ประสบการณ์ ผีสื่อวิญญาณเฉพาะตนให้เราทราบ!

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ผู้ธรรมดา, 23 มิถุนายน 2015.

  1. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    จากที่โดยส่วนตัวแล้ว ผมจะเป็นคนที่โดนผีอำบ่อยครับ นับจากปัจจุบันนี้ย้อนหลังได้หลายปีเหมือนกัน อาการแปลกๆเหล่านี้เกิดขึ้นมาเองโดยที่ผมก็ไม่ได้ใฝ่หามันเลย ปรกติเวลาที่ผมโดนผีอำเสร็จแล้ว ผมจะส่งจิตถามวิญญาณทุกครั้งไปครับ ประมาณว่า "คุณเป็นใคร" "เป็นเจ้ากรรมนายเวรผมหรือ" "คุณอยู่ภพภูมิไหน" "คุณต้องการอะไร" เป็นต้น ซึ่งผีหรือวิญญาณนี่เขาก็แปลกอยู่อย่างนะครับ คือเวลาเขาอำหรือเบียดเบียนเราเสร็จเขาจะไม่รีบหนีไปไหนเหมือนอย่างคนเรานะครับ คนนี่เวลาทำชั่วทำผิดแล้วมักเผ่นกันหมด จับได้แล้วก็ยังไม่ยอมรับผิดอีกเพราะกลัวโทษที่ตนทำ แต่ผีนี่ไม่เป็นอย่างนั้นครับ จะอยู่รอตรงนั้น และจะไม่หนีไปไหนด้วยถ้าเขายังไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ หรือยังไม่แพ้

    เมื่อคู่กรณียังไม่ได้หนีไปไหน เราเป็นผู้ถูกกระทำเราต้องถามไถ่ไกล่เกลี่ยกันก่อนครับ ถ้าไม่ทำอะไรเลยเผลอนอนหลับไปอีกทีก็เสร็จอีกครับ เพราะเขาจ้องอยู่นั่นแล้ว เราก็ต้องถามไถ่เขาจนรู้เรื่องรู้ราวกันไปครับ ว่าเขามาเบียดเบียนเราเพราะอะไร ต้องการอะไรยังไง มาถึงตรงนี้บางคนอาจสงสัยว่า แล้วทำไมต้องไปถามไปญาติดีกับเขาล่ะ ถามไปเพื่ออะไร ถามแล้วได้อะไร คำตอบสำหรับผมนั่นก็คือ ถามเพื่อที่จะได้อุทิศแผ่บุญกุศลแผ่เมตตาไปให้ตรงจุดกับเจ้าตัวและภพภูมิที่เขาอยู่ให้มากที่สุดครับ เพราะกรณีถ้าแผ่ไปมั่วแผ่ไปทั่วมันมักจะพลาดเป้าครับ หากเขาไม่ได้รับ ผลก็คือเราซวย! เพราะเขารอจ้องที่เล่นงานเราอยู่แล้วครับ ดังนั้นการรู้ชื่อและภพภูมิที่อยู่ของเขานั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนะขอรับ บางอ้อแล้วยัง หุหุ ซึ่งที่ผ่านมาผีหรือวิญญาณที่ผมเคยเจออยู่บ่อยครั้งนั่นมีอยู่ 3 ประเภทครับ หลักๆก็คือ สัมภเวสี อสุรกาย และเปรต ครับ ซึ่งแต่ละประเภทเขาจะมีเอกลักณ์ที่เป็นลักษณะพิเศษเฉพาะที่ห้ามลอกเลียนแบบกันเลยทีเดียว อื๋อ! ซึ่งขาประจำที่แวะมาทักทายกันบ่อยที่สุดน่าจะเป็น อสุรกาย ครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน สงสัยหมอผีมันคงจะปล่อยของมั่วแน่ๆละผมว่า!

    เรามาเริ่มกันที่ สัมภเวสี ก่อนเลยผีประเภทนี้เวลาเขามาหลอกหรือมาอำซึ่งส่วนใหญ่แล้วเขาจะต้องการบุญกับเราครับ อาการความรู้สึกของวิญญาณที่เขาส่งกำลังมาให้เรารับรู้ ณ เวลานั้นจะแบบประมาณว่า ชีวิตนี้มันสุดแสนที่จะเลวร้ายเศร้ามากเหลือเกิน ไอ้เศร้านี้มันเศร้าแบบทารุนสุดๆครับ เศร้าแบบเราไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้ว เศร้ามาจากในใจลึกๆเลยและเศร้าอยู่ตลอดเวลาด้วย บรรยากาศเวลานั้นมันจะมืดมน อืมครึม หดหู่ อบอวนไปด้วยความผิดหวังอย่างแรง เศร้าสุดๆ เสียใจมากๆ อะไรประมาณนั้นครับ ซึ่งบางครั้งน้ำตาผมมันก็เอ่อไหลออกมาเองครับ มันเศร้าโศกมากๆโคตรเศร้าเลยเศร้าสุดๆจริงๆเลยโฮ่ย! ว่างั้นเลย และตัวจิตเราก็จะรู้ได้เองว่านี่คือสัมภเวสีครับ จิตมันบอกความรู้สึกเอง

    ต่อมาถ้าเป็นอสุรกาย ผีหรือวิญญาณประเภทนี้เขาจะมีมีฤทธิ์พอตัวเลยครับ อย่างที่เขียนบอกไปในกระทู้ก่อนหน้านี้ว่า เขามักจะส่งกระแสจิตให้เรารับรู้ถึงความอำมหิตความมีฤทธิ์มีอำนาจของเขาครับ ความรู้สึกที่ได้รับ ณ เวลานั้นจะรู้สึกประมาณว่า เราไม่ปลอดภัยเลย หวาดๆหวั่นๆ ระแวง ผวาเกรงว่าจะมีอันตรายหรืออันตรายกำลังจะเกิดขึ้นกับเรา เหมือนกับภัยใหญ่กำลังจะมา ตื่นกลัวมากๆ อะไรประมาณนั้นครับ ซึ่งเหมือนกับเรากำลังโดนนักเลงเป็นสิบล้อมเราไว้คนเดียวนั่นแหละครับอาการที่เรากลัวจะโดนทำร้ายและรู้ตัวว่าเราไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่ๆมันจะเกิดขึ้นใช่ไหมครับ มันเป็นอาการแบบนั้นแหละครับ ซึ่งจิตเราก็จะรู้ได้ทันทีว่าอื่อหมอนี่เป็นอสุรกายนี่เอง และถ้ายิ่งเขาทำให้เรากลัวได้มากๆ ก็แสดงว่าเขามีฤทธิ์มากตามไปด้วยครับ

    และประเภทสุดท้ายที่ผมได้สัมผัสมานะครับนั่นคือ เปรต อาการที่เขามักจะส่งมาให้เราได้รับรู้หรือสัมผัสได้นั่นก็คือ ในความรู้สึก ณ เวลานั้นจะรู้สึกประมาณว่า เรากำลังอ้างว้างเดียวดายแบบสุดๆครับ เปล่าเปลี่ยวโดดเดี่ยวจริงๆ โหยหวน รำพึงรำพันอยู่คนเดียว แบบไม่มีใครใยดีเหลียวแลเราเลย ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว หนักจนเหมือนกับว่าโลกทั้งใบนี้มีเราแค่คนเดียว เราไม่สามารถจะพึ่งใครได้อีกแล้ว ซึมอ้างว้างอยู่คนเดียวเหม่อๆ เลื่อนลอยหาจุดหมายของชีวิตอะไม่ได้ครับ จะให้ความรู้สึกประมาณนั้นเลยครับ และช่วงเวลานั้นสภาพบรรยากาศรอบๆจะเย็นผิดปรกติด้วยครับ จะเย็นยะเยือกสะท้านเขาไปในจิตเลย แบบว่าอ้างว้างเดียวดายสุดๆครับ ซึ่งจิตก็จะบอกมาเลยว่านี่คือเปรต เปรตนี่ส่วนใหญ่เขาต้องการบุญอย่างเดียวครับ แผ่บุญให้เป็นพอใจทั้งหมด และเปรตนี่เขาจะแปลกๆอยู่อย่างนะครับ คือถ้าตนหนึ่งได้บุญไปแล้ว เขาจะมีเพื่อนๆเปรตของเขา ตามมาอีกเป็นหมู่ๆเลยครับ และจะมาหลายรอบติดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน คือจะส่งความรู้สึกอ้างว้างเย็นๆยะเยือกเข้าจิตเราเป็นชุดๆหลายรอบครับ แบบว่ามากันทั้งทีต้องเหมากันไปจนหมดแก๊งกันเลยทีเดียว

    หน้าที่ของผมหลังจากสื่อสารรู้จักประเภทผีที่เขามาหาแล้วก็ไม่มีอะไรมากมายครับ ตะบี้ตะบันแผ่เมตตากันสะบั้นหั่นแหลกอย่างเดียวเลย ทั้งสัพเพสัตตา แผ่เมตตาปรกติและแบบอ้างขอบุญเก่าที่เราได้สร้างไว้แล้วทั้งหมดมาให้ด้วยครับ คือผีบางประเภทเขาก็ต้องการแค่บุญธรรมดา คือสัพเพ เขาก็ยอมโมทนาด้วย แต่บางผีเขาไม่ชอบบุญเล็กครับ ต้องอ้างถึงบุญเก่าเราทุกภพชาติมาให้ เช่น บุญถวายสังฆทานทุกชาติโน่น บุญบวชพระทุกชาติโน่น หรือบุญนั่งสมาธิเจริญพระกรรมฐานทุกชาติโน่นครับ เขาถึงจะพอใจยอมโมทนากัน บางทีแผ่ให้รอบเดียวไม่จบก็ต้องไล่แผ่ให้ไปเรื่อยๆครับ เอาจนกว่าเขาจะพอใจยอมอโหสิกรรมให้เราโน่นแหละครับ เพราะบางทีเขาก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรามาตั้งแต่ภพไหนภูมิไหนแล้วก็ไม่รู้ครับ พอวาระกรรมมาถึงเปิดช่องให้เขาเอาคืน เราก็ต้องทำตนเป็นผู้ทรงพรหมวิหาร4 ครบถ้วนล่ะครับ เพราะถ้าเราไม่เมตตาให้บุญกับเขาจนเขาพอใจยอมอโหสิเลิกราไม่เบียดเบียนกันอีก ยืนยันได้เลยว่ามันไม่จบแน่ครับ และคนที่ซวยอีกนั่นคือเรา ซึ่งแน่นอนว่าเราคงจะไม่ปรารถนาการถูกเบียดเบียนอีกครั้งอย่างแน่นอน พูดแล้วเจี๋ยวเลย หุหุ

    ถ้าหากว่าผีเขาได้รับบุญกุศลจากเราจนพอใจแล้วนะครับ จะเกิดอาการขนลุกซู่ซ่าขึ้นมาที่ร่างกายครับ แต่เป็นขนลุกแบบปีตินะครับ บางที่ผมแผ่เมตตาไปน้ำตาผมมันก็เอ่อไหลออกมาเองครับ และเราจะรู้สึกถึงความดีใจอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาในใจด้วยครับ เหมือนกับเรามีบอดิการ์ดส่วนตัวอยู่ด้วยยังไงยังงั้นเลยครับ ซึ่งหลังจากที่ก่อนหน้านี้จะรู้สึกหวั่นๆตามประเภทของผีที่มาเยี่ยมเยือนเราตลอดเวลาครับ จนสถานการณ์กลับคืนสู่สภาพปรกติ ก็เป็นอันว่าจบกิจของการเยี่ยมเยือนของแขกวีไอพีครับ 555

    ปล.แค่เล่าสิ่งที่ผมได้สัมผัสมาให้ทุกท่านได้อ่านกันเพลินๆครับ ส่วนความจริงนั้นจะถูกผิดมากน้อยเที่ยงตรงบ้างหรือเปล่านั้น อันข้าพเจ้าก็ไม่ทราบได้นะครับ เพราะเรื่องการสัมผัสพิเศษเหล่านี้สำหรับผมยังอยู่ในขั้นร้องอูแว้อูแว้อยู่เลยครับ ต้องรอรบกวนท่านอื่นที่มีสัมผัสพิเศษติดต่อสิ่งเหล่านี้ได้มาอธิบายเพิ่มเติมอีกครับ เอ้า!คุณนพการ มาเคลียร์ข้อมูลเพิ่มเติมด่วนเลยครับ หุหุ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 มิถุนายน 2015
  2. อำนวยกรณ์

    อำนวยกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +1,931
    โมทนาด้วยนะค่ะ

    ทั้งบุญเก่า บุญใหม่ ที่ท่านทำ

    สาธุ ค่ะ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ๕๕๕ ไม่ต้องเคลียร์แล้วคร๊าบบบ อุแว๊อุแว๊แบบนี้หละดีแล้วครับ
    ก็แบบผมเหมือนกันครับ แต่ส่วนตัวใช้คำว่าพึ่งเริ่มคลานครับ..
    นิสัยคุณตอนนี้ก็เหมือนผมเมื่อก่อนเลยครับ
    การที่คุณมีความเข้าใจได้อย่างนี้ถึงสัมผัสต่างๆทางนามธรรมอย่างนี้
    และการรับรู้ต่างๆทางนามธรรมอย่างนี้ มีเครื่องระลึกต่างๆ
    ณ เวลานั่นๆว่าเราควรทำอะไรอย่างไร และทราบคำตอบต่างๆ
    ว่าเค้าเป็นใคร อะไรอย่างไรได้นั้น
    มันเกิดขึ้นมาจากกำลังสติทางธรรมที่เริ่มมีของเรา
    และจากการที่เราทำบุญตะบี้ตะบันทั้ง ๒ ส่วนนี้
    มันช่วยมาหนุนส่งกันนี่หละครับ.เมื่อก่อนส่วนตัว
    ก็ทำเหมือนที่คุณทำเรียกได้ว่า คล้ายกันเกือบ ๙๐ เปอร์เซนต์ครับ.
    ไม่งั้นคุณจะมาเล่าและมีความเข้าใจนามธรรมที่ดี..
    รวมทั้งถ่ายทอดอย่างนี้ไม่ได้หรอกครับ..
    ถ้ากำลังสติไม่ได้สร้างก่อน หรือไม่ได้ทำบุญให้ส่วนภพภูมิเรื่อยๆ
    ไม่ได้พยายามเน้นที่เคลียร์ให้ได้ด้วยการทำบุญเรื่อยๆ
    (พวกการขอบารมี ดึงบารมีต่างๆมาเสริม แล้วค่อยอุทิศส่วนกุศล)
    ตัวเรามันจะไม่รู้เรื่องอย่างนี้หลอกครับ
    ยิ่งไปใช้บทสวดมนต์ ไปใช้คาถา ไปขอบารมีพระต่างๆเพื่อขับไล่เค้า
    มันจะทำให้เราแยกไม่ออกว่า
    ที่เราสัมผัสได้คืออะไร และมันจะเกิดความสงสัยไปเรื่อย
    ยิ่งไปพยายามคิด พยายามหาคำตอบก็ยิ่งไม่เข้าใจครับ..
    และจะทำให้จิตเราขาดในเรื่องเมตตาครับ..
    ซ้ำร้ายมันจะทำให้ความเข้าใจทางด้านนามธรรมของเรามันไม่ดีครับ
    สัมผัสโน้นนี่ นั่นนิดหน่อยเล็กๆน้อย ก็จะเก็บมาคิดจนวางไม่ลง
    ปล่อยไปเป็น การเป็นทำให้จิตใจไม่สงบจนพาลให้จิตเกิดความเศร้าหมอง
    และที่สำคัญอีกอย่างเราก็จะขาดพันธมิตรทางภพภูมิมาคอยช่วยเหลือ

    ที่ทำให้ลึกๆว่าเรารู้สึกอุ่นใจ
    เหมือนๆมีคนคอยช่วยเหลือเรานั่นหละครับ..
    เพราะถ้าทำแบบคุณ พวกภพภูมิเค้าจะดูออก
    ว่าใครเป็นมิตร ว่าใครอุทิศบุญให้เค้าได้
    เรื่องที่แห่กันมาจะเป็นเรื่องปกติครับ..
    และเวลาเราไปค้างยังสถานที่แห่งไหนๆก็ตาม
    การที่เราสัมผัสได้อีกก็จะเป็นเรื่องปกติเช่นกันครับ..

    ถ้าจะให้เสริมนะครับ เวลาอุทิศบุญให้สัมพะเวสี
    ให้บอกด้วยว่า บุญที่อุทิศให้เค้า แปรสภาพเป็น
    อะไรก็ตามๆแต่ที่เค้าต้องการครับ..ทำอย่างนี้เพราะ
    เค้าจะยังติดวิสัยเดิมๆสมัยเป็นมนุษย์
    และกำลังจิตยังน้อยที่จะรับบุญตรงๆเลยยังไม่ได้
    ถ้าเราไปกำหนดให้เป็นโน้นเป็นนี่ พูดง่ายๆว่าไม่ต้อง
    กำหนด เค้าจะแปรเอาบุญไปเป็นอะไรเรื่องของเค้า...

    ส่วนเปรตต่างๆนั้นให้คุณ บอกเค้าด้วยว่าพยายาม
    วางใจให้เป็นกลางด้วยครับ เพราะเปรตเค้าจะติดวิบากกรรม
    เรื่องการวางกำลังใจเป็นเหตุที่ทำให้เค้ารับบุญไม่ได้.
    เป็นเหตุให้เราอาจจะต้องอุทิศส่วนกุศลให้เค้าซ้ำๆครับ
    ส่วนเจอระดับดีๆก็อุทิศไปเลยครับ เรื่องบุญไม่ใช่ประเด็นหลักครับ
    แต่เค้าจะมองว่าเราเป็นคนมีสัมมาคารวะ นิสัยดี รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน
    เหมือนๆคุณเห็นเด็กๆมายกมือไหว้คุณถือขนมมาให้คุณกินนั้นนั่นหละครับ
    คุณคงไม่ได้อยากกินขนมของเด็กหรอกครับ คล้ายๆกัน...

    ส่วนภูมิภูต อสูรกายถ้าเราเจอได้ ณ เวลานี้ถือว่าดีแล้วเป็นโชคดีอย่างหนึ่งเลย
    ก็ว่าได้ครับ..คือถ้าตัวเราต่อไปในอนาคตตัวจิตเรามันไม่สามารถที่จะมี
    อะไรพิเศษได้ พวกนี้เค้าไม่มาปรากฏให้สัมผัส ให้เห็น
    ให้เสียเวลาเค้าแน่นอนล้านเปอร์เซนต์ครับ
    และก็จะมาเป็นกลุ่มๆ ความรู้สึกคล้ายๆมาทำร้ายเรานั่นหละครับ
    ถ้าเป็นพวกภูตสังเกตุได้ง่าย
    เอกลักษณ์คือจะลอยไปมาได้แต่ขาจะไม่ติดพื้นดิน
    พวกนี้ชอบเอาหน้ามาใกล้ๆเรา
    แต่ว่าจะไม่ถูกเนื้อต้องตัวเรา จะแปลงกายเป็นอะไรที่หน้ากลัวเพื่อหลอก
    เราเฉยๆ เราก็อุทิศบุญไป รับไม่รับช่างเค้า อุทิศแล้วให้เราเฉยๆไปเลยจบ..
    ยกเว้นว่าตัวจิตคุณจะเริ่มมีฤิทธิ์ พวกนี้ก็จะมาแบบนิ่งๆ ไม่มาเดี่ยวด้วยครับ
    พร้อมอะไรบางอย่างในมือที่แสดงว่าเอาไว้ทำร้ายเราแน่ๆ.
    และแม้ว่าเราอุทิศส่วนกุศลให้ก็ไม่รับ เค้าจะนิ่งอยู่ในท่าเตรียม
    ทำร้ายเราเหมือนเดิม ถ้าเจอแบบนี้ในอนาคตไม่ต้องบอกว่า
    จะต้องทำอย่างไรเด่วมันจะมีเครื่องรู้ หรือความสามารถทำอะไร
    บางอย่างได้เองเพื่อป้องกันตัวครับ ที่ไม่ใช่การท่องคาถาหรือขอบารมีครับ..
    ปล.ประมาณนี้ครับ และก็สร้างกำลังสติเพิ่มอีกนิดและสะสม
    กำลังสมาธิอีกเล็กน้อยครับ
    ไม่งั้นจิตมันจะไปดึงอารมย์ต่างๆจากนามธรรมภายนอกเข้ามา
    จนกลายเป็นตัวเรา
    ซึ่งถือว่าไม่ดีครับ เด่วอนาคตมันเผลอไปดึงพวกพลังงานภายนอก
    ต่างๆไม่ดีมาสะสมเอาไว้มันจะส่งผลต่อร่างกายเราได้ครับ
     
  4. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    อื่อมีความสงสัยที่ประเด็นนี้ครับ เพราะอะไรครับถึงบอกว่าถ้าเราสามารถเจอได้
    ถือเป็นโชคดีอย่างหนึ่งเลยครับ ผมว่ามันน่ากลัวออกนะ55 แล้วพวกนี้เขาจะรู้
    หรือครับว่าคนไหนจะมีอะไรพิเศษ ถ้าเขารู้ว่าหมอนี่มันมีอะไรแอบแฝงอยู่ในจิต
    มันแล้วเขาจะมาเพื่อจะสกัดกั้นมาขวางทำลายตัดไฟเสียแต่ต้นลม หรือว่ามา
    ช่วยหนุนส่งกันแน่ครับ ไม่มาหาไม่ได้หรือ?
     
  5. *ธรรมดา*

    *ธรรมดา* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +924
    สวัสดีครับ มีเรื่องมาโม้นิดนึงคับ พอดีมีประสบการณ์ ตอนที่ไปรับน้อง ในรีสอร์ทกลางดอยครับ กระผมกับเพื่อนๆได้มานอนห้องพักที่เป็นโรงแรมเก่า สภาพนี่เก่าจิงๆครับ วังเวงมากในตอนเย็นก็ไม่มีอะไร เรารีบเอาของมาเก็บ แล้วออกไปทานอาหารเย็น แล้วทำกิจกรรมสันทนาการข้างนอก พอดีกระผมเป็นพวกที่ไม่ชอบ การละเล่นเสียงดังที่ไม่ก่อให้เกิดความสงบ ก็เลยแอบกลับมาที่ห้องพักเพียงคนเดียว ก็เดินผ่านต้นโพธิ์ซึ้งน่ากลัวมาก พอเดินขึ้นบันไดเท่านั้นแหละเดินตามมาเลยครับกระผมจึงรีบเดินๆเพื่อไปเปิดห้อง แต่ก็ไขกุญแจไม่ออก พร้อมกับมีบางอย่างเดินเข้ามาใกล้ๆเราเรื่อยๆ โอ้ยย โชคดีที่ไขออกทัน เลยรีบปิดประตูเข้ามาในห้องพัก มานั่งบนเตียง ยังไมวาย มายืนอยู่ประตูเต็มเลย ทีนี้ไม่ตัวเดียวแล้วครับ เยอะเลย เค้าเข้ามาในห้องได้ เพียงแต่เค้าไม่เข้ามาใกล้เราจนเกินไป เว้นระยะห่างซัก สองเมตร อยู่ตรงนั้นแหละครับ บรรยากาศนี่ น่ากัวมากคับ ตอนนั้นรู้สึกอึดอัด ไม่ปลอดภัยเลย เลยลองอุทิศบุญ โดยการขอบารมีพระท่าน แล้วก็แผ่เมตตาตามแบบฉบับไป รอบที่หนึ่ง ความรู้สึกเริ่มดีขึ้นหน่อยนึง รอบที่สอง ก็ดีโล่งขึ้น รอบที่สาม ก็รู้สึกว่าดีแล้วกระแสไม่อึมครึมแล้ว เหมือนจะไปกันเกือบหมดแล้ว จากนั้นกระผมจึงได้ไปเปิดทีวีดู จนรอเพื่อนกลับมา แล้วก็นอนหลับอย่างสบายไม่มีอะไรมากวนใจครับ จอบอ.
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ธรรมดานะครับที่กลัว ไม่กลัวนี่ถือว่าแปลกนะครับ ๕๕๕
    อย่าลืมว่าเบื้องหลังของดวงจิตก่อนที่เค้าจะมาเป็นแบบนี้ได้
    สมัยตอนที่เค้าเป็นคนก็เคยฝึกสมาธิฝึก อะไรมานะครับ
    เรียกว่าก่อนตายก็มีความสามารถทางจิตเช่นกัน
    แต่อาจด้วยนิสัยเชิงอกุศลต่างๆเลยเป็นเหตุให้พอเวลาตาย
    ต้องกลายเป็นอย่างนี้ อย่างภูตลอยได้ ขอให้เราเฉยๆ
    หรือหน้ามึนใส่ไว้ทำเป็นไม่สนใจรับรองว่าเค้าก็ไปเองครับ..
    ส่วนอสูรกายเนื่องจากที่จิตเค้าก็เคยมีความสามารถมาก่อน
    พวกนี้ต่อให้เราอยู่นิ่งๆเค้าก็รับรู้ได้ครับ เรื่องแบบนี้สำหรับ
    พวกนั้นมันง่ายที่จะรู้ พอเจอคนที่จะมีความสามารถได้
    ก็ขอไปปะชะดะหน่อยนะ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเรานั่นหละครับ
    ว่าเราจะวางตัวอย่างไร พวกที่มาทดสอบอย่างนี้เค้าไม่
    ฆ่าเราจนตายหรอกครับ แค่ทดสอบ เพื่อจะดูว่า เราพอ
    จะมีแววที่จะพอมีคุณสมบัติที่จะมีอะไรพิเศษๆหรือเปล่า..
    ถ้าคุณมีความสามารถทำได้ในนิมิตแล้วไปบ้าพลังใส่เค้า
    โอกาศที่จะเข้าถึงคุณสมบัติพิเศษก็น้อยลง..ยกเว้นว่า
    เค้าจะทำเรา ก่อกวนเราเหมือนกลับว่าจะฆ่าเราจริงๆ
    เนี่ยแล้วค่อยใช้ความสามารถพิเศษในนิมิตค่อยว่ากัน
    เรียกง่ายๆว่า เค้าจะดูว่าคุณจะเฉลียวหรือฉลาดพอ
    ในการนำความสามารถไปใช้งานและ
    ใช้ในทางที่ดีหรือเปล่านั่นหละครับ
    เรียกได้ว่าเป็นเหมือนครูบาร์อาจารย์ที่คอยทดสอบ
    กำลังใจเราได้ดีอีกทางหนึ่งเช่นกัน..
    คนที่จะมีความสามารถใช้งานได้ทางจิต
    ยังไม่ปรากฏว่าไม่มีใครไม่เคยเจอนะครับ ๕๕๕
    ปล.ประมาณนี้หละครับ ความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ
     
  7. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    นายอสัญญี สัตตาภูมิ ไปงานไหว้ครูร่างทรงใช้วิชาเชื่อมจิต ปะฉะดะ จนโดยสอยสลบร่วงคาทีเลย แบบนิ แรงสุดยังพี่นพ
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ๕๕๕๕ เอาว่าแอบนินทา เล่าเป็นนิทานชื่อว่า
    '' บอกแล้วไม่ฟัง ''
    และขอพูดแบบกลางๆเนาะ..
    ยังไม่ถือว่าแรงสุดหรอกที่แรงจริงๆคือ
    เค้าจะกดทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีได้ภายในเสี้ยววินาทีไม่ให้ออกจากกายเรา
    และทำให้มันเย็นได้ด้วยในเวลาเดียวกัน.ในภาคทิพย์เค้าวัดกันที่ความเร็วที่หละ
    ..และอย่างกรณีงานไหว้ครูก็คือ เป็นการรวมครูบาร์
    อาจารย์ฝั่งทางโน้นทั้งหมดรวมทั้งภาคส่วนทิพย์ต่างๆที่เค้ามีสหสัมพันธ์ด้วย
    มันก็เลยเหมือนมีกองกำลังเยอะ แต่เค้าก็เป็นปกติของเค้าอย่างนี้..

    แต่ขานี้เค้าประมาณว่า..อยากจะรู้ อยากจะลอง ว่าลักษณะคลื่นพลังงาน
    ของท่านโน้นท่านนี้ ครูบาร์ อาจารย์ท่านโน้นท่านนี้เป็นอย่างไร ด้วยความ
    อยากรู้และเพื่อประโยชน์ของเค้าในบางเรื่องสำหรับการสร้างบารมีเฉพาะบุคคล
    ได้ข่าวมาว่าเค้าไปเจอผู้ชายคนหนึ่งนะ ๕๕๕
    ชายคนนั้นพาทำ พาเชือมจิตดู พูดง่ายๆว่าดึงความสามารถด้านนี้ออกมาให้..
    นายคนนี้ก็เลยสนุกสนานกับการเชื่อม.ท่านนั้นท่านนี้ดู
    หลังมากลับกลายเป็นว่าเชื่อมเอามัน..
    อืม พอดีว่าตัวจิตเค้าพอมีต้นทุนในเรื่องที่จิตสามารถทำงานได้ในระบบเส้นสายพลังงาน
    ..แต่ว่าดันลืมไปอยู่เรื่องหนึ่งคือการสร้างกำลังจิตให้ตัวจิตตัวเองก่อน
    เพื่อเป็นภูมิต้านทานตัวเอง..... ๕๕๕
    .และด้วยความที่สนุกสนานกับการเชื่อม
    แต่ว่าเชื่อมแล้วดันลืมตัด ลืมวางในเวลาปกติ
    พอถึงเวลาไปเจอเหตุการณ์ที่เอื้อในการรับรู้
    กระแสตัวจิตมันก็จะเชื่อมไปเองอัตโนมัติ
    เพราะว่าตัวจิตมันคุ้นเคยและตั้งท่าที่จะรอเชื่อมอยู่แล้ว...
    เป็นสาเหตุที่มาของการสลบเหมือด...... ๕๕๕
    ปล.อย่างนี้หละ คาดว่าผู้ชายคนนั้นจะบอกให้สร้างกำลังจิตร่วมด้วยแล้วนะ

    แต่ว่าอาจจะได้ยินอยู่แต่ทำเป็นเฉยๆ..หรืออาจไม่ได้แคะหูช่วงนั้นพอดี..
    บอกไปว่าถ้าไม่สร้างกำลังจิตก่อน จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
    จะเจอแบบโน้น แบบนี้...
    มันก็ต้องปล่อยให้เจออย่างนั้นอย่างนี้ก่อนด้วยตัวเองนั่นหละ
    มันถึงจะเชื่อ ๕๕๕ จะได้รู้ว่าที่เค้าบอกๆ เตือนๆนะหัดฟังซะบ้าง ๕๕๕๕
    จบนิทานเรื่องนี้
     
  9. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    เห็นนายอสัญญี เล่าให้ฟังว่า ไปเจอมา 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรกสลบเมือดคาทีกลางงานเลย ครั้งที่2 โดนอีก แต่ไหวตัวทันถอยรถห่างออกจากงานไป 500 เมตร เลยค่อยยังชั่วหน่อย ปัจจุบันนายอสัญญี เล่าให้ฟังว่าเขาเข็ดแล้วก๊าบบบ!! ฟังคำเตือนของครูบาอาจารย์แล้วก๊าบบบบ ตอนนี้กลับมาสร้างสติทางธรรมอยู่กับพุทโธอยู่ก๊าบบบบ
     
  10. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    นายอสัญญี ถามมาครับพี่นพ ว่าเขาได้ไปนั่งข้างๆ หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นร่าง จู่ๆ ก็มีพลังงานพุ่งมาจากทางด้านซ้ายในแนวระนาบพื้นผ่านท้ายทอยนายอสัญญีไป แล้วก็ไปเข้าทรงหญิงคนข้างๆพอดี นายอสัญญี อยากถามว่า ถ้าพลังงานมาในแนวระนาบด้านซ้ายจะเป็นภพภูมิระดับไหนครับ
     
  11. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,732
    หาาาา...pig_ballet มีแบบนี้ด้วยเหรอคะคุณนพฯ พลังงานแรงขนาดสลบเหมือดเลยเหรอคะ พอๆกับไฟฟ้าแรงสูงดูดเอาหรือเปล่าคะ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    มีและมีมานานมากแล้วครับ มันเป็นคล้ายๆอาการ
    วูบๆ..เพราะเค้าแว๊บเข้ามาทางท้ายทอยอย่างรวดเร็ว
    และขึ้นไปใต้กระโหลกศรีษะแล้วไปวนผ่านสมองและก็
    ออกไปอย่างรวดเร็วภายในเวลาเสี้ยววินาที
    มันเลยไปปิดการทำงานของสมองเพื่อดึงให้คล้ายๆหลับใน
    เราจะรู้สึกว่าวูบๆขาอ่อนและลุกไม่ขึ้นชั่วขณะ
    ซึ่งภูมิระดับที่อยู่เบื้องหลังประมานภูมิแบบนี้
    จะถนัดทำอย่างนี้..ถ้าเป็นภูมิอื่นๆจะทำ
    ให้รู้สึกเฉพาะทางร่างกายอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งทำที่ภายนอกกาย
    ด้วยการเพิ่มธาตุใดธาตุหนึ่งในร่างกายให้สูงขึ้น
    เราจะรู้สึกตึงๆหนักๆ..ทั่วๆไปไม่มีอะไรหรอกครับ
    เรื่องพวกนี้ถือว่าปกติทั่วๆไปครับ
    ปล.ประมาณนี้ครับ..
     
  13. ลูกพ่อโต

    ลูกพ่อโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    ถามพี่นพหน่อยครับ พวกวิญญาณที่มีร่างกายโปร่งใสคล้ายควันบุหรี่หรือคล้ายหมอกขาวๆจะเป็นระดับภพภูมิไหนครับ และตอนที่เราคิดจะทำบุญอะไรแล้วขนลุกขนพองจากแขนสองข้างไล่ไปจนถึงหนังหัว คือภพภูมิไหนมาโมทนาบุญกับเราครับ อยากทราบจริงๆ
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    นอกจากที่เล่าให้ฟังมานี้แล้ว ยังต้องพอมองเห็น
    เป็นรูปเป็นร่างคล้ายๆคนได้ด้วยนะครับ
    .เป็นภูมิกึ่งๆเทวดา กึ่งๆเจ้าที่ วัดที่กำลังจิตนะครับจะประมาณนี้
    คือไม่ลำบาก พอมีความเป็นทิพย์แต่ว่ามีขอบเขตในการไป
    ไหนมาไหนที่ค่อนข้างจำกัดและที่มีเขตอาศัย
    อยู่ระดับเดียวกับเราๆนี่หละครับ..
    และก็เคยสร้างความดีมาก่อนแต่ว่ายังเป็น
    ในระดับที่เค้าเรียกว่าโลกียะอยู่ครับ..
    ถ้าไม่ใช่โลกียะ จะเห็นคล้ายๆกันแต่ว่า
    เค้าจะมีประกายครับ.ใช้ตรงนี้เป็นหลักสังเกตุได้..
    และกิริยาที่ขนลุก ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดได้ว่า
    ภูมิระดับไหนมาโมนาบุญกับเราได้ครับ
    เพราะกิริยาทางกายแบบนั้นเป็น.
    .การสื่อกลับเพื่อให้เรารับรู้ได้ว่า
    เค้าได้รับ หรือว่า
    เค้ารับรู้ได้ถึงสิ่งที่เรากำลังทำนั้นเอง
    พูดง่ายๆเป็นช่องทางหนึ่งในการสื่อสารกับเราในหลายๆช่องทางครับ.
    .ซึ่งโดยมากการรับรู้แบบนี้จะสามารถรับรู้ได้ดีสำหรับ
    บุคคลทั่วๆไป บางคนก็อาจจะขนลุกแค่บางส่วน บางคนแค่รู้สึกในใจ
    บางคนก็สัมผัสได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปทางใดทางหนึ่ง เช่น อากาศดีขึ้น
    สภาพแวดล้อมดีขึ้น กลิ่นดีขึ้น รู้สึกตัวเบาขึ้น รู้สึกตัวโล่งขึ้น รู้สึกจิตใจดีขึ้น
    รู้สึกว่าเกิดปิติ รู้สึกว่าปลื้มใจ
    บางคนก็ฝันภายหลัง บางคนก็ได้ยินเสียง
    บางคนก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง
    บางคนก็ได้พูดคุยด้วย..
    บางคนก็ได้เห็นกระแสออกจากหน้าอกตัวเอง บางคนก็ได้เห็นกระแสออกจาก
    ทั้งตัวของตัวเอง..ซึ่งไม่ว่าจะเราจะรับรู้ได้แบบไหน
    อย่างที่เล่าให้ฟังมาก่อนหน้านี้
    มันก็ไม่ใช่ประเด็นหลักเท่ากับ
    การที่เรารู้จักอุทิศส่วนกุศลครับ...
    ปล.ประมาณนี้ครับ...
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    เอ้ออไม่รู้ซิ. รู้แต่ที่กำลังจิตมาก ที่กำลังบุญสูง หรือที่ดีเค้าจะมาด้านขวา
    และที่ดีๆเวลาเค้าเชื่อมร่างกายเค้าจะเชื่อมทางศรีษะ
    อืมมมม. ที่นายอสัญญี. ฝากถามมาให้บอกเค้าว่าให้ ลองโทรถาม ๑๖๖๙
    หรือถามเฮียโลกิดูนะเห็นว่าแปลงกายได้หลายแบบดูเผื่อเค้าจะรู้ ๕๕๕๕๕
    เพราะพวกนี้เกี่ยวกับคลื่นพลังงาน ร่างกายเรามีแร่เหล็กในเส้นเลือดดำทุกคน
    ซึ่งปกติมนุษย์เราจะมีเส้นเลือดดำทางด้านขวาเยอะอยู่แล้วทุกๆคน
    หมายความว่าถ้าพลังงานอ่อนถ้ามาด้านขวาจะถูกดูดจนเรารู้สึกไม่ได้
    เป็นที่มาของพลังงานกำลังจิตน้อยถึงต้องมาทางซ้ายอย่างสัมพะเวสี
    ที่ต้องการบุญอะไรทำนองนี้. คลื่นความถี่แม้ว่าจะอัพระดับความหนาแน่นได้
    แต่ระดับชั้นของคลื่นความถี่มันอัพได้ด้วยกะแสความดี ด้วยกระแสบุญ
    กระแสเมตตาซึ่งเป็น
    พลังงานดีหรือพลังงานเย็นเท่านั้น
    จะมาเนียนแปลงร่างเหมือนเฮีย โลกิ น้องชาย
    ธอร์เทพเจ้าสายฟ้า บ่ ได้ดอกเด้อนายจ๊า(สำเนียงแขก) ๕๕๕
     
  16. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    555+ เด่ว ไปบอกนายอสัญญีครับ ว่าอย่าเล่นเยอะ เด่ว จะมโนมะนึกเอา หุหุหุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...