ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

สวัสดีทุก ๆ ท่าน ... เข้ามาทักทายกันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยทีเดียว
ที่ผ่านมารู้สึกตัวว่าทำอะไรแทรกด้วยความหลงบ่อย ๆ :d
จึงขอโอกาสแก้ไข
เริ่มด้วยวันนี้ซึ่งเป็นวันพิเศษของตัวเอง ( 09.09 )
จึงขอส่งความพิเศษมายัง ณ ที่นี้
ด้วยการอุทิศบารมีให้แก่ทุกดวงจิตทุกดวงวิญญาณ
ได้เข้าสู่เนื้อหาแห่งพระสัจธรรมตามองค์คุณพระพุทธ พระมหาโพธิสัตว์
และขอให้ได้มีส่วนโดยทั่วกัน



นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุธธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุธธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุธธัสสะ

ขอน้อมในองค์คุณแห่งพระพุทธะ พระมหาโพธิสัตว์ทรงเป็นประธาน
ข้าพเจ้าขออุทิศอธิวาสนาบารมีทั้งหมดทั้งมวลที่มีมาตั้งแต่อดีต จึงถึงปัจจุบัน
ในทุกภพ ทุกชาติ ทุกกัลป์ ทุกกัป ทุกพุทธันดร
การที่ได้มีส่วนตรงต่อการปลง การปล่อย การวาง การคลายในตัวของมันเอง
การที่ได้มีส่วนในการเสียสละ การให้ การเกื้อกูลต่อพระศาสนา
การที่ได้มีส่วนถวายสังฆทาน และมหาสังฆทานในทุกครั้งทุกคราวไป
รวมถึงมีส่วนในการโปรดสรรพสัตว์
ขออุทิศทั้งหมดทั้งมวลให้แก่ท่านทั้งหลาย รวมถึงเหล่าจิตญาณทั้งหลายทั้งปวงในทุกภูมิ ทุกชั้น ทุกหมู่ ทุกเหล่า สัตว์นรกทั้งหลาย สัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย เปรตทั้งหลาย อสูรกายทั้งหลาย และตั้งแต่อเวจีมหานรก จนถึงพรหมโลก รวมถึงในเขตแดนพิเศษแห่งการใช้กรรมในทุก ๆ เขตแดน เจ้ากรรมนายเวรทั้งหมดทั้งมวล เจ้ากรรมนายเวรของเจ้ากรรมนายเวร และทุกชีวิตจิตวิญญาณ ขอให้มีส่วนโดยทั่วกันนับแต่บัดนี้เป็นต้นไปและจนตลอดกาลนานเทอญ… สาธุ
และขอให้กรรมทั้งหมดทั้งมวลที่มีร่วมกันทั่วทั้งโลกธาตุทั่วทั้งสังสารวัฏนี้
ทั้งที่เป็นผู้เข้าไปกระทำก็ตาม หรือเป็นผู้ถูกกระทำก็ตาม
พึงเป็นอโหสิกรรมร่วมกัน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปด้วยเทอญ
ทุกอย่าง... อโหสิ อโหสิ อโหสิ

และขออนุญาตประชาสัมพันธ์
แจกหนังสือบทขอขมากรรมอยู่นะคะ ท่านใดประสงค์จะรับไว้
ฝากชื่อ ที่อยู่ไว้ได้เลยที่กระทู้ด้านล่างนี้ค่ะ


http://palungjit.org/threads/แจกหนังสือ-บทขอขมากรรม.529718/


จะให้ส่งเมล์ก็ได้นะคะ ... จะแสกนและส่งให้ค่ะ....สาธุ[/COLOR]

 

แต่ยังไงก็มา update ที่นี่บ้างเป็นระยะ ๆ ก็จะดีมากนะครับ เชื่อไหมมีหลายคนมาก ๆ เลย ที่ไม่เล่น facebook

:z1

 

ถอดเทปการสื่อข้อความต่างมิติ จาก การสัมมนาของ KRYON: Saturday & Sunday - September 5-6, 2015 : "Your Own Time Machine" , "Where is God?"

 

*นักวิทยาศาสตร์ชาวเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จ
ในการฆ่าเซลมะเร็งด้วยพลังแม่เหล็กแล้ว*

เผยแพร่เมื่อ: 07/10/2012
ที่มา: HTTP://WWW.BELFASTTELEGRAPH.CO.UK/NEWS/WORLD-NEWS/MAGNETS-KILL-CANCER-CELLS-IN-LAB-28871216.HTML


(credit the picture from internet)

เทคนิกนี้คือการใช้สนามแม่เหล็กสนามหนึ่ง ไปกดปุ่มเปิดให้ “ปุ่มทำลายตัวเอง”
ของเซลมะเร็งเกิดทำงานขึ้นมา ทีมนักวิจัยได้ทำการพิสูจน์แล้วว่า กระบวนการนี้มันสามารถใช้ได้ผล
กับเซลมะเร็งที่อยู่ในลำไส้ของคน และกับปลาที่เลี้ยงไว้ในห้องปฏิบัติการนั้น

กระบวนการตายของเซลตามที่ถูกโปรแกรมเอาไว้แล้ว หรือที่เรียกว่า apoptosis นั้น
เป็นหนึ่งในวิธีการตามธรรมชาติของร่างกาย ในการกำจัดเซลที่แก่แล้ว หรือเซลที่ทำงานผิดปกติ หรือเซลที่ติดเชื้อออกไป
ซึ่งเมื่อใดที่เซลได้รับสัญญาณกระตุ้นดังกล่าวนั้นแล้ว เซลๆนั้นก็จะหดตัวลง แล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แล้วจากนั้นเซลเม็ดเลือดขาวที่มีลักษณะคล้ายตัวอะมีบา (amoeba) ก็จะมากินซากของเซลที่เพิ่งทำลายตัวเองไปนั้นต่อไป
แต่ว่าสำหรับเซลมะเร็งแล้ว กระบวนการ apoptosis นี้จะไม่ทำงาน
ดังนั้นเซลเหล่านั้นจึงยังคงแบ่งตัวต่อไปเรื่อยๆโดยไม่สามารถควบคุมได้

วิธีการบำบัดรักษาด้วยพลังแม่เหล็กดังกล่าวนี้ จะเกี่ยวข้องกับการสร้างอนุภาคขนาดเล็กมากๆระดับนาโนเมตรของธาตุเหล็กขึ้นมา
แล้วนำไปติดเอาไว้กับสารภูมิต้านทาน หรือแอนติบอดี้ของร่างกาย ที่จะไปเกาะติดกับโมเลกุลที่เป็น “ตัวรับ” (receptor)
ของเซลมะเร็งอีกต่อหนึ่ง แล้วจากนั้นเมื่อใส่สนามแม่เหล็กเข้าไป โมเลกุลของเซลมะเร็งเหล่านั้นก็จะมาเกาะกันเป็นกลุ่ม
แล้วจากนั้นมันก็จะไปส่งสัญญาณให้ปุ่ม “ทำลายตัวเอง” หรือ apoptosis ของเซลมะเร็งเกิดการทำงานขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

จากการทดลองในห้องปฏิบัติการ ทีมนักวิจัยได้นำเอาเซลมะเร็งของลำไส้มาให้สัมผัสกับอนุภาคนาโนของเหล็กดังกล่าว
แล้วจากนั้นก็นำเอาพวกมันไปวางไว้ระหว่างแท่งแม่เหล็ก 2 แท่ง แล้วพวกเขาก็พบว่าเซลมะเร็งเหล่านั้น
ได้ยอมเปิดไฟเขียวให้กับกระบวนการ apoptosis เองโดยอัตโนมัติ

พวกเขาพบว่าเซลมะเร็งที่ได้สัมผัสกับอนุภาคนาโนของเหล็กแล้ว จำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่ง ที่ได้ทำลายตัวเองลงไป
เพราะการกระตุ้นของแม่เหล็กดังกล่าวนี้ แต่สำหรับเซลอื่นๆที่ไม่ได้สัมผัสกับอนุภาคนาโนของเหล็กก่อน
เมื่อนำมากระตุ้นด้วยแม่เหล็กแบบเดียวกันนี้แล้ว กลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย

รายละเอียดของงานวิจัยในครั้งนี้ ซึ่งอยู่ภายใต้การนำของศาสตราจารย์ Jinwoo Cheon
แห่งมหาวิทยาลัย Yonsei ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ มีปรากฏอยู่ในวารสารที่ชื่อ Nature Materials

ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้บันทึกเอาไว้ว่า “พวกเราได้พิสูจน์แล้วว่า ปุ่มสัญญาณที่สั่งการให้เซลทำลายตัวเองนั้น
สามารถถูกเปิดขึ้นมาได้ โดยการใช้แม่เหล็กเป็นตัวกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นในระดับการทดลองในห้องปฏิบัติการ
หรือในระดับสิ่งมีชีวิตจริงๆ ซึ่งก็คือปลาม้าลายตัวหนึ่งก็ตาม และสวิทต์แม่เหล็กอันนี้ของพวกเรา
ก็อาจจะสามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวาง กับตัวรับชนิดใดก็ได้ที่อยู่บนพื้นผิวของเยื่อหุ้มเซล ที่สามารถเกิดการเกาะกลุ่มกันได้”

……………………..........................

 

กระแสความคิด หรือ กระแสจิต (Thought form)


(Credit the picture from internet)

"...คุณรู้ไหมว่า “กระแสความคิด” หรือ “กระแสจิต” ที่เรียกว่า Thought form นั้นคืออะไร
และพวกมันทำงานกันอย่างไร, พวกมันเก็บสะสมพลังงานได้อย่างไร, พวกมันเนรมิตสิ่งต่างๆออกมา
สู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพได้อย่างไร และอื่นๆอีกมากมาย?

1). สิ่งสำคัญประการแรกก็คือ คุณรู้ไหมว่าคุณคือผู้ผลิตและคือผู้ที่ปั้นแต่งกระแสความคิดเหล่านั้นขึ้นมา?
เพราะว่าคุณคือผู้สร้าง (creator) และก็คือผู้ร่วมสร้าง (co-creator)
ที่ทำให้กระแสความคิดเหล่านั้นก่อเกิดขึ้นมาได้ ด้วยการคิดของคุณ, ด้วยการจินตนาการของคุณ
และด้วยเจตจำนงของคุณเอง

“ความคิด” (thought) คือพลังงานรูปแบบหนึ่ง ส่วน “กระแสความคิด” (Thought form) นั้น
เป็นพลังงานอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเมื่อใดที่กระแสความคิดเหล่านี้มารวมตัวกันแล้ว
พวกมันก็จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม และเมื่อใดที่พวกมันมีความแข็งแกร่งหรือมีพลังงานมากพอแล้ว
พวกมันก็จะเนรมิตไปเป็นสิ่งต่างๆได้ โดยที่จะเนรมิตออกมาสู่มิติทิพย์ก่อน
แล้วจากนั้นก็ค่อยจะเนรมิตออกมาสู่มิติทางกายภาพทีหลัง

2). สิ่งสำคัญประการที่ 2 ก็คือ คุณรู้ไหมว่าผู้คนที่คุณไปมีปฏิสัมพันธ์ด้วย หรือสถานที่ๆคุณไปอยู่นั้น
ก็สามารถที่จะส่งผลกระทบต่อกระแสความคิดของคุณได้ด้วย ทั้งในแง่บวกและแง่ลบเลยทีเดียว

และนอกจากนี้ “ระดับความสั่นสะเทือนของตัวคุณเอง” ก็สามารถที่จะส่งผลกระทบต่อกระแสความคิด
หรือกระแสจิตของตัวคุณเองได้ด้วยเช่นเดียวกัน เช่น:

A). ผลกระทบจากคนรอบข้าง คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของผู้คนที่คุณไปมีปฏิสัมพันธ์ด้วย
B). การไปงานศพจะส่งผลกระทบต่อกระแสความคิดของคุณแตกต่างจากการไปงานแต่งงาน
c). กระแสความคิดของคนที่มีความละอายใจหรือของคนที่เก็บกด
จะไม่เหมือนกับกระแสความคิดของคนที่กระตือรือร้น และคนที่มีจิตใจสูงส่ง เป็นต้น

3). สิ่งสำคัญประการที่ 3 ก็คือ ในระดับโลกทั้งโลกแล้ว มันก็จะมี “กระแสจิตมวลรวมของคนทั้งโลก” อยู่
(หรือบางทีเขาจะใช้คำว่า “จิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก” หรือ the Collective Consciousness นั่นเอง – ผู้แปล)
ส่วนตัวคุณเองก็จะมีกระแสจิต หรือกระแสความคิดเป็นของตัวคุณเองอยู่ด้วย และมนุษย์โลกคนอื่นๆทุกๆคน
ซึ่งก็คือผู้สร้างเช่นเดียวกันกับคุณ ก็จะมีกระแสจิตเป็นของตัวพวกเขาเองอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

แต่ว่ากระแสจิตร่วมของมนุษย์ทั้งโลกนั้นจะมีในสเกลที่ใหญ่กว่ามาก เพราะว่ามันประกอบขึ้นมาจาก
กระแสจิตร่วมของคนในระดับประเทศ ซึ่งกระแสจิตร่วมของคนในระดับประเทศนี้
ก็จะประกอบขึ้นมาจากกระแสจิตร่วมของคนในระดับจังหวัด หรือในระดับเมืองอีกต่อหนึ่ง
และก็เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆเป็นทอดๆ จนลงมาถึงกระแสจิตของตัวพวกคุณเองแต่ละคน

ดังนั้น ถ้ามองในสเกลที่ใหญ่ระดับโลกแบบนั้นแล้ว จริงอยู่ที่ว่า..เจ้ากระแสจิตมวลรวมของคนทั้งโลกที่ว่านี้
มันก็น่าที่จะกลืนกินหรือกลบเกลื่อนกระจิตของคนแต่ละคนที่มีขนาดเล็กกว่าไปจนหมดสิ้นเลย
แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว มันก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่หลายข้อ เพราะว่ามันจะขึ้นอยู่กับระดับความสั่นสะเทือน
และคลื่นความถี่ของตัวคุณเองด้วย ว่าจะสามารถต้านทานแรงโน้มน้าวของกระแสจิตมวลรวมของคนทั้งโลกได้ดีแค่ไหน

4). สิ่งสำคัญประการที่ 4 ก็คือ กระแสจิตหรือกระแสความคิดเหล่านี้
พวกมันสามารถที่จะแข็งแกร่งมากขึ้นหรืออ่อนแอลงก็ได้ด้วย
และพวกมันก็สามารถที่จะกลายเป็นโอกาส หรือกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางก็ได้อีกด้วย เพราะว่า:

A). ถ้ามีกระแสความคิดที่เหมือนๆกัน 2 อันมารวมกัน พวกมันก็จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน
หรือเสริมฤทธิ์ซึ่งกันและกัน จนทำให้พวกมันมีพละกำลังมากขึ้น

B). แต่ว่าถ้าเมื่อใดที่มีกระแสความคิดที่ขัดแย้งกันมาอยู่ด้วยกันหละก็
มันก็จะทำให้พละกำลังของกระแสความคิดแต่ละอันอ่อนแอลง
ซึ่งโดยปกติแล้วกระแสความคิดที่มีคลื่นความถี่ที่สูงกว่าก็มักจะเป็นฝ่ายชนะ

C). และเมื่อใดที่เรามีกระแสความคิดหลักอยู่อันหนึ่ง แต่ว่าเราก็มีกระแสความคิดอื่นๆ
ที่ขัดแย้งกับกระแสความคิดหลักที่ว่านั้นอยู่อีกมากมายด้วยเช่นเดียวกัน
จนทำให้เจ้ากระแสความคิดหลักของเราที่ว่านั้นมันไม่มีกำลังมากพอที่จะไปเอาชนะ
เจ้ากระแสความคิดที่ขัดแย้งพวกนั้นได้ ดังนั้น นี่จึงเรียกว่าเกิด “อุปสรรคขัดขวาง” ขึ้นแล้ว

D). ส่วน “โอกาส” นั้น..ก็หมายถึง การที่กระแสความคิดนั้นๆมันสั่งสมพลังงานของมันจนมากเพียงพอ
ที่จะทำให้เกิดการเนรมิตออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพได้แล้วนั่นเอง
และ/หรือหมายถึง การที่เจ้ากระแสความคิดอันนั้น มันสั่งสมพลังงานจนมากเพียงพอ
ที่จะทำให้สามารถเอาชนะเจ้าพวกกระแสความคิดที่ขัดแย้งกับมันได้แล้วนั่นเอง

E). การใส่เจตจำนงลงไปในเรื่องเดิมๆซ้ำๆหลายๆครั้ง ก็คือการสร้างกระแสความคิดที่เหมือนๆกันขึ้นมาหลายๆระรอก
ซึ่งก็เท่ากับว่าเป็นการสร้างโอกาสให้กระแสความคิดเหล่านี้ เกิดการเสริมฤทธิ์ซึ่งกันและกันได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
และก็เท่ากับว่าเป็นการสร้างโอกาสให้เกิดการเนรมิตออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ
ของกระแสความคิดนั้นมากยิ่งขึ้นด้วยนั่นเอง พร้อมกันนี้ก็เป็นการลดโอกาสของการที่จะถูกบั่นทอนกำลังลงไปพร้อมๆกันด้วย

(หมายเหตุ: ตรงประเด็นนี้ มันจะเป็นความจริงกับทั้งกระแสความคิดด้านบวก และกระแสความคิดด้านลบนะครับ
เพราะว่าจักรวาลจะไม่แยกแยะว่าอันไหนบวกหรือลบ รู้แต่ว่ากระแสความคิดไหนที่เราเติมพลังงานให้กับมันซ้ำๆบ่อยๆ
จนมันมีพลังงานมากเพียงพอแล้ว มันก็จะถูกเนรมิตออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพของเราก็เท่านั้นเอง
นี่แหละจึงเป็นที่มาของการที่เราควรจะต้องคิดบวกอยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงที่จะคิดถึง/พูดถึงเรื่องลบๆหรือร้ายๆให้มากที่สุดด้วย

ตัวอย่างของเรื่องนี้ที่ผมอยากจะนำมาพูดถึงก็คือ เรื่องของภัยพิบัติโลก
เพราะว่าหลายๆคนชอบไปจดจ่ออยู่กับคำทำนาย หรือการรู้เห็นด้วยญาณทัศนะของใครบางคน
แล้วก็นำมาผูกโยงเข้ากับข่าวร้ายๆที่ถูกกรอกหูอยู่ทุกวันๆโดยสื่อต่างๆ
จนทำให้กลายเป็นความเชื่อฝังใจในระดับลึกที่สุดไปแล้วว่า
ภัยพิบัติโลกครั้งใหญ่จะต้องเกิดขึ้นตามความเชื่อของตัวเองอย่างแน่นอน

นี่ไงหละครับคือตัวอย่างของการ "ใส่เจตจำนงลงไปในเรื่องเดิมซ้ำๆหลายๆครั้ง"
ด้วยการติดตามอ่านเสมอ, คิดถึงมันเสมอ, พูดถึงมันอยู่เสมอ, เผยแพร่มันออกไปอยู่เสมอๆ ฯลฯ..
แล้วสักวันหนึ่ง มันก็อาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้ โดยเริ่มจากการเกิดภัยพิบัติหรือหายนะระดับส่วนตัวในชีวิตของท่านเองก่อน
แล้วจากนั้นถ้าเจ้ากระแสความคิดอันนี้มันได้รับพลังงานจากของคนอื่นๆที่คิดและเชื่อเหมือนๆกันซ้ำๆแบบนี้ด้วย
จนมีพละกำลังมากพอหละก็..มันก็จะเริ่มเกิดขึ้นจริงในโลกทางกายภาพระดับสเกลที่ใหญ่กว่าต่อไป..
ถ้าไม่มีกระแสความคิดที่ขัดแย้งกันกับมันไปขัดขวางมันไว้ซะก่อน

เพราะฉะนั้น รูปธรรมชีวิตจากต่างมิติทั้งหลายจึงบอกเราอยู่เสมอว่า
"ให้เราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราต้องการจะให้มันเกิดขึ้นเท่านั้น อย่าไปจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราไม่ต้องการ"
หมายถึง ถ้ามันโผล่มา ก็ให้แค่รับรู้มัน แล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเท่านั้น อย่าไปใส่พลังงานลงไปเพิ่มให้กับมัน
โดยการไปคิดถึงมัน หรือจดจ่อกับมัน หรือวิตกกังวลถึงมัน หรือวิพากวิจารย์มัน หรือเกลียดมัน
หรือโกรธแค้นชิงชังมัน หรือหวาดกลัวมัน ฯลฯ อย่าไปเติมพลังงานให้กับมันด้วยวิธีการใดๆทั้งสิ้น!
ให้หยุด แล้วหันไปเติมพลังงานให้กับเรื่องดีๆที่เราอยากให้เกิดขึ้น ที่ตรงข้ามกับมันแทน!

มันมีคำกล่าวอยู่ประโยคหนึ่งที่จะทำให้ท่านมองเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า..

"สงครามจะไม่สามารถหมดสิ้นไปได้ ด้วยการที่เราเกลียดสงคราม
แต่สงครามจะหมดสิ้นไปได้ ด้วยการที่เรารักสันติสุข" - ผู้แปล)

F). การเปลี่ยนรูปแบบของกระแสความคิดที่มีคลื่นความถี่ต่ำๆ (เช่น คลื่นความสั่นสะเทือนของความอิจฉา,
ความวิตกกังวล, ความน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นต้น – ผู้แปล) ให้กลายเป็นกระแสความคิดที่มีคลื่นความถี่ที่สูงขึ้นแทน
(คือเปลี่ยนมาคิดอะไรที่ดีๆ และเป็นบวกแทน – ผู้แปล) จะสามารถช่วยยกระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของคุณให้สูงขึ้นได้
และก็จะสามารถช่วยยกระดับคลื่นความถี่และความสั่นสะเทือนของคุณให้สูงขึ้นตามไปด้วยได้

พร้อมๆกับจะเป็นการยกระดับความเป็นตัวตนทั้งหมดของคุณเองให้สูงขึ้น
จนสามารถไปอยู่ในสภาวะแห่งความตระหนักรู้แบบใหม่ได้
เพราะฉะนั้นแล้ว การควบคุมกระแสความคิดของตัวเอง จึงเป็นการควบคุมตัวเองไปในตัวด้วย..."

…………..............................................
ที่มา: https://www.facebook.com/Sangtnguyen82/posts/10101774753097818?fref=nf&pnref=story

...................................

 

เห็นข่าวนี้แล้ว ก็อดที่จะแชร์ต่อไม่ได้
เพราะมันเริ่มสอดคล้องกับที่ครายออนบอกเอาไว้แล้ว
ที่มาของข่าว http://www.kiitdoo.com

..........................

พูดไม่อายปาก “ทำเพื่อกำไร” เถ้าแก่โรงงานยา “รักษา HIV” ขึ้นราคารวดเดียว 5,500%! - KIITDOO



"Martin Shkreli วัย 32 ปี ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของ Turing Pharmaceutical
ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ยา Daraprim ที่เป็นยาต้าน HIV ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ด้วยราคา 55 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท

หลังจากนั้นบริษัทได้ขึ้นราคายาจากเม็ดละ 13.5 ดอลลาร์ (472บาท)
เป็น 750 ดอลลาร์ (26,250บาท) ภายในชั่วข้ามคืน
หรือเพิ่มขึ้นถึง 5,500% ทั้งที่มีต้นทุนการผลิต
เพียงเม็ดละ 1 ดอลลาร์ (35บาท) เท่านั้น

Shkreli บอกว่าที่เขาต้องขึ้นราคายา
เพราะต้องการให้บริษัทได้กำไรจากการขายยาเหล่านี้
หลังจากประกาศขึ้นราคามีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหู
แต่ก็ไม่ทำให้เขาเปลี่ยนใจแต่อย่างใด"

........................

และนี่แหละ เหตุการณ์แบบนี้แหละ ที่จะเผยให้ชาวโลกได้เห็น
ถึงเนื้อแท้แห่งความไร้ศีลธรรมจรรยาบัญของพวกเขาได้
แล้วจากนั้น "จิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก" ก็จะจดจ่อไปที่คำว่า
"ฉันไม่เห็นด้วยกับสิ่งเหล่านี้" "ฉันไม่เอา" "ฉันไม่สนับสนุน" และอื่นๆ
ที่จะเป็น "กระแสพลังงานความคิด" หรือ Thought form ในทางลบ
ต่อบริษัทยายักษ์ใหญ่ดังกล่าวนี้ แล้วจากนั้น การคิดหา
หรือการโหยหาวิธีการจัดการที่ดีกว่านี้ ก็จะเริ่มต้นเกิดขึ้นมาในจิตใจของคนทั้งโลก
ซึ่งก็จะนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงของวงการนี้ไปในทางที่ดีขึ้น ในท้ายที่สุด

ดังคำพยากรณ์ของครายออน ที่เคยบอกเอาไว้ในข้อความสื่อสารชุด
The Recalibration of Free Choice ว่า:

"...คำพยากรณ์...ยังมีอีกสองเรื่องที่เมื่อเร็วๆนี้พวกเราได้เคยพยากรณ์เอาไว้แล้ว
และในตอนนี้พวกเราก็จะขอกล่าวถึงมันอีกครั้งหนึ่ง

บนโลกในตอนนี้ มันกำลังมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นและดำเนินไปอยู่
ซึ่งจะทำให้บริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ของโลกต้องล้มลงอย่างไม่เป็นท่า
เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยาสูบมาแล้ว
เพราะว่าในตอนนั้นผู้คนได้ตระหนักรู้ถึงความไร้ศีลธรรมจรรยาบรรณของพวกเขาเข้า
และก็เกิดความตื่นกลัว และเกิดความโกรธแค้นอย่างรุนแรงขึ้นมา

พวกคุณก็เห็นแล้วนี่ว่า อุตสาหกรรมนี้ ได้สนับสนุนให้เยาวชนติดยาเสพติด
ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจดีก็ตาม และก็ยังเป็นสาเหตุการตายของเยาวชนเหล่านั้นอีกด้วย
และสิ่งนี้ก็ได้ถูกเปิดโปงไปแล้ว และมันก็ใช้เวลาแค่ไม่นานเท่านั้นเอง..ใช่ไหม?

พวกเราเคยพูดแบบนี้ไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ และตอนนี้ฉันก็จะขอพูดใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ว่า: เมื่อไหร่ที่พวกคุณรู้ว่าอุตสาหกรรมนี้ทั้งระบบของมัน ถ้าเพื่อผลประโยชน์ทางการเงินแล้ว
พวกเขาถึงกับพยายามที่จะทำให้ประชาชนป่วยอยู่เสมอได้ เพียงเพื่อผลกำไรของตัวเองเท่านั้นเอง
แล้วเมื่อนั้นอุตสาหกรรมนี้มันก็จะล้มลงไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
ซึ่งพวกคุณกำลังจะได้เห็นการพังครืนลงมาของมันในเร็วๆนี้แหล่ะ

พวกคุณกำลังจะได้เห็นผู้คนทั้งหลายมองสุขภาพของตัวเองไปในทิศทางที่แตกต่างออกไปแล้ว
พวกคุณเคยรู้ถึงคำตอบที่แท้จริงของการดูแลสุขภาพของตัวเองในระยะยาวกันบ้างไหม?
ไม่ใช่แต่พียงแค่ในประเทศนี้เท่านั้นนะ แต่เป็นในระดับโลกเลยหละ?

ฉันจะบอกใบ้ให้นะว่า จงอย่าป่วย! มนุษย์ที่รักเอ๋ย และนั่นแหละคือสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกพวกคุณว่า
มันใกล้จะถึงเวลานั้นแล้ว ซึ่งสิ่งที่กำลังจะมาถึงนี้ ก็คือความรู้ความเข้าใจ
เกี่ยวกับเรื่องร่างกายของพวกคุณเอง ในแบบที่พวกคุณยังไม่เคยรู้และก็ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย
ว่า DNA ของพวกคุณถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถฟื้นฟูตัวเองได้
และก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้พวกคุณสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นร้อยๆปีเลยทีเดียว
แต่ปัจจุบันนี้เมื่อพวกคุณมาอยู่ที่นี่แล้ว พวกคุณกลับอยู่ได้แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นเอง แล้วก็ตายไป

แต่ผลการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีอยู่แล้ว และการเริ่มต้นมีชีวิตที่ยืนยาวกว่าเดิม
ก็อยู่ที่นั้นอยู่แล้ว (ใน DNA – ผู้แปล)

มนุษย์ทั้งหลายกำลังจะเริ่มต้นค้นหาสิ่งต่างๆที่เป็นของธรรมชาติแทนแล้ว
และก็กำลังจะเริ่มต้นค้นหากระบวนการต่างๆที่มีอยู่แล้วเสมอมาแทนแล้ว
แต่หนทางนั้น จะสามารถเปิดขึ้นมาได้ ก็ต่อเมื่อบริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่
ถึงกาลจบสิ้นลงแล้วเท่านั้นเอง

แล้วพวกคุณก็จะประหลาดใจว่าทำไมพวกคุณถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
และเมื่อพวกคุณมองย้อนกลับไปแล้ว พวกคุณก็จะรู้สึกขนพองสยองเกล้าขึ้นมาทันที
เหมือนอย่างที่ในวันนี้ พวกคุณรู้สึกขนลุกขนพองกับโฆษณาชิ้นหนึ่งของยุค 50
ที่มีหมอคนหนึ่งกำลังโปรยยิ้มไป พร้อมกับโฆษณาบุหรี่ยี่ห้อหนึ่งไปนั่นแหละ

ฉันไม่มีกาลเวลาหรอกนะ.. ที่รักทั้งหลาย ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถบอกพวกคุณได้ว่า
มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ฉันทำได้แค่รับประกันกับพวกคุณว่า “มันกำลังจะเกิดขึ้น” เท่านั้น
และมันก็จะต้องเป็นแบบนั้นด้วย เพราะว่าในยุคพลังงานใหม่นี้
พวกคุณไม่อาจที่จะมีระบบอะไรที่ใหญ่โตขนาดนั้น
แต่กลับไร้ศีลธรรมจรรยาบรรณแบบนั้นได้ พวกคุณเข้าใจไหม๊?

แล้วก็จะมีพวกคนที่พูดว่า "ฉันหวังว่ามันจะเกิดขึ้นในตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ที่นี่นะ"
โอ..มันจะเป็นเช่นนั้น แต่บางที พวกคุณอาจจะไม่ได้เป็นคนๆเดียวกับที่พวกคุณกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ก็ได้นะ
แต่พวกคุณจะได้มาอยู่ที่นี่อีกแน่ๆ เพื่อที่จะได้เห็นมัน จิตวิญญาณอันเก่าแก่เอ๋ย
[Kryon smile] และนั่นก็คือเรื่องที 7 หละ..."

Kryon
........................................

 

*คำพยากรณ์เกี่ยวกับการล่มสลายของบริษัทยายักษ์ใหญ่ในอเมริกา*


(Credit the picture from internet)
.............................................................

"...จงเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการล่มสลายลง
ของบริษัทยายักษ์ใหญ่ในอเมริกา ซึ่งในตอนนี้ มันก็เริ่มเกิดขึ้นอยู่แล้ว

และเมื่อใดที่ "มีรายงาน" เผยแพร่ออกมา และเมื่อใดที่ภาพยนต์เรื่องนั้นถูกสร้างขึ้นแล้ว
ก็เมื่อนั้นแหละ ที่ชาวอเมริกาจะได้ตื่นขึ้นมาสู่ความเป็นจริงซะทีว่า
พวกเขามีอุตสาหกรรมที่ร่ำรวยมากๆอยู่อุตสาหกรรมหนึ่ง
ที่พยายามจะทำให้ผู้คนป่วยอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้ฉวยโอกาสหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง

ซึ่งพวกคุณอาจจะไม่ชื่นชอบความจริงนี้ก็เป็นได้
และพวกคุณก็อาจจะทนมันไม่ได้ก็ได้..
แต่ก็ขอให้คอยจับตาดูให้ดีก็แล้วกัน!..."

Kryon
..............................................
Source: "The Recalibration of Awareness"
http://spiritlibrary.com/kryon/channelings/the-recalibration-of-awareness

 

**จันทรุปราคาเต็มดวง 28 กันยายน 2558**


(credit the picture from Blood Moons and Shemitah Years)
...............................................................

"เวลากลางวันของวันจันทร์ที่ 28 กันยายน
ตามเวลาประเทศไทย เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง
ซึ่งนับเป็นครั้งสุดท้ายของจันทรุปราคาเต็มดวงที่เกิดขึ้น 4 ครั้ง ติดต่อกัน
ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2557 ประเทศไทยไม่เห็นจันทรุปราคาในวันนี้
บริเวณที่เห็น ได้แก่ อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ มหาสมุทรแอตแลนติก
ยุโรป แอฟริกา และด้านตะวันตกของเอเชีย

ขั้นตอนการเกิดจันทรุปราคา 28 กันยายน 2558

ดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามัวของโลก 07:11:45
เริ่มเกิดจันทรุปราคาบางส่วน 08:07:11
เริ่มเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง 09:11:10
ดวงจันทร์เข้าไปในเงาลึกที่สุด 09:47:08
สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง 10:23:06
สิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วน 11:27:05
ดวงจันทร์พ้นจากเงามัวของโลก 12:22:31

ที่มาของข้อมูล: อุปราคาในปี 2558
.........................................................................

 

**Wave-X จากเอกภพจะเดินทางมาปะทะโลกในวันที่ 28 กันยายน 2015 นี้**


(Credit the picture from Universal Life Tools - Simone M. Matthews - Crystal Light Healing® - Essence of Angels®)
.......................................................................

“ที่รักทั้งหลาย โลกของพวกคุณกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นแล้ว
เพราะว่าตลอด 2 เดือนข้างหน้านี้ มันจะมีคลื่นรังสีแกมม่าที่ทรงพลังอำนาจ
ถูกส่งมาจากใจกลางของกาแล็กซี่ ซึ่งพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า หรือ The Pleroma นี้
มันก็จะทำให้ทั้งดาวเคราะห์โลกและสิ่งมีชีวิตทุกๆชนิดที่อาศัยอยู่บนและในโลกได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่พวกคุณจะต้องรู้เอาไว้ด้วยว่า
ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในพายุของรังสีแกมม่าจากเอกภพ ที่เรียกว่า WAVE-X นี้เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งพวกคุณหลายคนก็คงจะสามารถรับรู้ถึงการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆของระดับพลังงานของโลกได้แล้ว
แต่ว่ามันก็ยังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอยู่อีกต่อไปทุกวันๆ จนถึงวันที่ 28 กันยายน 2015 โน่นแหละ

ณ.จุดเปลี่ยนสำคัญทางวิวัฒนาการของมนุษยชาติในครั้งนี้
เป็นที่รู้จักกันในนามของ “ขอบฟ้าเหตุการณ์” หรือ “THE EVENT HORIZON”
เพราะว่าในวันที่ 28 กันยายน 2015 นี้ จะเป็นวันที่เจ้าซุปเปอร์คลื่นอันนี้
มันจะมีระดับความเข้มข้นสูงที่สุด และก็จะเป็นวันที่เอกภพยุคใหม่นี้
จะมีระดับความถี่ของคลื่นพลังงานสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วย

แล้วในวันดังกล่าวนี้ จะมีใครสามารถเลื่อนระดับขึ้นไปได้จริงๆไหม๊?

แน่นอนสิ! เพราะว่ารูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่างรูปธรรมใดก็ตาม
ที่มีระดับความสั่นสะเทือนเกือบจะถึง 21 Hertz อยู่แล้ว ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ของมิติที่ 5
ก็จะสามารถแทรกผ่านกำแพงกั้นของมิติที่ 5 ที่รู้จักกันในนามของ “ช่องว่างขนาดใหญ่”
(The Great Void) เข้าไปได้ แล้วก็จะสามารถไปรู้เห็นถึง “โลกใหม่” ได้
ในช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ของพวกเรา...”

“...พายุของรังสีแกมม่าที่หนาแน่น ที่กำลังจะมาถึงนี้
เป็นผลพวงมาจากปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์หลายๆปรากฏการณ์
ที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมๆกันอยู่ในขณะนี้ จนทำให้ข้อมูลข่าวสารจากเอกภพปริมาณมหาศาล
ที่อยู่ในรูปแบบของแสงสว่าง สามารถหลั่งไหลเข้ามาสู่ระบบแห่งนี้ได้!

แต่ถึงแม้ว่า คลื่นความถี่ที่บรรจุข้อมูลข่าวสารใหม่ๆมาจากเอกภพเหล่านี้
จะกำลังถาโถมลงมายังโลกและมาเอิบอาบสิ่งมีชีวิตทุกๆชนิด
ที่อาศัยอยู่บน/ในโลกอยู่ก็ตาม แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายอะไรหรอกนะ
และก็ไม่ใช่อะไรที่พวกคุณจะต้องไปกลัวด้วย! (เพราะว่ามันเป็นเรื่องดี – ผู้แปล)...”

“...มันเคยมีข้อพิสูจน์มาแล้วว่า แสงจากรังสีแกมม่าสามารถที่จะทำให้
DNA ของสิ่งมีชีวิตชนิดใดๆวิวัฒน์สูงขึ้นไปสู่รูปแบบที่สูงส่งกว่าของมันเองได้อย่างฉันพลัน
ซึ่งในตอนนี้พวกคุณก็กำลังวิวัฒน์ขึ้นไปสู่เวอร์ชั่นที่สูงส่งที่สุดของตัวเองอยู่อย่างรวดเร็วอยู่แล้วด้วย!...”

AA Michael

Source: บางส่วนของข้อความสื่อสารจากมหาเทพมิคาเอล
เรื่อง: Wave-X จากเอกภพจะเดินทางมาปะทะโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในปลายเดือนกันยายน 2015 นี้

วันที่รับสาส์น: วันที่ 27 กรกฎาคม 2015, ผู้รับสาส์น: Michael Love

ที่มา: UNPRECEDENTED COSMIC WAVE TO IMPACT EARTH IN LATE SEPTEMBER 2015 - ARCHANGEL MICHAEL WEBSITE
......................................................................

"...การเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ในคืนวันเพ็ญ ของวันที่ 28 กันยายน 2015 นี้
จะทำให้การโคจรกลับของดาวพุธในช่วงนี้ กลายเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างมาก
เพราะว่ามันจะไปทำให้ความสามารถในการใช้ญาณทัศนะของพวกคุณเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก..."

มหาเทพเมตาตรอน

Source: บางส่วนของข้อความจากมหาเทพเมตาตรอน
เรื่อง 2015 – The Amazing Year Ahead.

โดย: นาย James Tyberonn, ที่มา: http://www.earth-keeper.com/EKchronicles_100_img.htm
..............................................................

 

แบบตัวอักษรมาแล้วครับ เป็นการอธิบายเกี่ยวกับ Synchronicity (rose)

The Cosmic Cook
Kryon Channelling - Chicagoland -Woodridge, IL - July 26, 2015

 

ถอดเทปการสื่อข้อความต่างมิติ จาก การสัมมนาของ KRYON: Sat - Sun - September 19-20 2015 : “THE NEW HUMAN P1” , “THE NEW HUMAN P2”

 

หลายปีผ่านไป ท่านกระโดดกันไปถึงไหนแล้วหนอ...

 

อยากเล่า เมื่อ 4 สค. 58 หลังจากสวดมนต์ และปฏิบัติสมถะวิปัสสนากรรมฐานเสร็จเข้านอน ก่อนนอนกำหนดลมหายใจเข้า ออก จนหลับไปรู้สึกตัวอีกที่มีตัวประหลาดอะไรก็ไม่รู้ล็อคคอและหัวใช้อุปกรณ์เหมือนเข็มฉีดยาแทงเข้าที่คอข้างขวา เราพยายามขยับตัวแต่ไม่กล้าลืมตาเพราะอยากรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไร ได้สักพักก็คิดได้ว่าถ้าเลยเถิดมากว่านี้อาจเป็นอันตราย เลยกำหนดจิตนึกถึงพุทธองค์ด้วยเสียงในใจดังๆ พวกเขาก็หายไป เหลือแต่คำถามในใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรา และดูนาฬิกาประมาณเที่ยงคืน ได้แต่คิดว่าถ้าเล่าให้ใครฟังคงหาว่าเราเพ้อเจ้อ ได้แต่สงสัยว่าพวกเขาต้องการอะไรจากเราหรือเปล่า

 

ตัวประหลาดที่ล็อคคอและหัวใช้อุปกรณ์เหมือนเข็มฉีดยาแทงคุณ เป็นภาษาทางสัญลักณ์ ไม่ต้องพยายามไปตีความมัน

สื่งที่คุณควรภาคภูมิใจก็คือ เวลาที่คุณรู้สึกว่ามีภัย คุณระลึกถึงพระพุทธเจ้า

คุณเข้าถึง พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ในระดับปฏิบัติแล้ว หรูมากๆ

 

ถอดเทปการสื่อข้อความต่างมิติ จาก การสัมมนาของ KRYON: Wednesday September 23, 2015 : "The New Earth"

 

มีใคร shift ไปมิติที่ 5 บ้างแล้วหนอ มาเล่าให้ฟังบ้างนะ วันที่ 28 ก.ย. 2558 ผมก็เพียง
มีมึนหัววูบ ๆ วาบ ๆ บ้างแต่ก็รู้สึกว่าเหมือนเดิม แต่ร่างกายสิ รู้สึกว่าจะโดนหนัก และนานหน่อย
ต้องอาศัยความอดทนอย่างสูง

 

รู้สึกเพลียๆ
มึนหัวนิดหน่อยแต่ไม่มาก
ปวดหัวซีกซ้าย-ขวาสลับกัน ปวดนิดหน่อยแต่ไม่มาก
กินน้อย แต่อิ่มนานกว่าปกติ
อารมณ์นิ่งมาก บางทีรู้สึกสมองว่างเปล่า
ไม่ค่อยรู้สึกยินดีและยินร้ายกับเรื่องราวต่างๆ รอบตัว
ลองจ้องดวงจันทร์ดูจะรู้สึก มึนๆ ตึงๆ แน่นๆ เหมือนมีพลังอะไรมาอัดแน่นแถวจักระที่ 6 ตลอดแนว
ช่วงนั้นจะชอบฝันแปลกๆ ประมาณว่าเหมือนเจอคนแปลกหน้าชักชวนไปที่ไหนหรือทำอะไรซักอย่างที่เป็นสิ่งที่ไม่ดีอาจจะเป็นด้านมืด แต่เราก็จะหนีพวกนี้ตลอด (ส่วนตัวคิดว่าอาจจะเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง)

ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันไหม แต่มาเล่าสู่กันฟังค่ะ ^ ^

 

คุณอจิตตะฝากให้โพสท์นะคะ.....

ดูเหมือนข้อความชุดนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนในขณะนี้นะ....
อจิตตะ....

 

ตอน 2

 

ตอน 3