เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    สาธุกับธรรมะจากครูก้องค่ะ

    ขออนุญาตเรียนถามเกี่ยวกับการฝึกตายก่อนตายค่ะ สภาพจิตหลังกายแตกดับมีสภาพเป็นอย่างไรคะ แล้วเราควรประคองจิตหรือสติอย่างไร ระหว่างสติกับการจับภาพพระหรือการระลึกถึงแกนกลางสุดท้ายของจิตที่จะไม่ก่อภพชาติอีก (หมายถึงตรงดิ่งไปนิพพานได้)ควรเป็นอย่างไรคะ หากคำถามไม่เหมาะสม ดิฉันขออภัยด้วยค่ะ
    กราบขอบพระคุณค่ะ
     
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===========

    สภาพจิต หลังกายแตกดับ นั้น เมื่อพิจารณาตามเหตุปัจจัย มีมากมายหลายสภาพมาก ไม่สามารถกล่าวเฉพาะเจาะจงลงไปได้

    แต่ถ้าถามว่า การดิ่งตรงไปนิพพาน หลังจากกายแตกดับ มีสามลักษณะ ตามกำลังของจิต

    1ถ้าเป็นกำลังจิตผู้ที่สำเร็จอรหันต์แล้ว แม้ก่อนกายแตกดับ จิตก็ทรงและเสวยนิพพานวิมุตติเป็นปกติ แม้กายแตกดับ จิตหลังกายแตกดับก็ยังเสวยนิพพานสมบัติไม่เป็นอื่น ไม่ก่อภพก่อชาติ

    2จิตอริยะบุคคลส่วนที่รองลงมาจากพระอรหันต์คือ เพราะมีพื้นฐานการฝึกสติมาดี ก่อนกายแตกดับ จิตก็สั่งสมฝึกฝนมาพอมีกำลังมาก ควรรักษากำลังสติปัญญาณไว้เทียบเท่าพระอรหันต์ คือให้ใช้กำลังของวิปัสสนาญาณเป็นหลัก มากกว่าแค่การทรงฌาณ หรือ แค่การอาศัยแค่กสินฌาณเกาะพระเท่านั้น
    เราใช้กสินฌาณในการทรงจิตเกาะพระได้ แต่สิ่งที่ควรทำให้ได้สูงยิ่งขึ้นไปยิ่งกว่าคือ การเจริญวิปัสสนาญาณเพื่อให้เข่้าถึงสภาพแห่งพระนิพพานและทรงอารมณ์หรือสภาพนั้นไว้ พระอริยะผู้ใดฝึกมาดีแล้ว ย่อมีที่ไปคือนิพพานสมบัติ แม้จิตยังไม่บรรลุนิพพาน ในที่สุดย่อมไปเกิดในสุทธาวาส เป็นพระอนาคามี ก็ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก รอเจริญจิตภาวนาเข้าพระนิพพานในสุทธาวาสภูมิ อันเป็นภูมิสุดท้าย ได้นั่นเองครับ

    3จิตปุถุชน แม้ก่อนกายแตกดับ จิตก็ส่ายไปมาไม่เที่ยง ไม่สามารถควบคุม บังคับได้ เมื่อกายแตกดับ จิตหลังกายแตกดับย่อมไม่สามารถควบคุมบังคับได้ การเปลี่ยนอัตภาพไปจึงไม่สามารถกำหนดและชี้ชัดได้ การเปลี่ยนอัตภาพจึงแล้วแต่วิบากกรรม บาปบุญและอุปกิเลสที่ควบคุมปรุงแต่งจิต

    จากคำถาม จึงให้ทบทวนตามข้อ2ดู การเตรียมจิตที่ดี จึงหมายถึง การเตรียมจิตโดยการทรงสติ สติที่ทรงต้องเป็นสติในวิปัสสนาญาณ สติปัฏฐาน สติแห่งธรรมวิมุตติ ทรงไว้ ย่อมเกิดประโยชน์ดีงามกว่า การเตรียมจิตแบบทรงฌาณ

    เพราะกำลังแห่งญาณ ย่อมมีกำลังเหนือกว่ากำลังของฌาณ ครับสาธุ

    จิตเกาะพระที่เป็นแบบกำลังของฌาณ ย่อมสร้างภพแห่งนิพพานไปสู่นิพพานได้จริง แต่เมื่อกำลังของฌาณถดถอยย่อมล่วงตกลงมา สู่ภูมิปกติของจิต

    แต่กำลังของญาณ ด้วยปัญญาญาณเข้าถึงย่อมทรงไว้ตามภูมิกำลังของปัญญาให้ผลไม่เป็นอื่นและเป็นนิรันดร์ครับ หากสั่งสมสติและปัญญามาดีแล้วครับ สาธุ
     
  3. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    กราบขอบพระคุณครูก้องมากค่ะ ดิฉันเข้าใจทุกอย่างค่ะ สาธุค่ะ
     
  4. shamankings

    shamankings เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +543
    ขออนุโมทนาสาธุกับท่าน tjs ด้วยนะครับ ที่เล่าประสบการณ์ให้ฟัง ไม่ทราบว่าท่าน tjs ฟังภาษาใต้ออกด้วยหรอครับ ปกติแล้วคนที่อยู่ใน กทม. ที่ผมเจอมาเค้าจะฟังภาษาใต้ไม่ออกครับ

    ขอให้ท่าน tjs พักผ่อนเยอะๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ได้ช่วยเหลือ สงเคราะห์ผู้คนตามที่ท่านได้ตั้งใจเอาไว้ และขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคุ้มครองท่าน tjs ครับ
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ================

    ขอบคุณครับ ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ แต่การทำบุญอย่างที่ผมเคยกล่าวไว้ ผมมีทำบุญตลอดแต่ไม่ค่อยได้บอกกล่าวสหายธรรมมากนักเพราะเกรงใจ เพราะ ผมปราถนาแนะนำช่วยเหลือให้ทุกท่าน รู้เข้าใจวิธีการทำบุญ การทำบุญต้องไม่ยึดติดกับตัวบุคคลว่าต้องทำกับผมหรือทำกับใครคนหนึ่ง แต่ให้ดูที่จิตของตนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเมื่อทำบุญต้องได้สติปัญญาชำระจิตของตนให้ขาวสะอาดยิ่งขึ้นด้วย อย่าทำบุญที่เป็นแบบมิจฉาทิฏฐิ ที่พอกหนาไปด้วยกิเลส จะได้บุญและบาปตามติดมาด้วย

    เมื่อถึงเวลาผมคิดว่าในอนาคตผมปราถนาสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่พอประมาณ เพื่อสืบทอดพระศาสนา ซึ่งถึงเวลานั้นจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ ซึ่งแน่นอน การทำบุญผมก็ไม่ได้ทำบุญด้วยเงินครั้งละมากๆแต่จะทำแค่พอประมาณแล้วค่อยๆทะยอยทำไป หากเราช่วยกันคนละนิดละหน่อยถึงเวลาก็จะสำเร็จเองครับ

    ส่วนปัจจุบันชอบร่วมทำบุญตามที่ต่างๆ ส่งเสริมเท่าที่จะทำได้ แต่เน้นการรักษาศีลและการสวดมนต์ภาวนามากที่สุดครับ

    ใกล้ออกพรรษาก็ขอให้เราท่านทั้งหลายจงใช้เวลาที่เหลือนี้ตั้งใจสร้างกุศล จวบจนออกพรรษาก็มีงานบุญตักบาตรเทโวโรหนะและทอดกฐินครับ สาธุ
     
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เนื่องด้วย วันนี้กระผมได้เริ่มถือศีลและถือมังสะวิรัต ยาวจวบจนออกพรรษา จึงขอเชิญชวนทุกท่านได้ร่วมตั้งใจปฏิบัติธรรม ถือศีลกินมังสะวิรัติหรือเจ ได้ก็จะดีมากครับ หากท่านใดไม่สะดวกก็ให้เลือกกินเป็นบางมื้อในหนึ่งวันได้ก็ยังดีครับ

    ในรอบ1ปีเราควรงดทานเนื้อสัตว์บ้างเพื่อลดการฆ่าสัตว์และยังเป็นการโปรดสัตว์ ช่วยเหลือสัตว์ไม่ให้ถูกฆ่าหรือมีการฆ่าน้อยลง ควรตระหนักในคุณงามความดีของสัตว์ทั้งหลายที่ตายเพื่อเป็นอาหารแก่เราทำให้เราได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ครับ

    ผลบุญแห่งการถือศีล กินมังสะวิรัติ กินเจ สวดมนต์ภาวนา เมื่อทำครบถ้วนจะมีอานิสงค์มากมายนักครับ จะเกิดกำลังบุญที่มีอานุภาพมากมีแสงสว่างมากทั่วทั้งสามไตรภูมิ สามารถอุทิศให้แก่สรรพสัตว์ได้อย่างไม่มีประมาณครับ ผลบุญยังสามารถช่วยยกจิต พลิกชะตาชีวิต จากร้ายกลายเป็นดี เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม เทพพรหมอนุโมทนารักษาและให้พร เงินทอง การงาน ชีวิตเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า การปฏิบัติธรรมเจริญก้าวหน้า มีบรมสุขมีดวงตาเห็นธรรมและบรรลุธรรมสูงยิ่งๆขึ้นไปครับ สาธุ
     
  7. พีรวิชช์

    พีรวิชช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +218
    รบกวนคุณก้องดูข้อความในกล่องให้ผมด้วยนะครับ
     
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    บุคคลผู้ปราถนาพระนิพพาน ควรทำอย่างไร เพื่อให้สิ่งที่ปราถนาสำเร็จสมปราถนา

    กระผมแม้ไม่ใช่พระอรหันต์ผู้มีจิตเข้าสู่พระนิพพานแล้ว แต่จากประสพการณ์การที่ได้ปฏิบัติสั่งสมมาและจากการศึกษาตลอดจนข้อแนะนำคำสั่งสอนของครูอาจารย์ จึงขอกล่าวอธิบายในเรื่องนี้ อย่างนี้ว่า

    1 ควรบูชาพระแล้วกล่าวตั้งสัจปฏิญาณตนต่อหน้าพระพุทธรูป ว่าตนจะขอตั้งจิตชำระจิตเพื่อขอเข้านิพพานในชาตินี้ จะไม่ขอเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะอีกแล้ว

    2 ตั้งมั่นใน คำสอนคือ ละบาป ทำดี ชำระจิต พร้อมทั้งต้องสร้างกำแพงแก้วคือการ รู้จักทำทาน รักษาศีล การสวดมนต์ภาวนาเป็นปกติ

    3 ทบทวนปฏิจจะสมุปบาท อิทัปปัจยตาถึงความเกิดดับ และการเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น เพื่อชำระจิต เพื่อสร้างสติปัญญารอบรู้ในโครตภูญาณ เพื่อยกจิตตนเข้าสู่พระโสดาบันให้ได้

    4เจริญศีลและภาวนาให้มากเพื่อสร้างกำลังสติปัญญา เพื่อชำระจิตให้ก้าวหน้า มีการเจริญสติปัฏฐานสี่ เป็นเสาหลักเพื่อชำระจิต ยกจิตสู่พระสกิทาคามี มีพระกรรมฐานเป็นบาทฐานของสติและปัญญา

    5 เจริญศีลสมาธิปัญญาจากการภาวนา จิตมุ่งตรงต่อพระไตรลักษณ์ ตัดละกายตัดละกามภูมิกามภพ ไม่มีหญิงชาย ไม่มีกาย ไม่มีรูป ไม่ติดในธาตุวัตถุ ปล่อยวางได้หมดสิ้นในธาตุวัตถุ ในกายในรูปทั้งปวง ยกจิตสู่พระอนาคามี ชำระกิเลสอย่างหยาบได้หมดสิ้น

    6 เจริญศีล สมาธิปัญญา เข้าสู่สัญญาเวทยิตนิโรธ กรรมฐาน ตัดละรูปนามอย่างหยาบ ปานกลาง ละเอียด ได้หมดสิ้น จิตตั้งมั่นในพระไตรลักษณ์ เสวยวิมุตติคือความว่าง ปล่อยวางได้หมดสิ้น ทำลายสิ้นอัตตา และอัตตภาพทั้งปวง ไม่ข้องเกี่ยวกับสิ่งใดจิตแยกจากกายแยกจากรูปแยกจากนามโดยปริเฉทเอกเทศ สว่างสะอาดบริสุทธิ์ หลุดพ้นห่างไกลสังโยชน์ทั้ง10 โดยสิ้นเชิง มีมหาสติเป็นบาทฐาน มีปัญญาเป็นเครื่องมือทำลายสิ้นอุปกิเลสอวิชาตัณหาอุปาทาน รอบรู้เท่าทันทุกขณะจิต หมดสิ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง จิตสะอาดบริสุทธิ์เป็นปกติวิสัย

    7เจริญอริยะมรรคเป็นปกติจิตทุกขณะจิต จวบจนกว่าจะดับจิต ดับกายสังขารหรือธาตุขันธ์แตกดับ

    8เจริญจิตคือสันโดษในพระนิพพานเสวยวิมุตติเมื่อเข้านิพพานอันเป็นวาระสุดท้าย

    หากยังมีวาสนา ยังมีบุญบารมี เพราะอาศัยความตั้งมั่นตั้งใจจริงต่อความปราถนาหลุดพ้นทุกข์ ไม่ปราถนาเวียนว่ายตายเกิด เพราะปราถนาหลุดพ้นทุกข์ ไม่ปราถนาไม่อยากได้ อยากมี อยากเป็น หรือไม่อยากเป็นอะไรอีกแล้ว เพราะหาประโยชน์หรือแก่นแท้อะไรไม่ได้จริง เพราะปราถนาหลุดพ้นจากสิ่งสมมุติทั้งปวงที่เป็นของโลก หากตั้งมั่นอย่างนี้แล้ว หนทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสบอกไว้แล้ว มีอยู่แล้ว ขอท่านทั้งหลายผู้ตั้งมั่นปราถนาพระนิพพาน จงเลือกเดินตามมรรคาคือหนทางที่พระพุทธองค์ทรงชี้แนะตรัสบอกทางไว้แล้ว เมื่อท่านเดินตรงมุ่งตรงสู่พระนิพพานตามรอยพระบาทที่พระพุทธองค์ย่างก้าวและบอกทาง ท่านย่อมไปถึงฝั่งพระนิพพานตามพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2015
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ตามปีนักษัติย์ 12ปี เมื่อเรานับวนรอบของชายหรือหญิง ทุกอายุเลข5และ9ปี จะตก ปีที่ไม่ดีมีสี่ปีคือ นาคราช ราหู นักโทษและคนหัวขาด นั่นหมายถึงโบราณเขาบอกว่า ในรอบทุก4-5ปี ต้องทำบุญต่อชะตา ทำบุญ ให้บรรพบุรุษ ทำบุญให้เทวดาทั้ง9พระองค์ที่เสวยอายุดูแลรักษาเรา ทำให้เจ้ากรรมนายเวร เพราะชีวิตคนเราทุกคนเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น กรรมในอดีตให้ผลในปัจจุบัน กรรมปุบันก็ให้ผลในปัจจุบันและอนาคต การทำความดีทั้งปวงย่อมให้ผลแก้ไขกรรมให้ดีขึ้น ผลแห่งความดีย่อมนำสุขมาให้ อย่าทำงานหรืออยู่กับทางโลกจนไม่ปฏิบัติธรรม เพราะการปฏิบัติธรรมนำสุขมาให้ ดับทุกข์ได้ จิตที่ชำระแล้วย่อมอยู่ท่ามกลางสุขทุกข์ได้โดยไม่หวั่นไหวครับ
     
  10. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ทางแห่งพุทธธะ คือทางเดินอันสงบ การเข้าใจธรรมต้องอาศัยครูบาอาจารณ์แนะนำธรรมตามธรรม ทุกสรรสิ่งมีเหตุปัจจัยในการเกิด สำคัญต้องมีบุญเพื่อมีทานเป็นผลเมื่อมีทานจิตจะมีศีลคือละอายใจเกรงกลัวต่อบาป เมื่อมีศีลจึงเกิดสมาธิ สมาธิจึงเกิดสติ สติคือกำลังสำคัญในการหยุดจิตมิให้ไหลตามกิเลสลงสู่ที่ต่ำ เมื่อมีสติจึงมีปัญญาสามารถพิจารณาตามเหตุปัจจัย ผู้ที่จะก้าวเดินในเส้นทางธรรมต้องมีสิ่งหนึ่งถึงไม่มีก็ต้องสร้างคือ ยอมรับ. หากไม่มีสิ่งนี้ท่านจะเดินทางไม่ถึงจุดหมายปลายทางอย่างแน่นอน เพราะทิฐิมานะคือตัวการที่ขวางผลขวางนิพาน การยอมรับจะสามารถนำท่านก้าวเดินบนทางนึ้ได้ด้วยสติปัญญา ทุกสรรสิ่งล้วนมีเหตุมีปัจจัยในการเกิด ความจริงที่รู้ที่เห็นมันคือความจริงในสมมุติที่อวิชชาสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นปราการด้านสุดท้ายก่อนที่มันจะพ่ายแพ้ต่อจิต ที่รู้คือรู้จริง แต่ที่จริงคือไม่รู้ ขอทุกท่านจงเข้าใจธรรม มิใช่รู้ธรรม คือให้รู้หากไม่เข้าใจก็ไปไม่ได้อยู่ดี กิเลสมีแต่กิเลสไม่สามารถทำอะไรแก่จิตอริยะได้เพราะจิตรู้จักมันเข้าใจมันดีมันจึงมิได้มีผลอะไรต่อจิตดวงนั้นอีกเลย. อุปทานการยึดมันก็มีแต่มันไม่สามารถนำพาให้จิตนั้นไปยึดสิ่งต่างๆอันนำไปสู่ภพสู่ชาติได้อีกต่อไป. นั้นคืออริยะบุคคล อรหันติมรรคจึงเกิดเมื่อทบทวนธรรมจนหมดสงสัยแล้วอรหันตผลจึงเกิด วิมุตติมีสมมุติไม่มี สมมุติมีวิมุตติไม่มี
    ขออวยพรท่านทั้งหลายจงก้าวข้ามสังสารวัฏนี้ด้วยจิตที่รู้แจ้งเห็นจริง จงทำความเข้าใจในปฏิจสมุบาท นั้นคือทางเกิดและดับแห่งอวิชชา
    สมุทัย เป็นเหตุ ผลคือทุกข์ มรรคเป็นเหตุ ผลคือ นิโรธะ.
    จิตส่งออกคือสมุทัย. จิตอยู่ในคือมรรค
    ขอสาธุคุณท่านก้อง ที่เป็นดังครูแนะนำทางเดินอันมีความเย็นสบายนี้ให้กระผม
    ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกนานแค่ไหน แต่วันหนึ่งเราต้องจากกันชั่วนิรันดร..สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2015
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    การกินเจ หรือการทำอะไร จะได้บุญหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า การกระทำสิ่งนั้นๆ ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร เป็นความดีอย่างไร หากเกิดประโยชน์และความดีแก่ตนเองและผู้อื่น สิ่งที่ทำนั้นย่อมชื่อว่าดีงามเกิดประโยชน์ เกิดเป็นบุญกุศล

    การกินเจ มีประโยชน์มากเพราะเราไม่เบียดเบียนสัตว์ อยู่ที่เจตนาของผู้กินเจ ว่าตั้งปราถนาเจตนาไว้อย่างไร ผลที่ได้รับย่อมเป็นไปตามนั้น

    การกินเจเราจะไปเปรียบเทียบกับวัวควายไม่ได้ เพราะวัวความเป็นสัตว์เดียรฉาน ต่อให้กินอาหารอันประเสริฐก็ไม่สามารถทำให้มีสติปัญญา ก็ไม่สามารถหลุดพ้นทุกข์ได้

    ความสำเร็จอรหันต์ไม่เกี่ยวกับการกินเจ หรือไม่กิน แต่มันอยู่ที่สติปัญญาในธรรมวิมมุติที่เข้าถึง

    การกินเจถือว่าเป็นความดีอย่างหนึ่ง หากทำได้ก็ถือว่าได้เพิ่มความดีของตนที่ทำ ก็เท่านั้นเอง การกินเจหากพิจารณาโดยธรรม ย่อมเป็นสิ่งลดละกิเลสให้เบาลงด้วย ชำระจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น สุขภาพกายก็แข็งแรงเหมาะแก่การสวดมนต์ภาวนา

    อันความดีหรือกุศลกรรม มีมากมาย อะไรก็ได้ทำแล้วดีมีประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่น

    ท่านเป็นผู้ คิด พูด และทำ ไม่มีใครรู้ดีกว่าท่าน เมื่อไม่มีใครรู้ดีไปกว่าท่าน ก็ไม่จำเป็นที่เราจะไปสนใจคำพูดของผู้อื่น มันเป็นเรื่องของเขา เป็นทัศนคติของเขา อย่าไปเอามาแบกไว้ ปล่อยวางไปเสียนะครับ สาธุ
     
  12. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    ผมขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของเจตนาในการกินเจเพิ่มเติมครับ (ตามความเข้าใจส่วนตัวของผม)

    เจตนาของการกินเจมีหลายแบบ ย่อมได้รับอานิสงค์แตกต่างกันไปตามเจตนาที่เกิดมี แต่ที่แน่ๆ คือ กินเจกินผักผลไม้แล้วสุขภาพจะดีแน่นอน เพราะผักผลไม้ย่อยง่าย ร่างกายทำงานไม่หนักเท่ากินเนื้อสัตว์

    ถ้าเราพิจารณาถึง เจตนาการกินเจ แล้วนั้น บางคนกินเจโดยเจตนาหลักที่แปรเปลี่ยนไปจากเดิม(คือ ลดการฆ่าเพื่อบริโภค) แต่ต่อมาเจตนาช่วงหลังกินเจเพราะตามกระแสสังคมนิยมมากกว่า ตามเพื่อนฝูงมากกว่า ตามครอบครัวมากกว่า หรือบังคับตนเองให้กินเป็นประจำทุกปีมากกว่า กินเพื่ออยากได้บุญมากกว่า กินเพื่ออยากได้พรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากกว่า กินเพื่ออยากให้ชีวิตตนเองดีขึ้นมากกว่า หรือ กินเพราะนับถือพระแม่กวนอิม ซึ่งเจตนาเหล่านี้เป็นการกินเจที่ไม่ได้เกิดจากจิตอันมีเมตตาของตนเอง อานิสงค์ของเจตนาเหล่านี้ย่อมน้อยเป็นเพียงเศษอานิสงค์และจะเกิดประโยชน์เพียงแค่สุขภาพร่างกายแข็งแรงเท่านั้น เป็นความดีที่เกิดขึ้นกับกายสังขารแต่มิใช่ความดีที่เกิดขึ้นจากจิตภายในอันมีเมตตาบริสุทธิ์ของเราเองที่เป็นเจตนาหลัก กล่าวคือ เจตนาเจือไปด้วยกิเลสความอยาก(กินเจเพื่ออยากได้ผลตอบแทนกลับคืนมาไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม) ถึงแม้ทุกท่านจะทราบอยู่แล้วว่า การกินเจเป็นการลดการฆ่าสัตว์เพื่อการบริโภค ถือว่าเป็นการลดการเบียดเบียนสัตว์ แต่เมื่อพิจารณาให้ลึกแล้ว การกินเจเป็นการสนับสนุนส่งเสริมให้ผู้คนได้เข้าถึงศีลข้อที่ 1 คือ "ห้ามฆ่าสัตว์" แต่ถ้าเรากินเจโดยไม่ถือศีลข้อที่ 1 ด้วย(ดีสุด คือ ถือศีล 5 ให้ครบถ้วน) กล่าวคือ ถ้าเรากินเจแต่เราก็ยังไปฆ่าสัตว์ เช่น ไปตบยุง,ไปรังแกสัตว์หรือเบียดเบียนสัตว์ให้ได้รับความทุกข์ทรมาน เป็นต้น เช่นนี้แล้ว ก็ถือได้ว่า การกินเจของท่านก็ไร้ประโยชน์ เนื่องเพราะการกินเจมีส่วนเกื้อหนุนให้จิตใจของเราเกิดเมตตาจิต(เพราะลดการเบียดเบียน) มีเมตตาจิตปรารถนาจะเอื้อเฟื้อต่อมนุษย์,สัตว์และจิตวิญญาณอื่นโดยธรรมชาติความดีที่เกิดขึ้นแล้วในจิต มีเมตตาจิตปรารถนาที่จะทำบุญทำกุศลทำความดีอื่นๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้น จึงมีคำกล่าวที่ว่า "ถือศีล กินเจ" เพราะเป็นสิ่งคู่กัน ถือว่าเป็นกุศลอุบายเพื่อการปลูกฝั่งพื้นฐานของความคิด,การพูด,การกระทำที่นำไปสู่ความดียิ่งๆ ขึ้นไปครับ

    สาธุครับ !
     
  13. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +494
    ไม่ได้แต่ไม่บาป
     
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==================

    ขออนุโมทนาครับ มีความเห็นตรงกันครับ

    อย่างที่เราเข้าใจ เจตนา ในการสร้างกุศล เป็นสิ่งสำคัญ แต่ทั้งนี้เจตนาตั้งไว้ดีแล้ว ทำได้ดีแค่ไหน สมดั่งเจตนาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับกำลังความสามารถของท่าน

    สุดท้ายก็ขอให้กำลังใจทุกท่านขอให้กายใจของทุกท่านจงมีกำลังที่มากพอต่อการสร้างคุณงามความดีให้สำเร็จสมปราถนาทุกประการ ครับ
     
  15. gednana

    gednana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +75
    อยากรบกวนถามค่ะ
    1. บ้านที่อาศัยอยู่ปัจจุบันมีเจ้าที่หรือเทพคุ้มครองอยู่หรือไม่ ให้คุณกับเจ้าของบ้านหรือเปล่าเพราะใส่บาตรก็จะอุทิศกุศลให้ประจำ
    2. ทำอย่างไรหน้าการงานไม่ค่อยก้าวหน้าเลย ควรทำอย่างไรในการช่วยเสริม
    3. อยากย้ายที่อยู่ใหม่มีโอกาสเป็นไปได้มั๊ย
    4. บั้นปลายชีวิตมีโอกาสที่จะได้ย้ายไปอยู่รวมพี่น้องทางภาคอิสานหรือไม่ หรืออยู่ที่เดิมดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2015
  16. redeye127

    redeye127 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,474
    อยากรบกวนถามคับ
    1. บ้านที่อาศัยอยู่ปัจจุบันมีเจ้าที่หรือเทพคุ้มครองอยู่หรือไม่ ให้คุณกับเจ้าของบ้านหรือเปล่าเพราะใส่บาตรก็จะอุทิศกุศลให้ประจำ
    2. ผมจะมีโอกาสก้าวหน้าในชีวิตหรือไม่ครับ
    3. ทุกครั้งที่ผมทำบุญ ผมอุทิศให้กับ ทุกๆคนมีความสุขโดยไม่ได้เจาะจงแบบนี้ผมทำถูกต้องไหมครับ
    4. เทวดาประจำตัวของผมเป็นใครและได้รับบุญที่ผมอุทิศให้หลังทำบุญทุกครั้งหรือไม่ครับ
    5. คุณย่าของผมที่ท่านเพิ่งเสียไป ท่านเป็นอย่างไรบ้างครับ เพราะท่านขอให้ผมบวชให้ท่านตอนท่านไม่สบาย ผมก็บวชให้ครับ
     
  17. shamankings

    shamankings เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +543
    สวัสดีครับคุณก้องและทุกๆ ท่าน
    เมื่อวานนี้ผมได้ลองฝึกตามที่คุณก้องได้เคยบอกไว้คือ ให้ฝึกสายหลวงพ่อปานหรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ผมก็ได้ลองฝึกมโนมยิทธิดู แต่เป็นการฝึกเองที่บ้านไม่ได้ไปฝึกที่วัดหรือศูนย์ฝึกครับ แรกๆ ก็มีความคิดว่าอยากเห็นเหมือนคนอื่นที่เค้าเห็นบ้าง แต่คิดว่าวางใจเป็นกลางดีกว่า จะเห็นหรือไม่เห็นก็ช่าง ทำสมาธิทำใจให้สงบ ก็นั่งไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เห็นอะไรครับ อาจจะเพราะสมาธิของผมยังไม่มากพอหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ สิ่งที่ได้มาคือจิตใจก็สงบดีเหมือนที่ฝึกสมาธิทุกวันครับ แปลกอยู่อย่างนึง เวลาฝึกสมาธิทีไรที่หน้าจะคันนู่นคันนี่ประจำเลยครับ ทั้งๆที่ตอนสวดมนต์ไม่เป็น เล่าสู่กันฟังนะครับ

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ============

    เมื่อใดที่เราเจริญสมาธิแล้ว ไม่เห็นอะไร ไม่มีนิมิตอะไร ไม่มีอะไรให้ปรากฏ นั่นย่อมแสดง เมื่อเราเจริญสมาธิแล้ว ไม่มีอะไรปรากฏ ทุกอย่างเงียบสงบนิ่ง นั่นแหละคือสมาธิที่ดีเยี่ยม สมาธิที่ดีเยี่ยมไม่มีสิ่งใดปรุงแต่งจิต นั่นแหละคือจิตเสวยสุขคือความสงบ หากการนั่งสมาธิแล้วเกิดนิมิต เห็นนั่นเห็นนี่ นั่นแสดงว่า มีการปรุงแต่งเกิดขึ้น การปรุงแต่งหรือนิมิต ย่อม มีทั้งจริงและไม่จริง ไม่ควรใส่ใจ มันจะเกิดก็ดี ไม่เกิดก็ดี วางใจให้เป็นกลาง ตั้งมั่นด้วยอุเบกขา แล้วสมาธิจะก้าวหน้า เมื่อสมาธิเราสงบดีแล้ว

    ให้พิจารณาลมหายใจ
    ให้พิจารณากาย
    ให้พิจารณา เวทนา
    ให้พิจารณาสัญญา
    ให้พิจารณาสังขาร
    ให้พิจารณาวิญญาณ
    ให้พิจารณาการกระทบของกาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่ปรุงแต่งกระทบใจ เกิด ธรรมารมณ์

    ทุกกระบวนการที่เกิด วิ่งไปไหลไป จบลงที่ใด ให้พิจารณาอย่างแยบคาย หาจุดดับให้เจอ ให้ทันให้เร็วขึ้น ให้กลับคืนสู่จิตว่าง กลับคืนสู่ ฌาณสี่ กลับคืนสู่ความสงบ รักษาไว้ต่อเนื่องอย่างไร ฝึกฝนให้ชำระจิตได้ขาวสะอาดรอบอย่างนี้ เสมอไปนะครับ สาธุ
     
  19. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    :cool::cool:

    ที่ดิฉันรู้สึกเพิ่มจากการละเนื้อสัตว์คือ กินง่าย อยู่ง่ายค่ะ กินน้อย ไม่ติดกับรสชาติอาหาร เพราะต้องกินเพื่ออยู่จริงๆ

    ขอบคุณที่เคยไปตอบกระทู้ดิฉันนะคะ ตอนนี้อะไรๆ เริ่มเข้าใจกระจ่างมากขึ้น และออกไปทางผลดีนะค่ะ โชคร้ายย่อมมีโชคดีคู่กันเสมอค่ะ
     
  20. จันทรวิชิต

    จันทรวิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +802
    สวัสดีครับ คุณ tjs
    อยากจะขอความช่วยเหลือจากท่าน tjs
    คือสมัยผมบวชสามเณรผมได้ทำน้ำอสุจิเคลื่อน
    ตอนบวชเป็นพระก็ทำผิดสังฆาทิเสส
    และคามผิดอื่นๆ
    ตอนนี้เป็นฆราวาส มีความมุ่งต้องการพ้นทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานธรรม
    มีวิธีบรรเทาสิ่งที่เคยทำผิดมาไหมครับ จะได้สบายใจ และแนะนำวิธีปฏิบัติให้กระผมด้วยครับ
    ผมชื่อ สุรศักดิ์ ภาษา
    ขอบพระคุณมากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...