ปรียนันท์ธรรมสถาน เพื่อปฏิบัติและหลบภัย

ฝากข้อความจารึกไว้ที่ ปรียนันท์ธรรมสถาน


<CENTER>

หน้าที่สำคัญกว่าลมปาก</CENTER>

กิร ดังได้สดับมา


<DD>ฤาษีผู้มีฤทธิ์ตนหนึ่งสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ดำน้ำลุยไฟได้ เช้ามืดวันหนึ่ง หลังจากออกจากฌานแล้วอยากจะหาเพื่อนคุยแก้เหงาบ้าง แต่ไม่รู้จะคุยกับใครดีเพราะไปชวนคุยมาหมดแล้ว พอดีพระอาทิตย์โผล่ยอดเขามาพอดี "ได้เพื่อนคุยแล้วละ" ฤาษีคิดพร้อมเหาะลิ่วไปหาพระอาทิตย์ ถึงรัศมีพระอาทิตย์จะร้อนแรงอย่างไรก็หาได้ระคายเคืองผิวฤาษีไม่ด้วยอำนาจฌานของท่าน

<DD>พอเข้าไปใกล้จึงถามว่า “ท่านอาทิตย์ ท่านไม่เบื่อบ้างหรือไง ขึ้นแล้วตก ๆ ทุกวันตรงตามเวลาด้วย”

<DD>“เบื่อไม่ได้หรอกท่านฤาษี มันเป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าอยู่แล้ว” พระอาทิตย์ตอบด้วยอารมณ์ดี

<DD>“ท่านทำหน้าที่แข็งขัน ไม่เคยเบื่อหน่าย ไม่เคยเบี้ยวสักวัน พวกมนุษย์เขารู้สึกต่อท่านอย่างไร ท่านรู้ไหม” ฤาษีเริ่มเปลี่ยนเรื่อง

<DD>“เออนั่นสิ แล้วมนุษย์เขารู้สึกอย่างไรกับข้าพเจ้ากันบ้าง ท่านก็เป็นมนุษย์ ท่านลองเล่าให้ฟังบ้างสิ” พระอาทิตย์ถามฤาษีบ้าง

<DD>“เวลาท่านขึ้นไปอยู่กลางฟ้านะ คนที่กำลังเดินทางอยู่กลางแดดก็จะบ่นนินทาท่านว่าวันนี้ทำไมมันร้อนเปรี้ยงอย่างนี้ ร้อนจะตับแตกอยู่แล้ว อะไรทำนองนี้ แต่คนที่ซักผ้ากำลังตากแดดผ้าอยู่กลับชอบและชมท่านนะว่าแดดดีจังเลย พระอาทิตย์เป็นใจ”

<DD>“แล้วคนที่ด่าข้าพเจ้านั้นเขาชังข้าพเจ้า และคนที่เขาชมข้าพเจ้านั้นเขาชอบข้าพเจ้าหรือไงกัน” พระอาทิตย์ชักสนุกในการคุยจึงย้อนถาม

<DD>“ก็คงไม่ใช่มั้ง เพราะคนที่ด่าท่านไว้ วันหลังเขาไม่ได้ไปไหนนั่งนอนอยู่แต่ในบ้าน เขาก็มิได้บ่นหรือสนใจท่าน ท่านจะแผดแสงเปรี้ยงหรือผ่อนเย็นลงอย่างไรเขาไม่รับรู้ด้วย ส่วนผู้ที่เคยชมท่านวันหลังพอท่านถูกเมฆบังหนาทึบจนไม่มีแดดให้เขาตากผ้า เขาก็บ่นเอากับท่านเหมือนกัน เอาแน่นอนไม่ได้หรอกท่าน”

<DD>“มนุษย์เขาเป็นกันอย่างนี้หรือท่านฤาษี”

<DD>“เป็นอย่างนี้แหละ อย่าว่าแต่ท่านเลย แม้พระวัสสุเทพเจ้าแห่งฝนก็โดนมนุษย์เขาเล่นงานเสมอจนมีคนพูดกันว่าฝนตกก็แช่งฝนแล้งก็ด่า แล้วท่านไมคิดจะลองเบี้ยวไม่ขึ้นสักวันหรือไร จะได้สั่งสอนมนุษย์ให้รู้สึกสำนึกและระวังปากระวังคำกันเสียบ้าง” ฤาษีแหย่เพื่อดูท่าที

<DD>พระอาทิตย์รีบตอบทันที “โอ๊ย ไม่ได้หรอกท่าน มันเป็นหน้าที่มนุษย์เขาจะบ่นว่าหรือจะชมข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าไม่ได้ยินและไม่สนใจหรอก ว่ากันตามสบายเถอะ ข้าพเจ้าไม่ได้ดิบได้ดีหรือเดือดร้อนเพราะปากของพวกมนุษย์หรอก”

<DD>ฤาษีนิ่งฟังอยู่ พระอาทิตย์เลยตัดบท “ขอบคุณท่านฤาษีมากนะที่มาชวนคุย วันหลังนิมนต์มาอีก”</DD>


<DD>เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า

<DD>คนที่ทำหน้าที่ใหญ่ ๆ และอยู่สูงย่อมถูกกระแสลมปากคนมากกว่าคนปกติเหมือนดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนฟ้า เรื่องของปากคนเราห้ามเขาไม่ได้

<DD>การยกย่องสรรเสริญและการนินทาว่าร้ายนั้นส่วนใหญ่เกิดจากความชอบความชังเป็นการส่วนตัว และเกิดจากผลประโยชน์เป็นใหญ่ ถ้าเราเอื้อประโยชน์ให้เขาได้ ยิ่งให้มากจนจุใจเขา เขาก็จะยกย่องสรรเสริญเราไม่ขาดปาก ทั้งที่เราก็อาจมีจุดด้อยให้เขาด่าอยู่ แต่เขาจะมองข้ามไปเสีย

<DD>แต่หากเราเอื้อประโยชน์ตามที่เขาต้องการให้ไม่ได้ต่อให้เราวิเศษและดีแสนดีอย่างไร เขาก็จะหาเรื่องมาด่ามานินทาเราจนได้ เรื่องของคนเป็นอย่างนี้ตลอดมา

<DD>ท่านจึงสอนว่าให้หนักแน่นเข้าไว้ มั่นคงเข้าไว้ ไม่หวั่นไหวไปตามลมปากไม่นำมาเป็นอารมณ์ ไม่อย่างนั้นเราเองนั่นแหละจะไม่เป็นตัวของตัวเอง จะเป็นทุกข์ฟุ้งซ่านและนอนไม่หลับเพราะเก็บเอาคำคนอื่นมานั่งคิดนอนคิดให้เป็นกังวลตลอดเวลา ต้องทำตัวทำใจให้เหมือนดวงอาทิตย์ย่อมสุขกายสบายใจแน่นอน


[COLOR=#663333][B]ที่มา[/B] หนังสือ กิร ดังได้สดับมา โดย พระธรรมกิตติวงศ์[/COLOR]</DD>

 

การประคับประคองเพื่อนๆ
เนื่องจากว่ากลุ่มพวกเรานั้นเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นพอทำงานไปก็ได้มีการกระทบกันบ้างเหมือนลิ้นกับฟัน แต่ด้วยเจตนาของแต่ละคนนั้นดีก็ทำให้เพื่อนๆให้อภัยเสมอ การประคองกันไปก็นับว่าเป็นภาระกิจที่คนที่กำลังใจยังไม่คลอนแคลนจะต้องทำไปคนไหนล้มเพื่อนที่ยืนก็คอยดึงขึ้นมาเป็นอย่างนี้พวกเราก็จะเข้มแข็ง เมื่อคืนนั้นได้มีโอกาสซักถามผู้ทรงศีลและอภิญญาผู้นั้นว่า เพื่อนๆแต่ละคนเป็นอย่างไรกันบ้างทำไมจึงหายหน้าไปไม่ยอมเข้ามาแอบๆไปไหน ได้คำตอบว่าบางคนก็ยังดูเชิงว่าการสร้างปรียนันท์จะเป็นอย่างไรต่อไป น่าเชื่อถือแค่ไหน หากเป็นรูปเป็นร่างก็จะมีคนมาช่วยอีกมากมายที่ซ่อนและซุ่มดูอยู่ตอนนี้ บางคนก็อยู่ในช่วงทิษฐิมานะก็มี บางคนก็อยู่ในช่วงทำใจอะไรบางอย่าง บางคนก็อยู่ในช่วงไปศรัทธากับความเชื่ออื่นๆอยู่มาก แล้วก็จะกลับมาบ้านหลังนี้เองแล้วแต่บุญเก่าของแต่ละคน ท่านบอกว่าใครอยากสำเร็จเร็วๆให้มาที่ปรียนันท์ บ่อยๆ เป็นคำเชิญชวนที่ดูเหมือนธรรมดาๆแต่ผมก็ได้เชื่อตามนั้นจริงๆ ท่านบอกว่า ที่นี่เป็นบ้านของพวกเราทุกคน ในอดีตนั้นพวกเราได้สร้างร่วมกันที่นี่ ปรียนันท์ในอดีตเคยเจริญรุ่งเรืองมาก แต่ก็เป็นไตรลักษณ์ มีเจริญย่อมมีเสื่อมไปตามกาลเวลา
ดังนั้นภาระกิจที่ประคองเพื่อนๆนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง อาคารปรียนันท์จะไม่มีประโยชน์อันใดหากปราศจาคผู้ปฏิบัติธรรม

 

piakgear24พูดว่า (21:37):



<DIR>สวัสดี



</DIR>piakgear24พูดว่า (21:37):



<DIR>สบายดีนะ



</DIR>piakgear24 พูดว่า (21:37):



<DIR>อย่าหลบไปเหมือนที่เขียนไว้ล่ะ



</DIR>nakamura sun พูดว่า (21:38):

piakgear24 พูดว่า (21:38):



<DIR>พวกเราจะหลบไปแบบนี้



</DIR>piakgear24พูดว่า (21:39):



<DIR>หลายคนแล้ว



</DIR>nakamura sunพูดว่า (21:39):



<DIR>เคลียร์งานให้เสร็จก่อนจะหลบไปสักพัก แล้วเด่วก็กลับมาครับ



</DIR>nakamura sunพูดว่า (21:39):



<DIR>ไปฝึกวิชานะครับ



</DIR>nakamura sun พูดว่า (21:39):



<DIR>ไม่ทิ้งพวกเราแน่



</DIR>piakgear24 พูดว่า (21:42):


<DIR>ความพยายามย่อมมีทางสำเร็จ



</DIR>nakamura sunพูดว่า (21:42):
nakamura sunพูดว่า (21:43):



<DIR>ฝากบอกคนในกระทู้หน่อยละกัน



</DIR>nakamura sunพูดว่า (21:43):



<DIR>ว่า...



</DIR>piakgear24 พูดว่า (21:44):



<DIR>ว่า อย่าไปตอบโต้เขาใช่ไหม



</DIR>piakgear24พูดว่า (21:45):



<DIR>ปล่อยเถอะบอกก็ไม่มีทางหมด



</DIR>nakamura sun พูดว่า (21:46):



<DIR>"พวกเราทำบุญสร้างบารมีมาเยอะแต่ไม่รู้จักวิธีการกลั่นบุญบารมีกัน"



</DIR>nakamura sunพูดว่า (21:46):



<DIR>เอาสั้นๆนี้แหละให้ไปคิดกันเอง



</DIR>piakgear24 พูดว่า (21:46):



<DIR>อนุโมทนา แล้วทำไมไม่บอกเองล่ะ



</DIR>nakamura sun พูดว่า (21:47):



<DIR>ก็ผมจะห่างๆบอร์ดไปละครับ



</DIR>nakamura sunพูดว่า (21:47):



<DIR>เด่วจะหาว่าไม่มีสัจจะ



</DIR>piakgear24พูดว่า (21:47):



<DIR>อ่าว ตามสะดวกนะ



</DIR>piakgear24 พูดว่า (21:48):



<DIR>ธรรมดา ของ พวกเรา คนที่ รู้เห็นว่าน่าเบื่อก็จะไม่สนใจจะบอกอีกแล้ว



</DIR>piakgear24พูดว่า (21:48):



<DIR>พี่เองก็ไม่อยากจะบอกไม่อยากไปสร้างความเคืองใคร



</DIR>piakgear24 พูดว่า (21:49):



<DIR>ใครจะสร้างความเคืองเถียงกันไปก็ปล่อยๆไป วางเฉยไปแล้ว มันเหมือนเราไม่อยากทำหน้าที่แบบนั้นแล้ว



</DIR>piakgear24 พูดว่า (21:49):



<DIR>ไม่สงบ



</DIR>piakgear24พูดว่า (21:50):



<DIR>เลือกคุยแต่เรื่องมีสาระประโยชน์ดีกว่าใช่ไหม



</DIR>nakamura sun พูดว่า (21:50):



<DIR>เรื่องใครจะว่ากันนั้นผมไม่สนใจเลยครับ



</DIR>nakamura sunพูดว่า (21:51):



<DIR>ผมสนใจวิธีการกลั่นบุญบารมีของพวกเรามากกว่าครับ โพสไปตามนั้นนะครับ บอกผมฝากมาบอกพวกเราทุกคน



</DIR>piakgear24 พูดว่า (21:51):



<DIR>กลั่นแบบไหน บอกหน่อยดิ



</DIR>nakamura sunพูดว่า (21:52):



<DIR>สักวันจะรู้เอง



</DIR>piakgear24พูดว่า (21:52):


<DIR>ปริศนาธรรม เออ โอเค ได้



</DIR>nakamura sunพูดว่า (21:53):



<DIR>ขอตัวก่อนครับ



</DIR>piakgear24 พูดว่า (21:53):



<DIR>บายครับ ตามสบาย



</DIR>nakamura sunพูดว่า (21:53):



<DIR>โชคดีครับ



</DIR>nakamura sun พูดว่า (21:53):
piakgear24 พูดว่า (21:53):
เจริญธรรม สาธุ

 

ดูจากรูปแล้ว วิเคราะห์จากพระเกตุมาลา ดูสูงผิดสัดส่วนนะครับ
แต่ยังไง คงไม่ใช่ ยุค ทวาราวดี เพราะเกตุมาลา นิยมทำเป็นต่อม กระเปาะ และ ฝาชีครอบ
ศรีวิชัย เชียงแสน เป็น ทรงต่อมสั้น
ลพบุรี เป็นทรงเทริดขนนก มงกุฏจีโบ
สุโขทัย เป็น เปลวเพลิง
อยุธยา มีทั้งเป็น ฝาชีครอบ เปลวเพลิง และทรงเครื่องแบบกษัตริย์
รัตนโกสินทร์ ก็ไม่ใช่
...
อืม ถ้าดูจากพระพักตร์รูปไข่แล้ว ก็มีตัวเลือก
แค่สุโขทัย รัตนโกสินทร์ และอู่ทอง แต่ไม่น่าใช่
เดาว่าคงเป็นศิลปะยุคเชียงแสน-เชียงใหม่ หรือ ที่เรียกว่า ยุคลาวพุงขาว
แพร่หลายไปทางเวียงจันทน์
เรียกว่าเป็นพระสกุลช่างลาวเวียงจันทน์ หรือ ล้านช้างนะครับ
...

รูปบนนี้เป็นพระเจ้าองค์แสน(พระพุทธรูปฝนแสนห่า)

วัดโพธิ์ชัย อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ศิลปะ ล้านช้างครับ

ส่วนรูปล่าง พระบาง วัดไตรภูมิ ครับ

 

เล่ากันถึงเรื่องคนช่างตินะครับ
...
พระพุทธรูปลีลา ปางสุโขทัย
ได้รับการยกย่องว่างดงามที่สุดทั้งด้านศิลปะ และถอดแบบจากลักษณะพระมหาบุรุษลักษณะของพระพุทธเจ้า
แต่คนช่างติ พยายามจะหาข้อบกพร่อง ต่างต่าง นานา
แต่ก็หาไม่ได้ เพราะเนื่องจากงามเกินที่จะติแล้ว
ช่างติ เงียบไปพักใหญ่
แล้วบอกว่า
...
อืมผมยอมรับว่างามจริงจริง สมบูรณ์แบบ ไร้ข้อกังขา
แต่เสียดายนะว่า พระท่านไม่สามารถเดินออกมาจริงจริงได้
(ไม่วายมี ติ อีกครับเนี่ย )
...
โลกธรรม8 ประการ
มีลาภ เสื่อมลาภ
มียศ เสื่อมยศ
มีสุข มีทุกข์
สรรเสริญ ติฉินนินทา

เป็นธรรมดาของโลกครับ

 

๑๑. พระเจ้าองค์แสน(พระพุทธรูปฝนแสนห่า) วัดโพธิ์ชัย อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย
พระเจ้าองค์แสน หรือพระพุทธรูปฝนแสนห่าเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ วัสดุทองสัมฤทธิ์ พระ สังฆาฏิเป็นทองนาก ขนาดหน้าตักกว้าง ๓๖ เซนติเมตร สูง ๔๘ เซนติเมตร ศิลปะล้านช้างเป็นพระพุทธรูป คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเลย​

ตามประวัติเล่าว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์มีฆ้องห้อยศอกมา ๑ อัน ลูกแก้วทองสัมฤทธิ์ ๑ ลูก พร้อม ด้วยปืน ๑ กระบอก ต่อมาเจ้าเมืองเชียงของทราบข่าว จึงยกขบวนพลช้างพลม้ามาเพื่ออัญเชิญไปเมืองเชียงของ แต่ไม่สามารถอัญ เชิญไปได้และเล่ากันต่อมาว่า ถ้าพระพุทธรูปองค์นี้เสด็จไปประดิษฐาน ณ ที่ใดที่นั่นจะไม่มีความแห้งแล้ง จึงได้ชื่อว่า "พระพุทธรูปแสนห่า"
ภายในโบสถ์และวิหารวัดโพธิ์ชัยก่อสร้างด้วยช่างฝีมือประณีต ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวพุทธประวัติ กรมศิปากรได้
ตรวจสอบพบว่าทั้งโบสถ์ วิหารและพระพุทธรูปนั้นมีอายุประมาณ ๔๐๐ ปี นับเป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุที่ล้ำค่าของจังหวัด
เลย และเมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ ชาวบ้านจะนำพระพุทธรูปองค์แสนมาสรงน้ำมาเป็นประจำ

 

K_Jit บริจาคกล่องโฟมใหม่ไม่ได้ใช้ เอาไว้แช่อาหาร ไว้ที่ปรียานันท์

อนุโมทนาด้วยจ้า

 

ช่วยผมคิดหน่อย..... ปัญหาเฉพาะหน้า ที่ปรียนันท์ไม่มีที่เก็บของ และเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ดังนั้นที่มีอยู่แล้วก็เลยดูไม่เป็นระเบียบ และไม่ค่อยสะอาดตานะ ทำโรงเรือนชั่วคราวสักหลังหรือไม่ ข้างห้องน้ำนะซื้อเพิ่มอีกหน่อย หลังคาเป็นสังกะสี มีอยู่แล้ว วันงานใกล้เข้ามาคิดว่าเรือนเก่ามุงแฝกจะปรับปรุงอย่างไรดี มอดกินใกล้จะล้มแล้วแหละ

 

Floor Heating - Cooling


DIY floor heating kits – from the floor heating specialists at Comfort Heat






ใช้ท่อทองแดง..ฝังใต้พื้นในบริเวณที่ต้องการ เช่น...พื้นห้องน้ำ..พื้นห้องนอน

- ใช้น้ำร้อนผ่านเข้าไปในท่อ...กรณีต้องการความอบอุ่น เช่นประเทศในแถบยุโรป อากาศหนาว

- หรือใช้น้ำเย็นผ่านเข้าไปในท่อ...ในกรณีที่ต้องการความเย็น เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ

- ในยุโรปน้ำร้อนได้จากท่อน้ำร้อนจากการประปา หรือไม่ก็จากระบบต้มน้ำด้วยแก๊ส...ซึ่งมีท่อแก๊สส่งไปตามบ้าน..ไม่ได้ใช้แบบถังเหมือนบ้านเรา

- ในประเทศไทยมีแต่พวก...เครื่องทำน้ำร้อนด้วยไฟฟ้า...สิ้นเปลือง...ส่วนตามโรงแรมก็ใช้...บลอยเลอร์...ต้มด้วยน้ำมัน...สิ้นเปลืองเหมือนกัน

- ระบบพลังงานทดแทน...คือ..การใช้พลังงานจากธรรมชาติ มาเสริมการทำงาน..และ/หรือทดแทนพลังงาน..ที่สิ้นเปลือง

- เริ่มที่การออกแบบ...ผนังที่เป็นฉนวน...ก่อผนังเป็นสองชั้น (Double wall) เพื่อให้มีช่องอากาศเป็นฉนวน....กันทั้งการสูญเสียความร้อน...กันทั้งอากาศหนาว

- ใช้ Floor Heating ในการให้ความร้อน...น้ำร้อนหลัก...ได้จากชุดต้มน้ำ...จะต้มด้วยไฟฟ้า...แก๊ส...น้ำมัน...แกลบ...เศษไม้...อะไรก็แล้วแต่...น้ำร้อนเสริม...ได้จากแสงอาทิตย์...จากความร้อนในครัว (ดังกรณีของพี่ Marine)

- หัวใจของระบบมี...เครื่องต้มน้ำ...และถังเก็บน้ำที่มีฉนวนกันสูญเสียความร้อน...แล้วบังคับให้น้ำร้อน...ไหลไปในท่อ...ไปยังห้องต่างๆ..โดยใช้ปั๊มขนาดเล็กๆ...ควบคุมการไหล

- ระบบทำน้ำร้อนจากแสงอาทิตย์...ก็ต้องมี...แผงรับแสงอาทิตย์...ระบบท่อ...และถังเก็บน้ำร้อน...ดังที่ได้กล่าวมา

- ดูรูป...จะเข้าใจง่ายกว่า...นะครับ



Combined Solar and Radiant Floor Heating

SINGLE ZONE - There are seven additional parts to the radiant floor system.

1. Master stainless steel manifold (Distributes and regulates flow to individual radiant floor loops)
2. System pump (Circulates hot water through the floor)
3. Mixing valve (Controls supply water temperature in the floor by sensing supply and return temperatures)
4. Pressure By-pass valve (Adjusts proper flow through the manifold)
5. Thermostat (Activates radiant floor part of system when space heating is required)
6. Purge and vent assembly (Expels air from the system during fill and operation)
7. PEX tubing (Distributes the heat to the house from the hot water coursing through tubing in the floor)

This system combines solar water heating plus an efficient space heating system. When the thermostat (5) calls for heat, the system pump (2) starts pumping water. The water is split by the supply (lower) side of the manifold (1) into loops of PEX tubing (7) and returns through the return (upper) side of the manifold (1) with the flows being balanced by viewing the flow meters on the manifold and adjusting the balancing valves. The electronic mixing valve (3) senses the supply and return temperatures and blends them with make up hot water from the tank-less heater. The amount of make up water entering the floor is balanced by the water leaving the floor. The water leaving the floor is heated by the heat exchanger in the solar tank before enters the tank-less heater. If the water needs further heating the tank-less heater boosts the temperature (or not) if required. The vent and purge valve (6) is used to purge trapped air in the system.
<!-- / message --><!-- sig -->

 

<TABLE bgColor=#ffffff><TBODY><TR><TD vAlign=top>

Home/office renewable energy
A case study​

Space heating, water heating and cooking

Of course, we've always heated this house with wood, but I wanted to extend the use of wood to the heating of water and cooking of food in order to cut our household use of fossil fuels even further. Unfortunately there are no clean burning (EPA certified), full-sized wood stoves that have a bake oven and water heating option. The EPA exempted cook stoves back in the 1980s when they designed their wood smoke regulation. The result of that decision is obvious today: want a clean cook stove that will also heat your house and water? Sorry, you're out of luck.
There are a few European stoves that have a cooking capability, but their fireboxes and ovens are so small that they don't meet North American requirements.
I don't agree with the major manufacturers of wood burning cook stoves who say, first, that you can't build a practical, clean burning cook stove, and, second, that the market is too small to justify the R&D investment. I would agree, however, that if you continue to build inefficient antiques that are physically too large and unsuitable for modern houses, the market will remain small.
So, I decided to build a cook stove that would meet our needs. The stove at right is the result. It was installed on February 2, 2002.
</TD><TD vAlign=center align=middle width=280></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellPadding=4 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left width="50%" bgColor=#ffff99>

I will say at the outset that I have always tried to dissuade people from building their own wood stoves, and I still think it is a bad idea in most cases. My excuse is that I have 25 years of experience in the wood burning field and am a member of all the safety standards committees so I know the risks and how to avoid them. Nevertheless, I will have trouble explaining this installation to the next home insurance inspector that calls on us.​

</TD><TD vAlign=top align=left width="50%" bgColor=#ffffff>Why are we investing in renewables?
The solar and electrical installation.
The wind turbine installation.
Solar domestic hot water.
A breakdown of the system cost.
System performance.
Heating the shop and battery enclosure.
The wood stove used for space and water heating and cooking.
The outdoor brickoven.
Back to the Gulland Associates Inc. home page
</TD></TR><TR><TD vAlign=top>

The idea was to start with a good EPA certified firebox and add an oven to it. I bought a Pacific Energy Super 27 with its door and ash lip. I didn't buy legs or a pedestal base because I had a design in mind and besides, the added height of the stove demanded a wide support stance both visually and for stability.
The general approach was to weld a patch into the original 6" flue outlet and rework the back of the stove to accept a full-width 20" x 4" manifold. This manifold would route the exhaust either straight up into the flue pipe or around the oven.
When the bypass damper (the handle is visible at the top left rear of the stove) is closed, the straight up path is blocked and the exhaust must flow forward through the angled part of the manifold and around the oven.
Designing and building this stove was a huge amount of work. I didn't count the hours, but it must have been several hundred. It also cost me almost $2000 just in materials and other costs. This was not a casual undertaking.​

</TD><CENTER><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top>The oven inner liner is a 22 gauge stainless steel box with an open front. There are screws in each corner of the front flange which, when removed, allow the oven inner to pull out for cleaning of the flue passages. The flue passages are just one inch wide all around the oven. I made the passages small so the oven could be as big as possible. I was also aware that the volume of exhaust from a stove like this running normally is very small and doesn't need much flow area. It turns out that I can open the firebox loading door with the oven bypass damper closed and get no smoke roll-out as long as the chimney is hot.</TD></CENTER><TD vAlign=top align=middle>

​

</TD></TR><CENTER><TR><TD vAlign=top>The oven bakes well. It is reasonably easy to regulate oven temperature by adjusting the stove's combustion air control. After the first winter (2001-2) I insulated the outside sides and top of the oven and the inside front of the manifold to retain some flue gas heat, which made it easier to achieve baking temperatures without overheating the house. The stove heats the house much better than any stove we've had because of the increased heat transfer efficiency. We heat this 1500 square foot house (plus basement) with one stove, so it has to work fairly hard all winter and this has led to rather high average flue gas temperatures - in the 400 to 600ฐF range. The new stove averages around 150ฐF lower.
The increased heat transfer surface area of this stove and the very small flue passages around the oven mean that this stove would screw up badly if the user smoldered a few loads of too-wet wood in it. With careful operation, the passages stayed clean enough to go all winter without cleaning. When I took it apart I found 1/8" soft, powdery deposits.
</TD><TD vAlign=top></TD></TR><TR><TD vAlign=top>Domestic Hot Water

Before building this stove, we used another Pacific Energy stove with the domestic hot water (DHW) accessory option, which was a stainless steel coil in the firebox. I didn't like the effect that the cold pipe had on combustion. Because that model was the only EPA certified stove on the market with a DHW option, I started thinking about other approaches to DHW.
At right is the first DHW collector coil tried in the custom cook stove. It is made of 1/2" schedule 40 stainless steel pipe. It was installed through a slot in the exhaust manifold leading to the oven. It didn't work as well as I would have liked. It didn't make enough hot water and I didn't like it in the exhaust stream. The next photo down on the right is a view through the left side cleanout slot showing the tubular coil in place.
</TD><TD vAlign=center align=middle> Tubular internal water coil. This heated water but not enough so it was used only one winter.

Tubular coil visible through the left side clean out slot.
</TD></TR><TR><TD vAlign=top>At right is the second approach. I decided it would be better to get the collector out of the flue gas stream. To do that I needed a lot of surface area. The crude assembly of rigid and flexible 1/2" copper tube allowed me to try my theory without great expense. We used this set-up during the winter of 2002-3. The grid up the back of the stove produced about 80% of the water temperature rise, which made me think I didn't need the coil on the flue pipe.
</TD><TD vAlign=top> The second DWH collector I tried. Crude? Yes, but it taught me what I needed to know.
</TD></TR><TR><TD vAlign=top>
For the winter of 2003-4, I had a flat stainless steel tank made. It covers the whole back of the stove, from the upper rear of the firebox to the top of the oven (17" x 28"). The photo at right shows the 1" thick collector bolted to the back of the stove before it was insulated with a couple of layers of 1/2" kaowool and then a painted sheet metal cover.
This collector works well. It offers less flow restriction than previous attempts, which means the water flows faster. As a result, the temperature rise of the water is not as high as other versions, but the water in the tanks heats faster. We get adequate hot water for the two of us, although the water never gets scalding hot.
</TD><TD vAlign=center align=middle>
The flat stainless steel collector tank is visible bolted to the back of the stove. It was then insulated and covered with a painted steel shield.
</TD></TR><TR><TD vAlign=top>Since the hot water tanks are in the basement, water must be pumped through the stove loop. The tiny 12 VDC pump is the black blob above the larger 60 gallon tank. The sidewall vented oil fired tank on the right is used for backup. Hot water to the taps is taken from the oil-fired tank. The two tanks are plumbed in series but by setting various valves heating of one or the other or both by either solar or wood power is possible. This winter (2003-4), after several attempts to configure the plumbing correctly, the system works just fine. Well, that's not exactly accurate. There is no automatic control of the pump that moves water through the stove loop. In summer, a small solar photovoltaic panel drives the flow through the solar DHW panels. I'd like to do something similar for winter. I have in mind a small thermo-electric generator mounted on the side of the stove. This will take some tricky component matching and engineering, plus a fair amount of money. But it sure would be slick. I've already made contact with suppliers of the equipment and just need to put more time into the project.

</TD><TD vAlign=top> Left, 60 gallon storage; right, 35 gallon oil fired.
</TD></TR><TR><TD vAlign=top>The photo to the right shows what I hope is the final configuration of the plumbing at the stove. The small box on the floor to the right of the stove is the multi-channel thermocouple reader that gives accurate temperatures for water in and out, oven and flue gases. Considering that this stove is a one-off experiment, it works surprisingly well. It sits right in our living room around the corner from the kitchen and is reasonably convenient to use as a cooker. Although it does have a home-made quality about it, I like to say it is not as ugly as it could have been.
I think a market could be developed for such a product if it were well-engineered, manufactured and marketed. I don't have any interest in going back into manufacturing and no manufacturers have shown any interest in the concept, so I guess North Americans will have to continue to wait patiently for someone to produce a commercially available clean cook stove.
12/03
</TD><TD vAlign=top> Latest configuration (2003-4)
</TD></TR></CENTER></TBODY></TABLE>​

http://www.gulland.ca/homenergy/stove.htm

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ moothai24
โอนแล้วครับพี่วันนี้ 5008- และโพสแล้วครับ
พอดีจะบอกพี่ว่า กำลังรื้อของในสโตร์ มีอ่างล่างหน้า 2 ใบ ( จริงๆ รุ่นพี่เขาฝากผมไว้ เลยขอซะ ) โคมไฟก็มี แต่ไม่รู้กี่โคม สวิทช์ เดี๋ยวจะ รีบพีเอ็มไปครับ เพื่อนัดแนะกัน และแถมครับมีแอร์ แขวนใต้ฝ้า 2 ตัน ยี่ห้อ เทรน อายุ 7 ปี สภาพยังใช้ได้ สนไหมครับพี่ จะได้หาเวลาให้น้องๆ เขาล้างทำความสะอาด ก็พอใช้งานได้ครับ ( ตัวนี้ของพี่สาวผมครับ เขามอบให้สำหรับงานธรรมะ )
ขอบคุณครับหมู
</TD></TR></TBODY></TABLE>

โมทนาครับคุณ moothai24
ดีครับเอาอุปกรณ์ที่จำเป็นมาช่วยแบบนี้ได้ใช้แน่นอนครับ จะให้ช่างที่นี่ช่วยติดตั้งให้ก่อน และคงได้ช่วยกันอีกหลาย project ครับ พี่คลิกฝากโมทนาและขอบคุณมาด้วยครับ

 

ดร. กัญจีรา มาเยือนปรียนันท์ วันจันทร์ที่ 11 ก.พ.51
เวลา ประมาณ 14.00 น. พี่คลิกกะเจ้าหลง รอต้อนรับอยู่ที่นั่นครับ...

 

อาจารย์ท่านมาถึงก็ตื่นเต้นที่เห็นดอกไม้สีเหลือจำนวนมากมายหลายต้นออกอยู่ดอกเต็มไปหมด นั่นคือดอกสุพรรณิการ์ หรือสุบรรณณิการ์ ซึ่งเป็นดอกไม้สวรรค์ อันมีเรื่องราวเกี่ยวกับมิติ-ภพภูมิ
อาจารย์เล่าถึงความฝันเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนว่า ฝันเห็นสถานที่หนึ่ง...มีดอกไม้สีเหลืองกำลังปลิวร่วงหล่นลงมากองอยู่เต็มพี้น ขณะที่เดินไปร่างอาจารย์ก็ค่อยเบาและลอยสูงขึ้นไป และมักจะฝันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ พอมาเห็นต้นไม้ที่นี่ซึ่งมีอยู่เฉพาาะที่เขาลูกนี้ จึงถามว่ามีใครมาปลูกไว้รึเปล่า? จริงๆต้นไม้พวกนี้มีอยู่แล้วในธรรมชาติครับไม่มีใครมาปลูก... พี่คลิกชวนคณะอาจารย์กัญจีราขึ้นไปดูบนยอดเขา...แจกไม้กระบองคนละชุด

 

เป้าหมายการมาครั้งนี้คือ การสำรวจหาสถานที่ที่อาจารย์เชื่อว่า..นครสวรรค์ หรือคอนสวรรค์นี้ อดีตเคยเป็นเมืองที่เบื้องบนตั้งใจส่งบุตรเทพ-พรหมลงมาเกิดเป็นมนุษย์จำนวนมากให้มาทำหน้าที่บางอย่าง..แต่ในที่สุดเทพหรหมเหล่านั้นก็หลงลืมหน้าที่ที่ได้เคยรับปากไว้ พากันยึดติดหลงไหลอยู่กับมิติของมนุษย์จนหมดสิ้น..เป็นเหตุให้เกิดอาเพสครั้งใหญ่..กลายเป็นเมืองที่ถูกสาป แห้งแล้งไม่สดใสจนถึงปัจุบัน โดยที่จังหวัดรอบๆเช่นอุทัย พิจิตรกลับชุ่มชื้น เขียวชอุ่มกันทั้งนั้น
จริงๆควรจะเป็นเมืองที่สมบูรณ์มาก เนื่องจากมี เบณจนทีและเบญจคีรี อันเป็นชัยภูมิที่ดีจึงเป็นเรื่องแปลกที่จังหวัดนครสวรรค์เป็นเช่นนี้..อาจารย์จึงออกตามหาเบญจคีรีที่ว่านี้...ก่อนหน้าอาจารย์ไปที่วัดคีรีสวรรค์..ที่เขากก...ไปเขากะลา..ท่านบอกว่าก็ยังไม่ใช่ที่ออกตามหา....

 

จะบอกอย่างไรดี.....สำหรับผมช่วง สอง สาม อาทิตย์ผ่านมาถึงขณะนี้มีเรื่องเซอร์ไพรส์...มีลุ้นตลอดที่ปรียนันท์.......

 

อาจารย์ต้องการสถานที่อันบริสุทธิ์
ที่ไม่มีมนุษย์เข้าไปปรับเปลื่ยนทำให้พลังของประตูมิติที่ว่าสะดุดลง...
ขึ้นไปถึงบนยอดเขาทีแรกไม่มีลมเลย...ร้อนอบอ้าวมากๆ
สักพักนึง...อยู่ๆก็มีลมพัดมาจากทิศเหนือ เป็นลมเย็นๆอากาศโปร่งสบายตลอดเวลา..
อาจารย์กำลังตรวจพลังบนยอดเขาปรียนันท์...ผ่านฝ่ามือ...

 

พีคลิกจึงเล่าตำนานปราสาทเมืองบนให้อาจารย์ทราบครับ ว่าที่นี่เคยเป็นเมืองเก่าในสมัยทวารวดี มีซากเจดีย์โบราญ 9 แห่งอยู่บนยอดเขาเล็กๆที่มองเห็น พอนับดูมี 5 ยอดพอดี (เบญจคีรี) ที่ทอดตัวเชื่อมติดกันอยู่...หรือว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ที่อาจารย์กำลังออกตามหา?..อาจารยบอกว่า "คิดออกแล้วว่าจะมาทำอะไรที่นี่ แต่อุบไว้ก่อน" อาจารย์ต้องมาอีกแน่ๆครับ..จากนั้นก็ให้พวกเราลองสัมผัสพลัง โดยเดินรอบๆแอ่งหินตรงกลางที่มีต้นไม้ขึ้นใหม่เป็นหมุดปักตรงอยู่ตรงกลางยอดเขาครับ...

 

ขณะนั้นก็เจอลูกสุนัขตัวน้อยพลัดหลงอยู่บนยอดเขาตัวเดียว เลยตั้งชื่อให้ว่า "เจ้าเดี่ยว"
เจ้าหลงเข้าไปพบเข้าโดยบังเอิญครับ ส่งเสียงร้องอยู่บนนั้น..สมาชิกเราจึงเอาน้ำไปให้ทาน..ท่าทางเพิ่งเคยเห็นคนครั้งแรก ..วันนี้พี่คลิกจะไปดูอีกทีว่ามีแม่สุนัขมารับตัวหรือไม่?..ที่แรกจะเอาลงมาข้างล่าง ต้องรอดูอีกสักวันครับ