ แล้ว พวกเขากำลังเริ่มต้นปั้นแต่งและแกะสลักพลังงานของตัวเองด้วยวิธีการใหม่ ๆ อยู่ ดังนั้น พวกเขาจึงกำลังประทับตราพลังงานของตัวเองลงไปในโลกแห่งความเป็นจริงของตัวเอง ด้วยจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักมากขึ้นอยู่

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    ........................................................
    Source: Morning Messages
    ........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  13. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 84: จงทวงเอาพรสวรรค์ของพวกคุณกลับคืนมา"

    a.png
    (credit the picture from internet)

    ที่พวกเรามาอยู่ที่นี่ ในกระแสพลังงานนี้ ก็เพื่อที่จะมาให้คำแนะนำบางอย่างแก่พวกคุณ และเพื่อที่จะมาเตือนความจำของพวกคุณเบา ๆ ว่า พวกคุณคือรูปธรรมชีวิตหลากมิติ ที่เปี่ยมไปด้วยทักษะอันยิ่งใหญ่ และพวกคุณก็มีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่จะมารับใช้โลกใบนี้ในช่วงเวลานี้

    เพราะว่าช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่น่าทึ่ง และน่าอัศจรรย์อย่างมากสำหรับมนุษยชาติ เพราะว่ามนุษย์โลกกำลังขยายตัว เข้าไปสู่ศักยภาพอันทรงพลังอำนาจแบบเต็มพิกัดของตัวเองอยู่ ในฐานะที่พวกเขาเป็นรูปธรรมชีวิตหลากมิติจริง ๆ

    ในรายงานข่าวของพวกคุณ ก็มีตัวอย่างของผู้ที่มีความสามารถอันน่าทึ่งของความเป็นรูปธรรมชีวิตหลากมิติให้เห็นอยู่ เช่น เรื่องราวของเด็กหนุ่มตาบอดคนหนึ่ง ที่สามารถได้ยินเสียงความสั่นสะเทือน ที่สะท้อนกลับมาจากวัตถุต่าง ๆ ที่เขาส่งเสียงออกไปกระทบมันได้ เหมือนอย่างที่ปลาวาฬทำกัน ซึ่งนั่นแสดงว่าเขาได้ก้าวเข้าไปในศักยภาพการทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว จนสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนกับคนตาดีทั่ว ๆ ไปเลยทีเดียว
    ........................................
    (หมายเหตุ: เขากำลังกล่าวถึงนาย Daniel Kish ที่ตาบอดมาตั้งแต่เด็ก แต่สามารถใช้ปากทำเสียงดังก็อก ๆ ได้ แล้วเสียงที่เขาส่งออกไปนั้น ก็จะไปกระทบกับวัตถุที่อยู่ตรงหน้าเขา แล้วก็สะท้อนกลับมาให้เขาได้ยิน จนเขาสามารถรับรู้ถึงขนาดและรูปร่างของวัตถุนั้น ๆ ได้..ท่านใดสนใจ ลองค้นหาในอินเตอร์เน็ตดูนะครับ โดยลองใช้คำว่า Daniel Kish และคำว่า Human echolocation – ผู้แปล)
    ...........................................


    ส่วนอีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ นักจิตวิทยาผู้หนึ่งที่ได้แบ่งปันเรื่องราวของตัวเขาเอง เกี่ยวกับการปิดวอร์ดทั้งวอร์ดในโรงพยาบาลบ้า ลงอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะว่าผู้ป่วยที่ถูกระบุว่าเป็นผู้วิกลจริตทางอาญาได้ถูกรักษาให้หายจนหมดเกลี้ยงเลย เขารู้ว่าด้วยการเยียวยารักษาตัวเขาเอง ก็เท่ากับว่าเป็นการเยียวยารักษาผู้ป่วยทุก ๆ คนไปด้วยในตัว เพราะว่าเขารู้อย่างแน่ชัดว่า ผู้ป่วยพวกนั้นล้วนเป็นส่วนหนึ่งของตัวเขาเองทั้งสิ้น
    .........................................
    (หมายเหตุ: เขากำลังกล่าวถึง ดร.Hew Len แห่งโรงพยาบาลแห่งรัฐฮาวายอยู่ ผู้ที่เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน สามารถรักษาผู้ป่วยวิกลจริตทางอาญาขั้นร้ายแรง ให้หายขาดได้ยกวอร์ด โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า Ho’oponopono

    ซึ่งคำว่า Ho’oponopono นี้เป็นหลักคำสอนโบราณของชาวฮาวาย ที่บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา และที่เรารับรู้-สัมผัสอยู่นี้ และรวมถึงโลกทั้งโลกที่เรากำลังอาศัยอยู่นี้ ล้วนเกิดขึ้นมาจากการสร้างสรรค์ของเราเองทั้งสิ้น ดังนั้น มันจึงอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของเราทั้ง 100% เต็ม โดยไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น


    แต่คำว่าเป็นความรับผิดชอบของเราในที่นี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นความผิดของเราแต่อย่างใด แต่หมายความว่าเรามีหน้าที่ที่จะต้องเยียวยารักษาตัวเราเอง เพื่อให้ปัญหานั้น ๆ มันถูกเยียวยาไปด้วย

    ขั้นตอนหลัก ๆ ของ Ho’oponopono มีอยู่ 3 ขั้นตอนคือ:
    1).ยอมรับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง
    2).ผลพวงของความทรงจำที่เลวร้ายนั้น ซุกซ่อนอยู่ในจิตใจของเราเอง
    3).ร้องขอให้พระผู้เป็นเจ้าที่อยู่ภายในตัวของเราเองช่วยปลดปล่อยความทรงจำเหล่านั้นออกไป
    เพื่อทำให้เราเป็นอิสระ แล้วจากนั้น เราก็กล่าวคำขอบคุณ – ผู้แปล)
    .....................................


    มันมีศักยภาพที่ทรงพลังอำนาจอยู่ภายในตัวมนุษย์ทุก ๆ คน ที่ตอนนี้มนุษย์โลกเริ่มค่อย ๆ ค้นพบบ้างแล้ว และโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณก็ไร้ขีดจำกัด, ไร้ขอบเขต และกำลังขยายตัวอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย ดังนั้น ในแต่ละวันมันจึงมีข่าวที่นำเสนอเกี่ยวกับความอัศจรรย์ และความสามารถพิเศษอันน่าทึ่งอื่น ๆ อยู่เสมอ ๆ ที่เพิ่งถูกค้นพบ และเพิ่งถูกเปิดเผยออกมา โดยมนุษย์โลกผู้ที่กำลังทวงเอาความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง และทวงเอาโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติของตัวเองกลับคืนมาอยู่

    พวกเราอยากจะให้พวกคุณสามารถมองเห็นตัวเองในแบบที่พวกเรามองเห็นอยู่ได้เหลือเกิน แล้วพวกคุณก็จะเห็นว่าพวกคุณคือคลื่นความถี่แห่งแสงสว่างและสีสันต่าง ๆ ที่กำลังกระพริบระยิบระยับอยู่อย่างเจิดจ้า พวกคุณคือศักยภาพอันบริสุทธิ์ และคือพลังงานแห่งการสร้างสรรค์อันบริสุทธิ์

    ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับดาวเคราะห์โลกของพวกคุณอย่างมาก เพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาแห่งการตื่นรู้ของชาวโลก, มันเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนทิศทางของชาวโลก และมันก็เป็นช่วงเวลาแห่งการขยายตัวด้านจิตสำนึกของชาวโลกอีกด้วย

    พวกคุณคือผู้ที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด พวกคุณคือผู้ที่ถูกล็อตเตอรรี่รางวัลที่ 1 พวกคุณมีโอกาสอันดีเลิศในการยินยอมให้ตัวเองขยายตัวเข้าไปสู่ความสามารถอันไร้ขีดจำกัดของตัวเองได้ และขยายตัวเข้าไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันไร้ขีดจำกัดของตัวเองได้ เพื่อไปทวงเอาและไปนำเอาพรสวรรค์หลากมิติของตัวเองกลับคืนมา

    *พวกคุณจำเป็นจะต้องปลดปล่อยโปรแกรมทางความเชื่อเก่า ๆ ที่จำกัดความคิดของพวกคุณเอาไว้ออกไป

    *พวกคุณจำเป็นจะต้องปลดปล่อยอารมณ์เก่า ๆ ที่ฉุดรั้งความสั่นสะเทือนของพวกคุณเอาไว้ให้อยู่แต่ในระดับที่หนาแน่นทึบตันนี้ออกไป

    *พวกคุณจำเป็นจะต้องปลดปล่อยแนวคิดต่าง ๆ ที่พวกคุณคิดว่ามันคือความจริงออกไป

    *พวกคุณถูกเชื้อเชิญให้ก้าวออกมาจากกรอบแห่งการมีข้อจำกัดที่พวกคุณพากันสร้างขึ้นมาเอง แล้วเอามาใช้บังคับตัวเอง

    *พวกคุณถูกเชื้อเชิญให้เคารพในความยิ่งใหญ่อลังการของตัวเอง ในทุก ๆ ชั่วขณะและในทุก ๆ ลมหายใจ

    *พวกคุณถูกเชื้อเชิญให้ดำรงอยู่ในคลื่นความสั่นสะเทือนอันบริสุทธิ์ของความสุข-ความเบิกบาน, ความรู้สึกซาบซึ้งใจ และความรู้สึกชื่นชมยินดี และแผ่ส่งคลื่นความสั่นสะเทือนเหล่านี้ออกมาตลอดเวลา

    *พวกคุณถูกเชื้อเชิญให้ดำรงอยู่ในจอกศักดิ์สิทธิ์แห่งหัวใจของตัวเอง และแผ่ส่งความเมตตากรุณา และการให้อภัยออกมา

    *พวกคุณถูกเชื้อเชิญให้ดำรงอยู่ในคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งความรักอันบริสุทธิ์


    คำแนะนำเหล่านี้ จะช่วยให้พวกคุณสามารถทวงคืนเอาความมหัศจรรย์ของผู้ที่พวกคุณเป็นจริง ๆ กลับคืนมาได้ ในฐานะที่พวกคุณเป็นฑูตแห่งกาแล็กซี่คนหนึ่ง และในฐานะที่พวกคุณเป็นเหลี่ยมมุมหนึ่งของพระผู้สร้าง และในฐานะที่พวกคุณเป็นเหลี่ยมมุมหนึ่งของหัวใจเอกภพผู้เป็นหนึ่งเดียว (the one cosmic heart)

    จงก้าวเข้ามาสู่วันนี้ด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างแท้จริง จงทวงเอาเวทมนต์และความมหัศจรรย์ของตัวเองกลับคืนมา จงหายใจเอาชีวิตเข้าไปในความฝันของตัวเอง และจงหายใจเอาชีวิตเข้าไปในทุก ๆ ชั่วขณะ แล้วจากนั้น ก็ทำให้มันกลายเป็นของขวัญของพวกคุณ และกลายเป็นของขวัญสำหรับทุก ๆ คนเสีย

    จงมีความสงบ และจงเป็นที่รักเถิด

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    ..........................................................
    Source: Morning Messages
    ..........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  14. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 85: จงเรียกมันออกมา"

    a.png
    (credit the picture from internet)

    วันใหม่แต่ละวันคือของขวัญที่แท้จริงสำหรับพวกคุณ แต่บ่อยครั้งมากที่พวกคุณเพิกเฉยต่อมันเพราะว่ามัวแต่ไปคิดถึงเรื่องราวของเมื่อวานอยู่ แต่จงจำไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่โปรแกรมเก่า ๆ และความสงสัยเก่า ๆ เริ่มผุดขึ้นมาอีกหละก็ เมื่อนั้นแหละที่พวกคุณจะมีโอกาสเปลี่ยนรูปแบบของพลังงานที่ผิดเพี้ยนไปของอารมณ์ความรู้สึก หรือของความคิดนั้น ๆ ได้

    เพราะว่าพวกคุณคือผู้เปลี่ยนรูปแบบพลังงาน ที่บริสุทธิ์และเรียบง่าย ซึ่งพวกคุณก็มีเครื่องไม้เครื่องมือ และมีกุญแจดอกสำคัญ ๆ ที่จะใช้เพื่อเล่นแร่แปรธาตุทางพลังงานอยู่ในมือของตัวเองอยู่แล้วด้วย เพราะมนุษย์โลกทุก ๆ คน ล้วนมีพลังอำนาจอันยอดเยี่ยมสำหรับการเปลี่ยนรูปแบบโลกแห่งความเป็นจริงของตัวเองอยู่แล้ว

    การยกระดับและการเปลี่ยนรูปแบบของพลังงานที่ผิดเพี้ยนไป ให้กลับไปสู่รูปแบบที่มีพลังมากกว่า และมีความนุ่มนวลมากกว่านั้น คือกระบวนการที่จะต้องทำกันทุก ๆ ชั่วโมง, ทุก ๆ วัน และตลอดชีวิตเลยทีเดียว

    มีชาวโลกหลายคนที่ยอมรับการยกระดับในครั้งนี้ และก็ยินดีต้อนรับมันอย่างเต็มใจซะด้วย แต่ก็มีชาวโลกอีกหลายคน ที่ต่อต้านเส้นทางแห่งวิวัฒนาการในครั้งนี้ ในทุก ๆ ย่างก้าว เพราะว่าพวกเขาติดอยู่ในกระบวนการดิ้นรนต่อสู้ และเพราะว่าความท้าทายของการดิ้นรนต่อสู้ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองมีพลังอำนาจและสามารถควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ ได้

    แต่นั่นคือภาพลวงตาของมายาการนี้เท่านั้นเอง เพราะว่าพลังอำนาจที่แท้จริงนั้น จะต้องมาจากความเชื่อมั่น และมาจากการตระหนักรู้ในแต่ละชั่วขณะ และมาจากสภาวะจิตใจที่มีสติสัมปชัญญะ, ตื่นตัว, และเบาสบายเท่านั้น มันจะเหมือนกับการขี่คลื่นพลังงานไปนั่นแหละ หรือเหมือนกับการปล่อยเรือใบให้ไหลไปตามกระแสลมที่พัดพาไปนั่นแหละ หรือเหมือนกับการล่องเรือไปตามกระแสน้ำเชี่ยวนั่นแหละ

    ถ้าพวกคุณสามารถมองเห็นกองเชียร์ที่ไม่ได้อยู่ในโลกทางกายภาพนี้ ที่คอยเชียร์พวกคุณอยู่ในทุก ๆ ย่างก้าว ที่พวกคุณไปมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ ในแต่ละวันได้หละก็ พวกคุณก็จะมีกำลังใจมากขึ้นอีกโขเลยหละ

    มนุษย์โลกแต่ละคนคือจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ส่วนที่อยู่แนวหน้าสุด ที่เข้ามาอยู่ในร่างกายเนื้อนี้ และพลังอำนาจ ที่มนุษย์โลกแต่ละคนมีอยู่แค่ปลายนิ้วทางความคิดและทางอารมณ์ของตัวเองนั้น ก็น่าทึ่งอย่างมากจริง ๆ ซะด้วย พวกคุณคือผู้ถักทอ, คือผู้สร้าง และคือผู้ที่เนรมิตสิ่งต่างๆออกมาสู่โลกทางกายภาพนี้

    พวกคุณคือส่วนที่แตกกิ่งก้านสาขาออกมาจาก “แหล่งกำเนิดอันศักดิ์สิทธิ์” ที่มาอยู่ในรูปกายของมนุษย์นี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกคุณนั้น ก็คือเงาสะท้อนของความสามารถและความชำนาญของพวกคุณเอง แนวความคิดที่ว่าพวกคุณมีกายเนื้ออยู่ และจะต้องดูแลรักษากายเนื้อนั้นเอาไว้ คือองค์ประกอบแรก และคือองค์ประกอบที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับการเนรมิตด้วย

    มนุษย์โลกแต่ละคนต่างเกิดมาพร้อมกับความสามารถอันน่าทึ่งด้วยกันทั้งสิ้น แต่ว่า..พวกเขากลับนำเอาความสามารถอันน่าทึ่งนี้ของตัวเองมาใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะว่ามนุษย์โลกแต่ละคนต่างก็มีโปรแกรมทางความเชื่อที่คอยปิดบังและอำพรางพรสวรรค์หลากมิติของพวกเขาเอาไว้อยู่ ดังนั้น มันจึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องนำเอาสิ่งที่คอยปิดบังและอำพรางพรสวรรค์เหล่านี้เอาไว้อยู่ออกไปซะที

    แต่ความเป็นห่วงและความเป็นกังวล ที่ยังเหลือตกค้างอยู่บริเวณริมขอบของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณอยู่ในขณะนี้ก็คือ เศษที่ยังเหลืออยู่ของแพทเทิร์นเก่า ๆ แห่งความสิ้นหวัง, แห่งการทำอะไรไม่ได้เลย และแห่งการไร้ซึ่งพลังอำนาจ ซึ่งเมื่อใดที่แพทเทิร์นเหล่านี้โผล่ขึ้นมาสู่ระดับพื้นผิวของความคิดและความรู้สึกของพวกคุณแล้วหละก็ พวกคุณก็จะมีโอกาสเปลี่ยนรูปแบบที่ผิดเพี้ยนของมันไปเสียได้ แล้วเลือกเอาพฤติกรรมอื่น, หรืออารมณ์อื่น หรือความคิดอื่นเข้ามาใส่ไว้แทนที่

    เพราะนี่คือเกม, นี่คือโฮโลเกม เพราะฉะนั้นแล้ว จงเล่นสนุกกับมัน แล้วจงปลดปล่อยมันไป อย่าไปยึดติดกับมัน จงเล่นกับมันด้วยความพิศวง และเล่นกับมันด้วยทักษะความชำนาญของพวกคุณเอง จงจินตนาการถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่จะสามารถเป็นไปได้ในชีวิตของพวกคุณ จงจินตนาการถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอันนั้น แล้วจงเรียกมันออกมา และจงจำเอาไว้ว่าความสุข-ความเบิกบาน, ความรู้สึกซาบซึ้งใจ และความรู้สึกชื่นชมยินดีของพวกคุณนั้น คือแม่เหล็กที่จะไปดึงดูดสิ่งดี ๆ ให้เข้ามาหาพวกคุณ

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggey Black
    .......................................................
    Source: Morning Messages
    .......................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  15. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 86: สิ่งที่ถูกเนรมิตออกมา (Manifestant)"
    a.png
    (credit the picture from internet)

    “การเนรมิต” (manifestation) คืออะไร? การเนรมิตคือการเปิดเผยมันออกมา คือการนำมันออกมาสู่แสงสว่าง คือการทำให้มันเป็นรูปธรรมขึ้นมา และคือการทำให้มันกลายเป็นจริงขึ้นมา พวกเรารู้ดีว่าเรื่องนี้มันฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่มันก็ง่ายจริง ๆ นั่นแหละ ถ้าพวกคุณตระหนักรู้และรู้อย่างถ่องแท้ว่าพวกคุณคือวิญญาณอันบริสุทธิ์ คือจิตสำนึก/ความตระหนักรู้อันบริสุทธิ์ และคือพลังงานอันบริสุทธิ์

    แต่จงรับรู้ไว้เถิดว่าวิญญาณอันบริสุทธิ์ และจิตสำนึก/ความตระหนักรู้อันบริสุทธิ์ และพลังงานอันบริสุทธิ์ของพวกคุณนั้น ถูกควบคุมและถูกใส่โปแกรมลงไปตั้งแต่ตอนที่พวกคุณเกิดแล้ว ดังนั้น เวลานี้จึงเป็นเวลาที่มนุษย์โลกควรจะต้องก้าวออกมาจากความมืดมัว และความมึนงง เพราะความไร้ซึ่งพลังอำนาจ และความกลัวแล้ว มันถึงเวลาที่มนุษย์โลกควรจะต้องสลัดทิ้งความเชื่อและความเข้าใจที่ผิด ๆ เกี่ยวกับความขาดแคลนและความขัดสนทิ้งไปได้แล้ว

    มนุษย์โลกแต่ละคนต่างก็จะมีโปรแกรมทางด้านความคิดและความเชื่อที่มีข้อจำกัดเหล่านี้อยู่ภายในตัวเอง ไม่แง่ใดก็แง่หนึ่ง ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ได้ถูกถ่ายทอดต่อ ๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งบางครั้งก็เป็นการถ่ายทอดผ่านทางคำพูดและถ้อยคำ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการถ่ายทอดผ่านทางพลังงานของจุดยืน หรือของลักษณะเฉพาะของพ่อแม่, ครูบาอาจารย์, ผู้นำ, เจ้านาย และจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลกที่อยู่ในแมทตริกซ์ทางพลังงานของโลกใบนี้

    ดังนั้น งานที่มนุษย์โลกแต่ละคนจะต้องทำในช่วงเวลานี้ และในขณะนี้ก็คือ การสลัดทิ้งโปรแกรมเหล่านี้ไปเสีย แล้วยกระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวเองให้สูงขึ้น จนถึงระดับที่สามารถรู้ได้อย่างแจ่มแจ้งว่าตัวเองเป็นใคร และจนสามารถรู้ได้ว่าตัวเองคือ รูปธรรมชีวิตแห่งดวงดาวหลากมิติ

    เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว มนุษย์โลกทุก ๆ คนคือผู้ที่ไร้ขีดจำกัด, คือผู้ที่ไร้ขอบเขต และคือผู้ที่ทรงพลังอำนาจจนเหลือคณานับ เพราะว่ามนุษย์โลกทุกๆคนคือ “ผู้สร้าง” คนหนึ่ง คือวอร์เท็กซ์ของพลังงานอันหนึ่ง และคือสิ่งที่ถูกเนรมิตออกมาจากสิ่งที่อยู่ในระดับขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นแล้ว จงก้าวเข้ามาในความรู้อันนี้เสีย จงก้าวเข้ามาในความตระหนักรู้อันนี้เสีย จงก้าวเข้ามาและจงประมวลเอาพลังอำนาจที่กระจ่างชัดอย่างแท้จริงอันนี้เสีย

    ตอนนี้พวกคุณทุกๆคน กำลังเปลี่ยนรูปแบบของพลังงาน และความเชื่อ และพฤติกรรมที่ผิดเพี้ยนไป ที่ยังเหลือตกค้างอยู่ใน “ระบบปฏิบัติการมนุษย์” (human operating system) ของพวกคุณเองอยู่

    ดังนั้น จงสแกนชีวิตของตัวเองดู, จงคิดทบทวน และจงสำรวจตรวจดูช่วงเวลาที่พวกคุณได้เคยร้องขออะไรซักอย่างไป แล้วได้รับสิ่งนั้นมาจริง ๆ ให้ลองทำ list รายการสรุปขึ้นมาดู ว่าที่ผ่านมามีซักกี่ครั้งและครั้งไหนบ้าง ที่พวกคุณได้ตั้งความปราถนาเอาไว้ หรือมีความต้องการอะไรซักอย่างหนึ่ง แล้วร้องขอออกไป แล้วก็ได้มันมาจริง ๆ หรือมันถูกเปิดเผยออกมาจริง ๆ หรือมันมาปรากฎให้เห็นจริง ๆ เป็นต้น ซึ่งด้วยการทำเช่นนี้ พวกคุณก็จะพบว่าช่วงเวลาไหนบ้างที่ความปราถนาของพวกคุณถูกเนรมิตออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงจริง ๆ

    สิ่งสุดท้ายสำหรับวัฏจักรนี้ก็คือ การยินยอมให้ตัวเองได้รับในสิ่งที่ตัวเองร้องขอออกไป ดังนั้น จงฝึกฝนตัวเองให้รู้จักยินยอมมากขึ้น และจงฝึกฝนตัวเองให้มีความรู้สึกซาบซึ้งใจมากขึ้นด้วย และจงผ่อนคลายเมื่ออยู่ในกระบวนการนี้ และจงรู้ไว้ด้วยว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี และทุกอย่างกำลังจะเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นอยู่

    ตอนนี้..ดาวเคราะห์โลกอันเป็นที่รักของพวกคุณดวงนี้ กำลังถูกเอิบอาบและกำลังถูกโหมกระหน่ำด้วยแสงสว่าง แห่งความตระหนักรู้จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนอยู่ ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่แสงสว่างอันเจิดจ้า ได้ฉายเข้าไปในสถานที่ ๆเคยมืดมิดมานานเช่นนี้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผยขึ้นมาทั้งหมด และความผิดเพี้ยนใดๆและแพทเทิร์นใด ๆ ที่เคยหลบซ่อนอยู่ใต้เงามืด ก็จะสามารถถูกเปลี่ยนรูปแบบไปได้ เมื่อพวกมันถูกนำเข้ามาสู่ความตระหนักรู้และจิตสำนึกที่เต็มเปี่ยมแล้ว

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    .......................................................
    Source: Morning Messages
    .......................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  16. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 87: จงมีความสุข (Be in Joy)

    a.jpg
    (credit the picture from internet)

    ความสุขคือน้ำทิพย์สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะฉะนั้น จงนำพาเอาความสุขเข้าไปใส่ไว้ในกิจธุระของพวกคุณให้มาก ๆ เพราะว่าเมื่อใดที่พวกคุณแผ่ส่งคลื่นความสั่นสะเทือนของความสุข-ความเบิกบานออกมาแล้ว ไม่ว่ามันจะเบาบางแค่ไหนก็ตามแต่ มันก็จะไปทำให้ร่างกายเนื้อของพวกคุณเกิดการตอบสนองในทางที่ดีขึ้นเสมอ เพราะว่าร่างกายเนื้อของพวกคุณคือเงาสะท้อนของโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณเอง

    การนำพาความสุขเข้ามาสู่กิจวัตรประจำวันที่พวกคุณกำลังทำอยู่นั้น อาจจะทำได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เช่น การยิ้ม เป็นต้น ซึ่งมันจะเป็นการส่งข้อความที่แตกต่างออกไป ไปสู่ร่างกายเนื้อของพวกคุณเอง แล้วพวกคุณก็จะเปลี่ยนจากสภาวะแห่งความเครียดตามปกติของตัวเอง ในเวลาที่ทำงาน หรือในเวลาที่ทำกิจธุระ ให้ไปสู่สภาวะจิตใจและหัวใจที่ผ่อนคลายอย่างมีสติสัมปชัญญะมากขึ้นได้

    จงตระหนักรู้ถึงสภาวะ หรือคลื่นความถี่ที่ละเอียดอ่อน ของความสั่นสะเทือนทางอารมณ์ ที่พวกคุณเรียกกันว่า “ความสุข” เหล่านี้ให้ดี เพราะว่ามันจะมีทั้งระดับที่เรียกว่า “ความปลาบปลื้มใจ” (ecstasy), “ความปิติยินดีอย่างล้นเหลือ” (rapture), “บรมสุข” (bliss), “ความปลื้มปิติ” (jubilation), “ความยินดี” (delight), “ความสุขใจ” (happiness), “ความสดชื่นรื่นเริง” (cheer), “ความดีใจ” (gladness) และ “ความพึงพอใจ” (pleasure) ด้วย จงฝึกฝนคลื่นความถี่แห่งความสุขที่แตกต่างกันเหล่านี้

    จงยินดี และจงเฉลิมฉลองให้กับความน่าพิศวงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวพวกคุณ จงปลื้มใจกับลมหายใจของตัวเอง จงยิ้มออกมาโดยไม่มีเหตุผล smile emoticon แค่ยิ้มให้กับชั่วขณะนั้น ๆ เฉย ๆ smile emoticon จงยินยอมให้กล้ามเนื้อมัดใหม่ ๆ บนใบหน้าของพวกคุณ ได้ถูกค้นพบบ้าง โดยการยิ้มรับทั้งความวิตกและความกังวล

    และจงหาเหตุผลที่จะหัวเราะ และที่จะระริกระรี้ และที่จะเปล่งประกายความสดใสร่าเริงออกมาให้ได้เสมอ ๆ จงทำจิตใจให้เบิกบานอยู่เสมอ อย่าไปห่วงกังวลอะไร และจงปิติยินดีกับปาฏิหาริย์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกคุณ และจงปิติยินดีกับปาฏิหาริย์แห่งชั่วขณะนั้น ๆ จงมีความสุข จงสดใสร่าเริง จงรื่นเริง และจงสนุกสนาน จงอยู่ในความเบิกบาน

    ทักษะในการดำรงอยู่ในทัศนคติและในคลื่นความถี่แห่งความสุข-ความเบิกบานนี้ เป็นทักษะที่มีความสำคัญมากที่สุดในช่วงเวลานี้ ลองจินตนาการดูสิว่าถ้าพวกคุณมีกล้ามเนื้อแห่งความสุขอยู่ แต่ว่าพวกคุณไม่ได้ใช้งานมันเท่าที่ควร มันจะเป็นอย่างไร? พวกคุณจะต้องยืดมันบ้าง, ขยายมันบ้าง และใช้งานมันให้เต็มที่ จงยินยอมให้ความสุข-ความเบิกบานทุก ๆ รูปแบบเกิดมีในชีวิตของพวกคุณ

    จงยิ้มในขณะที่รับโทรศัพท์, หรือทำอาหาร หรือจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จงยิ้มกับตัวเองในกระจกเงาทุก ๆ ครั้งที่พวกคุณส่องกระจก จงยิ้มเมื่อพวกคุณรู้สึกง่วงนอนแล้ว จงหัดยิ้มให้บ่อย ๆ แม้แต่ในเวลาที่พวกคุณกำลังคิดอะไรซักอย่างอยู่ก็ตาม smile emoticon

    และในขณะที่พวกคุณยิ้ม จงวางสติหรือความตระหนักรู้เอาไว้ที่หัวใจของตนเองด้วย ซึ่งนี่แหละคือการฝึกฝนที่ทรงพลังอำนาจ และมหัศจรรย์อย่างยิ่งเลยหละ เพราะว่าเพียงแค่การยิ้มออกมาจากหัวใจของพวกคุณเองเองเฉย ๆ นี้แหละ ที่จะสามารถไปดึงดูดเอาความสุข-ความเบิกบาน, บรมสุข และความสุขใจ ให้เข้ามาสู่ชีวิตของพวกคุณมากยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกได้

    แล้วกิจธุระทางโลกของพวกคุณก็จะไหลรื่นไปอย่างง่ายดาย และร่างกายเนื้อของพวกคุณก็จะตอบสนองด้วยการผ่อนคลาย และเครียดน้อยลง และความวิตกกังวลของพวกคุณก็จะอันตรธานหายไป แล้วกิจธุระของพวกคุณก็จะประสบความสำเร็จด้วยความราบรื่นและง่ายดาย เพราะว่าความสุข-ความเบิกบาน จะช่วยเคลียร์เส้นทางให้ปาฏิหาริย์และการขยายตัวอันน่าทึ่ง เข้ามาสู่ชีวิตของพวกคุณได้อย่างง่ายดาย

    นี่คือทักษะที่ทรงพลังอำนาจที่สมควรจะฝึกและนำมาใช้เป็นอย่างยิ่ง เพราะว่ามันจะช่วยส่งเสริมทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของพวกคุณให้ดีขึ้นทั้งหมด

    สนามพลังงานที่แผ่กระจายออกมาจากความสุข-ความเบิกบาน จะไปเปลี่ยนรูปแบบของประสบการณ์, กิจกรรม, ผลกระทบ และผลลัพธ์ต่าง ๆ ให้ดีขึ้น เพราะว่าความสุข-ความเบิกบานของพวกคุณจะเป็นเหมือนกับขี้ผึ้งที่ใช้ทาแก้ฟกช้ำสำหรับตัวพวกคุณเอง และสำหรับคนอื่น ๆ ที่อยู่ในชีวิตของพวกคุณด้วย

    เพราะฉะนั้นแล้ว จงฝึกฝนตัวเองให้มีความสุข-ความเบิกบาน ในทุก ๆ รูปแบบอันน่าพิศวงของมัน

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    .......................................................
    Source: Morning Messages
    .......................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  17. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ข้อความที่ 88: การบำบัดรักษาตัวเอง คืองานรับใช้โลก"

    a.png
    (credit the picture from internet)

    ตอนนี้มนุษย์โลกทุก ๆ คนกำลังถูกกระตุ้นให้เปลี่ยนรูปแบบพลังงานของความกลัว, ความถูกต้อง, ความมีอคติ, โทสะ และการตัดสินชี้ถูกผิดของตัวเองอยู่

    เพราะว่ามนุษย์โลกแต่ละคน จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อพลังงานที่ตัวเองส่งออกมาสู่สนามพลังงานร่วมของคนทั้งโลกเอง และมนุษย์โลกแต่ละคน ก็กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก และก็มีบทบาทอย่างมาก ต่อกระบวนการเปลี่ยนรูปแบบและกระบวนการอุบัติขึ้นของโลกใบใหม่ ซึ่งเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความสงบสุข, ความรัก และความสุขอีกด้วย

    แต่ก่อนที่พวกคุณจะสามารถเปลี่ยนรูปแบบของแพทเทิร์นหรือโปรแกรมเหล่านั้นได้ พวกคุณก็จะต้องมีสติสัมปชัญญะรับรู้ซะก่อนว่า ตัวเองมีพฤติกรรมอะไรที่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนรูปแบบอยู่หรือไม่ และจนกว่าความตระหนักรู้ดังกล่าวนี้จะปิ๊งแว๊บขึ้นมาในจิตสำนึกของพวกคุณ พวกคุณก็จะยังคงปฏิบัติการอยู่ด้วยระบบอัตโนมัติอยู่ต่อไป เพราะว่า ego ของพวกคุณก็จะยังเป็นผู้ควบคุม และเป็นผู้ขับขี่ชีวิตของพวกคุณอยู่ต่อไป

    ภาพของความรุนแรงที่กำลังปรากฎขึ้นอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ คือเงาสะท้อนด้านอารมณ์ของจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก และตอนนี้มนุษย์โลก ก็กำลังตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลแบบสุดลึกอยู่ ซึ่งเป็นการหลับไหลภายใต้การควบคุมของ ego ของตัวเอง เป็นการหลับไหลภายใต้การควบคุมของแพทเทิร์นทางความเชื่อและโปรแกรมทางความเชื่อต่าง ๆ ที่ถูกฝังหัวเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรกเกิด

    มันมีความช่วยเหลือจากนอกโลกจำนวนมากมายมหาศาล ที่กำลังถูกส่งมาช่วยเหลือมนุษย์โลกอยู่ ทั้งแบบส่วนตัวและแบบส่วนรวมทั้งโลก ซึ่งความช่วยเหลือดังกล่าวนี้ กำลังเป็นไปเพื่อยกระดับความสั่นสะเทือนของมนุษย์โลกและของโลกให้สูงขึ้นอยู่ เพื่อให้สามารถเข้าไปอยู่ในมิติที่สูงกว่าได้ ซึ่งเป็นมิติของความมีอิสระภาพและเป็นมิติของความรื่นไหล รวมถึงเป็นมิติที่ทุก ๆ คนจะมีจิตสำนึกเดียวกันว่า “พวกเราทั้งหมดคือหนึ่งเดียวกัน” (we are one)

    ในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้น และกระบวนเปลี่ยนรูปแบบในครั้งนี้ มนุษย์โลกแต่ละคนต่างก็ถือกุญแจสำคัญของตัวเองอยู่คนละดอก เพราะว่ามนุษย์โลกแต่ละคนต่างก็มีเงามืดของตัวเอง อยู่ใน “เงามืดของจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก” (the collective shadow) อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถที่จะช่วยเหลือส่วนรวมได้ โดยการนำพาเอาเงามืดของตัวเองออกมาสู่แสงสว่าง แล้วเปลี่ยนรูปแบบของมันไปเสีย ด้วยจิตสำนึกแห่งความตระหนักรู้ของพวกเขาเอง และด้วยหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเอง

    ซึ่งในการชำระสะสางเงามืดของตัวเองในครั้งนี้ ถ้าพวกคุณต้องการความช่วยเหลือ พวกคุณก็จะต้องใช้ความตั้งใจ และมีสติร้องขอออกมาเอง และพวกคุณก็จะต้องใช้ความขยันหมั่นเพียร และใช้ความทุ่มเทอย่างหนัก ในการเยียวยารักษา, และให้อภัย และเปลี่ยนรูปแบบพลังงาน ของสิ่งที่ถูกเก็บกดเอาไว้ในจิตใต้สำนึกของพวกคุณเองเหล่านี้ให้หมดไป

    นี่คือโอกาสอันดีของรูปธรรมชีวิตแห่งดวงดาวหลากมิติทุก ๆ รูปธรรม ที่จะได้มีโอกาสเปลี่ยนรูปแบบพลังงานของอารมณ์, ของคลื่นความถี่ และของจิตสำนึกของตัวเองให้ดีขึ้น

    มนุษย์โลกแต่ละคน ถ้าไม่กำลังประทับตราพลังงานแห่งความกลัว, หรือพลังงานแห่งความเชื่อที่มีข้อจำกัด หรือพลังงานแห่งการถูกควบคุมด้วย ego ลงไปในสนามพลังงานแห่งความเป็นไปได้ทั้งมวลแห่งนี้อยู่หละก็ ก็จะกำลังประทับตราพลังงานแห่งความรัก, พลังงานแห่งความสุข-ความเบิกบาน, พลังงานแห่งความซาบซึ้งใจ หรือพลังงานแห่งความชื่นชมยินดี ลงไปในสนามพลังงานแห่งนี้อยู่ เพราะว่ามนุษย์โลกทุก ๆ คนล้วนเป็นรูปธรรมชีวิตแห่งดวงดาว ที่เป็นผู้เปลี่ยนรูปแบบพลังงานของอารมณ์ความรู้สึกด้วยกันทั้งสิ้น

    The Team

    ผู้รับสาส์น: Peggy Black
    .......................................................
    Source: Morning Messages
    .......................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2021
  18. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    เป็นบทความที่ดีมาก ขอบคุณทีมงานผู้แปลทุกท่าน..
     
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    นึกว่ายังไม่ได้โพสต์ข้อความชุดนี้ซะอีก ที่แท้ก็โพสต์นานแล้วนี่เอง ฮิฮิ
     
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความ The Morning Messages ชุดนี้
    ที่สื่อสารมาจากรูปธรรมชีวิตต่างมิติ ที่ใช้ชื่อว่า The Team
    และผู้รับสาส์นคือ Peggy Back นั้น เป็นข้อความที่ทรงคุณค่ามากๆ
    มันจะช่วยให้เราเข้าใจความจริงในระดับจักรวาลได้มากขึ้นไปอีก
    ผมใช้เวลาแปลอยู่เป็นเดือน หรือ 2 เดือนเลยนะครับ
    กว่าจะแปลได้ครบทั้ง 88 ข้อความ

    อยากให้ทุกๆท่านได้ลองอ่านกันดูครับ
    ด้วยความปราถนาดีครับ

    Chayutt

    Chayutt-02.jpg

    ...............................................................
    #Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
    #เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat)
    #ฝากกระทู้เกี่ยวกับหินด้วยนะครับ http://Alchemistic.2.vu/AlchemisticHere
     

แชร์หน้านี้

Loading...